สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว readme.me ห่างหายจากการเขียนรีวิวไปนานเลยครับ แต่วันนี้ onceamonth กลับมาแล้วครับ กลับมาพร้อมกับทริปโหด มันส์ ฮา แน่นอนกับ “ลำคลองงู” ก่อนจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับทริปนี้บ้าง มันจะโหด มันส์ ฮา สักแค่ไหนกัน เราดูรายละเอียดของทริปกันก่อนละกัน เผื่อเพื่อนๆ ที่อยากจะลองไปมันส์แบบพวกเราจะได้ตามไปกันได้

ข้อมูลของลำคลองงู

  • ลำคลองงูอยู่ จ.กาญจนบุรี อยู่ในอุทยานแห่งชาติลำคลองงู
  • ลำคลองงูเปิดให้เข้าไปเที่ยวแค่ 2 เดือน คือตั้งแต่เดือนมีนาคม - เมษายนเท่านั้น (แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำด้วยครับ บางทีก็อาจจะเลื่อนไปได้อีกนิดหน่อย)
  • เปิดให้เข้าแค่วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันธรรมดา (วันอังคาร - วันพุธ)
  • การจะไปลำคลองงูได้ ต้องโทรจองกับเจ้าหน้าที่เท่านั้น จองได้ครั้งละไม่เกิน 10 คน
  • เบอร์โทรสำหรับการลงทะเบียน 082-2473352 (ลงทะเบียนเรียบร้อยก็ส่งเอกสารตามที่เจ้าหน้าที่บอกได้เลย)
  • ใช้เวลาในการลุยลำคลองงู 2 วัน 1 คืน
  • มี 2 เส้นทาง วันแรก “ถ้ำเสาหิน” ส่วนวันที่ 2 “ถ้ำนกนางแอ่น”

การเตรียมตัว

  • ข้อแรกสำคัญเลย ฟิตร่างกาย + ใจให้พร้อม
  • เสื้อผ้า รองเท้าที่แห้งไว
  • ไฟฉายคาดหัว
  • ถุงกันน้ำ
  • กล้องถ่ายรูป
  • เต็นท์
  • ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ แล้วแต่ความจำเป็นของแต่ละคนเลย

อ้อ...ลืมบอกไปกลุ่มของเราจองได้วันที่ 31 มีนาคม - 1 เมษายน โดยการโทรและบนบานศาลกล่าวของแอดมินเพจเข้า ป่า หา ผัว พันธมิตรของเราเอง

พวกเราเดินทางออกจากกรุงเทพกันคืนวันศุกร์ที่ 30 มีนาคม ตอนประมาณ 5 ทุ่ม เราเหมารถตู้กันไปเพื่อความสะดวกสบาย ครั้งนี้เรามากันทั้งหมด 10 ชีวิต ส่วนใหญ่ก็เจ้าเดิมๆ จากหลายๆทริปนั่นแหละ พร้อมลุยกันแล้วใช่มั้ย อยากเล่าแล้ว

ปล. ฝากเพจของเราและเพื่อนๆ ของเราด้วยนะครับ ฝากกด like & share ด้วยนะครับ

once-a-month : www.facebook.com/wetraveleverymonth

เข้า ป่า หา ผัว : www.facebook.com/khaopahaphua

Kem life : www.facebook.com/iam.kkem

** มีคลิปวิดีโอความสนุกของพวกเราอยู่ท้ายรีวิวนะครับ



วันแรก : ถ้ำเสาหิน

สวัสดีลำคลองงู เรามาถึงกันตอนตี 4 กว่าๆ อ่าวกรรมและมาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้ เอาไงกันต่อดีล่ะพวกเรา เอาเต็นท์ออกมากางเลยแล้วกัน จะได้เข้าไปงีบกันก่อน เพราะกว่าจะได้กินข้าวก็ 7 โมงเลย กางเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันเข้าเต็นท์นอน อากาศตอนที่เรามาถึงเย็นเลยครับ เข้าไปนอนสบายเลย

7 โมงแล้วได้เวลากินข้าวแล้ว ตื่นล้างหน้าแปรงฟันแล้วไปกินข้าวกัน

เราสั่งข้าวของร้านป้าซื่อเอาไว้ 5 มื้อ ร้านข้าวอยู่หน้าอุทยานนะครับ แต่ถ้าใครอยากสั่งของร้านในอุทยานก็ได้นะครับ กับข้าวมื้อแรกของเราอลังการมากเยอะจนกินไม่หมด น้ำพริกกะปิ เคียงกับบรรดาของทอดและผักต่างๆ และมีแกงจืดฟัก อร่อยสุดๆ

