หลังจากนอนพักเต็มอิ่มกับที่พักแห่งใหม่ เราก็มีแรงลุกกันแต่เช้าในวันนี้สำหรับการออกตะลอนอีกครั้ง

ekfomsibm85z
k32tyv7w6zyi

สถานีรถไฟฮากาตะ

tr9b06j3e92m
be5a34bgzykd

เช้านี้เราต้องจับรถไฟชิงคันเซน SAKURA540 เที่ยว 06.59 น. ออกเดินทางสู่ฮิโรชิมา (Hiroshima) ซึ่งจุดหมายปลายทางคือเกาะมิยาจิมา (Miyajima)

33230wd54fom
3bid84tffgwf

หลังจากใช้เวลาเดินทาง 87 นาที รถไฟก็พาเราถึงฮิโรชิมา จากสถานี JR ต้องไปต่อรถไฟ JR Sanyo Line จากสถานี Hiroshima มาลงที่ สถานีมิยาจิมากูจิ (Miyajimaguchi) ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที

1i3fvvr5rk85

สถานีรถไฟฮิโรชิมา

fopqnjo5qy3m

สถานีรถไฟมิยาจิมากูจิ

จากนั้นเดินไปขึ้นเรือเฟอร์รี่เพื่อไปเกาะมิยาจิม่า สามารถใช้ JR Pass ได้ ไม่ถึง 10 นาที เรือก็จอดเทียบท่า

i0sbjrn77z0m

มีบัตร JR Pass ไปขึ้นเรือ JR ได้เลยค่ะ

4kwrodekm658
uipgt4sg71yk

รอเรือเข้าเทียบท่า

l4ydgilb5lxc

ของอีกบริษัทหนึ่ง

8zljoo5536z3

ออกจากฝั่งมาแล้วค่ะ

d56ylngchxdm

เพียงแป๊บเดียวก็เห็นที่หมายแล้ว

44gxcssdvl44

บรรยากาศบนเรือ

s0qcyzbd14jw

จากท่าเรือ เราก็เดินเลียบเกาะมาตามทางจะเห็นร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านขนมหลายร้าน เดินไปจนสุดทางจะเห็นเสาโทริอิสีแดงกลางน้ำ ส่วนศาลเจ้ากลางน้ำจะอยู่ทางซ้ายค่ะ

zhnqzxbr4i7z
cus30klep0t1

เจ้าพวกนี้มีมากมายบนเกาะ

dwdtlylpokt8
gj4uvgogme4w
rjxw1n4c3dm2

มีเรือเข้า-ออกตลอด ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องพลาดเที่ยวเรือเลย

v51nkio7i60r
3gw0fyf6w9ku

เกาะ Miyajima เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เกาะศาลเจ้า" ตามเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ มีศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima shrine) และเสาโทริอิกลางน้ำของศาลเจ้า ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 วิวสุดยอดของญี่ปุ่น (nihon sankei) ได้แก่ Matsushima, Miyajima และ Amanohashidate เลยทีเดียว

n9mwvigwro1g

ช่วงเช้าจะเป็นช่วงน้ำขึ้นค่ะ

jp7wr74drqv9

จุดเด่นของที่นี่คือเสาโทริอิกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ น้ำขึ้น-น้ำลงตลอดทั้งวัน แต่ไม่ว่าจะน้ำขึ้นหรือน้ำลงก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไปค่ะ เวลาน้ำขึ้นมากๆ ที่นี่จะมีบริการทัวร์ล่องเรือ ประมาณ 30 นาที โดยเรือจะแล่นลอดใต้ซุ้มประตูแล้ววนรอบอ่าว ส่วนเวลาน้ำลง ก็เป็นช่วงเวลาที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าเข้าไปถ่ายรูปกับเสาได้ใกล้ๆ

