สัมผัสสายหมอก ประทับใจดอกไม้ป่า พิชิตยอดดอยภูลังกา จังหวัดพะเยา

ภูลังกา ภาษาชาวเขาเผ่าเมี่ยน เรียกว่า "ฟินจาเบาะ" หมายความว่า "ภูเทวดา"

ที่ดินแดนแห่งนี้มีตำนานเล่าขานถึงเรื่องราวของภูเทวดา

ด้วยความเชื่อของชาวบ้านว่าสถานที่นี้มีเทวดาปกปักรักษาสถานที่อยู่

เขาเล่ากันว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อน บนภูแห่งนี้มีผลไม้อุดมสมบูรณ์มากมาย

ชาวบ้านต่างสามารถขึ้นมาเก็บผลไม้กินได้แต่ห้ามนำลงไปจากที่แห่งนี้

ครั้งหนึ่ง..เคยมีคนขึ้นไปเก็บผลไม้ แล้วนำติดตัวมาด้วย

พยายามเดินทางกลับลงมาจากป่าจากภูแห่งนี้เท่าไหร่

เขาก็ไม่สามารถหาทางออกมาจากป่าแห่งนี้ได้ และหายสาปสูญไปในที่สุด

จึงกลายเป็นเรื่องราวเล่าขานของชาวบ้านต่อๆกันมา



ภูลังกา เป็นยอดดอยที่สวยงามมีความสูง 1,720 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง สูงที่สุดในเทือกเขาสันปันน้ำ ไทย-ลาว ด้านทิศเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 7,800 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลผาช้าง อ.ปง จ.พะเยา สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นป่าดิบเขา เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยม มีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก รวมไปถึงต้นสนเก่าแก่มากมาย ถือว่าป่าบนภูลังกาแห่งนี้ยังมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก

การเดินทางของฉันเริ่มต้นด้วยความไม่ตั้งใจ ไม่ได้คาดหวังกับสิ่งที่จะได้พบเห็น ไม่ได้มีข้อมูลของสถานที่ที่จะมา บนโลกอินเตอร์เน็ตสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะสถานที่นี้ น่าจะยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในหมู่ของนักท่องเที่ยว ข้อมูลของ "วนอุทยานภูลังกา" จังหวัดพะเยา นี้มีน้อยมาก แต่เมื่อฉันเดินทางมาถึง ทำให้ฉันต้องเดินทางกลับมาหามันอีกเป็นครั้งที่สอง คงเป็นเพราะ.. ฉันคงหลงใหลไปกับบรรยากาศของเทือกเขาแห่งนี้ไปเสียแล้ว

วนอุทยานภูลังกา ในความทรงจำของฉัน สถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่คราคร่ำมากนัก เราสามารถขับรถเดินทางขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง หากแต่เราต้องการจะเดินขึ้นไปบนภูลังกานั้น เราต้องเหมารถกระบะโฟลวิลล์จากชาวเขา ที่อุทยานได้จัดเตรียมไว้ เพื่อนั่งรถไต่ระดับความสูงของเทือกเขาลูกนี้ขึ้นไปสักพัก ก็จะถึงจุดที่เราต้องเริ่มเดินขึ้นไป


อากาศบนนี้ค่อนข้างหนาวเย็น เทือกเขาสลับซับซ้อนเป็นทิวไกลสุดลูกหูลูกตา ฉันไม่อาจละสายตาจากเทือกเขาเหล่านี้ได้ ระยะทางการเดินเท้าบนนี้ไม่ได้มีผลต่อความเหนื่อยล้าสำหรับฉัน อากาศที่แห้ง และหนาวเย็นนั้น มันกลับทำให้ฉันรู้สึกสบาย

ฉันมาที่ภูลังกานี้เป็นครั้งที่สอง เมื่อครั้งที่แล้วการมาเยือนนั้นไม่สามารถทำให้ฉันสัมผัสความเป็นภูลังกาได้เลย สภาพอากาศที่ปิด มีแต่กลุ่มเมฆหมอกลอยคว้าง บรรยากาศเป็นสีเทา ตั้งแต่เช้าตรู้จนเกือบเที่ยงของวัน

ในความลึกลับที่ซ่อนความงามไว้ที่นี่ ทำให้ฉันเดินทางกลับมาหามันอีก มาด้วยความหวังที่จะเห็นวิวบนนี้ในวันที่ฟ้าเปิดและมีสายหมอกคลอเคลียธรรมชาติเอาไว้ การนัดพบของฉันกับสหายและน้องรักก็เริ่มต้นอีกครั้ง คนหนึ่งเดินทางจากกรุงเทพไปด้วยกัน อีกคนหนึ่งเดินทางมาจากเชียงใหม่ เรานัดพบกันบนจุดเริ่มเดินเท้าของภูลังกา เช่นเดิมน้องจากเชียงใหม่เดินทางมาถึงแต่เช้าตรู่ก่อนฉัน เขาเฝ้ารอดวงอาทิตย์ที่จะโผล่พ้นขอบฟ้าอยู่บนเทือกเขา ส่วนฉันและเพื่อนถึงจุดนัดพบในเวลาที่ท้องฟ้าสว่างไสวเป็นที่เรียบร้อย และแล้วแสงแรกของวันนั้น เราได้พลาดมันไป



