"ระนอง" จังหวัดเล็กๆชายฝั่งทะเลทางด้านตะวันตกของภาคใต้ เป็นจังหวัดที่กล่าวกันว่าถ้ามาระนองต้องตั้งใจมา เพราะเป็นเมืองทางผ่านและเป็นเมืองชายแดน ใครจะมาเที่ยวระนองจึงต้องตั้งใจมาจริงๆ เมืองระนองเริ่มโด่งดังเป็นที่นิยมของบรรดานักท่องเที่ยวเมื่อสัก 4-5 ปีหลังที่กระแสของเกาะพยามและเกาะเล็กเกาะน้อย รวมทั้งเกาะทางด้านทะเลพม่าเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ และก็ได้มีทั้งโรงแรมรีสอร์ทที่เกิดขึ้นใหม่มากมาย ครั้งนี้ผมเลยตัดสินใจมาเที่ยวจังหวัดระนองด้วยตัวเองสัก 2-3 วันสักหน่อย มาดูกันว่าผมจะพาไปที่ไหนบ้างตลอด 3 วันนี้ ซึ่งผมได้วางโปรแกรมไว้แล้วว่าจะเที่ยวเกาะทางฝั่งพม่าสัก 2 วัน แล้วหาเช่ารถมอเตอร์ไซด์ขับเที่ยวในเมืองในวันสุดท้าย. ส่วนรีวิวนี้จะเป็นรีวิวรวมที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ที่นั้น

รีวิววันแรกของการเดินทางไปเกาะ cockburn ตามกระทู้นี้ Click

รีวิววันที่สองของการเดินทางไปเกาะนาวโอพี ตามกระทู้นี้ Click

อันดับแรกที่ผมจะพาไปชมก็คือในส่วนของห้องพักก่อน ผมพักในตัวเมืองระนองอยู่ 2 คืน เนื่องจากเดินทางมาคนเดียวจึงต้องหาที่พักราคาถูกไว้ก่อน search หาจากใน agoda ผมเลยเลือกจองไว้ 2 ที่ไปชมกันเลยครับ

เรือนหลวงพจน์ (หลวงพจน์บูทิค โอสเทล)

หลวงพจน์บูทิคโฮสเทล เป็นโรงแรมเล็กๆแนวบูทิค อารต์ ตั้งอยู่ถ.เรืองราษฎร์ใจกลางเมืองระนองในย่านชุมชนเก่าแก่ตลาดบางส้าน สักษณะตัวอาคารแบบชิโน-โปรตุกีสบอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาได้เป็นอย่างดี จากจุดเริ่มต้นที่สมัยก่อนเป็นร้านขายของชำแห่งแรก สู่ โรงแรมเจริญสุข ที่พักที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพ่อค้าและนักเดินทางในยุคนั้น และมาสู่..."เรือนหลวงพจน์" ทีไ่ด้รับการบำรุงรักษาให้คงสภาพเดิมไว้อย่างดี มีห้องพักจำนวน 8 ห้องและกำลังขยายห้องด้านหลังเพิ่มออกไปอีก แต่ละห้องตกแต่งต่างรูปแบบกัน ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของ คุณปุณณวิช เศวตะดุล ทายาทรุ่นที่ 5 ของคุณหลวงพจน์วิจิตร ตัณฑะจิณณะ ได้นำของเก่าที่เก็บรักษาไว้มาตกแต่งเป็นบูทีค โฮสเทลอย่างงดงาม ใครอยากสัมผัสที่พักบรรยากาศเก่าๆ ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยว และมีถนนคนเดินช่วงเสาร์-อาทิตย์ แวะเวียนมาลองพักกันได้ราคาจองตรงกับที่พักแค่ 600 บาทเท่านั้น

ในส่วนห้องพักตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 เป็นห้องพัดลม 2 ห้อง ที่เหลือเป็นห้องแอร์ และเป็นห้องน้ำรวม

ห้องพักที่ผมพักจะเป็นห้องพัดลมอยู่ติดถนน มีหน้าต่างเปิดโล่งมองเห็นวิว ถนน ห้องนี้เหมาะสำหรับคนตื่นเช้า เพราะเป็นห้องไม่เก็บเสียงช่วงเช้าจะถูกปลุกโดยบรรดารถราต่างๆที่วิ่งผ่านแถวนั้น จุดเด่นของโรงแรมคือมีความสวยงามตามสไตล์แบบห้องแถวโบราณ อยู่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งของกิน ร้านอาหารมากมาย เดินทางสะดวก แและมีถนนคนเดินหน้าโรงแรมช่วง เสาร์-อาทิตย์