อิ่มท้องแล้วเราก็กลับเข้าไปข้างในเพื่อเตรียมตัว + สัมภาระพร้อมที่จะขึ้นรถ เพราะเราต้องนั่งรถเข้าไปจนถึงจุดเริ่มเดิน แต่ก่อนจะไปพี่เจ้าหน้าที่จะให้เรามาลงทะเบียนกันก่อน เสร็จก็โดดขึ้นรถแล้วออกเดินทางกันเลย

นั่งรถมาสักพักไม่น่าจะเกินชั่วโมงก็มาถึงแล้ว จุดเริ่มเดินเท้าของพวกเรา พี่เจ้าหน้าที่ก็แจกเสื้อชูชีพให้

แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มเดินกันเลย เดินเข้าไปนิดนึงก็เจอกับป้าย "อลังการแห่งลำคลองงู" พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าแวะถ่ายรูปกันก่อนเลย เพราะน่าจะเป็นสภาพร่างกายและหน้าตาที่ยังสดใสอยู่
แหม ... พี่พูดมาแบบนี้พวกผมก็ชื่นใจ ปัดโธ่ !!!

ป่ะเริ่มเดินกันจริงๆ เถอะพวกเราแดดเริ่มร้อนละ สภาพเส้นทางของวันนี้เราเดินลงกันอย่างเดียว ลงไปให้สุด ชันแบบมากๆ ช่วงแรกก็จะเป็นป่าไผ่ เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก เหนื่อยก็หยุดถ่ายรูป หายเหนื่อยก็เดินกันต่อ เดินพ้นป่าไผ่มาเราก็มาเจอกับหิน ทุลักทุเลมาก

ในที่สุดก็มาถึงซักทีน้ำตก เรานั่งพักกันก่อน ถ่ายรูปเล่นกันไปก่อน รอต่อคิวเพื่อจะเข้าไปในถ้ำ

สักพักพี่เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เราเตรียมตัว เซ็ตกระเป๋าให้เรียบร้อย ส่วนของอันไหนที่จะไม่เอาเข้าไปก็สามารถวางกองไว้ตรงนี้ได้ เพราะขากลับเราต้องกลับทางเดิม เตรียมตัวกันเรียบร้อยก็พร้อมไปลุยถ้ำกันเลย เดินลัดเลาะน้ำตกมา จุดนี้ต้องกลายร่างเป็นตุ๊กแกกันหน่อย ผ่านมาแค่ด่านเดียวแวะถ่ายรูปกันอีกแล้ว 555 ล้อเล่นครับคืออันนี้ต้องรอกลุ่มก่อนหน้าเดินไปกันก่อนครับ

ป่ะลุยกันต่อ ทางก็จะเป็นแบบหินๆ ตลอดทางเลยนะครับ มุดบ้าง ปีนบ้างสลับกันไป

แล้วเราก็เข้ามาอยู่ในถ้ำแล้ว พอเข้ามาข้างในรู้สึกทุกอย่างอลังการมาก

จากจุดนี้เข้าไปจะมืดมากใครที่ยังไม่ได้คาดไฟฉายก็เอาออกมาคาดให้เรียบร้อย

และเรากำลังจะลุยน้ำกัน เหมือนเล่นเกมส์เลยต้องผ่านไปเป็นด่านๆ พุ่งตัวไปเกาะฝั่งโน้นฝั่งนี้ สนุกสุดๆ ขาเข้าไปนี่แบบว่ายทวนน้ำตลอด มีเชือกให้เกาะแค่จุดใหญ่ๆ เสียดายที่เราไม่มีภาพมาให้ดู เพราะลำพังแค่เอาชีวิตตัวเองยังลำบาก 555

และแล้วเราก็ได้เจอกับไฮไลจุดแรกของเราในวันนี้ นั่นคือ เสาหิน ที่ตั้งตะหง่านอยู่ข้างหน้าเรา ถึงจุดนี้แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะควักกล้องใหญ่ออกมาถ่ายเก็บไว้ มันสูงใหญ่ และอลังการมาก เพื่อนๆ ก็ช่วยกันส่องไฟให้ ผมก็เอาไฟฉายของพี่เจ้าหน้าที่มาระบายด้วยอีกที ไม่เสียแรงก็พกขาตั้งกล้องอันเล็กไปด้วย

