มกราคมมาเยือน เข้าเดือนนี้ทีไรผมมีอันต้องควงแขนคุณนายพาไปเที่ยวเชียงใหม่เสียทุกปี และปีนี้ยังคงเหมือนเดิมถึงจะย้ายจากกรุงเทพมาปักหลักโคราชแล้วก็เถอะ เพราะเดินทางรถทัวร์รวดเดียวถึงไม่ต่างจากตอนอยู่เมืองหลวงแม้แต่น้อย

การตะลอนเชียงใหม่ของผมมีวิธีเดียวครับ ใช้ทุกครั้งไม่ว่าจะไปเที่ยวไหน นั่นคือมอเตอร์ไซค์เช่า นั่งรถทัวร์ไปลงสถานีขนส่งซึ่งคนเชียงใหม่เรียกว่าอาเขต ถึงแล้วเดินตรงไปยังบรรดาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ข้างโรงแรมแกรนด์ ไดมอนด์ เดี๋ยวนี้มีหลายร้าน แต่ผมมีร้านประจำคือ BIKKY มีทั้งเกียร์ธรรมดา ออโต้ รถใหม่ รถเก่า เริ่มต้น 200 บาทต่อวัน ไม่มีมัดจำ ผมเช่ามาหลายครั้ง นานสุดต่อครั้งคือสิบวัน ไม่เคยมีปัญหาทั้งสภาพรถ และตอนคืนรถ ไม่เคยโดนหักอะไร เปิดตั้งแต่หกโมงเช้าถึงสามทุ่ม แถมเดี๋ยวนี้เขาพัฒนามีบริการส่งรถถึงสนามบิน หรือสถานีรถไฟแล้วด้วยนะ

ทริปนี้ผมเดินทางจากโคราชช่วงกลางคืน 12 ม.ค. ถึงเชียงใหม่สายวันรุ่งขึ้น กลับเย็นวันที่ 17 ม.ค. เป้าหมายคือการเที่ยวดอยอินทนนท์อีกสักรอบ ขี่มอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ยาก จะขึ้นทางอำเภอจอมทอง หรืออำเภอแม่วางก็ตามใจ รถแบบไหนขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ คราวนี้ผมเลือกเช่ายามาฮ่า แกรนด์ฟิลาโน่ เพราะความสะดวก จุของได้เยอะ เติมน้ำมันไม่ต้องเปิดเบาะ คันละ 300 บาทต่อวัน จ่ายแพงหน่อยเพื่อแลกกับการนั่งซ้อนสองคนพร้อมบรรทุกของสบายกว่าครับ

ได้รถแล้วเริ่มต้นเที่ยวทันที วางแผนขึ้นอินทนนท์ผ่านทางจอมทอง ลงทางอำเภอแม่วาง กลับมาตัวเมืองเป็นวนรอบ ระยะทางรวมราว 230 กิโลเมตร และเหล่านี้คือสถานที่ต่างๆ บนอินทนนท์ที่ผมไปสัมผัสและอยากให้ทุกคนลองมาเที่ยวดูกันครับ


- 1 น้ำตกแม่ยะ -

อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ถึงจะไม่ได้อยู่บนถนนขึ้นดอยก็ตาม เมื่อมาเที่ยวอินทนนท์ถ้าไม่ได้มาน้ำตกแม่ยะก็ดูกระไรอยู่ เพราะนี่คือหนึ่งในน้ำตกสวยที่สุดของบ้านเราเชียวนะ ห่างจากตัวอำเภอจอมทองราว 15 กม. มีป้ายบอกทางเป็นระยะ คราวนี้ผมขึ้นดอยทางฝั่งจอมทองเลยแวะที่นี่เป็นที่แรก ถนนอย่างดีตลอดสายไม่ต้องกังวลเรื่องการขับขี่

ผ่านจากชุมชนเข้าเขตอุทยานฯ ถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมก็จ่ายตังค์ซะ อัตราปัจจุบัน ผู้ใหญ่ 50 บาท มอเตอร์ไซค์คันละ 20 บาท ซึ่งถ้าใครลงมาจากกิ่วแม่ปานหรือกางเต็นท์นอนบนดอยเสียค่าธรรมเนียมมาแล้วไม่ต้องจ่ายเพิ่มนะครับ อุทยานฯ เดียวกันจ่ายทีเดียวพอ