นลินเพลส

อีกหนึ่งโรงแรม budget hotel ที่จะแนะนำ โรงแรมนี้ตั้งอยู่ถ.ท่าเมือง ต่อจาก ถ.เรืองราษฎร์ ไม่ไกลจากหลวงพจน์มากนัก โรงแรมนี้ลักษณะเหมือน อพาร์ทเมนท์ ห้องพักกว้างขวางสะดวกสบาย มีวิวหลังห้องเป็นภูเขาสวยมาก ถึงแม้จะเป็นห้องพัดลมก็ไม่รู้สึกร้อน จุดเด่นคือราคาถูกแค่ 400 กว่าบาทจองผ่านอโกด้า และใกล้ตลาดจึงหาของกินได้ไม่ยาก

บังกีโรตีอาหรับ

เป็นร้านอาหารอิสลาม ตั้งอยู่ตลาดล่าง ตรงข้ามโรงแรมกาล่า อ.เมือง เมนุมีให้เลือกหลายอย่าง ทั้งโรตีมะตะบะ แกงเนื้อ แกงไก่ ข้าวหมกไก่ ไก่ทอด โจ๊ก ชา-กาแฟ ดูน่ากินไปหมด แต่จนใจกระเพาะจุได้เท่านี้ ร้านนี้เปิดบริการตั้งแต่ 06:30 ไปจนถึง 16:30 และนี่ก็เป็นมื้อแรกของผมที่ระนองหลังจากนั่งรถมาลง บขส.แล้วนั่งมอไซด์วินมาแวะชิมสักหน่อย

ร้านข้างแกงหน้าแบ็งค์ตรงข้ามเรือนหลวงพจน์

เป็นร้านข้างแกงที่ไม่มีชื่อร้านอยู่ตรงสามแยกตรงข้ามเรือนหลวงพจน์ ชาวบ้านแถวนั้นเรียกร้านนี้ว่าร้านข้างแกงหน้าแบ็งค์ เพราะถนนข้างร้านฝั่งซ้ายจะมี ธ.กรุงไทยตั้งอยู่ส่วนฝั่งขวาจะติดกับร้านอิสลามโอชา ร้านนี้เปิดตั้งแต่เช้า ผมพักที่เรือนหลวงพจน์ก็อาศัยร้านข้างแกงร้านนี้เป็นมื้อเช้าในวันที่ 3 อาหารจะเป็นอาหารท้องถิ่น รสชาติอาหารอาจจะไม่จัดจ้านเหมือนจังหวัดอื่นๆทางใต้ที่เคยลองชิมมา แต่รสชาติอร่อยใช้ได้อยู่สำหรับคนที่ไม่ทานเผ็ดมาก

ร้านโรตีนิสรา

อีกหนึ่งร้านดังของระนอง ก็เลยต้องลอง ร้านนี้อยู่นอกเมืองออกไปประมาณ 13 กิโลเมตร อันที่จริงก็ไม่รู้ว่าตรงไหนคือในหรือนอกเมือง เพราะโรตีนิสราก็อยู่ในอ.เมืองเหมือนกันแต่คนละตำบล เอาเป็นว่าผมยึดตรงเรือนหลวงพจน์เป็นจุดศูนย์กลางแล้วกัน เพราะอยู่ใกล้ๆศาลากลาง ร้านโรตีนิสรานี้จะอยู่แถวตลาดสดบ้านหงาว ถ. ประชาพิทักษ์ อ. เมืองระนอง จ. ระนอง เปิดตั้งแต่เวลา 08.00 - 13.00 น. ใกล้ๆกับภูเขาหญ้าเลย ผมแว๊นซ์มอไซด์ไปชิมแต่โชคร้ายที่กว่าจะมาถึงก็เที่ยงแวะเที่ยวตามรายทางไปเรื่อย มาถึงของใกล้หมดแล้ว ทางร้านเลยแนะนำเอาเป็นโรตีเปล่าๆ กับไข่ดาว แล้วเดี๋ยวจะเอาน้ำแกงที่ยังเหลือติดก้นหม้อมาให้ชิมด้วย ก็แปลกดีเหมือนกันไม่เคยกินโรตีกับไข่ดาว แต่ก็เข้ากันดี ประกอบกับเดินไปซื้อไก่ชุบแป้งทอดก็ของร้านนิสรานี่แหละมากินกับโรตีด้วยเข้ากันดีเหมือนกัน แต่ขอบอกว่าไม่เคยกินโรตีที่กรอบนอกนุ่มในแบบนี้มาก่อนและน้ำแกงที่เหลือก็ใช้ได้ ก่อนกลับทางร้านยังใจดีเห็นขับรถมาไกล ตั้งใจมาชิมแต่ของหมด เลยแถมแป้งโรตีที่ฟรีซแล้วมาให้ด้วยอีก 2 ถุงต้องขอขอบคุณมากๆเลยสำหรับน้ำใจที่มีให้ ครั้งหน้าคงต้องไม่พลาด

