บันทึกการเดินทางครั้งนี้เป็นเรื่องราวต่อจากกระทู้

Portland https://th.readme.me/p/18597

และ Washington D.C. https://th.readme.me/p/19163

ลงจากสถานี ก็ยืนรอบัสแถวนั้น อากาศร้อนมาก

Alexandria อยู่ไม่ไกลจากดีซีมากแค่ 16 กิโลเมตร สามารถนั่ง metro มาได้

เราต้องนั่งรถแล้วเดินต่อไปที่ Christ church ซึ่งเป็นจุด Meeting Point ที่ไกด์นัดเอาไว้

ตอนเจอไกด์ เค้าบอกให้เราไปเดินเล่นข้างในก่อนได้ ในระหว่างที่รอคนครบ

Christ church




โดยทัวร์นี้เขาจะรับแค่ประมาณ 10 คน ฟรี ไม่เสียเงิน แต่ตอนจบเราสามารถให้ทิปเขาได้อย่างต่ำประมาณ 10 ดอล หรืออยากให้เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ความพอใจ

( ใครสนใจเข้าไปดูได้ที่ https://freetoursbyfoot.com/washington-dc-tours/ )

คนในทัวร์ที่เจอก็มาจากออสเตรเลีย แคร์ลิฟอร์เนียบ้าง มีเราเป็นเอเชียคนเดียว ส่วนไกด์ก็เป็นคนเมกัน

หลังจากทุกคนมาครบแล้วไกด์ก็เริ่มอธิบายสถานที่ต่างๆ เป็นเชิงประวัติศาสตร์ โดยระยะทางที่เดินทั้งหมดประมาณ 3 ไมล์

Alexandria หรือ Old town เป็นย่านเมืองเก่า ตั้งในสมัยสหรัฐยังเป็นอาณานิคม มีอายุเก่าแก่กว่าชาติสหรัฐกว่า 50 ปี ตั้งชื่อตามคหบดี จอร์จ อเล็กซานเดอร์ ผู้ที่อุทิศที่ดินในการสร้างเมืองนี้ขึ้นมา และเป็นเมืองบ้านเกิดของ จอร์จ วอชิงตัน

ปัจจุบัน Alexandria ถือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐเวอร์จิเนีย

สภาพ old town






ถนนนี้เป็น cobblestone ถือเป็น Historic street

หรือถนนกรวดที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18


บ้านหลังนี้ไกด์บอกเป็นบ้าน George Washington สมัยวัยวัยรุ่น



สังเกตดีๆจะเห็นรูปปั้น George Washington ข้างใน


บริเวณนี้คือ ศาลาว่าการเมือง เป็น landmark ที่เก่าแก่



ตามถนนของเมืองนี้ จะมีร้านค้า ร้านอาหารเก๋ๆ น่ารักเต็มไปหมด อาคารยังคงรักษาความดั้งเดิมตั้งแต่สมัยก่อนเอาไว้



stop สุดท้ายที่ไกด์พาไปคือ Torpedo Factory Art Center มีงานศิปะสมัยก่อน ตั้งโชว์ไว้มากมาย

อาคารนี้ยังเคยถูกใช้เป็นที่ผลิตขีปนาวุธสำหรับเรือดำน้ำอีกด้วย


ก่อนแยกย้ายกัน ทุกคนก็ให้ทิปไกด์ ถือเป็นสินน้ำใจ

เรารู้สึกชอบทัวร์แบบนี้นะมันเป็นกันเองดี เหมาะมากสำหรับคนมาคนเดียวจะได้ไม่เหงา เพราะในกรุ๊ปก็มีคนมาคนเดียวเยอะ

บรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำ




บ้านเมืองแถวนั้น


นั่งพักซื้อไอติมกิน





ตอนนี้เวลาประมาณสี่โมง เราก็คิดว่าจะไปไหนได้บ้าง นึกออกว่าตอนออกจากสถานี Metro เห็นที่จอมอนิเตอร์ว่ามีไป Mount Vernon พอเสริ์ชไปใน google map มันบอกปิดห้าโมง เวลาเดินทางครึ่งชม. เราเลยเลยตัดสินใจว่าไปละกัน เลยขึ้นบัสไป นั่งไปสักพักปรากฏว่าเรานั่งผิด T^T

