บทความนี้ผมจะพาเดินทางไกลไปที่ จ. ที่ไม่มีกระเทียมจะทานกันนะครับ แฮร่ๆ

ทริปนี้เราออกเดินทางกันวันศุกร์ ตอนเย็น เดินทางโดยเครื่องบิน flight 22.10 เป็น flight ดึก กำหนดการไปถึงกระบี่ 23.40 โดยประมาณ

เดี๋ยวจะสรุปค่าใช้จ่ายต่างๆ ตารางเวลาการเดินทางแบบรวบรัดไว้ด้านล่างนะครับ

วันที่ 29.06.18

22.10 - ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง

23.40 - ถึงสนามบินกระบี่เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโดยมีคนมารับ ใช้เวลาประมาณ20นาที

00.00 - ถึงที่พักบริเวณตัวเมืองกระบี่

วันที่ 30.06.18

7.00 - ตื่น ทำธุระส่วนตัว กินข้าวเช้าบริเวณที่พัก

9.00 - ไปสระมรกต โดยรถมอเตอร์ไซค์เช่า ประมาณ60-70 กม.

10.30 - ถึงสระมรกต

12.00 - ออกจากสระมรกต มุ่งหน้าไปเขาหงอนนาค 90 กม.จากสระมรกต + แวะซื้ออาหาร + หลง 555+

15.00 - เริ่มเดินขึ้นเขาหงอนนาค 3.7 กม.

17.00 - ถึงยอดเขา

17.45 - เริ่มเดินลง อีก3.7 กม.

19.00 - ถึงตีนเขา และเซ็นชื่อออก และกลับตัวเมืองกระบี่ 30 กม.

20.00 - ถึงที่พัก อาบน้ำ

21.00 - ออกไปเดินถนนคนเดินกระบี่ ตรงตัวเมือง

22.30 - ถึงที่พัก

วันที่ 01.07.18

7.00 - ตื่น เก็บของเช็คเอาท์โรงแรม คืนรถ

8.00 - ทัวร์ดำน้ำมารับที่พัก

16.00 - ทัวร์มาส่งที่พัก อาบน้ำ เตรียมตัวไปสนามบิน

17.30 - กินข้าวแล้วเดินไปขึ้นรถโดยสาร

19.00 - ถึงสนามบิน

20.30 -บินกลับดอนเมือง

ค่าใช้จ่าย

- ค่าโรงแรมamity คืนละ 157 บาท 2คืน = 314 บาท

- ค่าเข้าสระมรกต 20 บาท

- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 24 ชม. / 200บาท

- ค่าติ่มซำ 188 บาท หาร2 = 94บาท

- ค่าน้ำมัน 120 บาท หาร2 = 60บาท

- ค่า อาหารขึ้นเขา 100หาร2 = 50 บาท

- ค่า ทัวร์ดำน้ำ4เกาะ 400 บาท + ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท = 440 บาท

- ค่ารถโดยสารกลับ 50 บาท

- ค่าข้าวมื้อเย็น50บาท

- ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ 1500 บาท (ไม่โปร) แต่จองล่วงหน้า

รวม 2,778 บาท โดยประมาณ / คน

* ค่าใช้จ่ายเรื่องกิน เล็กๆน้อยๆผมไม่ได้เอามารวมให้นะครับ แต่ค่าเดินทาง ค่าเข้าที่ต่างๆ มีแค่นี้จริงๆ!!

เอาล่ะ ต่อไปก็จะไปเริ่มการเดินทางของเรากันเร๊ยยยย

หลังจากเลิกงาน ก็ไม่ต้องคิดไรมากครับผม รีบบึ่งมาที่ดอนเมืองกันเลยยย เวลาที่รู้ว่าจะได้เดินทางมันกระปี้กระเป่าบอกไม่ถูกแฮะ ^^ รุตัวอีกทีอยู่ที่สนาบบินแล้ววว ผมขึ้นflight 22.10 จะไปถึง กระบี่ 23.40