เส้นทางการเดินเท้าบนนี้ เราจะเดินเลาะสันเขาตามทางไปเรื่อยๆ บนนี้จะมีป้ายบอกทิศทางอยู่เป็นระยะ เส้นทางธรรมชาติบนสันเขานี้มีความสวยงามแต่ละจุดแตกต่างกันไป บางจุดเป็นกลุ่มต้นสนน้อยใหญ่ โยกย้ายพริ้วไหว ล้อเล่นอยู่กับสายลมอันหนาวเย็น บางจุดเป็นกลุ่มหินผา ซึ่งเป็นบริเวณที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ความงามด้วยลักษณะของหินต่างๆมากมายเอาไว้ และบางจุดนั้นสวยงามเกินบรรยายแต่แฝงเอาไว้ด้วยความอันตราย หากแต่การเดินเที่ยวหรือการจะถ่ายรูปบันทึกความทรงจำเอาไว้นั้น เราต้องกระทำด้วยความระมัดระวังและเคารพต่อธรรมชาติ เพราะจุดที่สวยงามนั้น จะเป็นหินผา ที่คนที่นี่เขาเรียกกันว่า "หินเทวดา" จุดนี้จะมีความชันและเป็นหน้าผาเหวลึก ที่ไม่ได้มีสิ่งกีดกั้นใดๆ


ที่นี่มีดอกไม้ป่ามากมาย ขึ้นอยู่ตามแนวสันเขา และเส้นทางเดินเท้าของเราก็ยังได้พบดอกไม้ป่า ที่ขึ้นอยู่เฉพาะบนภูแห่งนี้หรือบนเทือกเขาที่มีอากาศหนาวเย็น ฉันชอบที่จะเดินและมองดอกไม้ดอกหญ้ามากมายบนเทือกเขา ฉันว่าพวกมันเป็นสีสันแห่งธรรมชาติ และธรรมชาติก็ได้สร้างมันไว้คู่กับเทือกเขาที่ดูแข็งแกร่ง แต่เมื่อมีดอกไม้เหล่านี้มันทำให้เทือกเขาดูอ่อนโยนและมีสีสัน เหมือนกับชีวิตคนเราที่ในความแข็งแกร่งเหล่านั้นก็ย่อมมีความอ่อนโยนเคียงคู่อยู่ด้วยเสมอ..






ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสนี้ ภูลังกา ได้ทำให้ฉันหลงรัก และประทับใจในความงดงามของมัน ถึงแม้ว่าฉันจะพลาดโอกาสในช่วงเวลาของดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า หรือสายทะเลหมอกที่ฉันยังไม่เคยได้พบเห็นจากที่นี่ แต่บรรยากาศและการเดินทางของพวกเรา ทำให้ทุกอย่างน่าประทับใจ ทุกอย่างค่อยๆถูกเสพเข้ามาในความรู้สึก เราไม่ได้เร่งรีบที่จะเก็บบรรยากาศ ซึ่งเราปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปในเวลาที่พอดี



ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกมั้ย แต่ถ้าโอกาสนั้นมาถึง ฉันคงจะไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไป สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ที่เราค่อยๆสร้างมันในแต่ละปีของช่วงฤดูหนาว สถานที่ที่เรียกว่า "วนอุทยานภูลังกา" ในภายภาคหน้าอาจจะเปลี่ยนชื่อเป็น อุทยานแห่งชาติภูลังกา ก็อาจจะเป็นได้ แต่ด้วยแล้วทุกสิ่งที่ธรรมชาติของที่นี่ยังสมบูรณ์ ก็เป็นมาจากความดูแลของเจ้าหน้าที่ที่นี่และชาวบ้าน ชาวเขา ที่ช่วยกันรักษามันไว้ และยังเป็นหน้าที่ของนักท่องเที่ยวอย่างชาวเรา ที่เมื่อคุณเดินทางไปที่สถานที่แห่งนั้น พวกเราต้องช่วยกันดูแลและะรักษาธรรมชาติเอาไว้ " เมื่อเรารักษ์เขา เขาก็จะรักเรา " ฉันเชื่อแบบนั้น..


Travelers Flowers นักเดินทางทุ่งดอกไม้.

Travelers Flowers

 วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 18.56 น.

ความคิดเห็น