ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ ปุ่บปับทริป นึกจะไปก็ไปเลย


เอาหล่ะ ทริปนี้เราใช้เวลาเตรียมตัวแค่ไม่ถึงครึ่งวัน ก็ตัดสินใจออกมาเที่ยว จุดมุ่งหมายคืออยากออกไปไกลๆตัวเมือง ไปในที่ๆ ยังไม่เคยไป ซึ่งที่นี่แหล่ะ คำตอบ !!


บอกตามตรง ตอนแรกคิดว่าไปเช้าเย็นกลับได้ คุณพระ!! อย่าได้ริอาจคิดแบบกระผมเป็นอันขาด


ขออนุญาตวาปจากกรุงเทพ ไปขึ้นไทม์แมชชีน ย้อนไปในยุค รศ.124 กันเล้ย



ผ่าม! ทันทีที่เลี้ยวรถขับเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ กระผมก็ได้กลิ่นอายของวันวาน ที่เราเคยแต่ได้เห็นอยู่แต่ในภาพยนตร์ วันนี้ได้มาสัมผัสถึงสถานที่จำลองที่ต้องบอกเลยว่า เนี๊ยบจริงๆ ขอรับ

  • เนี๊ยบที่ 1. ผู้คนเกือบจะ 95 เปอร์เซ็น แต่งกายชุดไทย เข้ากับบรรยากาศเมืองสุดๆ
  • เนี๊ยบที่ 2. สกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยนที่สมมุติขึ้น ทำให้การจับจ่ายใช้สอยกลายเป็น " สตางค์ "
  • เนี๊ยบที่ 3. ภาษาและการใช้ถ้อยคำ ของตัวละครในเมือง ล้วนถูกอบรมมาดี มีวาจาศัพท์ ขอรับ/เจ้าค่ะ


ค่าเข้าชมสถานที่ ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท

ก่อนจะไปชมเมือง ต้องแลกเงินซะก่อน มิฉะนั้นจะไม่สามารถใช้เงินภายในเมืองได้

.

อัตราแลกเปลี่ยนไม่แปลผันตามตลาดโลกนะขอรับ วันนี้ราคาเท่านี้ วันหน้าก็เท่านี้

.

คิดง่ายๆ 1 สตางค์ เท่ากับ 5 บาท

เวลาจะซื้อของอะไร เช่น น้ำเก็กฮวย 4 สตางค์ x 5 ก็เท่ากับ 20 บาท


แลกเงินเรียบร้อย กำนี้ 200 บาทนะขอรับ ถ้าใครไม่รู้จะแลกเท่าไหร่ดี ก็เริ่มที่ 200 บาทก็ได้ ใช้ไม่หมดแลกคืนได้เท่ากับตอนซื้อเลยขอรับ




ที่ด้านหน้าประตูเมือง มีซุ้มรถลากมาคอยบริการ ท่านขุน / หญิงน้อย / หญิงใหญ่ กันเต็มขบวน

ค่าบริการขับชมเมือง เพียง 50 บาท หรือ 10 สตางค์เท่านั้น แต่ถ้าแค่ถ่ายรูปก็ ฟรีเลย



เข้าประตูเมืองกันดีกว่าขอรับ เดี๋ยวข้าศึกบุกมาจักมิทันการ





ด่านแรกที่ทุกคนจะต้องเจอก็คือ "สะพานหัน" จำลองมาจากของจริงในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสะพานข้ามคลองที่มีห้องแถวสองข้างฝั่ง เป็นทำเลดี ค้าขายสินค้านาๆ




" ฝรั่งสดๆ ไหมเจ้าคะ "

ชิมฟรี ไม่คิดสตางค์เจ้าค่ะ เสียงแว่วมา พร้อมกับฉีกยิ้มที่คมยิ่งกว่ามีดที่ปลอกฝรั่ง

นี่คือร้าน " อำแดงสด " นั่นเอง คำว่า อำแดง เป็นคำนำหน้าเรียกชื่อของหญิงในสมัยโบราณ

.

ถ้าเป็นปัจจุบัน อาจจะเป็น อำแดงเจนี่ , อำแดงเต้ย , อำแดงอั้ม ก็เป็นได้




หากอ้ายอีคนใด สนใจสินค้าพื้นเมือง เครื่องปั้นดินเผา ก็อย่าเพิ่งรีบซื้อกันไป

ค่อยซื้อตอนขากลับก็ได้ เพราะจะได้ไม่ต้องถือให้เมื่อย

เพราะขากลับก็ต้องออกทางนี้เหมือนเดิมนั่นแล


มุมถ่ายรูปฮิปสะเต๋อก็มีเหมือนกัน เพียงแค่ยืนหน้ากระจก เอาหวีขึ้นมาสางผม

เท่านี้ก็แยกไม่ออกแล้ว ว่า คนหรือผี



ที่กระผมโม้ไว้นั้น เห็นทีจักเป็นเรื่องจริงเสีย ว่าชาวเมืองนี้ แต่งตัวสมกับยุครุ่งเรืองจริงๆ

(สามารถเช่าชุดได้ที่ด้านหน้าเมือง ไม่บังคับว่าทุกคนต้องแต่ง)

.