จากด่านตรวจฯ อีก 6 กม. จะถึงจุดจอดรถ เดินเข้าไปสักครึ่งกิโลก็ถึงน้ำตก เชิญร้องโอ้กับความอลังการตามสบาย ที่นี่มีน้ำทั้งปีมากน้อยตามฤดูกาลว่ากันไป หากมีโอกาสจะลองมาเที่ยวปลายฝนดูสักครั้ง


- 2 น้ำตกแม่กลาง -

ด่านแรกของการขึ้นอินทนนท์ฝั่งอำเภอจอมทอง ใครจะเหมารถเหลืองเที่ยวดอยก็หาจากแถววัดน้ำตกแม่กลางไม่ยาก หรือพวกนักโบกมักรอติดรถจากจุดนี้เหมือนกัน ส่วนผมแว้นมาเพราะฉะนั้นไม่ต้องสนใจ ขี่เข้าไปในน้ำตกได้เลย

น้ำตกแม่กลางคล้ายกับน้ำตกห้วยแก้วที่ดอยสุเทพ คืออยู่ตีนดอย เป็นจุดผ่อนปรน มีร้านอาหารริมน้ำตกให้เลือกเพียบ จุดเล่นน้ำก็มี ที่นี่คนไทยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าชม เก็บเฉพาะต่างชาติ

ผมมาถ่ายรูปน้ำตกชั้นบนสุดเก็บไว้หอมปากหอมคอ ใช้เวลาไม่นานเสร็จสรรพก็ไปต่อ


- 3 หน่วยจัดการต้นน้ำแม่กลาง -

ออกจากน้ำตกแม่กลางแล้วยิงยาวขึ้นสู่บ้านขุนกลาง ที่ทำการอุทยานฯ อยากจัดการเรื่องที่กางเต็นท์ให้เสร็จก่อนเย็น ตามธรรมดาลานกางเต็นท์อุทยานฯ อยู่ที่ดงสน บ้านขุนกลาง ห่างจากที่ทำการฯ ไม่กี่ร้อยเมตร ปีก่อนผมมานอนอยู่หลายคืน ปีนี้ว่าจะไปที่นั่นแหละ

พอถึงที่ทำการฯ ติดต่อเจ้าหน้าที่ก็เล่นเอาอึ้งกิมกี่อยู่พักใหญ่เมื่อเจอคำตอบว่า "ลานกางเต็นท์อุทยานฯ ปรับปรุงถนนอยู่ ปิดให้บริการค่ะ"

แหม... ช่างกล้าทำกันได้ กลางมกราคมคนกำลังมาเที่ยวอาบอากาศหนาว ดูดอกนางพญาเสือโคร่ง แต่อุทยานฯ กลับปิดลานกางเต็นท์ ถ้าไม่ฉลาดจริงทำไม่ได้นะนี่ (ยังเคืองไม่หาย ฮา...) ตามกำหนดจะปรับปรุงเสร็จสิ้นเดือนกุมภา ทว่างานราชการแบบนี้เห็นทีอาจมีลากยาว

เมื่อลานกางเต็นท์ของอุทยานฯ ปิดก็ต้องหาที่อื่นใกล้เคียง ที่จริงหาไม่ยากเพราะแถวนั้นมีเพียบ ตรงน้ำตกสิริภูมิก็มี หรือที่โด่งดังดูดีมีชาติตระกูลหน่อยคือดอยชัวร์ญ่า แต่ท้ายที่สุดผมเลือกมากางที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่กลาง เยื้องที่ทำการฯ นิดเดียว

ที่นี่ไม่กำหนดค่าธรรมเนียมกางเต็นท์ อยากให้เท่าไหร่หย่อนใส่กล่องตามสบาย มีเต็นท์เล็ก-ใหญ่ให้เช่า มีผ้านวมให้เช่า อุปกรณ์อื่นนิดหน่อย แต่ผมไม่แนะนำสำหรับคนเน้นความสะอาดเรื่องห้องน้ำห้องท่า เพราะมีน้อยและไม่ค่อยน่าใช้งานเท่าไหร่ สถานที่ก็ไม่ได้สวยงามอะไรนัก ว่าตามตรงคือเอาไว้ซุกหัวนอนนั่นแหละ

สำหรับเรื่องน้ำมัน บ้านขุนกลางไม่มีปั้มมาตรฐาน แต่มีปั้มแบบบริการตัวเองให้ใช้อยู่สามสี่จุด เบนซิน ดีเซล โซฮอล์ มีครบ