พวกเราก็นั่งกันอยู่สักแปป ก็ได้เวลาต้องเดินกลับกันแล้ว เรากลับทางเดิม มาแบบไหนก็กลับแบบนั้น ขากลับยังดีหน่อยไม่ทวนน้ำเหมือนขาไป ไม่ต้องออกแรงเยอะ ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาถึงปากถ้ำ เดินต่อเพื่อจะกลับไปกินข้าวกลางวัน แต่..แต่.. ขากลับเราต้องโดด เป็นทางลัดที่พี่เจ้าหน้าที่บังคับให้มาและบังคับให้โดด 555

ล้อเล่นนะสำหรับจุดนี้นะใครไม่โดดก็ต้องเดินอ้อม ส่วนกลุ่มเราถือว่ามาแล้วก็ต้องไปให้สุด โดดก็โดดวะ กลุ่มเราก็ทยอยกันโดดจนมาถึงผมกับแฟน แฟนผมไม่กล้าโดดครับ นั่งทำใจอยู่นานสุดท้ายบ่อน้ำตาแตก แต่ก็ยังฮึบโดดลงมาจนได้ โดดน้ำเสร็จเราก็ว่ายขึ้นฝั่งแล้วเดินไปกินข้าวกัน

กินข้าวเสร็จแล้วก็เล่นน้ำกันได้ตามอัธยาศัยเลย ก่อนจะเดินกลับเราก็มาแชะรูปกันสักหน่อย

และนี่คือจุดที่เราโดดลงมาเมื่อกี้ ที่ยืนกันอยู่ตรงนั้นแหละครับ นั่นรอโดดน้ำกัน

กลับแล้วนะ ขากลับนี่กลับทางเดิมเลย คิดสภาพเมื่อเช้าลงมาชันแค่ไหน ขึ้นชันเท่านั้น เล่นเอาเหงื่อแตกหอบเป็นหมาเลยทีเดียว ได้แต่ถามพี่เจ้าหน้าที่เมื่อไหร่จะถึง แถมระหว่างทางเจอฝนตกเข้าไปอีก แต่ยังดีที่แค่ตกมาปรอยๆ รีบเดินดีกว่าเราหิวข้าวจะแย่แล้ว การเดินขึ้นอย่างเดียวคือที่สุดของที่สุดแล้ว สุดท้ายก็มาถึงเหนื่อยสุดๆ แต่มีพี่เจ้าหน้าที่เอาพวกน้ำอัดลมมาขายให้ถึงที่ ได้กินมันก็ชื่นใจ แล้วเราก็นั่งรถกลับไปที่อุทยานกัน พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าระหว่างทางมีตลาดนัด เราเลยแวะตลาดนัดก่อน เดินซื้อของกินกัน แล้วก็โดดขึ้นรถกลับจริงๆแล้ว


มาถึงอุทยานก็แยกย้ายกันไปต่อแถวอาบน้ำ เพื่อเตรียมมากินมื้อเย็นสุดอลังการของเรา นั่นคือ หมูกะทะนั่นเอง 555 ไปที่ไหนที่ไหนเหมือนมันจะขาดไม่ได้เลยหมูกะทะเนี่ย อันนี้เราก็สั่งของพี่ร้านข้าวแหละครับ ชุดละ 500 บาท จัดไปเลย 2 ชุด กินกันให้ตัวแตก แถมยังขอผักพี่เค้าเพิ่มด้วยนะ สุดท้ายก็กินไม่หมด 555 กินเสร็จก็นั่งพูดคุยกันเฮฮา

แต่สภาพอากาศเริ่มจะแย่ ฟ้าแล่บมาเป็นพักๆ แต่อีกไม่นานฝนดันตก ขนมก็ยังกินไม่หมด รีบเก็บผ้า เก็บของเข้าเต็นท์ รอให้ฝนหยุดตก แต่ 3 ทุ่มเข้าแล้วก็ยังไม่หยุด สรุปนอนเลยจร้า เจอกันอีกทีตอนเช้านะ zzz



วันที่ 2 : ถ้ำนกนางแอ่น

ตื่นมาพร้อมกับความปวดเมื่อย ไม่อยากจะลุกเลย ทยอยตื่นกันแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จแล้วก็ออกไปกินข้าวที่เดิม เมนูของเราวันนี้ คือ ซี่โครงหมูทอดกระเทียม แกงไก่ใส่หน่อไม้ และยำไข่ต้มครับ