67gdz1mqun6o

ที่เห็นคือเรือพาทัวร์รอบๆ รวมพาไปลอดใต้เสาโทริอิด้วย

ศาลเจ้าอิสึกุชิมะเป็นอาคารไม้สีแดงหลังใหญ่ ที่นี่เป็นศูนย์รวมทางศาสนาของคนบนเกาะ แต่เดิมเกาะมิยาจิมะเปรียบเสมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้นับถือนิกายชินโต ตามความเชื่อของคนสมัยก่อนที่ค่อนข้างเคร่งในเรื่องความบริสุทธิ์ ห้ามไม่ให้มีการเกิดการตายบนเกาะ เพราะขนาดเวลามีเด็กใกล้คลอด และคนใกล้ตาย ยังต้องส่งไปบนฝั่ง รวมถึงห้ามมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ บนเกาะด้วย ต่อมาจนกระทั่งมีแผนการก่อสร้างศาลเจ้า ตัวอาคารจึงถูกสร้างล้ำลงมาในทะเล เช่นเดียวกับเสาโทริอิ อย่างที่เห็น ศาลเจ้าลอยน้ำแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ.1996

oekyxsze0wwy

ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ

เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปมองเห็นอาคารไม้ขนาดใหญ่กับเจดีย์บนเนินเขาด้านขวา เลยตัดสินใจแวะขึ้นไปชมซะหน่อย ด้านบนนี้คือศาลเจ้าโฮโกกุ (Hokoku) หรืออีกชื่อนึงคือ เซนโจกากุ (Senjokaku) หรือภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ หรือ พลับพลาแห่งเสื่อพันผืน” โดยความกว้างของอาคารเทียบเท่ากับเสื่อทาทามิ 1,000 ผืนวางต่อกัน สะท้อนถึงความใหญ่โตของอาคารหลังนี้ได้เป็นอย่างดี ส่วนเจดีย์ 5 ชั้น เป็นศิลปะผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบจีนและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน ตั้งอยู่ข้างๆ

z3gzj1jomw4x
dcx2ul8zil0y

ศาลเจ้าโฮโกกุ

10meav0d25ly
zncd88u5s0vp
r8ait48851pf
cntikrcfymf4
whq4r7wowusl
40764c4fs2i5

เราเดินเล่นอยู่บนเกาะนั้นสักพักจนเห็นว่าสมควรแก่เวลาก็เดินทางกลับสู่ฝั่ง เพราะเรามีแผนเดินทางต่อเพื่อไปขึ้นรถไฟไปเที่ยวอีกขบวนนึงอีก วันแห่งชีพจรลงเท้าจริงๆ

64z074bnq4a9

จากฮิโรชิมาเราจะเดินทางไปเมืองท่าโมจิ (Mojiko) โดยนั่งชิงคันเซน SAKURA553 มาต่อรถไฟ JR Kagoshima Line ที่เมืองโคคุระ (Kokura)ไปอีก 3 สถานี ส่วนชิงคันเซนจะวิ่งลอดอุโมงค์ใต้ทะเลข้ามเกาะกลับไปโอซาก้า โตเกียว ของเกาะฮอนชู การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลา 98 นาที

rm1nqlhpxx9x

กลับมาขึ้นชิงคันเซนที่ฮิโรชิมาค่ะ

bzxyhs3rr0im
vr95y6khqjgk
s3j6vwdbzd47

ที่สถานีโคคุระ

5gagr6xc35en
ciu3uatugfpo

เมืองโมจิโกะนี้เป็นจุดที่อยู่สูงที่สุดของเกาะคิวชู (Kyushu) และมีอุโมงค์ลอดใต้ช่องแคบ Kanmon เพื่อเชื่อมต่อไปยังเกาะฮอนชู อุโมงค์นี้เป็นอุโมงค์ที่รถไฟชิงคันเซ็นวิ่งและยังมีทางเดินเท้าและทางจักรยานให้คนสัญจรถึงกันระหว่างเกาะด้วย ที่นี่เป็นเมืองชายฝั่งทะเล คล้ายกับเมืองฮาโกะดาเตะบนเกาะฮอกไกโด เป็นท่าเรือค้าขายกับต่างชาติมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เป็นเมืองที่มีอาคารรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบยุโรปย้อนยุคหลายอาคาร