ร้านอาหารฟาร์มเฮ้าส์

เป็นอีกที่ที่อยากแนะนำ ผมได้ไปนั่งฟังดนตรีกับเพื่อนใหม่ที่เจอกันในทริปเลยชักชวนกันมาหลังกลับจากเกาะในวันที่สอง ร้านนี้เป็นร้านอาหารของโรงแรมฟาร์มเฮ้าส์ ลักษณะของร้านเป็นเหมือนโรงนาบรรยากาศดีทั้งภายในร้านและนอกร้าน หากนั่งทานอาหารในร้านก็จะได้บรรยากาศนั่งชิลๆจิบเบียร์มีดนตรีสดฟัง หากนั่งหน้าร้านแดดร่มลมตกลมพัดเบาๆนั่งจิบเบียร์ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง และช่วงเสาร์-อาทิตย์ก็มีถนนคนเดินข้างหน้าร้านด้วย ส่วนรสชาติอาหารก็ถือว่าใช้ได้เลยหล่ะ และราคาก็ไม่ได้แพงมากมายอะไร เปิดตั้งแต่ประมาณ 6 โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน

ภูเขาหญ้า

มาดูที่เที่ยวกันบ้าง ผมแว๊นซ์มอไซด์ออกจากเมืองไปทาง ต.หงาวอันเป็นที่ตั้งของภูเขาหญ้า เขาบอกว่าไม่มาภูเขาหญ้าก็เหมือนมาไม่ถึงระนอง เพราะภูเขาหญ้าก็เป็นส่วนหนึ่งของคำขวัญประจำจังหวัดระนองเลยน่ะ “คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง”..แนะนำเลยว่าหากมาที่นี่ให้มาถึงสักช่วงเช้าๆ หรือไม่ก็ใกล้พระอาทิตย์ตกดินไปเลยจะดีที่สุด เพราะแดดแรงมากและไม่มีร่มไม้บังแดดอะไรเลย ผมมัวแต่เสียเวลาไปกับการค้นหาสัญญาณเน็ท เพื่อเชื่อมต่อเข้า googlemap แต่สัญญาณเน็ทค่ายผมเวลาออก ตจว.สัญญาณมันกากมาก ทำให้ขับรถวกไปวนมาไปไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละอย่างที่บอก ผมมาถึงที่นี่ประมาณ 11 โมง แถมมาดันชนกับงาน cowboy night party ที่เขาจะจัดงานช่วงเย็น ผมพยายามมองหามุมมหาชนก็ไม่รู้อยู่ตรงไหน ไม่รู้ใช่ตรงบริเวณที่เขาตั้งเวทีหรือเปล่าหันรีหันขวางดูไปดูมาอยู่แป็ปนึง ทำไมมันไม่สวยเลยหว่า ตัดสินใจเดินขึ้นไปดูวิวบนยอดภูเขาหญ้าสักหน่อย ใช้เวลาเดินไม่นานก็ถึง วันนี้แดดร้อนมากเป็นพิเศษ พยายามหาต้นไม้หลบร่มสักหน่อย มันก็มีแต่หญ้า ส่วนไม้ใหญ่มีขึ้นหรอมแหรมก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยืนถ่ายภาพอยู่สักพัก มองไปยังภูเขาฝั่งตรงข้ามอันเป็นที่ตั้งของน้ำตกหงาวมองเห็นทางน้ำตกไหลลงมาดูสภาพแล้วน้ำไม่เยอะคงไม่แวะเข้าไป เดินลงมาไปนั่งหลบแดดในเต้นท์ที่เขาจัดงาน มองเห็นมุมที่อยู่ด้านขวาคงเป็นมุมมหาชนแต่ตอนนั้นแทบละลาย ไม่ทงไม่ถ่ายมันแล้ว ขับรถไปกินโรตีนิสราใกล้ๆตลาดบ้านหงาวดีกว่า

