วันนี้เป็นวันแรกที่เราจะอยู่กับที่ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้มีไม่บ่อย วันนี้ไม่มีโปรแกรมเดินทางไปต่างเมืองค่ะ แต่จะอยู่เที่ยวในเมืองแทน ดูเหมือนว่าวันนี้ฟ้าจะเป็นใจ ฟ้าใสแดดดี สนับสนุนส่งเสริมให้เราเดินเที่ยวเล่นในเมืองจริงๆ ค่ะ
เช้านี้เป็นเช้าแรกที่ไม่ต้องรีบร้อนอะไร ตื่นแบบสบายๆ จัดการกับตัวเองแล้วก็พากันออกเดินชมเมืองกัน เราพากันไปเดินย่านเทนจิน (Tenjin) ซึ่งนับเป็นย่านที่เรียกว่าเป็นหัวใจของเมืองฟูกุโอกะหรือเกาะคิวชูเลยก็ได้ เรียกว่าเป็น downtown area ของเมืองฟูกุโอกะ โดยในบริเวณนี้จะมีร้านรวง และห้างใหญ่ๆ มารวมตัวกันอยู่มากมาย เรียกว่าถ้าตั้งใจจะมาเดินช้อปปิ้งซื้อของกันจริงๆ วันเดียวก็ไม่พอ มีสินค้าให้เลือกซื้อหลากหลายชนิด ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า แบรนด์เนมหนังสือ เครื่องสำอางค์ต่างๆ รวมไปถึงร้านอาหารอีกมากมาย
ช่วงนี้ดอกซากุระเริ่มบานให้ได้เห็นมากขึ้นแล้ว ในวันแดดดีแบบนี้ทำให้ได้เห็นซากุระหลากพันธุ์แข่งกันอวดสีสันตามเส้นทางที่เราผ่าน ได้เห็นแบบนี้ค่อยรู้สึกคุ้มค่าสมกับที่มาเยือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิให้ได้กลับไปคุยอวดได้บ้าง เพราะหลายวันที่ผ่านมาบ้างเจอแต่ฟ้าหม่นมัว บ้างดอกซากุระยังไม่บาน บ้างฝนตกกระหน่ำจนเที่ยวไม่ได้ วันนี้เพิ่งจะรู้สึกว่าเป็นการเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิอย่างแท้จริง
เมื่อเรามีเวลาเหลือเฟือจึงเกิดไอเดียไปเที่ยวศาลเจ้าเทนมานกุ (Tenmangu Shrine) ที่ดาไซฟุ (Dazaifu) เพราะเป็นศาลเจ้าเทนมานกุที่มีชื่อเสียงติดหนึ่งในสองจากบรรดาศาลเจ้าเทนมากุนับพันๆ แห่งในญี่ปุ่นเลยทีเดียว จะเป็นรองก็เพียงแค่ศาลเจ้าคิตาโน่ เทนมานกุ (Kitano Tenmangu) ที่ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโตเท่านั้นเอง
ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองดาไซฟุ (Dazaifu) ซึ่งห่างจากฟูกุโอกะเพียง 15 กิโลเมตร การเดินทางไปดาไซฟุจะต้องไปตั้งต้นที่สถานี Tenjin สามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟ JR และ Subway เมื่อเดินทางถึงสถานี Tenjin แล้ว ให้เดินออกไปทางห้าง Parco ตามป้ายที่เขียนว่า Nishitesu ขึ้นไป จะเจออีกทางเข้าของสถานี Nishitetsu Fukuoka Station ให้เดินเข้าไปที่ Ticket office และขอซื้อตั๋วได้เลย ตรงบริเวณเคาน์เตอร์มีป้ายบอกแนะนำตั๋วชนิดนี้อยู่แล้วค่ะ
เส้นทางรถไฟ เริ่มต้นจากสถานี Nishitetsu Fukuoka ไปลงที่สถานี Nishitestsu Fukakaichi ก่อน ซึ่งใช้เวลาประมาณ20 นาที เพื่อเปลี่ยนขบวนขึ้น Dazaifu Line ต่ออีกประมาณ 5 นาที ก็จะถึงที่หมาย เบ็ดเสร็จรวมเวลารอรถไฟด้วยไม่น่าจะเกิน 45 นาที
เมื่อออกจากสถานีก็เดินตามๆ คนอื่นเขาไปเลยค่ะ มีแต่คลื่นมหาชนอยู่แล้ว ระหว่างทางเดินจากสถานี Dazaifu ไปยังเป้าหมายของเราจะพบกับเสาโทริอิ ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าของถนนที่มีร้านค้าต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านขนม ของฝาก ร้านอาหาร สามารถแวะทานกันได้ที่นี่ และที่มีมากที่สุดก็คือ ขนมโมจิย่างไส้ถั่วแดง(Umegae Mochi) ที่เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ซึ่งมีมากมายหลายร้านจนแทบไม่รู้เลยว่าร้านไหนอร่อยที่สุด เพราะคนต่างถิ่นอย่างเรา ไปเจอขนมรสชาติแปลกๆ ก็อร่อยทุกร้านเลย อย่างไรถ้ามาถึงแล้วก็ต้องลองชิมกันนะคะ จะเป็นแป้งโมจิย่างหอมๆ กรอบนอกนุ่มใน แค่ไปยืนดูการทำก็เพลินแล้ว