กินเสร็จก็กลับไปขึ้นรถ วันนี้ไม่ต้องลงทะเบียนแล้ว ขึ้นรถได้เลย ก็รถคันเดิมพี่เจ้าหน้าที่ที่ไปกับเราก็คนเดิม

วันนี้นั่งรถไม่นานก็ถึงแล้ว ก่อนจะเดินกันพี่เจ้าหน้าที่ก็อธิบายเส้นทางให้พวกเราฟังก่อน วันนี้เส้นทางไม่โหดมากถ้าเทียบกับเมื่อวาน วันนี้เดินวนเป็นวงกลม

ระหว่างทางแรกๆก็จะเป็นป่าไผ่ ไปเรื่อยๆก็เริ่มเป็นหิน อ้อ...จำได้มั้ยว่าเมื่อคืนฝนตก วันนี้ทางเลยเละไปหมด แล้วเป็นทางลง ลื่นกันไปก็หลายคน เอาตูดเดินก็หลายคน สนุกสนานกันเลยล่ะครับ

ระหว่างทางก็จะมีจุดชมวิวผานกนางแอ่นครับ

สักพักก็ถึงหน้าถ้ำแล้ว มาถึงตรงนี้ก็มีเวลาถ่ายรูปกันเพราะต้องรอกลุ่มก่อนหน้าทยอยเข้าไปก่อน ตรงนี้เรียกว่า "ประตูทะลุมิติ"

เอาล่ะอยากรู้แล้วใช่มั้ยว่าประตูทะลุมิติมันจะเป็นยังไง แล้วก็ถึงเวลาของกลุ่มเราแล้ว ได้เวลาเข้าประตูทะลุมิติ ต้องนั่งยองๆ ลอดเข้าไปนะ คนตัวใหญ่แบบผมก็เข้าได้นะครับ

เดินเข้ามานิดเดียวก็เห็นแสงสว่างอยู่ข้างหน้า

พอเดินตามแสงแล้วออกไป โอ้ว...ประตูทะลุมิติจริงๆ เหมือนออกมาอยู่อีกโลกอ่า อลังการมาก

แต่ตรงนี้ฝุ่นเยอะมาก อยู่นานๆจะสำลักเอา รีบถ่ายรูปแล้วรีบเดินกันต่อ

เดินลัดเลาะหินไปนิดหน่อยก็มาถึงแล้วจุดกระโดดน้ำจุดแรกของเราในวันนี้ เข้าคิวรอโดดกันได้เลยครับ

ถึงเวลาของพวกเราแล้วก็โดดกันเลย จุดนี้ไม่สูงมาก โดดง่ายกว่าเมื่อวานเยอะ

โดดเสร็จเราก็ลอยๆไปตามน้ำ ลอยๆไปถึงหน้าถ้อีกด้านนึง

จากนี้ไปก็ลอยตามๆน้ำมา จุดนี้มีเชือกให้จับ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เดินขึ้นหินบ้าง ลอยน้ำบ้าง สลับกันไป จนมาออกปากถ้ำอีกฝั่ง พวกเราก็แวะถ่ายรูปกันสักหน่อย

แอ็คกันจนได้ที่ก็พากันเดินต่อไปยังจุดที่จะต้องโดดอีกรอบ อันนี้เดินขึ้นไปในถ้ำ บรรยากาศข้างบนคือดีจ์ มีพวกหินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆ ในนี้มีหินเอเลี่ยน กับหินมือแม่นาคอยู่ (แต่ไม่ได้ถ่ายมา)

ช่วงที่อยู่ตรงนี้ระหว่างเดินก็จะได้ยินเสียงคนกรี๊ดเราเลยคิดเองว่าใกล้ถึงจุดที่จะต้องกระโดดน้ำแล้ว เดินพ้นพวกหินไปก็เจอกับคนที่รอต่อคิวกันโดดน้ำจริงๆ omg!!!