- 4 หมูกระทะ -

กางเต็นท์นอนที่อินทนนท์ต้องมานั่งกินหมูกระทะ ไม่มีใครพูดไว้หรอกผมพูดเองล้วนๆ (ฮา...) ที่บ้านขุนกลางมีร้านหมูกระทะหลายร้าน ตามที่กางเต็นท์ส่วนใหญ่ก็สามารถสั่งให้มาส่ง ตกค่ำอากาศหนาวๆ ได้มานั่งล้อมวงกินหมูกระทะ บรรยากาศมันให้จะตายไปว่าไหม

ผมแว้นมากินร้านซึ่งเคยใช้บริการ "หมูกระทะสี่ร้อย วิวสี่ล้าน" อยู่ข้างดอยชัวร์ญ่า ราคาสี่น้อยนั่นชุดเล็กนะครับ เป็นราคามาตรฐานของที่นี่ เทียบกับปริมาณถือว่าแพงอยู่ แต่ก็นั่นแหละความสุขความอร่อยมันอยู่ตรงบรรยากาศ ปิ้งกันไป กินกันไป ฟินกับคุณนายกันไป

ส่วนใครไม่มีงบกินเหลือเฟือก็ไม่ต้องกังวล มีร้านอาหารตามสั่ง บะหมี่เกี๊ยว ลูกชิ้นปิ้ง หาได้ทั่วไปที่บ้านขุนกลาง หรือจะไปใช้บริการร้านอาหารตรงที่ทำการอุทยานฯ ก็ได้



- 5 กิ่วแม่ปาน -

ตามข่าวมีแม่คะนิ้งเกิดบนอินทนนท์ติดกันเป็นสิบวัน ผมกับคุณนายย่อมต้องหวังสัมผัสแม่คะนิ้งแรกเป็นธรรมดา ตื่นตั้งแต่ตี่สี่ครึ่งแว้นฝ่าความมืดและความหนาวขึ้นสู่กิ่วแม่ปาน ระยะทางประมาณ 15 กม. แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำเอาพูดไม่ออก ท้องฟ้าปิดมีหมอกขาวโพลนเป็นวันแรกของปี 59 อากาศแบบนี้อย่าว่าแต่แม่คะนิ้งเลย กระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นหรือวิวต่างๆ ก็มองไม่เห็น ทัศนวิสัยย่ำแย่มาก

อ้อ... ระหว่างทางขึ้นพบด่านตรวจด้วยนะ ใครมาจากฝั่งแม่วางยังไม่เสียค่าธรรมเนียมก็ควักสตางค์จ่ายตามระเบียบ ส่วนใครกางเต็นท์นอนหรือเสียจากด่านน้ำตกแม่กลางมาแล้วก็แค่ยื่นบัตรเก่าให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูได้เลย

สำหรับผมไหนๆ ขึ้นมาแล้วก็ต้องสู้ต่อไป หาของกินตรงทางเข้ากิ่วแม่ปานเรียบร้อยก็เริ่มเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติกัน ระยะทาง 3.2 กม. การเที่ยวที่นี่ต้องมีไกด์ท้องถิ่นนำทางด้วยทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย ดูแลรักษาธรรมชาติ และสร้างรายได้ให้กับชาวเขาท้องถิ่น เป็นการกระตุ้นให้ช่วยกันรักษาผืนป่าในพื้นที่ ค่าไกด์เพียง 200 บาท ต่อกลุ่มสิบคน สามารถรวมกรุ๊ปกันตามสบาย

ผมพร้อม คุณนายพร้อม เพื่อนร่วมกลุ่มพร้อม ไกด์พร้อม ก็ลุยโลดได้เลย บรรยากาศหมอกหนาทำให้ป่าที่กิ่วแม่ปานมีเสน่ห์ดูลึกลับน่าค้นหาเชียวครับ

พ้นกิโลเมตรแรกจะโผล่ออกมาบริเวณสันเขาซึ่งมีลักษณะเฉพาะแบบทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ แหล่งที่อยู่ของกวางผาทั้งหลาย แหม... วิวสวยงามอะไรเช่นนี้ (ประชด!) ทัศนวิสัยเป็นศูนย์ ยืนห่างยี่สิบเมตรก็แทบมองไม่เจอกันแล้ว วิวอำเภอแม่แจ่ม ผาแง่มน้อย อะไรก็มองไม่เห็นทั้งนั้นแหละ สงสารน้องร่วมกลุ่มที่มาเดินด้วยกันจับใจ นั่งเครื่องไกลจากภูเก็ตมาเที่ยวเหนือครั้งแรกกลับไม่เห็นวิวอะไรเลย แถมค้างที่นี่คืนเดียวเสียอีก เอาไว้โอกาสหน้านะน้อง

