หากพูดถึงดินแดนภูเขาไฟ คงหนีไม่พ้นประเทศอินโดนีเซีย ฉันเหมือนถูกมนตร์สะกด ด้วยรูปภาพภูเขาไฟโบรโม่แห่งนี้ จากการอ่านรีวิวผ่าน Website เว็บหนึ่ง ตัวฉันเต็มไปด้วยพลัง ที่อยากพาสองเท้า และดวงตาคู่นี้ไปสัมผัสกับความยิ่งใหญ่แห่งนี้สักครั้ง.. และแล้วฝันก็เป็นจริง ฉันและเพื่อนสาวอีก 3 คน เราวางแผนกันที่จะพาร่างกายเรา ไปเยือนกับดินแดนลมหายใจแห่งเทพเจ้าแห่งนี้ ที่ เกาะชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย.

เราเริ่มจองตั๋วโปรโมชั่นจากสายการบิน Air Asia บินตรงลงสู่เมือง Jakarta เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2560 จากนั้นเริ่มหาข้อมูล อ่านไปเรื่อยๆเพื่อหา Travel Agency และแล้วสวรรค์ก็เป็นใจ ส่ง Agency ผู้ใจดี ตอบสนทนาฉับไว และวางโปรแกรมให้เราอย่างประทับใจ คือ Mr.Didik เราติดต่อ Agency และวางแผนกันข้ามปี จากนั้นจึงเริ่มการจองตั๋วภายในประเทศบินจาก Jakarta สู่เมือง Surabaya และฉันก็นับถอยหลัง เพื่อตั้งตารอการการเดินทางในครั้งนี้

ค่ำของคืนหนึ่ง เราออกเดินทางออกจากประเทศไทย เหินฟ้าสู่ประเทศอินโดนีเซีย ลงสู่เมือง Jakarta ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง บรรยากาศในเครื่องบินคึกคัก เต็มไปด้วยชาวอินโดแทบจะทั้งลำ บรรยากาศที่สนามบินค่ำคืนนั้นชวนเราตื่นเต้น เพราะสนามบินนั้นใหญ่ และค่อนข้างทันสมัย เราต่อรถ Shuttel Bus ภายในสนามบิน เพื่อนำพวกเราไปยังอีก Terminal นึง และนอนรอภายในสนามบินเพื่อรอรุ่งสาง เราจะเหินฟ้าไปสู่เมือง Surabaya กันต่อ ..

เช้านี้ ที่เมือง Surabaya พวกเราแทบไม่ได้นอนกันเลย เราลงจากเครื่องบิน มุ่งสู่สายพานรับกระเป๋า จากนั้นแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว ฉันอาศัย Wifi Free จากสนามบิน ทำให้ได้รับข้อความจากทาง Agency ว่า ไกด์และคนขับรถของฉันมารอรับแล้ว พวกเรามุ่งหน้าออกไป จึงได้พบกับ Mr.Dosi คนขับรถ และทำหน้าที่เป็บ Local Guide ให้เรา Dosi หนุ่มวัยกลางคน ผิวสีแทน พร้อมส่งรอยยิ้มให้เรา และทักทายเป็นภาษาอังกฤษ Good Morning ท่าทางใจดีของเขา ทำให้พวกเรารู้สึกเป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก เราทักทายและแนะนำตัวกันพอหอมปากหอมคอ จากนัั้นจึงมาที่รถ และมุ่งหน้าสู่น้ำตก Madakaripura Waterfall ตลอดการเดินทางไปน้ำตก พวกเราเพลียจากการเดินทาง หลับแบบเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว

น้ำตก Madakaripura waterfall นั้น เราต้องอาศัยรถมอเตอร์ไซค์จากชาวบ้าน นำทางไป สองข้างทาง บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ ภูเขาสีเขียวสลับกับต้นไม้นานาชนิด ตัดกับลำธารไหลผ่าน ทำให้รู้สึกสดชื่นไปถึงข้างใน เราใช้เวลาเดินเท้ากันประมาณ 30 นาที ก็จะมาถึงม่านน้ำตกข้างใน น้ำตกขนาดใหญ่ ที่ข้างในเป็นเหมือนผ้าม่านสีเขียว ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ เฟิร์น และมอสจากธรรมชาติ ละอองของน้ำ สาดลงมาราวกับว่าอยู่ในห้วงของสวรรค์ เราเดินตามไกด์เข้าไปข้างใน เพื่อชื่นชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตก โอ้โหววว..คือคำอุทานของพวกเรา ทำไมมันสวยจัง ทำไมมันใหญ่ยังงี้ เราแยกย้ายกันคนละมุม ถ่ายภาพ บันทึกไว้ลงในความทรงจำอิเล็คทรอนิกส์..