อีกร้านที่ห้ามพลาดคือร้านสตาร์บัคส์ (Starbucks) ของที่นี่ ไม่ว่าใครที่มาที่นี่ก็ต้องสะดุดตากับเจ้าสถาปัตยกรรมชิ้นนี้มาก เพราะมันช่างโดดเด่นสะดุดตาและไม่เหมือนสาขาไหนๆ สตาร์บัคส์สาขานี้โด่งดังในหมู่สถาปนิกมาก เป็นผลงานของ Kengo Kuma ที่ขึ้นชื่อเรื่องการดีไซน์ได้อย่างสวยล้ำ
ได้เวลาเข้าไปเที่ยวศาลเจ้าเทนมานกุแห่งดาไซฟุกันแล้วค่ะ
ศาลเจ้าเทนมานกุ แห่งดาไซฟุ เป็นหนึ่งในสองของศาลเจ้าเทนมานกุที่สำคัญที่สุดในบรรดาศาลเจ้าเทนมานกุทั้งหมดกว่าพันแห่งในญี่ปุ่นโดยเริ่มต้นสร้างในยุคเฮอัน เพื่อสักการะนักปราชญ์ชื่อ สุกาวะระ มิชิซาเนะ (Sugawara Michizane) ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการศึกษา ดังนั้นศาลเจ้าแห่งนี้จึงเป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อในเรื่องการขอพรเกี่ยวกับการศึกษา จึงมักมีเด็กนักเรียนนักศึกษาแวะเวียนมาขอพรอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงใกล้สอบค่ะ
จากทางเข้าต้องข้ามสะพานรวม 3 สะพาน และผ่านเข้าประตูหลักที่มีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ เมื่อเดินเข้ามาในเขตศาลเจ้าจะพบรูปปั้นวัวขนาดใหญ่ ซึ่งผู้คนนิยมลูบหัวเพื่อขอให้มีสติปัญญาดีสุขภาพแข็งแรงค่ะ และข้างๆกับศาลเจ้าจะมีพิพิธภัณฑ์ของศาลเจ้าอยู่ด้วยภายในจะมีการจัดแสดงประวัติของ สุกาวะระ มิชิซาเนะ ผ่านตุ๊กตา การจัดแสดงสมบัติต่างๆ รวมถึงเอกสารอายุมากกว่าพันปี
เรามาเที่ยวในวันนี้ผู้คนค่อนข้างเยอะเหมือนกัน อีกทั้งศาลเจ้ามีพิธีกรรมอะไรสักอย่างพอดิบพอดีเลยได้ยืนติดขอบสนามดูกันเลย แต่ละคนแต่งชุดเต็มยศกันทีเดียว นับเป็นโชคดีที่ได้มาเห็นพิธีกรรมแปลกตาเช่นนี้จริงๆ
ภายในบริเวณศาลเจ้าทางด้านหลังจะมีซุ้มที่เป็นบันไดเลื่อนยาวๆ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเกาะคิวชู (Kyushu National Museum) ถ้าใครสนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไปชมได้ค่ะ ตัวอาคารจะออกแบบไว้เก๋ไก๋มาก เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่เป็นสีน้ำเงิน เราสองคนไม่ได้ชมโดยละเอียดค่ะ ไปชมแค่บางส่วนก็กลับเพราะอาหารกลางวันยังไม่ตกถึงท้องเลย คงต้องไปหาอะไรใส่ท้องกันเสียที
จากศาลเจ้าเราเดินกลับออกทางเดิมเพื่อไปขึ้นรถไฟกลับเข้าเมืองไปหาอะไรทานกันค่ะ ร้านที่นี่คงไม่ไหวเพราะคนเยอะมากๆ แต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะซื้อโมจิปิ้งเมนูแนะนำรองท้องกันคนละอันค่ะ อร่อยสมคำร่ำลือ เพราะ อื้ม...ทั้งหอม ทั้งนุ่ม
กลับเข้าเมืองไปก็ไปเดินหาร้านอาหารริมทางสักร้าน สุดท้ายไปได้ร้านหนึ่งที่ขายข้าวหน้าเทมปุระเป็นชุด ความหิวจัดกับความอยากทำให้ทานกันจนหมดเกลี้ยง นับเป็นมื้อที่ทั้งอิ่ม ทั้งอร่อย และสมราคามาก ทีนี้ก็มีเวลาเดินเที่ยวไปจนค่ำกันล่ะ
เราจะไปไหนกันต่อ มาติดตามนะคะ
ไปทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กกันได้ค่ะที่ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/
Piyai&Noolek
วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.18 น.