เดินเลียบเลาะภูเขาท่ามกลางสีขาวมาเรื่อยจนถึงจุดชมวิวที่จะมองเห็นพระบรมธาตุเจดีย์สององค์ เห็นไหมครับเจดีย์ทั้งสอง อยู่ตรงหน้านี่ไง!

พ้นแนวภูเขาแล้วจึงตัดกลับเข้าป่า กระทั่งวนออกถึงทางเดียวกับที่เราเข้ามาเป็นการเดินครบรอบ มองแง่ดี กิ่วแม่ปานอารมณ์ขาวๆ ก็สดชื่นหายใจชุ่มปอดดีเหมือนกัน


- 6 ยอดดอยและอ่างกา -

กิ่วแม่ปานไม่ใช่จุดสูงสุดของอินทนนท์ นั่นต้องขึ้นไปอีก 4 กม. คนขึ้นมายอดดอยส่วนมากด้วยสองเหตุผล ข้อแรกคือถ่ายภาพกับป้ายว่าฉันมาถึงหลังคาสยามแล้วนะ และอีกข้อคือเพื่อมาเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ซึ่งเปรียบเสมือนต้นน้ำของน้ำตกต่างๆ แห่งอินทนนท์

อ่างกาเดินไม่ยากใช้เวลาไม่มาก มีสะพานไม้อย่างดีวนรอบป่าซึ่งเป็นระบบนิเวศเฉพาะตัว ใครเข้าไปจะรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าดึกดำบรรพ์ จริงๆ แล้วว่ากันว่าที่นี่สวยสุดหน้าฝนเพราะจะเขียวขจีและสดชื่นด้วยไอหมอกชุ่มฉ่ำ ส่วนหน้าหนาวแบบนี้สีของต้นไม้ มอส ตะไคร่ต่างๆ ออกทางซีดเหลืองนิดหน่อย แต่ยังไงก็ถือเป็นเส้นทางที่น่าเที่ยวชมอยู่มาก


- 7 หมูย่างสามแยก -

อีกร้านโปรดของผมที่อินทนนท์ ชื่อร้านอะไรไม่รู้ล่ะแต่ผมเรียกหมูย่างสามแยก เพราะตั้งอยู่ตรงสามแยกบ้านขุนวางพอดีเป๊ะ หลังลงจากยอดดอยก็กระเตงพาคุณนายลงมากินหมูย่างร้านนี้ ตระเวนกินหมูย่าง ข้าวเหนียวที่อินทนนนท์มาหลายร้าน ผมชอบที่นี่ที่สุด น้ำจิ้มก็รสเด็ดดวง


- 8 พระตำหนักดอยผาตั้ง -

ข่าวคราวว่าพญาเสือโคร่งปีนี้บานช้าและไม่ค่อยสวย ตั้งแต่ขึ้นมาอินทนนท์ก็พอสังเกตเห็น ริมถนนหนทางทั้งที่บ้านขุนกลาง ที่ทำการฯ ล้วนบานกระหรอมกระแหรม แต่ถึงอย่างนั้นผมยังหวังจะเห็นเสือชมพูสวยๆ ที่พระตำหนักดอยผาตั้งอยู่นะ หลังกินหมูย่างเสร็จจึงขี่รถตรงไปทันที

ทางขึ้นดอยผาตั้งหาไม่ยาก เลยจากที่ทำการฯ สักกิโลเมตรจะพบแยกซ้ายมือก็เลี้ยวเข้าไปโลด จากจุดนั้นขึ้นเขาอีก 8 กม. ก็ถึงหน่วยพิทักษ์ฯ และพระตำหนักซึ่งมีต้นพญาเสือโคร่งปลูกเรียงรายหนาแน่น ระหว่างทางขึ้นเห็นหลายต้นบานสวยพอให้ดีใจว่าคงมีโอกาสที่ข้างบนจะบานบ้าง