ถัดจากน้ำตก เรามุ่งหน้าสู่ที่พัก ที่อยู่ใกล้บริเวณภูเขไฟโบรโม่ .. ในระหว่างการเดินทาง ฉันและ Dosi เราได้เริ่มบทสนากันเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือการแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยว เราคุยกันอย่างสนิทราวกับว่าภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ปัญหาในการสนทนา ระหว่างทาง เราต้องไต่ภูเขาสูงชันไปเรื่อยๆ เส้นทางนี้ฉันคุยกับเพื่อนๆว่า คล้ายๆกับภูทับเบิกที่บ้านเราจัง สองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขา มีหมอกลอยเคล้าคลอกับภูเขาสีเขียว มีภาพชาวบ้านกำลังปลูกผักกาด ฉันเลื่อนกระจกลง พร้อมกับเอามือไปสัมผัสอากาศข้างนอก อ๊าา..เย็นจัง สดชื่น วิวสองข้างทางนั้น ทำให้ฉันถูกสะกด ฉันบันทึกภาพข้างทางด้วยสองตา และอดที่จะหยิบกล้องออกมาถ่ายไม่ได้ ฉันอยากอวดไปส่งให้แม่ดูว่า แม่จ๋า นี่คือสวิตเซอแลนด์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย วิวนี้..

ช่วงเย็นของวันนั้นเราถึงที่พัก พร้อมกับร่างอันอ่อนล้า Dosi บอกเราว่าเจอกันตอนตี 2 นะ เราแยกย้ายจาก Dosi เพื่อเข้าที่พัก วิวที่พักของเรา สามารถมองเห็นภูเขาไฟ Bromo ได้เลย พวกเรา 4 คนคุยกันว่าวันนี้สนุกและตื่นเต้น พรุ่งนี้เราคงจะสนุกกว่านี้ไม่น้อย แดดร่มลมจับ อากาศที่พักก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ชุดนอนที่เตรียมมากันหนาวไม่อยู่ เราทั้ง 4 คน ต้องใส่เสื้อกันหนาว อากาศวันนี้หนาวเหมือนกับที่เชียงใหม่ในหน้าหนาวจัง ทั้งที่คือเดือนเมษายน นี่สินะ ดินแดนแห่งภูเขาไฟที่ฉันตั้งตารอ .. แล้วเช้าพรุ่งนี้เราจะพบกัน

ตี2 ของวันนี้ อากาศหนาวเย็นยะเยือก เราเดินออกมารอ Dosi กันข้างนอก พร้อมมองท้องฟ้า ในคืนนี้มีดาวเป็นล้านดวง บรรยากาศเงียบสงบ กับดวงดาวส่องสว่าง อากาศที่หนาวเย็น วันนี้เราจะเดินทางไปจุดชมวิว ด้วยรถ Jeep ... เส้นทางไปจุดชมวิวค่อนข้างทรหด ทั้งหนาว ทั้งขรุขระ ทั้งขึ้นเขา ฉันได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ท้องฟ้าเปิด ขอให้ฉันเห็นภูเขาไฟในเช้าวันนี้อย่างสดใส ฉันยังเชื่อเสมอว่าการมาเที่ยวคือการพกแต้มบุญมาด้วยเสมอ...