แหม่ มันเป็นเวลาที่ดึกจริงๆ แต่ทำไงได้ ในเเมื่อวันเรามีจำกัด 555+ เมื่อมาถึงสนามบินกระบี่แล้วพอดีมีคนรู้จักมารับพวกเราไป แต่ผมจะบอกว่า สำหรับคนที่จะไปตัวเมืองกระบี่ ในเวลาดึกขนาดนี้ มีแค่ รถชัตเตอร์บัสเท่านั้น 90บาท ตัวเมืองกระบี่ 120บาทอ่าวนาง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีรถนะครับ เพราะเค้ามียันรอบสุดท้ายที่เราลง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็มาถึง ที่พักของเรา Amity hostel เป็นการนอนรวม กะฝรั่ง


ไม่มีคนไทยเรยโชคดีจริงๆ พอมาถึงที่พักเราก็ทำการเช็คอิน เข้าที่พักอาบน้ำนอนกันเลย เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นกันแต่เช้าา


ตื่นเช้ามา เราอาบน้ำ กันเสร็จเราก็ลงไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ของที่พักเรานี่แหละ พอเราได้ยินราคาก็ตาลุกวาว ราคาแค่200บาท แถมเช่าแบบ24ชม.ด้วย ได้รถใหม่click 125i ดีจิงๆ โคตรถูกอ่ะ แนะนำเลย

หลังจากเช่ารถเสร็จ เราก็เดินไปกินติ่มซำแถวๆที่พักนั่นแหละ ชื่อร้านสายไหม ถ้าถามผมว่าสายไหม? ตอบเรยว่าไม่สายนะ เพิ่ง8โมง ตึ่งโป๊ะ น่าจะเป็นร้านดั้งเดิมของที่นี่ ผมพูดแบบใจจริงเลยนะ ไม่อวยหรืออะไรทั้งนั้น รสชาติติ่มซำอร่อยจริง อร่อยมากด้วย แต่ราคาก็แพงมากถ้วยละ20 บาท ที่นี่เค้ากินเอารสชาติ

ของดีก็ต้องแพงเป็นธรรมดา

ผมได้สั่งโจ๊กซี่โครงหมูมา โห มันกลมกล่อมมากอ่ะ มันไม่ใช่โจ๊กแบบข้นๆทั่วไป แต่มันเป็นโจ๊กกึ่งข้าวต้ม บอกไม่ถูก รุแค่ว่าแม่งโคตรอร่อยยย ราคา50บาท แอบบสูงอยู่นะ แต่ก็อร่อย โดยรวมแล้วถือว่าแนะนำเลย ร้านนี้

หลังจากเรากินเสร็จก็ไปเติมน้ำมัน80บาท เพื่อไปยังสระมรกต อีก60 กว่ากิโลเมตร ต้องบอกเลยว่าครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดเวลาที่ขับไป ก็เย็นสบายดีไม่ร้อนๆ พอมาถึงยังหน้าทางเข้าสระมรกต

ผมก็จะทำการจอดรถมอเตอร์ไซค์ เข้าไปถึงหน้าด่านเก็บเงิน ซ้ายมือจะมีลานจอดรถอยู่ ผมก็ขับเข้าไป

แล้วก็มีลุงคนนึงเรียกให้ขึ้นไปจอดตรงเนินด้านบน ตอนนั้นผมก็กะว่าจะจอดตรงหน้าร้านข้าว เพื่อเวลาออกมาจะได้แวะกินข้าวก่อนไปปีนเขา แล้วลุงก็เดินมาบอกว่า ค่าจอดตรงนี้ 20บาท ถ้าไปจอดตรงเนิน 10 บาท

ให้เลือกเอา ผมเลยถามกลับไปว่า จอดกินข้าวก็เสียเงินหรอ !! เค้าบอกเสีย ทั้งๆที่ไม่ใช่เจ้าของร้านข้าวอะไรเรย เราเลยหมั่นไส้ ไม่จอดมันทั้ง2ที่นั่นแหละ ย้อนกลับไปจอดด้านบน แล้วยอมเดินไกลหน่อยย


เอาจริงๆ ผมไม่สนับสนุนคนแบบนี้นะ ถ้าพูดกันดีๆ ผมอาจจะใจอ่อน ไปจอดตรงนั้น แต่ด้วยคำพูดคำจาแบบนี้ บาทเดียวผมก็ไม่อยากจะให้ ด้วยราคาผมมองว่าไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่เค้าคงหมั่นไส้เรา ที่เรียกเราแล้วเราไม่ไป

