บันทึกการเดินทางครั้งนี้เป็นทริปเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้มาเยี่ยมเยือนดอยผาหมี อ.แม่สาย จ.เชียงรายแห่งนี้ แม้จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน แต่อากาศกลับไม่ได้ร้อนอย่างที่คิด ในตอนเช้ามีหมอกบางๆ และอากาศค่อนข้างเย็นทีเดียว

.

ครั้งหนึ่งที่ดอยผาหมีแห่งนี้ ในหลวงรัชกาลที่9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ ด้วยสมัยก่อนที่หนทางค่อนข้างลำบาก พระองค์จึงต้องทรงม้าไต่ไปตามไหล่เขา อันเป็นที่มาของภาพถ่ายที่ผมเชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นผ่านตา ภาพถ่ายที่รอบด้านเป็นภูเขาสูง ดูแห้งแล้ง มีหมู่บ้านชาวเขาเพียงไม่กี่หลังคาเรือนและมีเจ้าชายทรงม้าดูสง่างาม ภาพถ่ายใบนั้นกับดินแดนในปัจจุบันที่ผมกำลังจะพาพวกเราไปสัมผัส “ดอยผาหมี”

.

การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงราย ใช้เส้นทางไปยัง อ.แม่สาย ก่อนถึงแม่สายราว 7 กิโล จะมีแยกซ้ายมือใกล้ๆ กับร้านจันกะผัก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปจากแยกอีกราว 3 กิโล ก็จะถึงบ้านผาหมี ถนนหนทางลาดยางอย่างดี จะมีชันบ้างเล็กน้อยตรงก่อนถึงหมู่บ้านเท่านั้น รถยนต์ไปได้สะดวกสบาย

อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL

https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP

การเดินทางในครั้งนี้เราเริ่มต้นกันที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เมื่อลงมาจากเครื่อง พวกเราก็ตรงไปที่บูชของรถเช่า ChicCarrent สีเหลืองโดดเด่น ก่อนหน้านี้เราได้ทำการจองรถผ่านเว็ปไซต์มาเรียบร้อยแล้ว พอมาถึงก็แค่มายื่นเอกสาร ทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่บอก แป็บเดียวก็รับรถขับออกไปได้เลย

สำหรับขั้นตอนการจองก็ง่ายๆ เหมือนจองเครื่องบินทั่วไปนั่นแหละ ขั้นตอนแรกก็ไปที่หน้าเว็ปไซต์ http://www.chiccarrent.com/ ระบุสถานที่รับรถ วันที่ ช่วงเวลา จากนั้นระบุสถานที่คืนรถ วันที่และเวลาเหมือนกัน จากนั้นก็กด Find a Car

พอกรอกเสร็จ ระบบจะมีรุ่นรถขึ้นมาให้เราเลือก เราก็เลือกตามการใช้งานได้เลยครับ ไปเที่ยวกันเยอะก็คันใหญ่ ไปกันน้อยก็คันเล็กๆ

รถเช่าจะจอดอยู่บริเวณลานจอดรถของสนามบิน เจ้าหน้าที่จะพาเราไปที่รถ แจ้งการเติมน้ำมัน เช็คจุดที่เป็นรอยเสียหายอยู่ก่อนแล้ว

ลืมบอกไปว่า นอกจากที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงรายแห่งนี้แล้ว ทาง ChicCarrent ยังมีสาขามากถึง 10 สาขาตามเมืองชั้นนำของการท่องเที่ยวอีกด้วย

พร้อมแล้วววววว สำหรับทริปเชียงราย หลังจากรับรถเช่าออกมาจากสนามบินก็มุ่งหน้าไปที่ อ.แม่สาย วันนี้แม้จะเป็นวันสงกรานต์แต่รถก็ไม่เยอะเท่าไหร่นัก ก่อนถึง อ.แม่สายราว 7 กิโลเมตร จะมีป้ายให้เลี้ยวซ้ายไปบ้านผาหมี แยกนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับร้านจันกะผัก เห็นป้ายก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย เข้าไปอีกราว 3 กิโลเมตรก็ถึงบ้านผาหมี