พอเห็นไกลๆ มันสูงใช่เล่นเลยนะ นี่บอกเลยทำใจตั้งแต่เห็นจากมุมสูงตรงนี้ จนเดินไปถึงที่จะโดดยังตื่นเต้นอยู่เลย เห็นมีบางคนก็ถอดใจเดินลงอีกทางแต่ถามพี่เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่ามันอันตรายไม่อยากให้ไปแบบนั้น เพราะมันเป็นหินลาดชันลงไปจนถึงน้ำเลย ถ้าไถลก้นให้ดีๆ

แต่พวกเราก็ตัดสินใจโดดกันหมดนะครับ มีบ้างบางคนที่ลังเล 555 เอาจริงๆพอยืนอยู่ตรงที่ต้องโดดก็หวั่นๆใจแป่วอยู่เหมือนกันนะเนี่ย พี่เค้าบอกตรงนี้ที่จริงมันประมาณ 6 เมตร แต่ตอนนี้น้ำยังมีอยู่ก็น่าจะประมาณ 4 เมตรได้ เอาวะ โดดก็โดดเพราะถ้านานกว่านี้โดนกลุ่มข้างหลังกดดันแน่ๆ 1 2 3 ตู้ม..(น้ำกระจาย) น้ำลึกมาก แต่โคตรสนุกเลยครับ

เสร็จก็ต้องรีบว่ายขึ้นฝั่งคนข้างหลังจะได้โดดลงมาได้ แล้วก็รอให้เพื่อนๆในกลุ่มโดดให้หมด หลังจากนั้นพี่เจ้าหน้าที่ก็พาเราลอยคอตามน้ำไปเรื่อยๆ จุดนี้พี่เค้าบอกให้นอนหงายดูวิวข้างบน เฮ้ย!! มันสวย มันอลังการมาก ลอยไปได้แปปนึฃก็ต้องไต่เชือกตามน้ำเพื่อขึ้นฝั่ง ตอนแรกคิดว่าจะมีลอยอีก ไม่มีแล้วครับ ครบหมดแล้วกิจกรรมทางน้ำของเราในวันนี้ คราวนี้เราก็เดินขึ้นไปที่จอดรถ อันนี้ก็เดินขึ้นอย่างเดียวชันหน่อยแต่ระยะทางสั้นกว่าเมื่อวานนี้เยอะครับ เดินไม่นานก็มาถึงที่จอดรถแล้ว

แล้วก็นั่งรถกลับไปที่อุทยาน แยกย้ายกันอาบน้ำ แล้วไปกินข้าว เสร็จแล้วก็เก็บของ เก็บเต็นท์ ขนขึ้นรถตู้แล้วกลับบ้านกันแล้ว

ทริปนี้สนุกมากจริงๆครับ ได้ครบทุกรสชาติ เปิดมุมมองใหม่เปิดประสบการณ์ใหม่สำหรับการเดินป่าของพวกผมมาก ได้เอาชนะความกลัวในหลายๆด่าน เอาชนะใจตัวเอง บางคนในกลุ่มว่ายน้ำไม่เป็นแต่ก็ใจสู้ บางคนไม่กล้าโดดน้ำแต่ก็โดด ทริปนี้ผมของยกให้เป็นทริปแห่งปี 2018 เลยครับ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีกแน่นอน


ขอบคุณแอดมินเพจ เข้าป่าหาผัว ที่โทรจองทริปนี้ให้เรา

ขอบคุณคลิปวีดิโอความสนุกของพวกเรา จากแอดมินเพจ Kem life

ขอบคุณพี่ น้อง เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คนที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี

ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่มาสนุกกันในครั้งนี้

และต้องขออภัยสำหรับบางจุดที่ไม่สามารถเก็บภาพมาให้เพื่อนๆ ดูได้จริงๆ

แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้า ....



ค่าใช้จ่าย

รถตู้ (เหมา) 8,000 บาท

ทัวร์อุทยาน 4,100 บาท

  • ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 3,300 บาท
  • ค่ารถรับส่งจุดเดิน 2,800 บาท
  • ค่าชูชีพ 1,000 บาท

ค่าเข้าอุทยาน + กางเต็นท์ทั้งหมด 730 บาท

ค่าอาหาร 5 มื้อ 4,000 บาท

รวม 16,830 บาท / 10 คน

เฉลี่ยคนละ 1,683 บาท

(ยังไม่รวมค่าขนมนมเนย เครื่องดื่มนะครับอันนี้แล้วแต่ของแต่ละคนเลย แต่สำหรับกลุ่มเราทั้งหมดก็ประมาณ 2,000 บาทครับ)


คลิปสนุกๆ จะเพื่อนเจ้าของเพจ Kem Life ไปลองดูกันเลยครับ



เที่ยวแบบเรา : Once-a-month

 วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.00 น.

ความคิดเห็น