และนี่เองคือจุดหักคะแนนด้วย คหสต. ของกระผม

ซึ่งทุกอย่างดีมาตลอด มาพลาดเพียงแค่นักท่องเที่ยวยังแต่งกายเป็นปัจจุบัน

แต่กระผมก็เข้าใจ ว่ามิสามารถบังคับให้ทุกคนแต่งตัวได้

แต่หากสามารถทำได้ เมืองนี้คงจักพิเศษมิใช่น้อย และคงหาที่ติยากไม่


ลูกเด็กเล็กแดง ก็แต่งตัวสมกับเป็น ท่านเจ้าคุณน้อย




ร้านค้ามากมาย หลากหลายสินค้า เช่นร้านนี้ ร้านเครื่องหอมสมุนไพร

เพียงกระผมหยิบกล้องขึ้นมา ก็ฉีกยิ้มสมกับเป็นยิ้มสยามจริงๆ เลยเชียว



เครื่องสานฝีมือชาวบ้านก็มีจำหน่าย ราคาก็สมเหตุสมผลสุดๆ



ขนมครกโบราณ แป้งนี่ตีมาตั้งแต่ รศ.124 จนถึงปัจจุบัน



ทองม้วนก็ทำกันสดๆ กรอบๆ หอมฉุย





เมนูต่างๆ จะอยู่หน้าร้าน ซึ่งมีราคาบอกชัดเจน



เมื่อยไหมเจ้าคะ? สามารถแวะนวดได้ที่ร้านนี้เลย

ราคาครึ่งชั่วโมง 30 สตางค์ = 150 บาท

1 ชั่วโมง 60 สตางค์ = 300 บาท



ความประทับใจ : คุมโทนแม้กระทั่งรถส่งน้ำแข็ง/ส่งของ

หากคนเข็นๆ มา มีคนขวางทางอยู่เยอะ

เขาก็จะตะโกนว่า " ถอยหน่อยขอรับๆ "



หอคอยชมเมือง สามารถขึ้นไปถ่ายรูปวิวเมืองได้ที่นี่เลย

หอคอยนี้ จำลองมาจาก หอคอยตรวจตรานักโทษมิให้หลบหนีได้



ความร้อน มิอาจทำอันใดแก่ สาวน้อย สาวใหญ่ ได้

แฟชั่นเสื้อผ้า แซ่บหาใครเปรียบไม่

บุรุษเป็นอันต้องเหลียวมองจนคอเคล็ด



แถวตรง!! ทันทีเมื่อเห็นกล้อง ตำรวจยุคนี้เก๋จริงๆ



ผู้ใดจะเป็นลมล้มพับ มิต้องกังวลใจไป เพราะมีสุขศาลาพยาบาล คอยให้บริการซะอย่าง



เดินไปเดินมา ข้างทางมีพ่อค้าขายหมึกหมุน พร้อมกับลูกค้าที่ล้นร้าน



หิวแล้ว เหลือบไปเห็น เรือนแพ กระผมต้องเข้าไปหาอะไรรองท้องสักหน่อย เอาแรง



มินิตลาดน้ำ มีเรืออยู่ 2 ลำ เรียกตลาดน้ำได้ไหมหนา



กลิ่นหอมฉุยเตะจมูกอย่างจัง ขนมจีนหลากหลายน้ำยา

ราคาเป็นมิตรต่อสตางค์ของกระผมยิ่งนัก




ขนมจีนน้ำยากะทิ จานนี้ ราคา 5 สตางค์ หรือ 25 บาทเท่านั้น

(เติมผักฟรีไม่อั้น)



เสิร์ฟมาในจานและช้อนที่ดูแล้ว เก่า แต่ เก๋า



ถ้าหากทาสคนใด อยากประหยัด ไม่ต้องซื้อน้ำ เพราะเค้ามีให้ดื่มฟรี จากในโอ่ง!!




สตรีไทย ถ่ายรูปกับวิว เรือนไทย กันเพลินๆ



ก่อนจะข้ามไปยังเรือนไทยได้ ต้องผ่านสะพานนี้กันก่อน




เรือนไทยที่เห็นอยู่นี้ ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่า " เรือนหมู่ "



มีดนตรีไทยบรรเลง ประกอบการเดินชมเรือนไทย

บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายเมื่ออยู่บนเรือน

.

มีมื้ออาหารบนเรือน สามารถกินบนเรือนได้ แต่ไม่สามารถขี้บนหลังคาได้



มีท่าน้ำให้เหล่าทาส มาถ่ายรูป พร้อมติดแฮชแทก ว่า " ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ "




ขอสรุปเลยนะขอรับ ว่า คุ้ม หรือ ไม่คุ้ม ?

.

สำหรับ คหสต. ของกระผมเอง คิดว่าคุ้ม กับเงิน 200 ที่เสียไป เพราะ สิ่งปลูกสร้างที่ขนาดไม่มีชีวิต ยังทำให้เราอินได้แล้วนั้น ตัวละครในเมืองที่ถูกเทรนมาเป็นอย่างดี ก็ยิ่งทำให้เราอินเพิ่มมากขึ้นไปได้อีกด้วย


ของกินต่างๆ ภายในเมือง เรื่องราคานี่ ปกติ ไปจนค่อนข้างถูกเลยก็ว่าได้ ถือว่าดีมากๆ เลยขอรับ

ทาสอย่างกระผม เบี้ยมีน้อยนิดนัก มาเมืองนี้ กระผมอิ่มได้ด้วยเงินเพียงแค่ 10 สตางค์เท่านั้น




นี่เป็นเพียงแค่สถานที่เดียวของ จังหวัด กาญจนบุรี เดี๋ยวเราจะมีไปต่อกันอีกที่ บ้านอีต่อง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ รอชมรีวิวนักเดินทาง 1 คน กับ มอเตอร์ไซค์ 1 คัน กันนะครับ


กราบขอบพระคุณที่อ่านจนจบนะขอรับ



Camera : #iphone5s

Program : Light room & Photoshop

หมายเหตุ ทริปนี้เป็นทริปที่เราไปเอง โดยมิได้มีการสนับสนุนใดๆ จากสถานที่นี้ทั้งสิ้น



ติดตามแฟนเพจได้ที่

Yellow Faces สมุดหน้าฉัน

ความคิดเห็น