สวัสดีครับ

ที่มาของทริปไม่มีอะไรมากครับ แค่ว่างแล้วอยากเที่ยว ครับ..แค่อยากเที่ยว ^^ ขอสักที่ที่ไม่ใช่ทะเลเพราะช่วงหลังๆไปมาบ่อยแล้ว แล้วมันจะมีอะไรที่ไม่ใช่ทะเลหล่ะ.. นึกออกไม่กี่ที่ คือเมือง กับภูเขา(ดอย) เมืองก็ยังไม่มีอารมณ์อยากจะไปมันเจริญหูเจริญตาเกิน อยากไปลำบากๆ คิดเองว่าเป็นภูมิแพ้กรุงเทพ และอยากเข้าถึงวิถีคนท้องถิ่น ฟังดูดัดจริตนะครับ 555

ก็เลยเลือกปักหมุดมาที่ภาคเหนือหาที่พักที่ตั้งแต่เที่ยวมาไม่เคยพักเลยคือที่พักแบบ Homestay หาไปหามาน่าสนใจอยู่ 2 ที่คือ บ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ และ โฮมสเตย์บ้านดินโยฮันจ.เชียงราย ส่วนอีกที่คือ ปาย ณ แม่ฮ่องสอน(ไม่ได้พักhomestay) เหตุผลที่เลือกมาทั้ง 3 ที่แห่งนี้ก็คือ....

1.บ้านแม่กำปอง

ฮอตฮิตเหลือเกินสำหรับที่นี่ ใครที่ชอบเสพข้อมูลท่องเที่ยว หรือแอดเพจท่องเที่ยวในเฟสบุ๊ค ยังไงก้อต้องผ่านตาที่นี่แน่ๆเปิดเห็นภาพหรือรีวิวแล้วหายใจไม่สะดวก อาการของผมจะเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเจอสถานที่อยากไปมากๆ ลมหายใจหยุดที่ภาพ ตื่นเต้น ตาเป็นประกายวิ้งๆ อยากไปดูเหลือเกินกับแหล่งท่องเที่ยว homestay ที่ร่มรื่น ผุ้คนใจดี อากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย ได้ยินเสียงธารน้ำไหลตลอดเวลาให้รู้สึกว่าร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เหมาะหละที่นี่ ผมจะพาปอดไปกินอากาศคลีนๆ กับอากาศที่บริสุทธิ์และแน่นอน ฮะอึ่มมมมม..... มัน sloooooooooooow life ???เพื่อ??? 55555


2..โฮมสเตย์บ้านดินโยฮัน

เป็นที่ท่องเที่ยวที่หาเพราะอยากพัก homestay ที่ซึ่งคนไทยไม่ค่อยเที่ยวเงียบๆคนรุ้จักน้อยๆ (และแน่นอน หารีวิวยากมาก) และที่สำคัญยังได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าด้วย พอเห็นภาพดูแล้วอาการเดิม คือหายใจติดๆขัด ตื่นเต้น เพราะตรงตามที่หาทุกอย่าง น้ำลายเป็นประกายมุ้งมิ้ง 5555


3..ปาย

ที่นี่เคยไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว เที่ยวก็ครบแล้ว แต่ครั้งที่แล้วจำได้ว่าถ้ามีโอกาสอยากจะมาที่นี่อีกครั้งทริปนี้เลยไปแค่นอนเล่นอ่านหนังสือ ฟังเพลง ไม่สนผุ้คน เอาตัวไปฝังชุมชนเล็กๆติสท์ๆที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ (ฟังดูดี ^_^)

เหตุผลแค่นี้แหละพอได้ที่จะไปเสร็จก็เตรียมดีไซน์แพลนไว้ว่าจะใช้เวลากี่วัน แต่ละที่กี่วัน สรุปได้ว่าจะไปที่แม่กำปองสัก 3 คืน บ้านดินโยฮัน 2 คืน และปายอย่างน้อย 3 คืน (อยู่ไปอยู่มาได้ 6 คืน ) ซึ่งสรุปได้ตามนี้

Day 1 : กทม - เชียงใหม่ - บ้านแม่กำปอง
Day 2 : บ้านแม่กำปอง
Day 3 : บ้านแม่กำปอง
Day 4 : บ้านแม่กำปอง - เชียงใหม่ - เชียงราย - บ้านดินโยฮัน
Day 5 : บ้านดินโยฮัน
Day 6 : บ้านดินโยฮัน - เชียงใหม่ - ปาย
Day7-11 : ปาย
Day 12 : ปาย - เชียงใหม่ - กทม


จากนั้นก็ลองโทรไปหาที่พักที่จะพักเรื่องรายละเอียดต่างๆซึ่งได้ข้อมูล ตามนี้....