สรุปไปไม่ทัน น่าเสียดายมาก เราน่าจะวางแผนดีๆ

นั่งผิดมาที่สถานี Metro เลยเปลี่ยนแผนใหม่ว่าจะไปไหนดี เหลือบไปเห็นป้ายที่สถานี Metro เห็นคำว่าสถานี Pentagon เลยคิดว่าไหนๆก็ไหนๆ ละ ไปเดินเล่น Pentagon mall ตากแอร์เย็นๆแทนละกัน

ภาพตัวห้างจากด้านหน้า


ข้างในห้างก็เหมือนห้างทั่วไปขายของแบร์นเนม แฟชั่นต่างๆ



และสภาพตึกแถวนั้น





เราเดินเล่นแถวนั้นถึงเวลาประมาณทุ่มนึง เลยตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเลยเพราะจำได้ว่านัดกับ Marita และ Ken ไว้ สองทุ่ม

Ken ก็มารับที่สถานี Springfield เหมือนเดิม



กลับไปถึงบ้านก็วางแผนกับ Ken ว่า

" พรุ่งนี้ขออกจากบ้านเช้าหน่อยละกันอยากไปดู pentagon memorial, airforce memorial และมีทัวร์ Georgetown ตอน 10 โมง เลิกประมาณเที่ยง "

แล้ว Ken ค่อยมารับที่ springfield เหมือนเดิมตอนบ่ายสอง เพื่อไปสนามบิน

Ken ก็เป็นห่วงว่าเราจะกลับจาก Georgetown ได้ไหม เค้าเลยเข้าไปในห้องไปปริ้นแผนที่มาให้ดู


หลังจากคุยเรื่องเที่ยวเสร็จ Ken กับ Marita ก็บอกว่า

" we gonna go to work outside and we will come back home about 11.00 pm make yourself at home you can turn on television if you want "

เราเลยบอกว่า

"คืนนี้อยากนั่งเล่นข้างนอกที่สวนหลังบ้าน เพราะสวยและตอนกลางคืนน่าจะบรรยากาศดี"

พอ Marita และ Ken ออกไปแล้ว เราก็ออกไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้าน เอาพิซว่ามากิน พร้อมกับดูรูปไปด้วย




ในใจคิดไปว่ารู้สึกโชคดีมากๆที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวดีซี และมีที่พักฟรีแบบนี้ รู้สึกอยากทำอะไรตอบแทน Marita และ Ken สักอย่าง ว่าแล้วก็ฉีกกระดาษออกมาแผ่นนึง หยิบปากกามาเขียนจดหมายขอบคุณ


คืนนี้บรรยากาศสวยมาก อยากหยุดเวลาเอาไว้เลย เวลาที่ไม่ต้องคิดอะไร ไม่มีภาระอะไรต้องทำมากมาย

เหมือนที่ไทย



ตื่นเช้ามาวันนี้เป็นวันสุดท้าย เราเดินขึ้นไปชั้นบนหาอาหารเช้า เจอ Marita และ Ken นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในครัว Marita บอกว่า

" เดี๋ยววันนี้เค้าจะไปทำงานตั้งแต่เช้า กลับมาคงไม่ทันเจอเรา ยังไงก็ถือโอกาสนี้ say goodbye เราเลยละกัน "

พร้อมยื่นมือมากอดเรา เราเลยบอกว่า

" please give me a second i have something for you "

ว่าแล้วก็รีบวิ่งลงไปข้างล่างหยิบจดหมายมาให้ Marita กับ Ken พร้อมพูดว่า

" before I come back to Portland I want to say thank you for everything you have done for me I have nothing for you but this letter "

ถ้าไม่มีเค้าเราก็คงไม่ได้มาดีซีแน่ๆ เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำ


Ken พาเราดู airforce memorial ที่ Arlington รัฐ Virginia ก่อน แล้วค่อยไปตึก pentagon Ken บอกว่า เคยทำงานที่นี่ pentagon สมัยยังหนุ่ม

โดยตึก The Pentagon

เป็นอาคารที่ทำการของกระทรวงกลาโหมอเมริกา อาคารเป็นรูปห้าเหลี่ยมซึ่งคือสัญลักษณ์ทางการทหารของเมกา

airforce memorial Ken อธิบายว่าเป็นเหมือนรูปเครื่องบินสามลำกำลังพุ่งออก

Ken พยายามวนหาที่จอดรถให้เราลงไปถ่ายรูปแต่ไม่เจอ เราเลยบอกไม่เป็นไร ถ่ายจากในรถก็โอเคแล้ว