วัดบ้านหงาว

ระหว่างทางจากภูเขาหญ้าไปร้านโรตี มีวัดสวยประจำจังหวัดระนองอยู่วัดนึงชื่อวัดบ้านหงาว ตามประวัติกล่าวว่าเดิมทีเป็นเพียงที่พักพระสงฆ์ จนกระทั่งหลวงพ่อเขียด พระธุดงค์มาจากปัตตานี มาปักกรดบำเพ็ญ แล้วชาวบ้านเกิดการเลื่อมใส ศรัทธา จึงได้สร้างวัดขึ้นในปี พ.ศ.2530 และพัฒนาเรื่อยมา วัดนี้มีสิ่งที่โดดเด่นเห็นได้ชัดคือตัวอุโบสถที่สวยงาม และพระประธานในโบสถ์ที่สร้างจากแร่ดีบุกองค์ใหญ่ที่สุดในโลก หลังวัดมีทางขึ้นไปชมวิวบนยอดเนินที่ชื่อว่าภูหงาวดางดึงส์ จากยอดเนินจะมองไปเห็นภูเขาหญ้าไม่ไกลนัก เขาบอกว่าหากมาถ่ายภาพบนยอดเนินนี้ไปภูเขาหญ้าในช่วงพระอาทิตย์ตก จะได้มุมอีกมุมที่ไม่ค่อยมีใครมาถ่ายกัน

บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง

ขับรถออกจาก ต.หงาว ย้อนกลับมาที่บ้านพรรั้ง ต.บางริ้น แวะเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ในอช.น้ำตกหงาวสักหน่อย เพราะน้ำตกน้ำไม่มีแล้ว เลยเปลี่ยแผนมาดูบ่อน้ำร้อนจริงแล้วตั้งใจกะว่าแค่เข้าไปดูเพราะอากาศร้อนแบบนี้คงแช่น้ำร้อนไม่ไหวเป็นแน่แท้ เสียค่าผ่านทางเข้าอุทยาน 20 บาท เดินเข้าไปเจอบ่อน้ำร้อน 2 บ่อเสร็จ..อ้าวถึงทางออกซะแล้ว เลยถามคนแถวนั้นเขาบอกข้างในยังมีอีก เลยเดินย้อนกลับเข้าไปเจออีก 2 บ่อ รวมแล้วมีทั้งหมด 4 บ่อ ลงอาบได้แค่ 3 บ่อ อีกบ่อนึงน้ำจะร้อนจัด ตัวบ่อเขาทำเป็นเหมือนอ่างน้ำไว้สำหรับลงแช่ มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า มีฝักบัวไว้ชำระร่างกายก่อนลงบ่อ และยังมีลำธารอยู่ใกล้ๆ เด็กๆจะบอบลงไปเล่นน้ำในลำธารกันมากกว่าเพราะเป็นน้ำเย็น ข้างในนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ถ่ายรูปสักพักเดินออกมาปลดเป้ถุงกันน้ำ คว้าขวดน้ำในถุงกันน้ำมาดื่ม อ้าวน้ำไปไหนหมดหว่า ฉิหายแระ น้ำนองอยู่ในถุงกันน้ำทั้งกล้องทั้งโทรศัพท์ ดีที่ระดับน้ำไม่เยอะมากกล้องไม่เป็นอะไรแต่โทรศัพท์นี่สิ เริ่มมีอาการให้เห็นเหมือนน้ำยังเข้าไปมาก ถอดฝาเครื่องมาตากแดดสักพัก คิดในใจคงต้องพับแผนการเที่ยวที่แปลนไว้ ตระเวณหาร้านซ่อมโทรศัพท์ก่อน ระหว่างทางโชคดีเจอห้าง lotus อยู่ทางผ่านเข้าเมืองแวะไปล้างเครื่อง เสียเวลาไปเกือบ 2 ชม. เลยตัดสินใจเข้าเมืองหาเที่ยวในเมืองก่อนกลับน่าจะดี

ศาลหลักเมืองระนอง

หลังจากฟาดเคราะห์จากเรื่องโทรศัพท์ผ่านศาลหลักเมืองแวะไปสักการะศาลหลักเมืองเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกลับสักหน่อย


พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง)