ตี5 กว่าๆของเช้าวันนี้ พระอาทิตย์เริ่มสาดแสงขึ้น แสงสว่างอ่อนๆทำให้เราเริ่มมองเห็นภูเขาไฟตรงหน้า ฉันได้แต่อมยิ้มมีความสุข พร้อมกับกดมือถือ Video Call มาหาแม่ เวลาเรามีความสุข เราจึงอยากส่งต่อความสุขของเราต่อให้คนที่เรารัก เช้าวันนี้ พวกเราถ่ายภาพกันอย่างสมใจ ไกด์พาเราไปในแต่ละจุดที่เราจะเห็นภูเขาไฟในมุมต่างๆ ภาพภูเขาไฟตั้งตระหง่าน กับควันที่ยังพวยพุ่งนั้น ชวนหลงใหล ให้ไปสัมผัสเสียจริง

ลงจากจุดชมวิว เรามุ่งหน้าเพื่อเข้าสู่ตัวภูเขาไฟโบรโม่ สองข้างทางสลับคดเคี้ยว เมื่อลงยังพื้นราบ ไกด์ให้พวกเราทั้ง 4 คน ไปนั่งบนหลังคารถ JEEP เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศข้างนอก ฉันและเพื่อนๆ เรายิ้มแย้มอย่างมีความสุข คุยกันอย่างสนุกสนาน บนหลังคารถ กับวิวภูเขาสองข้างทาง เช้านี้มันช่างพิเศษเสียจริง...

เมื่อรถจอดสนิท เราถูกรายล้อมด้วยคนจูงม้าและม้า เราเดินทางไปโบรโม่ ด้วยม้าคนละ 1 ตัว จากคนที่ไม่เคยขึ้นหลังม้ามาก่อน ทักษะการขี่ม้าก็เริ่มเกิดขึ้นมาทันที ม้าค่อยๆพาเราเดินทางไปเรื่อยๆ จนมาถึงตีนภูเขาไฟโบรโม่ วันนี้คนเยอะเสียจริง ผู้คนมากมายหลั่งใหลมาสัมผัสความยิ่งใหญ่กับลมหายใจของเทพเจ้า เราลงจากหลังม้า และต้องขึ้นบันไดเพื่อไปยังสันของภูเขาไฟ ด้วยบันไดที่ค่อนข้างชัน บวกกับพลังกายของพวกเรา ทำให้ต้องเดินและหยุดเป็นพักๆ พร้อยหายใจแบบแห้งๆ ... และแล้วเราก็มาถึงข้างบน เรามองลงไปเบื้องล่าง ยังเห็นควันพวบพุ่งมาจากก้นล่าง พร้อมกลิ่นของซัลเฟอร์อ่อนๆ นี่เป็นสัญญาณว่า สองเท้า สองตา ของฉันมาหาเธอแล้วนะ วันที่ฉันรอคอย...ก็มาถึง

ลงจากภูเขาไฟโบรโม่ ไกด์พาเราไปยังที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเนินทะเลทรายสีดำ หรือทุ่งหญ้าสะวันนา เพื่อให้เราทำท่าคูลๆ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเก็บไว้ ความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟ บ่งบอกได้ภึงความอุดมสมบูรณ์ที่เกิดจากการไหลของลาวา แบบที่เราเรียนตามในหนังสือ .. เธอรู้ไหม ฉันคือมนุษย์ที่ตัวเล็กนิดเดียว เมื่อเทียบกับเธอแล้ว Bromo Mount. ที่รัก.

กลับจาก Bromo Mount. พวกเราเตรียมตัวอาบน้ำ เก็บของ เพื่อเดินทางมุ่งหน้าต่อ ปลายทางอีกวันนึงของเราคือ KawahIjien. วันนี้พวกเรามีความสุขมาก โดยเฉพาะฉัน ฉันมีความสุขมาก รอยยิ้มของฉันปรากฏอยู่บนหน้าตลอด ฉันคิดในใจว่าถ้ามีโอกาส ฉันจะกลับมาที่นี่อีก มันมีบางอย่าง เหมือนเป็นมนตร์สะกดให้ฉัน อยากกลับมา ไม่ว่าภูเขาไฟที่ยิ่งใหญ่ ต้นไม้ที่โอบล้อมไปด้วยสีเขียว แต่เธอรู้ไหม สิ่งหนึ่งที่ฉันได้จากการเดินทางครั้งนี้คือ มิตรภาพของระหว่างทาง ระหว่างฉันและผู้คนหลายคน เราส่งต่อความสุขกันผ่านรอยยิ้ม เราแชร์เรื่องราวกันผ่านภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆ โดยที่ฉันไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาสำหรับฉันเลย ที่นี่ ฉันสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ความน่ารักของผู้คน หวังว่าสักวัน ฉันจะมีโอกาส กลับมาหาเธออีก Bromo Mount. ที่รัก...

Champpy Bobbiexx

 วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 03.22 น.

ความคิดเห็น