วันนั้นท้องฟ้าดูครึ้มๆ เหมือนฝนใกล้จะตก ก็ดีนะ มันจะได้คลายความร้อนได้บ้าง



ส่วนนี่เป็น pentagon memorial เค้าให้ถ่ายรูปเฉพาะส่วนนี้ ตอนแรกเราก็ไปถ่ายรูปตึก pentagon




แต่มีเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าห้ามถ่าย ถ่ายได้เฉพาะตรง memorial

โดยอนุสรณ์นี้เป็นตัวแทนของทุกชีวิตหายไปจากการถูก hijacked จากพวกผู้ก่อการร้าย พุ่งเข้าชนตึก Pentagon

อนุสรณ์เป็นเหมือนรูปม้านั่ง ข้างล่างมีกระแสน้ำไหลผ่าน และชื่อของบุคคลตามขอบม้านั่ง




พอเสร็จแล้ว เราก็เดินไปขึ้น metro ตรงสถานี pentagon นี้พอดี เพื่อไป Georgetown

หลังจากออกจาก metro ต้องเดินไปสักพักเพื่อขึ้นบัส ระหว่างทางสวนกับผู้หญิงคนนึงหน้าตาคุ้นๆ เราก็พยายามนึก อ๋อเขาคือคนที่อยู่ในกรุ๊ปทัวร์ Alexandria เมื่อวานนี่นา เป็นชาวออสเตรเลีย เราก็แวะทักทายกัน เค้าก็บอก

" what a weird coincidence ! " ( ก็จริง)

เราเหลือบดูนาฬิกา ยังพอมีเวลาเหลืออยู่เลยคิดว่าเดินเล่นแถวนี้ก่อนดีกว่า เห็นป้ายบอกทางไป Dupont circle เลยเดินตามไป

Dupont Circle

เป็นเหมือนย่านฮิปสเตอร์ของดีซี น้ำพุหินอ่อนสีขาว บริเวณแห่งนี้สร้างให้แก่ ซามูเอล ฟรานซิส ดู ปองท์ วีรบุรุษยุทธนาวีในสงครามกลางเมือง


หลังจากนั้นก็ขึ้นบัสไป Georgetown

Georgetown เมืองที่โดดเด่นด้วยถนนหินกรวด และเป็นหนึ่งในย่านที่เก่าแก่ที่สุดของดี.ซี.

มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเช่น บ้านที่ทำจากอิฐ

แล้วเดินไปที่ meeting point ซึ่งอยู่แถว waterfront




เราก็เจอไกด์ วันนี้สมาชิกแต่ละคนที่ถามๆมาก็มีมาจาก LA บ้าง มีอังกฤษบ้าง เราก็มีพูดคุยกัน รู้สึกดีที่ได้ฝึกฟังสำเนียงจากที่ต่างๆเมื่อคนครบแล้วก็ออกเดินทาง

เดินไปจุดที่ใกล้สุดก่อนคือ Chesapeake and Ohio (C&O) Canal น่าเสียดายที่วันที่เราไปเค้าปิดปรับปรุง


ซึ่งถ้าไม่ปิดปรับปรุง มันสวยมาก ( อันนี้ขโมยภาพจากเนตมา )


สภาพบ้านเมืองGeorgetown






ไกด์คือคนใส่เสื้อสีส้ม วันนี้ไม่ค่อยร้อนเท่าเมื่อวาน เพราะมีฝนตกลงมาปรอยๆ


The old stone house

บ้านหินเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในปี 1765 เป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในวอชิงตัน ดีซี



บ้านหลังเล็กๆสีฟ้าๆไกด์เรียกว่า spiky house เป็นบ้านที่แทบจะแคบที่สุด ดูๆแล้วก็น่ารักดี









ไม่ค่อยเห็นผู้คนมากนัก กลุ่มคนที่เห็นในรูปคือคนในกรุ๊ปทัวร์เราเอง







จุดสุดท้ายคือGeorgetown university

ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยคาทอลิคที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกา มีคนดังของเมกามากมาย ที่จบจากที่นี่