ที่พัก/การเดินทาง

1..บ้านแม่กำปอง

ที่นี่มีที่พัก 2 แบบคือ พัก Homestay ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของคนในหมู่บ้าน ซึ่งหัวเลี่ยวหัวแรงคือ ผู้ใหญ่บ้าน(คนเก่า) ซึ่งคนที่นี่ เรียกกันว่าพ่อหลวงพรหมมินทร์ กับอีกแบบคือที่พักที่อยู่ในหมู่บ้านหรือข้างเคียงที่เปิดให้พักเองไม่ผ่านที่หมู่บ้าน ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือสนับสนุนคนในหมู่บ้าน เพราะหลังจากเข้าพักถึงรุ้ว่าค่าใช้จ่ายที่บ้านพักได้รับจะแบ่งให้ส่วนกลางเข้าหมู่บ้านไว้ 50 บาท / คืน / ลูกค้า1ท่าน เพื่อไว้ใช้จ่ายพัฒนาภายในหมู่บ้านที่น่ารักแห่งนี้ไว้

ที่พัก ==> คืนแรกคืนละ 580 บาท (รวมอาหารวันละ 3 มื้อ) ส่วนคืนที่ 2 เป็นต้นไป คิดคืนละ 380 บาท (รวมอาหาร3วันละ 3 มื้อ) และบ้านที่จะเข้าพักเค้าจะมีคิวที่หมู่บ้านทำไว้ว่าคิว ต่อ ไปจะเป็นหลังไหน แต่ถ้าใครเคยพักอยากรีเควสขอพักหลังไหนก็แจ้งพ่อหลวงไป

การเดินทาง==> ตรงนี้ต้องถามให้ละเอียดเพราะไปคนเดียว ไม่มีรถไปเอง ค่าใช้จ่ายมันจะสูง ตัวหาร ตัวช่วยเหลือไม่มี ซึ่งพ่อหลวงบอกว่าต้องนั่งรถสองแถวเหลืองจากกาดหลวงมาลง หน้าตลาดสหกรณ์2 แล้วพ่อหลวงจะให้คนในหมู่บ้านมารับ ซึ่งรถมารับก้อจะเป็นรถกะบะ ส่วนตัวของคนในหมู่บ้านที่เวียนคิวมารับลูกค้าแต่ละรอบเหมือนกันค่ารถที่มารับ/ส่ง คือ เที่ยวละ 400 บาท ใช้เวลาเดินทางจากท่ารถที่กาดหลวงถึงหมู่บ้านฯ ประมาณ 2.30 ชั่วโมง เบอร์ติดต่อพ่อหลวงพรหมมินทร์ 085-675-4598


2..โฮมสเตย์บ้านดินโยฮัน

หลังจากติดต่อโยฮัน เจ้าของที่พัก ฟังเสร็จแล้วตื่นเต้นเลย ท่าทางจะมันส์ พะยะค่ะ เพราะจากเชียงใหม่ไปต้องต่อรถหลายรอบ

ที่พัก ==> ที่นี่จะมีแค่ 8 ห้อง มี2ชั้นๆละ 4 ห้อง ซึ่งห้องข้างบนจะเป็นแบบห้องน้ำรวม ชั้นล่างจะเป็น ห้องน้ำในตัวทุก ห้องเป็นห้องพัดลม ส่วนอาหารจะเป็นชุดขันโตก แต่เป็นอาหารท้องถิ่น ของชาวอาข่า ชุดละ 200 บาท อาหารแล้วแต่ทางที่พักจะจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนใหญ่ วัตถุดิบจากสวนที่ปลูกเอง