เมื่อเดินทางมาถึงเราพบว่าสถานีโมจิโกะ (Mojiko Station) ปิดซ่อมแซมครั้งใหญ่ หลังจากปรับปรุงน่าจะสวยงาม จากภาพเก่าที่เห็นสถานีนี้เป็นสถานีที่คลาสสิคที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เป็นอาคารสถาปัตยกรรมทรงยุโรปที่ยังคงสภาพสวยงาม แต่ตอนนี้ทำกำแพงปิดไว้แล้วนำงานศิลปะติดตั้งให้เดินชมตลอดแนวทางเดินแทน

w7hhmq3o7vsh

สถานีโมจิโกะ

7f47glt0iovn

บริเวณสถานีมีมุมเก๋ๆ ที่มีเสื้อและหมวกนายสถานีให้ใส่ถ่ายรูปได้ฟรีค่ะ เป็นบริการดีๆ ของสถานีแห่งนี้ เรามีเวลากับเมืองนี้ไม่นานค่ะ แค่แวะมาทักทายเพราะจริงๆ แล้วเราเดินทางมาขึ้นรถไฟอีกขบวนต่างหาก แต่ระหว่างรอเวลาประมาณ 40 นาที ออกไปเดินเล่นชมเมืองกันหน่อยดีกว่า

4isl72k328p9
vl3bnvoy8xms
zo85xru888rn

ส่วนที่ปิดซ่อมมีงานศิลปะมาตกแต่งไว้

3giypmpnhmq0

เราเดินออกไปชมทิวทัศน์บริเวณท่าเรือ ซึ่งท่าเรือโมจิ (Mojiko) เปิดมามากกว่า 120 ปี ถือเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสามรองจากโกเบ (Kobe) และโยโกฮามา (Yokohama) และด้วยความที่บริเวณนี้เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง 2 เกาะคือคิวชูและฮอนชู ในอดีตบริเวณนี้จึงเป็นเมืองท่าที่สำคัญในทางการค้า ว่ากันว่าสมัยสงครามโลกจุดที่อเมริกาต้องการจะทิ้งระเบิดปรมาณูนั้นคือบริเวณคิตะคิวชู (Kitakyushu) นี้ แต่ด้วยความที่วันปฏิบัติการมีเมฆมากบริเวณนี้ เล็งเป้าหมายลำบากจึงไปทิ้งระเบิดที่นางาซากิ (Nagasaki) ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมและเป็นเมืองท่าอีกแห่งหนึ่งแทน

r7krh5n5l31c
0mi6ttl659sn
5kx723oflze4

ทางเดินริมทะเลสามารถมองเห็นสะพานข้ามระหว่างเกาะฮอนชูและคิวชู บรรยากาศดีมากๆ ค่ะ อาคารส่วนใหญ่นั้นเป็นอาคารสถาปัตยกรรมตะวันตก อาจด้วยความที่เป็นเมืองท่า เลยได้รับอิทธิพลทางด้านสถาปัตยกรรมติดมาด้วย

336pb8icwoe9
ij19p9p1r9si

ว่ากันว่าสิ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของโมจิโกะก็คือ กล้วยหอม เนื่องจากกล้วยหอมไม่ใช่พืชที่ปลูกที่นี่ จึงเป็นสินค้านำเข้ามาทางเรือ ที่นี่ก็เลยเป็นศูนย์กลางกระจายกล้วยหอม ว่ากันว่าถ้ามาถึงที่ท่าเรือในช่วงเช้าจะพบกับแผงขายกล้วยหอมตั้งอยู่โดยรอบเลยทีเดียว

fr4b3c5oiom2
d2lv9wjm8jqf
al1iarzr7qga

มีบริการรถลากชมเมืองด้วย

เรายืนชมวิวของน้ำทะเลสีสดและชื่นมื่นกับความสงบเงียบของท่าเรือโมจิกันได้ไม่นานก็ต้องเร่งฝีเท้ากลับไปที่สถานีรถไฟเพราะจวนได้เวลารถไฟขบวนพิเศษสู่ฮากาตะหรือฟูกุโอกะที่จองไว้จะเข้าเทียบชานชาลาแล้ว รถไฟญี่ปุ่นยิ่งตรงเวลาเป๊ะๆ เสียด้วย ช้าไม่ได้เลย

ip26yrq8jc1a

เราจะไปไหนกันต่อ ไว้มาติดตามการเดินทางของเรากันค่ะ

ว่างๆ แวะไปทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กกันได้ค่ะที่ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

ความคิดเห็น