แต่พอขึ้นมาแล้วถึงกับพูดอะไรไม่ออก อย่างที่เห็นในภาพครับว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มีให้เห็นเพียงกิ่งก้าน เพิ่งออกตุ่มดอก เจ้าหน้าที่บอกว่าปีนี้บานช้ามากจริงๆ กว่าจะสวยสะพรั่งคงช่วงปลายเดือนเชียวล่ะ แต่ไหนๆ มาแล้วเลยขอเดินเล่นสำรวจที่ทางสักหน่อย หาต้นที่บานอยู่บ้างพอถ่ายภาพได้ปลอบประโลมหัวใจ



- 9 น้ำตกสิริภูมิ -

ใครมาเที่ยวอินทนนท์ถ้าขับรถขึ้นไปแถวดอยชัวร์ญ่า หรือมาจากทางขุนวาง จะเห็นน้ำตกใหญ่โดดเด่นจากหน้าผาสูง นั่นคือน้ำตกสิริภูมิ ข้างบนนั้นนักท่องเที่ยวธรรมดาขึ้นไปไม่ได้หรอก แต่เราเที่ยวข้างล่างได้ครับ ทางเข้าน้ำตกอยู่ที่บ้านขุนกลางนี่แหละใกล้กับสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ มีป้ายบอกอยู่ ซึ่งหลังจากลงจากดอยผาตั้งอย่างผิดหวัง ผมก็ตรงมาเที่ยวน้ำตกแห่งนี้แทน

เขามีค่าเข้าชม 20 บาท อยู่ในความดูแลของโครงการหลวง จัดพื้นที่เป็นสวนป่ากึ่งธรรมชาติ เน้นพันธุ์ไม้เด่นจำพวกเฟิร์น บรรยากาศสดชื่นน่าเที่ยว เดินผ่านสวนป่าเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงชั้นล่างของน้ำตก เสียงน้ำหล่นจากหน้าผาดังกึกก้องให้ชื่นใจ ถือเป็นที่เที่ยวปิดท้ายวันนี้ของผมครับ ต้องรีบกลับไปอาบน้ำก่อนจะหนาวสะท้านดีกว่า

ใครอยากพักแถวนี้มีบ้านพักของโครงการหลวง หรือตรงทางเข้าน้ำตกมีลานกางเต็นท์ด้วย เป็นอีกตัวเลือกที่ดีไม่น้อย


- 10 กิ่วแม่ปาน (รอบสอง) -

ผิดหวังจากวันก่อนก็ต้องมาแก้มือใหม่ มือถือดังปลุกตีสี่ครึ่งก็เด้งตัวขึ้นมาจัดแจงธุระแล้วบิดรถเครื่องขึ้นกิ่วแม่ปานอีกรอบ วันนี้ที่จุดชมวิว กม.42 ทางเข้ากิ่ว อากาศสดใสฟ้าเปิดใช้ได้แม้จะยังพอมีเมฆหมอกลอยอ้อมมาจากทางใต้พอสมควร

หลังฟ้าสว่างกินข้าวเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ติดต่อเรื่องเข้าชม คราวนี้แจ้งจำนงขอไกด์นำเข้าไปกับคุณนายเพียงสองคนเพราะรู้ว่าต้องใช้เวลานาน เรารีบเดินสู่จุดชมวิวเพราะส่วนอื่นไม่ต่างจากเมื่อวาน แต่พอโผล่พ้นแนวป่าเท่านั้นแหละต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก หมอกขาวโพลนเต็มไปหมด


เอาเถอะถึงยังไงก็ดูดีกว่าเมื่อวาน หมอกฟุ้งมาจากลมตี ตกลงกับไกด์ว่ายังไงวันนี้ก็ขอรอจนฟ้าเปิด ระหว่างรอพอมองเห็นแววครับ ช่วงที่หมอกบางจะเห็นวิวอยู่บ้าง จึงเป็นการรอด้วยความหวัง ไม่ใช่รอลมๆ แล้งๆ

และหลังจากผ่านไปสักชั่วโมงเมื่อหมอกเริ่มจางลง... สวรรค์ก็ปรากฏ รัวชัตเตอร์สิครับจะทำอะไรอีกล่ะ

หมอกหมดไปท้องฟ้าแจ่มใสมาก วิวจากกิ่วแม่ปานจะเห็นกี่ครั้งก็ยังประทับใจเสมอ ใครที่ตัดใจออกมาตอนฟ้าขาวคงไม่อยากเชื่อว่าอีกชั่วโมงต่อมาสภาพอากาศจะพลิกกลับตาลปัตรเหมือนคนละวัน นี่แหละนะผลตอบแทนของความอดทน