ก็ใครที่จะไป ก็ให้รู้ไว้ด้วยนะครับ ว่าที่จอดรถตรงนี้จะได้เจอคนแบบนี้

ส่วนรูปผมไม่ได้ถ่ายไว้นะครับ ตรงไหนที่รูปไม่มีผมก็จะอธิบายละเอียดหน่อยนะเพื่อให้เห็นภาพ

ที่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปก็เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตตรงนั้นจริงๆ ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปเพื่อรีวิว หรืองานที่ได้รับมอบหมาย

การรีวิวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ และเก็บเรื่องราวการเดินทางของเราเอาไว้เป็นข้อความ เราจะได้ไม่ลืม

เพราะฉะนั้นการรีวิวของผม ค่อนข้างตรงไปตรงมา ดีก็คือดี ไม่ดีก็คือด่าครับโผมมมม 5555

จากนั้น เราก็เดินกันไปที่ ด่าน เพื่อจ่ายค่าเข้า คนไทยคนละ20บาท จากนั้นก็เดินเข้าไป จะมี2ทางที่สามารถไปถึงสรมรกตได้ เดินตรงไป800เมตร แต่ถ้าแยกทางขวา 1400เมตร เป็นเส้นทางลัดเลาะป่าไป

ผมเลือกเดินที่1400 เมตรก่อน แล้วขากลับ ค่อยเดินออกมาทาง800 เมตร

เดินชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ ไม่ร้อนนะ เดินไปแป๊ปเดียวก็จะเห็นสระแก้ว ไม่ใช่จังหวัดนะ 555+ ตอนแรกก็คิดว่าถึงสระแก้วจริงๆนะ มีปลาว่ายเต็มเรย น้ำก็ใสมาก น้ำนิ่งมาก ภาพสะท้อนน้ำเป็นเงาเหมือนกระจกเลยแหละ

จากนั้น เดินมาอีกหน่อยก็จะถึง สระมรกตแล้วว เป็นสระน้ำที่ใสมาก เขียวมาก เขียวมรกตเรยอ่ะ

ไม่รอช้าครับ ชุดก็ไม่ได้เอามาเปลี่ยน ก็เล่นทั้งชุดนี้แม่งเรยละกัน 555+

น้ำเย็นมากกก น้ำใส่มากจริงๆ เพลินมาก ลืมตาในน้ำนี่แทบจะเห็นเหมือนใส่แว่นกันน้ำเลย ไม่แสบด้วย

เพราะเป็นน้ำจืดด น้ำที่นี่ไม่ลึกนะ ประมาณ 1.2 - 1.6 เมตรเท่านั้น

จากนั้นพอเราเล่นน้ำกันได้ประมาณเที่ยง ก็เดินกลับออกมาที่รถ โดยเดินทาง800เมตรนี่แหละ


จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อ เราจะไปปีนเขาหงอนนาคกัน แต่อยู่ห่างจากที่เราอยู่ประมาณ90กม. โดยประมาณ แต่ใจสู้อยู่แล้วครับผมม เราใช้Gps จับคำว่าเขาหงอนนาค มันพาผมหลงเข้าไปในป่าลึกที่ไหนซักที่ ทำให้เราเสียเวลาไปกับการหลงทาง ประมาณครึ่ง ชั่วโมง น้ำมันก็จะหมด ก็ต้องแวะเติมเพิ่มอีก40บาท

เติมแบบตู้หยอดเหรียญ โคตรแพง!! ลิตรละ40 แล้วก็แนะนำอย่าใช้ GPS ไปที่นี่ เพราะมันมั่ว

แล้วป้ายก็ไม่ค่อยมีบอก ต้องหลงกันอยู่หลายรอบอยู่ ให้พยายามถามชาวบ้านเอา จะดีกว่าจะไม่เสียเวลา

พอมาถึง ก็จะมีป้อมเล็กๆตั้งไว้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเดินขึ้น แต่ต้องลงชื่อก่อนขึ้น แล้วจดเบอร์ไปด้วย

เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน จะได้โทรลงมาได้ ข้างบนมีสัญญาณ แต่ไม่แรง ระยะการเดิน 3.7 กม.