เมื่อมาถึงบ้านผาหมีหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่มากนัก ปัจจุบันมีราว 300 กว่าหลังคาเรือน รูปทรงก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เป็นแบบกึ่งปูนผสมไม้ ชาวบ้านที่นี่เกือบทั้งหมดจะเป็นชาวเขาเผ่าอาข่า พอมาถึงก็สะดุดตากับร้านกาแฟร้านนี้ขึ้นมาทันที “โอโซนผาหมี”

ดอยผาหมีในปัจจุบันจะมีร้านแนวนี้อยู่หลายร้าน ตกแต่งคล้ายๆ กัน มีที่นั่งชมวิวจิบกาแฟ นั่งทานอาหารแพลินๆ อย่างร้านนี้ก็เอาซังข้าวโพดมาตกแต่งดูแปลกตาไปอีกแบบ

วิวทิวทัศน์จะประมาณนี้ทุกร้าน ด้วยล้อมรอบไปด้วยภูเขาหินปูนรูปทรงแปลกตา

ส่วนร้านนี้จะอยู่ตรงข้ามกับร้านโอโซนผาหมี ชื่อว่าร้าน 71 มีจุดนั่งชมวิวทิวเขาหินปูนที่สวยงามเช่นกัน

วิวทิวทัศน์จากร้าน 71 นี่ขนาดเป็นฤดูร้อนก็ยังงดงาม ที่สำคัญราคาขนม อาหาร และกาแฟของร้านที่นี่ไม่ได้แพงอย่างที่คิดเอาไว้ด้วยนะครับ

เดินขึ้นดอยมาอีกนิด ร้านนี้มีชื่อว่า “ร้านกาแฟดอยผาหมี” เป็นร้านที่มีลูกค้าเข้าออกเยอะที่สุดในเวลานี้ที่ลุงม่วงมา แค่ได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกก็น่าลองเข้าไปนั่งเสียแล้ว เพราะดูคลาสสิคสวยงามทีเดียว

ภายในร้านตกแต่งได้อย่างสวยงาม โล่งโปร่งสบาย ลุงม่วงมาสะดุดตากับภาพเก่าใบนี้ซึ่งเป็นภาพของชาวเขาเผ่าอาข่าในสมัยเก่า นอกจากภาพใบนี้ก็ยังมีภาพเก่าๆ สวยงามอีกหลายภาพเลยทีเดียว

มุมนั่งชมวิวของร้านกาแฟดอยผาหมี ก็มีทิวทัศน์ที่สวยงามไม่แพ้อีกสองร้านที่ผ่านมาเช่นกัน

เดินขึ้นดอยมาไม่ไกลก็มาถึงร้านที่ดังที่สุดของดอยผาหมี ชื่อว่าร้าน “ภูฟ้าซาเจ๊ะ” ก้าวแรกเมื่อเดินเข้ามาในเขตของร้านก็สะดุดตากับภาพนี้ที่ติดเอาไว้ข้างฝาบ้านขนาดใหญ่

เข้ามาภายในร้านเราจะพบกับภาพของในหลวงรัชกาลที่9 เมื่อครั้งเสด็จมาที่ดอยผาหมีติดเอาไว้รอบๆ ร้านเป็นจำนวนหลายภาพ อย่างภาพนี้เป็นภาพของเหรียญที่ใช้แทนบัตรประชาชนที่พ่อหลวงมอบให้แก่ชาวเขาที่นี่ เมื่อเวลาเดินทางไปไหนจะได้สะดวกประหนึ่งคนไทยคนหนึ่งภายใต้พระบรมโพธิสมภาร

วิวทิวทัศน์ของร้านภูฟ้าซาเจ๊ะก็งดงามไม่แพ้ร้านอื่นๆ เช่นกัน ที่นี่มีอาหาร ขนม กาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ ให้ได้นั่งชมวิวเพลินๆ และที่สำคัญที่นี่ยังมีบ้านพักเอาไว้รับรองนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ภาพนี้ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของที่นี่ ในภาพมีพ่อหลวงซาเจ๊ะเจ้าของร้านภูฟ้าซาเจ๊ะแห่งนี้ ที่คอยเดินตามในหลวงรัชกาลที่9 เมื่อครั้งพระองค์เสด็จมาที่ดอยผาหมีแห่งนี้นั่นเอง