- 11 น้ำตกวชิรธาร -

เพราะใช้เวลาอยู่บนกิ่วแม่ปานแบบเนิบนาบ (ทั้งเวลารอและเวลาเดินเที่ยวถ่ายภาพ) ทำให้กว่าจะลงมาจากข้างบนก็ใกล้บ่าย ต้องรีบทำเวลาสักหน่อยเพราะยังเหลือที่อยากไปอยู่อีก

ที่ผมอยากไปไม่ใช่ที่นี่หรอกครับ แต่เพราะวางโปรแกรมลงจากอินทนนท์ทางฝั่งอำเภอแม่วาง ทำให้จะไม่ได้ย้อนกลับมาทางนี้อีกแล้ว เลยต้องขอเวลาแวะเก็บภาพน้ำตกวชิรธาร ซึ่งอยู่ตรง กม. 21 สักหน่อย นี่เป็นอีกน้ำตกใหญ่ของอินทนนท์ที่ยังไงก็ควรมาชม รอบพื้นที่มีร้านอาหาร มีร้านกาแฟบริการอย่างดี

หากต้องการเก็บภาพสวยๆ แนะนำให้มาช่วงสาย ถ้ามาบ่ายมุมน้ำตกจะหลบเงาและต้องถ่ายย้อนแสงเหมือนในภาพที่เห็น เมื่อถ่ายภาพไม่สวยมากผมจึงใช้เวลาไม่นานก็ไปต่อ


- 12 น้ำตกผาดอกเสี้ยว -

นี่แหละเป้าหมายสำคัญ น้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือบ้างเรียกน้ำตกรักจัง ตามชื่อภาพยนตร์ซึ่งเคยใช้ที่นี่เป็นโลเกชั่นถ่ายทำ เหตุผลที่ต้องรีบทำเวลาเพราะกลัวว่าจะเย็นย่ำเกินจนเที่ยวไม่ทัน ด้วยน้ำตกแห่งนี้เราต้องเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเข้าไป ไม่ใช่แบบจอดรถแล้วเจอเลย

หลังสอบถามข้อมูลมาพร้อมว่าจะเที่ยวได้ยังไง ออกจากวชิรธารผมก็ดิ่งไปบ้านแม่กลางหลวง กม. 26 ทันที เข้ามาแล้วไปที่ร้านกาแฟสมศักดิ์ ตรงนั้นเปรียบเสมือนศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของชุมชน บอกเขาว่ามาเที่ยวน้ำตกผาดอกเสี้ยว เราก็จะได้ไกด์ท้องถิ่นชาวปกากะญอหนึ่งคน เป็นไกด์ที่มีใบอนุญาตและผ่านการอบรมจาก อช.ดอยอินทนนท์ และเหมือนที่กิ่วแม่ปานคือเราต้องเสียค่าไกด์ 200 บาท ต่อกลุ่มไม่เกินสิบคน

เส้นทางศึกษาธรรมชาติตัดผ่านน้ำตกระยะทางราว 3.5 กม. มีจุดเริ่มต้นอยู่ริมถนนประมาณ กม. 28 และจุดสิ้นสุดคือกลับมายังหมู่บ้านตรงร้านกาแฟ ซึ่งการเดินเที่ยวเราเลือกได้สองแบบ

1. นั่งรถจากหมู่บ้านไปจุดเริ่มต้นริมถนน เส้นทางเดินลงอย่างเดียวตลอด 3.5 กม. แต่มีค่ารถไปส่งเพิ่ม 200 บาท

2. เดินจากหมู่บ้านขึ้นไปน้ำตก แล้วเดินลงกลับทางเก่า ไม่เสียค่ารถ แต่เส้นทางเพิ่มเป็น 5 กม. คือขึ้น 2.5 กม. ลงอีก 2.5 กม.

ผมเลือกแบบแรก ยอมเสียเงินเพิ่มเติมเพราะดูนาฬิกาใกล้เย็นแล้ว และที่สำคัญถ้าจะเดินขึ้น-ลง เห็นทีคงต้องโดนคุณนายแผ่นกบาลแยกแน่นอน (ฮา...)