การเดินทาง ==> สรุปว่าจากเชียงใหม่ก็นั่งรถจากขนส่งอาเขต เป็นบัสไปเชียงรายส่วนเกรดรถแล้วแต่ ชอบ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ3 ชม. จากนั้นพอรถมาจอดที่ขนส่งเชียงรายเก่า ( เวลาขึ้น รถจะมีพนักงานมาถามว่าลงตรงไหน ให้บอกไปเลยว่าลงที่ขนส่งเชียงรายเก่า เพราะมี เก่ากับใหม่) พอถึงขนส่งเก่าก็หารถบัสเขียวคันเล็กไปแม่จัน(รถสายเชียงราย-แม่สาย) ไปลงแถวตลาดอำเภอแม่จัน แล้วก็ไปต่อรถสองแถวสีเขียวเข้มไป(สายเชียงราย -กิ่วสะไต-แม่สลอง) ซึ่งอันนี้แล้วแต่เวลาที่เราไปถึงว่าจะถึง รอบรถไปที่ไหนซึ่งก็ไปที่ที่ เราจะไปได้เหมือนกัน ความแตกต่างคือ

1... รอบที่ไปแค่กิ่วสะไต จะไปจอดที่ท่ารถกิ่วสะไต แล้วต้องต่อรถไปทางแม่ สลองอีกที ซึ่งต้องบอกคนขับว่า ให้จอดหน้าหมู่บ้านหล่อโย แล้วโยฮันจะ มารับที่หน้าหมู่บ้าน ค่ารถ 30 + 30 = 60 บาท

2... รอบที่ไปแม่สลอง จะไปจอดที่กิ่วสะไตสักพักแล้วเดินทางต่อไปแม่สลอง บอก คนขับให้จอดหน้าหมู่บ้านหล่อโย ค่ารถ 50-60 บาท และพอถึงหน้า หมู่บ้านหล่อโย แล้วโยฮันจะรับเราเข้าไปที่พัก ต่างกันแค่นี้แหล่ะไม่น่ายาก ใช้เวลาเดินทางจากเชียงใหม่-กิ่วสะไตประมาณ 5-6ชม.
เบอร์ติดต่อโยฮัน : 087-103-0485 , 093-258-9994


3..ปาย

ที่นี่ไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรในส่วนของที่พักเพราะที่พักอื้อซ่าส์ walk in หาสบายๆ หาแค่ข้อมูลการเดินทางแค่นั้นคือ จากเชียงใหม่ขึ้นรถที่ขนส่งอาเขต แล้วขึ้นรถตู้ของเปรมประชา เดินทาง 3-4 ชม.

ส่วนการเดินทางจากโฮมสเตย์บ้านดินโยฮัน ก็กลับทางเดิมย้อนมา ก็ไม่น่ายากสสสสส์ ไอ้การเที่ยวต่อรถหลายๆต่อนี่แหล่ะ มันสสสส์ พะยะค่ะ...

แพลนเสร้จ , ได้ที่พัก , ข้อมูลเดินทางครบ ก็จองตั๋วขาไปก่อน ได้ที่ Lion air ส่วนราคาเอาเท่าที่จะพอหาได้ ตอนจองก็ได้ที่นี่แหล่ะถูกสุด ณ เวลานั้นแล้ว ถึงเข่าจะติดเบาะหน้าแต่ก็ต้องทน เน้นประหยัดไปก่อนและแล้วก็มาถึงวันเดินทาง


ป๊ะ......ไปเที่ยวกัน !!!


=====================================================================================

Let's Go

Day 1 : กทม-เชียงใหม่


05.10 น. ตื่นมาอาบน้ำแต่เช้าเพื่ออารายยย จะว่าตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ไก่มันยังห่มผ้าอยุ่เล้ยยย เดินทาง 10.45 น.
เช้าไปป่าว ไม่ร๊อก....(พูดกับตัวเองตอนตื่น) สิ่งคือกลัวที่สุดว่าจะตกเครื่อง แล้วระยะทาง ระหว่างคอนโดกับสนามบินขึ้นชื่อเส้นทางรถติดล้วนๆ เลยเอาว่ะ ตื่นแต่เช้าแล้วไปนั่งสัปปะหงกที่สนามบินก็ได้