โดยรวมทางไม่ชันมาก เดินเรื่อยๆ สบายๆครับ เบากว่าภูกระดึงเยอะ แต่ไม่มีร้านค้าด้านบนหรือระหว่างทาง ต้องเตรียมอาหารกับน้ำขึ้นไปเอง

จากนั้นเราก็เริ่มเดิน ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 2ชั่วโมง ก็มาถึงบนยอดได้สำเร็จ

มันสูงมากเลย ใครกลัวความสูง ก็ต้องกล้าๆหน่อย ไหนๆก็มาถึงแล้ววว แต่สวยงามจริงๆ

เราอยู่ด้านบนไม่ถึง ชั่วโมง เราก็ต้องลงละ เพราะใกล้มืดแล้ว แล้วเรามากันเป็นกลุ่มสุดท้าย ขากลับใจชื้นหน่อย มีฝรั่ง1คน เดินสวนขึ้นไป เอาล่ะ อย่างน้อยมีคนตามหลังเราแล้ว แต่ป่าวเรย ไม่ถึง20นาที

ฝรั่งแม่งเดินตามมาทันแล้วก็เดินแซงไป เอาแล้วไง สรุป เราคือกลุ่มสุดท้ายที่แท้จริง ที่ต้องต่อสู้กับเวลา

ต้องไปให้ถึงข้างล่างก่อนที่ฟ้าจะมืด เพราะในป่า ตอนกลางคืน ทุกคนจะรู้ดีว่า ไม่ควรเดินตอนกลางคืน เพราะ อันตรายจากสัตว์ป่า และอาจหลงป่าได้

และสุดท้ายเราก็มาถึงด้านล่างเป็นกลุ่มสุดท้ายจริงๆ

จากนั้นเราก็มุ่งหน้ากลับที่พักของเราเพื่ออาบน้ำ ไปเดินถนนคนเดินกระบี่ ทางกลับจากเขาหงอนนาคไปตัวเมืองกระบี่ ทางมืดมาก จะมีไฟทางเฉพาะแถวตัวเมืองเท่านั้น ใครที่จะเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืน

ก็ระวังหน่อยล่ะกันนะครับผม แต่ทางที่กลับตอนเย็น ที่เรียบทะเล แสงสวยมากๆ ถึงกับต้องแวะจอดถ่ายกันเรยทีเดียว

จากนั้นเราก็กลับมาที่พัก แล้วก็อาบน้ำแล้วไปเดิน ถนนคนเดินกระบี่ ถนนคนเดินกระบี่ที่นี่ไม่ได้ใหญ่มากเหมือนที่อื่น แต่ที่แปลกคือ มีเวที ที่ใครก็สามารถขึ้นไปร้องก็ได้ เออ เว๊ย ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน

ใครมาแล้วก็อย่าลืมมาแวะร้องกันได้นะ 555+

เดินตลาดเสร็จเราก็ไปกินโรตีกับน้ำชากันก่อนเข้านอน ปกติผมไปที่ไหนก็จะกินโรตีอยู่แล้ว

ของชอบเรยทีนี้

เจ๊ โรตีกรอบมา1ที่

เข้านอน เพื่อมาพบกับวันใหม่ในวันรุ่งขึ้น ....

เช้าวันต่อมา เราได้จองทัวร์ 4 เกาะ กับบริษัท มากระบี่ นี่คือชื่อบริษัทหรอ 555 ต้องบอกเรย ว่า เออ!!