ย้ำว่าอุทยานฯ ห้ามเข้าน้ำตกโดยไม่มีไกด์ท้องถิ่นนำทาง โปรดทำตามอย่างเคร่งครัดนะครับ ไม่จำเป็นต้องถามต่อว่าเดินเที่ยวเองได้ไหม ส่วนที่เหลือไม่ขออธิบายให้มากความ รื่นรมย์ชมจากภาพถ่ายเอาแล้วกัน แค่อยากจะบอกว่าเดินไม่ยาก น้ำตกสวยสดชื่น มาอินทนนท์แล้วห้ามพลาด


- 13 ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ –

เอาล่ะวันสุดท้ายได้เวลาลงจากอินทนนท์ ผมวางแผนลงทางอำเภอแม่วาง โดยแวะเที่ยวขุนวางเสียก่อน ระหว่างทางผ่านศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดชมพญาเสือโคร่งยอดฮิตเลยขอเลี้ยวรถเข้าไปสักหน่อย แม้จะรู้ข่าวมาว่าดอกไม้ที่นี่บานสะพรั่งจนเกินร้อยรอเวลาโรยแล้วก็ตาม

คนเยอะพอสมควร ไฮไลท์คือภาพรีเฟล็คสะท้อนน้ำ แต่อย่างที่บอกครับว่าเลยช่วงบานงามเต็มที่มาแล้ว ดอกไม้ที่เคยสีชมพูถูกแซมด้วยใบแดงเขียวสีไม่สดใสเท่าไหร่ ได้มาแค่เท่าที่เห็น


- 14 ขุนวาง -

เสร็จจากศูนย์ฯ กล้วยไม้รองเท้านารี ก็มุ่งตรงมายังขุนวาง หรือชื่อเต็มว่า ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) หนึ่งในสถานที่ฮิตสุดๆ สำหรับการดูดอกนางพญาเสือโคร่งของเชียงใหม่ พิกัดอยู่เชิงดอยอินทนนท์แต่เป็นฝั่งทางทิศเหนือ เขตอำเภอแม่วาง ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 17 กิโลเมตร

จากข่าวก็รู้ว่าปีนี้พญาเสือโคร่งที่ขุนวางยังไม่บาน อุโมงค์ต้นไม้อันโด่งดังมีแต่กิ่งก้าน ผมอยากได้ภาพอัพเดตด้วยตัวเองเลยต้องขอมาชมสักหน่อย ซึ่งอย่างที่เห็นครับว่าปีนี้เสือชมพูเล่นตัว แต่ถึงยังไงบรรยากาศก็ยังดีเลิศ มีมุมให้เดินเก็บภาพเล็กๆ น้อยๆ เพลินไปอีกแบบ


นั่นคือทั้งหมดของผมกับทริปดอยอินทนนท์คราวนี้ครับ ตามจริงผมยังกลับเข้าตัวเมือง ขึ้นดอยสุเทพ ไปเที่ยวขุนช่างเคี่ยนต่ออีกวันหนึ่ง แต่ขอยกยอดไม่ขอพูดถึงแล้วกัน เพราะอยากเน้นสถานที่เที่ยวบนดอยอินทนนท์ ซึ่งนอกจากที่ทั้งหมดที่ผมไปมา ยังมีจุดน่าสนใจอีกอย่าง น้ำตกสิริธาร สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ และหมู่บ้านชาวเขาต่างๆ อีกด้วยนะ บังเอิญเวลาจำกัดบางแห่งเลยต้องข้ามไปอย่างน่าเสียดาย

และกับรีวิวนี้ขอทิ้งทวนด้วยวีดีโอสวยๆ ที่เก็บมาฝากก็แล้วกัน

ย้ำนะครับว่าการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวดอยอินทนนท์ไม่ยากมากนัก ทำได้แน่นอนจะด้วยรถเกียร์ออโต้ หรือเกียร์ธรรมดาก็ตาม แต่สำคัญคือขอให้ผู้ขี่มีความชำนาญ ระมัดระวังกับการขี่รถขึ้น-ลงภูเขา แค่นี้การพิชิตความงามของอินทนนท์ก็อยู่แค่เอื้อมครับ


ใครสนบล็อกรีวิวอื่นของผม อยากคุยเรื่อยเปื่อย สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) ชวนเที่ยว ก็ยินดียิ่งครับ

>>> https://www.facebook.com/alifeatraveller


นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller

 วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.37 น.

ความคิดเห็น