05.40 น. เดินออกจากคอนโดไปรถโบกแท็กซี่ ระหว่างทางระยะสั้นๆรู้สึกเป็นตัวประหลาดเลย เดินแบกเป้ใบใหญ่ตั้งแต่เช้ามืด ท่ามกลางร้านข้าวและ 7-11 ที่มีแต่คนที่ออกจากผับมานั่งกินกัน ไม่เป็นไรท่องไว้ กูเท่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 55555
รอแท็กซี่แค่ไม่ถึงนาทีได้แล้ว คือซอยนี้ถ้ารอมาโบกตอนเช้าๆไปสนามบิน ไม่น่าจะได้ง่ายๆ นี่คืออีกเหตุผลที่รีบตื่น ขึ้นรถปุ๊บคนขับแท็กซี่ก็เลยถามว่า “ คุณเมิงรีบตื่นมาทำไม “ เอ้ยย ไม่ใช่…. ก็ถามปลายทางปกติหละ่ครับ จากนั้นก็คุยกัน(เกือบ) ตลอดทาง ใช้เวลาแค่ 35 นาทีก็ถึงหล่ะ ไวแท้

พอถึงสนามบิน เดินแบกเป้ใบใหญ่+งัวเงียๆไปหากาแฟกิน กินเสร็จเดินไปนั่งรอที่ที่นั่งใกล้ๆเคาท์เตอร์ check in ของ lion air แล้วก็นั่งสะลืมสะลือต่ออีกเฮือก


จนถึงเวลา 7.20 น. ก็เลยเดินต่อแถวเพื่อเช็คอิน ทุกอย่างไวมากแถวที่รออยู่ประมาณ 4 ขด แป็ปเดียว ไม่ถึง 15นาทีcheck in เสร็จ


แต่ใน Boarding passไม่ได้ระบุเลขของ Gate ที่จะไปเพราะ Check in เร็วเกิน แต่ไม่เป็นเปนไรเดี๋ยวไปรอดูที่จอด้านในโซนผู้โดยสารขาออกเอาเอง


ระหว่างเดินเข้ามาก็แวะซื้อของใน 7-11 กินรองท้องไปก่อน เสร็แล้วเดินไปที่ Gate 78 อยุ่ด้านล่าง ฝั่งขวาสุด ซึ่งของlion airว่างมากมี 2คนรวมผม ดีๆ นั่งสบายๆ พอสักพักก้มากันเกือบเต็ม คือคนที่เค้ามาที่หลังอะเค้ามาเวลาปกติ แต่เรานั่นแหละผิดปกติ 5555


เวลา 10.45 น.ออกเดินทาง


12.10 น. ถึงสนามบินเชียงใหม่ เดินลงมารอกระเป๋าประมาณ20นาทีก็ได้ละ เสร็จแล้วออกประตูอาคารเลี้ยวซ้ายก็เจอรถสองแถวแดง3-4 คันจอดรอผู้โดยสาร เดินสับขาซอยยิกๆๆไปที่สองแถวที่จอดบอกว่าไปลงที่กาดหลวงตรงป้อมตำรวจ เค้าคิดราคา 50 บาท เดินทาง 20 นาทีก็ถึงกาดหลวงหรือตลาดวโรรส


รถจะมาจอดตรงข้างๆ 7-11 ที่ใกล้กับทางออกไปป้อมตำรวจหน้ากาดหลวง ซึ่งตอนนี้ท้องคำรามมากเลยเดินไปหาข้าวกินก่อน จากตรง 7-11 เดินเลี้ยวซ้ายมีร้านข้าวมันไก่ จัดไปก่อนอีก 1 มื้อ


สักพักเดินออกมาที่ป้อมตำรวจจะมีสองแถวหลายๆสีจอดอยุ่ เราต้องขึ้นคันสีเหลืองอ๋อย ออกทุกๆ20 นาทีซึ่งจะไปจอดที่ตลาดสหกรณ์ปลายทาง ค่ารถ 50 บาท


ระหว่างทางก็จอดรับ-ส่งเป็นระยะ และเลยไปที่บ่อน้ำพุร้อนส่งหนุ่มเกาหลีที่มาเที่ยวและน่าจะกลับไปรีวิวด้วยเห็นจดบันทึกบนรถยิกๆ(เดาเอา) เพิ่งรู้ว่าที่บ่อน้ำพุร้อนคนเกาหลี ญี่ปุ่นชอบมาเที่ยวกันมากพอออกจากบ่อน้ำพุร้อนมาก็มีพี่ผู้ชายที่ขับรถมารับโทรมาตามเพราะพี่แกมาถึงแล้วแต่ไม่เจอรถสองแถวจอดพอวางสายเสร็จแป๊ปเดียวก็ถึงเลย ไวอย่างก๊ะหนังเลย อิอิ