ชื่อบริษัท ลองไปหากันดูนะ 400บาท เป็นเรือหางยาว ถูกมาก ปกติก็550นะที่เห็นบ่อยๆ

แต่ที่นี่แค่400 แถมอาหารกลางวันเป็นบุฟเฟ่ ไม่ใช่ข้าวกล่องนะค๊าบบบบ

ตอนเช้า8โมงเช้า วันอาทิตย์ ไม่ใช่วันอังคารนะ ไม่ใช่ปาล์มมี่ 555 รถบริษัท มากระบี่ ก็มารับ

บริษัทอะไรนะ ก็มากระบี่ไง 555 เออ กุชอบ เราก็เช็คเอาท์แล้วก็คืนมอไซค์เลย แล้วก็ค่อยออกไป ฝากกระเป๋าไว้ที่พัก จากนั้นรถบริษัทก็ตระเวนรับ คนทั่วเมือง แล้วไปรวมกันที่หาดนางแอ่น

จนได้ฤกษ์เวลา9โมงก็ลงเรือ เพื่อไปทะเลแหวกเป็นที่แรก

ท้องฟ้าใสมากกก แต่เค้าบอกว่าวันนี้ทะเลอาจไม่แหวกนะ เราก็อ้าววววว เห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า

อะตอมก็มาจร้า พอไปถึงก็ไม่แหวกจริงๆ เค้าว่ามันเกี่ยวกะพระจันทร์ด้วยต้องมาช่วงพระจันทร์ไม่เต็มดวงมั๊ง เราก็ไม่ค่อยรุเรื่องน้ำขึ้นน้ำลง 5555 แต่เค้าก็แวะให้เราลงไปถ่ายรูปได้

ลงไป40นาที ผมก็จัดเอา ชุดดำน้ำของผมไปจัดตรงทะเลเรย น้ำใสมาก น้ำใสกับใจโทรมๆ

เด๋วๆ แพนเค๊กก็มา 555 เล่นเสร็จก็โดดขึ้นเรือไปดำน้ำต่อที่เกาะไก่ อีก30นาที

เห็นไก่ด้านหลังป่าววว นั่นแหละเกาะไก่ จากนั้นเค้าก็พาเราไปเกาะปอดะ เราไปแวะกินข้าวที่นั่น อีกประมาณ 1 ชม. เป็นแบบบุฟเฟ่ ตักเองกินแค่ไหนตักแค่นั้น มาก่อนได้ตักเนื้อ มาช้าได้ตักน้ำ 55555+

ด้วยประสบการณ์อันแข็งแกร่งของผม ผมประกบติดกล่องอาหารตั้งแต่บนเรือจนถึงตอนเทลงถาดเรยทีเดียว

หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็พักผ่อนถ่ายรูปเล่นน้ำกันบนเกาะ บ่ายโมงเค้าก็เรียกขึ้นเรือ ไปเกาะสุดท้าย เกาะพระนาง หรือหาดไร่เลย์นั่นเอง เราจะไปดูคนปีนผาที่นี่กัน ที่นี่ให้เราลงไป40นาที

เราลงไปดูเค้าปีนผากัน

เราไปดูเค้าปีนผา มีครอบครัวชาวญี่ปุ่นให้ลูกปีนผาด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก เก่งมากกอ่ะ เราเองยังปีนไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าโตขึ้น จะเก่งแค่ไหน

หลังจากดูได้สักพักเวลาของเราก็หมดลงแล้วเราก็คงต้องกลับกันแล้วล่ะนะ ลาก่อนนะ ทะเลกระบี่

จากนั้น รถบริษัท มากระบี่ ฮะ อะไรนะ มากระบี่ ก็มาส่งเราที่โรงแรม 555

เราก็เนียนแอบขึ้นมาอาบน้ำด้านบน แต่ชุดและเครื่องอาบน้ำที่เตรียมไว้ มันกระจัดกระจายอยู่ เวรกรรมมันมีจริง 555 กะเนียนมาอาบน้ำเรยเตรียมชุดแยกไว้ ที่ห้องแล้วเอากระเป๋าลงไปฝาก แต่แม่บ้านคิดว่าเราเช็คเอาท์ไปแล้วจะเอาของเราไปทิ้ง 5555 ดีนะที่ยังไม่ได้เอาไปทิ้ง

อาบเส็รจเราก็คงต้องลาแล้วจริงๆ เก็บของเตรียมตัวไปขึ้นรถโดยสาร

ใครจะไปพักก็ที่นี่เลยนะ ที่พักดีแอร์เย็น ที่สำคัญราคาถูกมาก รถเช่าก็แสนถูก

เตียงนอนก็นุ่มสบาย ผ้านวมอุ่น หมอน2ใบ รีวิวขนาดนี้ไม่ได้ฟรีนะครับ เสียเงินเองแต่ที่พักเค้าดีจริงๆ