ทุกคนก็ให้ทิปไกด์ตามเคย name-your-own-price tour แล้วแต่ความพึงพอใจของเราว่าอยากให้เงินเท่าไหร่

ในความรู้สึกเรา เราชอบทัวร์แบบนี้นะเป็นกันเอง ด้วยจำนวนคนที่ไม่มาก ไกด์ก็เต็มที่ เหม่ะมากสำหรับคนที่มาคนเดียวเราจะได้ไม่เหงา และที่สำคัญได้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษด้วย

มุมตรงนี้สวยดี ข้างหลังเห็น Georgetown university ด้วย


Georgetown ถือเป็นเมืองประวัติศาสตร์ แต่ก็ยังมีร้านค้าบูติกน่ารักๆให้ช้อปปิง

เรานั่งพักกินกล้วยในมหาลัยสักพัก แล้วก็ไปเดินเล่นนิดหน่อยตามทางไป bus stop ระหว่างทางก็มองหาคนที่ดูใจดีๆขอให้เขาถ่ายรูปให้เราบ้าง





พอใกล้ๆถึงเหลือบไปเห็นร้านร้านนึงดูมีคนต่อคิวยาว มองขึ้นไป อ้าวนี่มันร้าน Georgetown cupcake ที่ดังๆนี่นา บางเว็บบอกเป็นคัพเค้กที่อร่อยสุดในเมกา

เลยเข้าไปซื้อสักหน่อย แต่เรียกได้ว่ากว่าจะได้นี่เฉียดเวลาที่รถบัสจะมามาก ประมาณว่า 1 นาทีได้ โหวแต่ก็ทันแหละ



สำหรับรสชาติ เราว่าอร่อยดีนะ เราสั่งรส seasalt caramel มันไม่เลี่ยนดี


กลับมาถึงบ้านโฮสก่อนแล้ว Ken ก็มาเรียกเราให้ไปดูแมว ชื่อโรแมน อายุ 13

Nicole เล่าว่าเป็นแมวที่เค้าเก็บมาจากที่อื่นโดยมีเค้าและเพื่อนข้างบ้านช่วยกันเลี้ยง ถือเป็นแมวของทั้งสองบ้าน

อ้วนและน่ารักมาก


พอเราเดินเข้าไปหา โรแมนก็เดินหนีไป จน Ken ต้องเดินไปตาม


ก็พาไปส่งที่ airport ระหว่างทางก็คุยกันตลอด เราชอบทัศนคติ Ken มากเลย เข้าใจเลยว่าทำไม Nicole ถึงเป็นคนที่มีความคิดดี

Ken บอกว่า " เรา smart มากๆ กับการออกมาเที่ยวคนเดียวแบบนี้ Nicole ไม่เคยส่งนักเรียนมาเลย เราคนแรก "

แถมยังมีการพูดถึง Takae ด้วย สงสัย Nicole คงเล่าให้ฟัง Ken ก็บอกอีกว่า

" การได้ออกมาเที่ยว เห็นบ้านเมืองอื่น มันทำให้เรามองโลกกว้างขึ้น ถ้ามีโอกาสก็ออกมาเที่ยวเถอะ " แถมยังบอกอีกว่าพาแม่มาด้วยก็ได้นะคราวหน้า

ตัวเค้าเองก็ไม่คิดเลยว่าเราจะ brave ที่กล้ามานอนบ้านใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จัก เราเลยหันกลับไปบอกว่า

"Nicole is so nice so I think her parents should be nice too haha "

แล้ว Ken ก็หันมาหัวเราะ

นั่งรถไปเกือบจะถึงแล้ว ผ่านสถานที่ที่กำลังจะก่อสร้างเป็นทางเชื่อมไป airport Ken

ก็หันมาบอกว่า " คราวหน้าจะมารับเราตรงนี้นะ "

T^T พูดแล้วก็เศร้า เวลาผ่านไปเร็ว เวลาทำให้เราได้มารู้จักคนคนนึง อยู่คนละซีกโลกกันเลย แต่เราก็กำลังจะจากกันแล้ว ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆที่ได้อยู่กับ Ken และ Marita แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเค้าเป็นคนดี

และแล้วเวลาก็มาถึง

ถึง airport แล้ว

เรากำลังก้าวลงจากรถ

Ken ก็บอกว่า

" wait for a second Let me give you a hug "