ลืมบอกไปว่าถ้านักท่องเที่ยวจะมาค้างแรมที่นี่ ดอยผาหมีจะมีบ้านพักให้นักท่องเที่ยวได้ค้างแรมเพียง 2 แห่งเท่านั้น คือที่ภูฟ้าซาเจ๊ะแห่งนี้ และที่บูซอโฮมสเตย์ ซึ่งอยู่ด้านบนขึ้นไปอีก หรือจะมากางเต็นท์ค้างแรมที่นี่ก็มีลานกางเต็นท์ มีห้องน้ำสะดวกสะอาดไว้บริการเช่นกันที่ลานวัฒนธรรมของดอยผาหมีแห่งนี้

ใครเลยจะคิดว่าวันหนึ่งดินแดนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเต็มไปด้วยยาเสพติดจะมีแต่ความสงบ ดินแดนที่ยากจะเข้ามาสัมผัสกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความสนใจ ดินแดนที่มีแต่ความแห้งแล้งจะกลายเป็นแหล่งผลิตกาแฟขึ้นชื่อระดับประเทศ


ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อพระองค์เสด็จมา


ด้านบนของร้านภูฟ้าซาเจ๊ะ ยังมีดาดฟ้าเอาไว้นั่งชมวิวอีกด้วย

ความงดงามของดินแดน ทิวเขาหินปูนสลับซับซ้อน คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มหันมาให้ความสนใจ แต่ผมยังคิดว่าทุกย่างพระบาทของพ่อหลวงที่นำมาซึ่งความสงบความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ทุกคนอยากตามรอยพ่อ นี่คือเหตุผลหลักที่หลายคนอยากมาที่นี่ ไม่เว้นแม้แต่ผม

อีกมุมหนึ่งของร้านภูฟ้าซาเจ๊ะ ที่อยากให้ทุกท่านมาสัมผัส คือมุมที่พระองค์ในหลวงรัชกาลที่9 ทรงประทับเสวยน้ำชา

บ้านไม้เรียบง่ายแห่งนี้คือพื้นที่แห่งความทรงจำอันยิ่งใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยต้อนรับในหลวงรัชกาลที่9 และมุมนี้คือมุมที่พระองค์ทรงประทับ นั่งพักเสวยน้ำชา ปัจจุบันบ้านหลังนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของพ่อหลวงซาเจ๊ะ

ภาพในหลวงรัชกาลที่9 ทรงนั่งจิบชาที่พ่อหลวงซาเจ๊ะรินให้เสวย เด็กน้อยข้างหลังภาพ คือ ลูกของพ่อหลวงซาเจ๊ะกำลังวิ่งเล่นมุดไปมาใต้โต๊ะ แต่ทรงไม่ถือพระองค์แต่อย่างใด

ทั้งหมดคือเรื่องราวของ “ดอยผาหมี...ตามรอยพ่อ ด้วยความคิดถึง”

หลังจากเที่ยวที่ดอยผาหมีจนเต็มอิ่มแล้ว ช่วงบ่ายวันนี้พวกเราแวะไปเที่ยวกันต่อที่ไร่ชาฉุยฟง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ก่อนจะกลับเข้าตัวเมืองเชียงราย

วันนี้ผู้คนค่อนข้างเนืองแน่น อากาศก็ไม่ถึงกับร้อนมากนักแม้จะอยู่ในช่วงฤดูร้อนก็ตาม ไร่ชาฉุยฟงในวันนี้ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก มีมุมนั่งทานอาหารเครื่องดื่มหลายมุมทั้งบริเวณทางเข้าและตรงจุดนี้ซึ่งอยู่ด้านในสุด

เครปชาเขียวกับชาเขียวปั่น ต้องลองซักหน่อยเดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึง ฮ่าๆ

มุมมหาชนของไร่ชาฉุยฟง กับวันสบายๆ อีกหนึ่งสถานที่ที่มาเชียงรายไม่ควรพลาด

ขากลับเข้าเมืองเชียงราย ผ่านทุ่งนา แปลกใจว่าฤดูร้อนที่นี่ก็ทำนากันด้วยนะ ดูเขียวชอุ่มสดชื่นทีเดียว

ขอจบทริปเชียงรายสีสันฤดูร้อนแต่เพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ

แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไป สวัสดีครับ



อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL

https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP

ม่วงมหากาฬ

 วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.20 น.

ความคิดเห็น