ตั้งอยูเชิงเขารัตนรังสรรค์ ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง อยุ่ใกล้กับหอพระ 9 เกจิ และศาลากลางจังหวัด ห่างจากหลวงพจน์ประมาณ 100 เมตรได้ เดิมทีพระราชวังองค์จริงไม่ได้ตั้งอยู่ตรงนี้ จะตั้งอยู่ตรงที่เป็นศาลากลางจังหวัดในปัจจุบัน ตามประวัติกล่าวว่าเมื่อครั้ง ร.5 เสด็จประพาสหัวเมืองมลายูและได้แวะประทับแรมที่จ.ระนอง พระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง) เจ้าเมืองระนองในขณะนั้นได้จัดสร้างพลับพลาที่ประทับบนเนินควนกลางเมืองรอรับเสด็จ ร.5 ทรงทอดพระเนตรเห็นที่ประทับและได้ดำรัสว่าทำได้งดงามราวกับเป็นวัง จึงพระราชทานามว่า "พระราชวังรัตนรังสรรค์"เพื่อเป็นเกียติยศแก่เมืองระนองและสกุลของพระยารัตนเศรษฐี (ต้นสกุล ณ.ระนอง) และทรงพระบรมราชานุญาติให้ใช้เป็นศาลารัฐบาล หรือมีพิธีสำคัญสำหรับบ้านเมือง ต่อเมื่อมีเสด็จประพาสเมื่อไหร่ค่อยจัดเป็นที่ประทับ สมัยพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คออยู่หงี่) เจ้าเมืองระนองรุ่นต่อมา ได้รื้ออาคารหลังเก่าและดัดแปลงเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นเพราะอาคารไม้หลังเก่าทรุดโทรมและปรับปรุงใช้เป็นศาลากลางจังหวัดเรื่อยมา และได้มาสร้างพระราชวังใหม่ (จำลอง)บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์โดยอ้างอิงจากภาพถ่ายและพระราชหัตถเลขาที่ ร.5 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในจดหมายเหตุราชการ งบประมาณในการก่อสร้างมาจากการออกสลากกาชาดฉบับพิเศษ ตัวพระราชวังที่ทำขึ้นมาใหม่ทำจากไม้สัก และ ไม้ตะเคียนทอง เป็นกลุ่มเรือนไม้ขนาดใหญ่มีทางเดินเชื่อมกันตลอด บริเวณด้านหน้าพระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) เป็นสวนสาธารณะมีรูปปั้นคนงานทำเหมืองแร่ บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์แร่ธาตุในสมัยนั้น

สำหรับค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 เด็ก 20 เปิดจันทร์-ศุกร์ 8:30-17:30 ภายในอาคาร ห้องแสดงต่างๆห้ามถ่ายภาพน่ะครับ ในส่วนของผมนั้นผมศึกษามาก่อนแล้วว่าเขาห้ามถ่ายภาพภายในอาคาร ก็ปฎิบัติตามกฎอยู่แล้ว แต่ตอนจ่ายเงินค่าบัตรผ่าน ผมกำลังเก็บกล้องใส่กระเป๋า ทางเจ้าหน้าที่คงเห็นผมหิ้วกล้องและเลนส์มาหลายตัวเขาเลยถามว่ามาถ่ายภาพทำอะไร ผมก็บอกว่าเผมเป็นบล็อคเกอร์มาทำรีวิวที่เที่ยวเมืองระนอง เขาเลยอนุญาติให้ถ่ายด้านในอาคารได้ คงจะต้องการโปรโมทการท่องเที่ยว ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ท่านนั้นมา ณ.ที่นี้ด้วย


ในส่วนตัวอาคารเป็นอาคารไม้เป็นอาคารสองชั้นยกใต้ถุนสูง มีเอกลักษณ์ตรงที่หลังคาทับซ้อนเป็นชั้นๆ ทรงปั้นหยาแบบไทย และประดับโดยรอบด้วยเชิงชายไม้ฉลุแบบพม่า แบ่งเป็น 3 ส่วนคือส่วนท้องพระโรง ส่วนที่ประทับ และห้องทรงงาน อาคารหลังแรกเป็นส่วนท้องพระโรงจัดแสดงเก้าอี้ที่ประทับ ประวัติและพระราชกรณียกิจในการเสด็จประพาสหัวเมืองภาคใต้ และแสดงโมเดลของพระราชวัง

ชั้นสองจะจัดแสดงในส่วนของที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้า

ชั้น 3 จะเป็นที่ประทับของในหลวง ร.5 พวกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆจะถูกจำลองมาจากพระที่นั่งวิมานเมฆ