คุ้มเกินราคา สบู่ ยาสระผมไม่ต้องเอามาที่นี่มีให้ มีน้ำฟรีให้กินอีกด้วย

จริงๆมีคอมให้เล่นด้วยนะ

จากนั้นเราก็เดินไป ไม่ไกลจากที่พักเพื่อไปขึ้นรถโดยสารสายสีฟ้า คันสีฟ้า เพื่อไปสนามบิน คนละ50บาท

ส่งถึงในสนามบินเลยย ดีงามม รถจะจอดอยู่แถวๆลานปูดำ ไม่ใช่คุณปูดำนะ อันนั้นhangman 555

แต่ก่อนที่เราจะกลับ เราได้มาแวะกินข้าวมันไก่ แถวๆไฟแดงคิงคอง จากนั้น ผมก็ตักซุปซึ่งที่นี่เป็นน้ำซุปแบบมีผักด้วยมา ซึ่งคนไทยจะรู้ดีว่า มันต้องกินคู่กัน ผมแอบเห็นฝรั่งคู่นึงนั่งกินข้าวมันไก่เหมือนกัน

แต่ไม่มีซุป พอผมลุกไปตักอีกรอบฝรั่งก็มองว่าคนไทยเค้ากินกันแบบนี้หรอ เค้าเรยไปตักบ้าง

หลังจากนั้นพอฝรั่งคิดเงิน เค้าบอกว่า แล้วซุปราคาเท่าไหร่ ป้าเจ้าของก็บอกว่า ซุปฟรี ฟรี!!ซุป ฝรั่งทำหน้าแบบอเมซิ่งมาก ตื่นเต้นมากเจอของฟรีของไทยเข้าไป ถามป้าว่า พน.เปิดกี่โมง 55555

แล้วทิ้งท้ายไปด้วยคำว่า see you tomorrow 5555 สงสัยติดใจ ฟรีซุปของไทย!!


จากนั้นเราก็นั่งรถโดยสาร มาลงสนามบิน เพื่อกลับกทม. เราขึ้นไฟท์ 2ทุ่มครึ่ง ไปลงดอนเมือง

ระหว่างรอก็นั่งเล่นไปเรื่อย ได้กลิ่นหอมมาม่ารสหมูสับ ถ้าใครเคยได้กลิ่นจะรู้ดี ตอนแรกหันไป เห็นคนจีนกะลังโซ๊ยอยุ่เรย หอมจังวะ 5555 ไม่สนใจนั่งเล่นต่อ ได้กลิ่นหอมมากเรยคราวนี้ หันไปอีกที ป้าคนจีน3คน กะลังนั่ง โซ๊ยมาม่ารสหมูสับกันอย่างเมามันส์ โอ้ แม่เจ้าเว้ยยยย รวมพลังกันเรยหรือนี่


พอเข้ามาในเกทก็เห็นคนนั่งกินมาม่า กันหลายคนเรย ที่นี่มาม่าเค้าแจกฟรีกันรึไงวะ 5555

จากนั้นก็ลุกไปต่อแถวเพื่อขึ้นเครื่อง ฝรั่งก็เดินสวนเพื่อจะไปต่อแถวเหมือนกัน เดินโซ๊ยมาม่ามาเลยจร้า

เราก็เลยเออ กุว่าจริงๆแล้ว มึงคงเห็นคนอื่นเค้ากินกันใช่มั๊ย ถ้ามีเวลาอีกซักหน่อยกุก็จะไปซื้อมากินละเนี่ย แหม่

ยังไงก็ฝากติดตามเพจของผมทางเฟซบุคกันด้วยนะครับ https://www.facebook.com/Onelife1992/

หรือจะเป็นทาง IG : one_life_thailand

หรือจะเป็นบล็อคส่วนตัวของผม ก็ตามนี้เลยhttps://art-one-life.blogspot.com/

Art_ONE-LIFE

 วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.31 น.

ความคิดเห็น