พร้อมบอกว่า " Nice to meet you "

เราก็ say thank you Ken มากๆที่ช่วยเรา

และเราก็เดินทางกลับPortland



กลับไปถึง Nicole มารับที่สนามบิน


เราเล่าเรื่องราวต่าๆที่เราไปเที่ยวมาให้ฟัง Nicole ก็บอกว่ามัน

"เป็นเรื่องตลกมาก ที่อยู่ดีๆ เราก็ได้ไปพักบ้านเค้า ไปเจอพ่อแม่เค้า "

เราก็บอกว่า

" haha you know what my mom had some conversation with your mom too I' ve never thought about this thing before it's funny that it happened "

Nicole ก็ถามว่า

" Did your mom worry about you ? "

" Oh no she just wanted to say thank you to your mom "

และเธอก็บอกว่า

" เมื่อกี้ แม่เค้าโทรมาถามว่าเราถึง Portland ปลอดภัยแล้วใช่ไหม และบอกว่า เนสลืมหมวกไว้ที่บ้าน ตรงอ่างล้างจาน พรุ่งนี้เค้าจะส่งไปรษณีย์มาให้ "

ก่อนหน้านี้เราพยายามหาหมวกเรา คิดว่าหยิบออกมาจากบ้านแล้ว ที่แท้เราลืมไว้ตรงอ่างล้างจาน ตอนกรอกน้ำเสร็จนี่เอง ตอนนั้นก็รู้สึกเกรงใจนะ ที่เราลืมของไว้ที่นั่น

" oh I am sorry it's my false I will pay you "

Nicole ก็รีบบอกว่า

" ไม่ๆๆ มันไม่กี่บาทหรอก don't worry "

เรายิ้มและขอบคุณ Nicole


และไม่กี่วันก็มีพัสดุมาส่ง หมวก help me ที่เราลืมไว้ที่บ้านพ่อแม่ Nicole

พร้อม note เล็กๆ จาก Ken และ Marita


กลับมาครั้งนี้ยังรู้สึกทึ่งในตัวเองอยู่เหมือนกันที่สามารถออกไปเที่ยวคนเดียวได้

อายุมันก็แค่ 19 เพิ่งจบปี 1 เอง อยู่ Portland ระบบขนส่งเค้าดีๆ เรายังนั่งผิดเลนส์บ่อย มากกว่าครึ่งชีวิตที่เราอยู่ Portland เลย

แต่เราทำมันได้แล้ว ได้อะไรกลับมาตั้งหลายอย่าง

ได้ฝึกวางแผน บางครั้งไม่มีใครให้ปรึกษาก็ลองเชื่อเซนส์ตัวเองดู เสี่ยงเอาว่าจะดีหรือแย่ มันก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลุ้นๆดี บางทีก็หลงบ้างเป็นเรื่องปกติ เราก็ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะไม่หลงเลย มันก็เป็นไปไม่ได้ แต่เวลาหลงมันก็ไม่ได้กระทบใคร เพราะไปคนเดียว เอาตัวเองให้รอดก็พอ

และบางเรื่องมันก็ไม่เคยอยู่ในหัวเรามาก่อนเลย

ไม่เคยคิดว่าตอนเดินกลับจากร้าน Toffee club กับ Michael วันนั้นไอประโยคที่เค้าแค่บอกว่า ' พลุที่ดีซีวัน 4th of July สวยนะ '

มันจะเกิดขึ้นจริง เราได้ไปดูพลุในวันชาติอเมริกา ที่ดีซีจริงๆ

แต่ดีนะ ดีที่ไป เพราะยังไงตอนนั้นเราก็ไปอยู่ดี

รู้ว่าไม่ไปคงเสียดายแย่ มันจะมีสักกี่ครั้งที่

จะได้มีโอกาสมีที่พักฟรี

มันอาจไม่ใช่แค่ที่พักฟรีหรือบ้านสวย แต่เราได้ไปรู้จักกับคนสองคนที่เป็นพ่อ แม่ของ Nicole

ซึ่งเค้าก็เป็นคนดีมากๆ

และจะมีอีกกี่ครั้งที่จะได้ไปเมืองหลวงอเมริกาในวันชาติอเมริกา

หรือครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย

หรือเราอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้วก็ได้

ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องขอบคุณ Nicole มากที่ทำให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น

ความคิดเห็น