บริเวณชั้น 2 จะมีระเบียงไม้ประดับกันตก สามารถเดินชมทิวทัศน์ได้โดยรอบ พื้นเฉลียงปูกระเบื้องดินเผา มีหลังคาคลุม ช่องประตูเป็นรูปโค้งทั้งแปดด้าน เชื่อมต่อไปยังอาคาร 8 เหลี่ยมอันเป็นห้องทรงงานและประวัติของเจ้าเมืองระนอง หอแปดเหลี่ยมจะความสูงประมาณ 17 เมตร คล้ายคลึงกับ หอวิฑูรทัศนา ที่พระราชวังบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

บ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน

หลังจากขับรถตระเวณมาทั้งวัน ก่อนกลับกทม.ขอไปแช่ตัวคลายเมื่อยล้าสักหน่อย บ่อน้ำร้อนที่นี่อยู่ไม่ไกลจากในเมืองเลย แค่เลยจากพระราชวังรัตนรังสรรค์มาอีก 3 กิโล สภาพบริเวณนี้จะโอบล้อมไปด้วยภูเขา ธารน้ำและป่าไม้ที่รกครึ้ม ผู้คนค่อนข้างหนาตาพอสมควรเพราะเป็นสวนสาธารณะด้วยชาวบ้านมักนิยมมาแช่น้ำร้อนกันในช่วงเย็น บ่อน้ำร้อนที่นี่อุณหภูมิประมาณ 65 องศาใช้กินและอาบหรือรักษาโรคได้ ผมเดินถ่ายรูปบ่อน้ำร้อนที่มีด้วยกัน 3 บ่อ คือบ่อพ่อ บ่อแม่และบ่อลูกสาวเสร็จก็เดินหาบ่อที่สำหรับแช่ตัว แต่ก็ไม่เห็นมี มีแต่บ่อที่ชาวบ้านไว้นั่งแช่ขา แต่ใกล้ๆกันมีบ่อสำหรับแช่ตัวหลงเดินเข้าไปเสียค่าเข้า 40 บาท เพิ่งรู้ว่าเป็นของเอกชน เขาบอกว่าของจังหวัดที่ให้บริการฟรีจะอยู่ทางนู้น ไหนๆก้ไหนๆแล้วก็เลยแช่ที่นี่ล่ะกัน

ถนนคนเดินจังหวัดระนอง

เย็นมากแล้ว ออกจากบ่อน้ำร้อนย้อนกลับเข้าไปในเมืองเพื่อเดินเที่ยวหาอะไรกินก่อนขึ้นรถทัวร์กลับกทมตอน 20:30 และคืนรถที่เช่ามาตรงหน้าโรงแรมเรืองราษฎร์ซึ่งตั้งอยู่บนถ.คนเดินนั่นเอง ถนนเส้นนี้จะจัดเฉพาะเย็นวันเสาร์บนถนนเรืองราษฎร์ ส่วนใหญ่ก็เหมือนถนนคนเดินทั่วๆไปจะนำเอาอาหารท้องถิ่นหรืออาหารถิ่นอื่นมาวางขาย


ร้านเช่ามอเตอร์ไซด์จะอยู่ข้างๆโรงแรมเรืองราษฎร์ เป็นทั้ง Hostel และให้เช่ามอเตอร์ไซด์ ชื่อว่า ระนองแบ็คแพกเกอร์ โฮสเทล ราคารถเช่าก็ 200-300 บาทต่อวัน

ปกติบนถนนเส้นนี้ถ้าไม่มีถนนคนเดินก็คราคร่ำไปด้วยร้านอาหาร และบาร์ มีอยู่มากมาย และยิ่งมีถนนคนเดินของกินก็มีอีกเพียบให้ลองชิมกัน

เดินเล่นเพลินไปหน่อยเล่นเอาเกือบตกรถ เดินไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่หลวงพจน์แล้วจ้างมอไซด์ไปส่งที่บ.สมบัติทัวร์ เพราะผมเลือกไปไปขึ้นรถที่นั้นมันใก้กว่าไปขึ้นที่ บขส. แนะนำว่าตอนขามาเมืองระนองถ้าใครพักแถวตัวเมืองให้มาลงที่ บริษัทเลยไม่ต้องไปลง บขส เพราะบขส.จะอยู่ไกลจากในเมืองออกไปหน่อย ต้องขอจบรีวิวเมืองระนองไว้เพียงเท่านี้..สวัสดี


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด



สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 08.33 น.

ความคิดเห็น