14.30 น. ออกเดินทางไปหมู่บ้านแม่กำปองครึ่งชม.ก็ถึง ระหว่างทางอากาศเย็นสบายๆ นั่งฟินๆ อึนๆ(ยังง่วงอยู่) รถจอดที่บ้านเลย ซึ่งเป็นบ้านของแม่ศรีทับ หลังเล็กกะทัดลัด มีห้อง 3 ห้อง ที่นี่แม่ศรีทับอยุ่กับลูกชายชื่ออาร์ต 2 คน ซึ่งดูแลเทคแคร์คนต่างถิ่นดีมาก ใครกัวเหงาไม่ต้องกัวอาร์ตจะคุยเป้นเพื่อนตลอดเวลา อยากรู้ไรถามได้เลย 555 ห้องที่นี่เป็นห้องเล็กๆแค่พอเอาที่นอน 3.5 ฟุตวางได้พอดี ซึ่งผมก็ชอบนะ ไม่ชอบห้องกว้างเกิน มันหลอนๆ กลัวมีอะไรมานอนข้างๆ


พอเอาของเข้าห้องเสร็จ ก็ขอออกเดินออกมาเดินเล่น มาดูด เอ้ย...สูดอากาศสดชื่นว่าจริงตามที่รู้มาป่าว

คือจิงๆรูจมูกผมไม่รู้หรอกว่ามันบริสุทธิ์หรือป่าว แต่แค่เห็นภาพที่อยู่รอบตัวก็คิดว่าคงบริสุทธิ์แหล่ะ ^^ ตลอดเวลาที่เดินก็จะได้ยินเสียงน้ำตกตลอดเวลา รู้สึกสดชื่นอากาศก็เย็นสบาย ต้นไม้ครึ้มๆ คนยิ้มๆ หมาก็น่ารัก เดินมาทักแถมบางตัวเดินไปส่งด้วยนะ


เดินผ่านร้านกาแฟ เฮ้ยยย...นี่มันร้านในรีวิวในตำนานหนิ ^_^ ร้านกาแฟลุงปุ๊ด ป้าเป็ง จะเหลือรึ..ก็เลยพากายหยาบร่อยลอยเข้าไปข้างใน ซึมซับบรรยากาศแบบไม่รู้ตัว และก็สั่งอเมริกาโน่เย็นๆ 1 แก้วราคา 60 บาท นั่งปุ้บ โอ้วววววว.....ธารน้ำ ไหลเย็น เสียงซู่ซ่าสสสส์ ฟินนนนนนนน นั่งจิบกาแฟไป อ่านหนังสือไป ฟังเสียงน้ำไหลไป ช่างสดชื่นปอดแท้...


นั่งเพลินได้เวลาที่นัดกับแม่ศรีทับไว้เลยกลับไปถึงที่พักอาร์ตถามว่าจะให้กินเป็นเพื่อนหรือป่าวเพราะเห็นมาคนเดียว อะเครครับจัดไป เมนูอาหารมื้อแรกคือ

มื้อแรกวันนี้ก็มีน้ำพริกกะปิ กับผักสด+ต้ม , ผัดผักบุ้ง , ลาบหมู พอดีแอบเห็นน้ำพริกน้ำปู๋ ในตู้กับข้าวเลยขอชิม แม่ศรีทับเลยเอามาให้ชิมแบบอายๆ เพราะมันเหลือนิดเดียว อาหารอร่อยทุกอย่าง รสชาติไม่จืดอย่างที่คิดเลย เข้มข้นสะใจกินเสร้จแล้วนั่งคุยกันสักพัก แล้วขอตัวไปอาบน้ำเข้านอนเพลียมากเดินทางทั้งวัน


*** วันแรกภาพเบลอๆหน่อยนะครับ ขี้เกียจหยิบกล้องออกมา *_* !!


จบวันแรกแล้วครับสำหรับการเปิดประตูต้อนรับจากบ้านแม่กำปอง หมู่บ้านต้องห้ามพลาด ณ ตอนนี้


=====================================================================================

Day 2 : บ้านแม่กำปอง


ตื่นแต่เช้าห้องไม่มีพัดลมแต่อากาศเย็นๆเกือบหนาว เลยเปิดดูแอพฯวัดอุณหภูมิได้ประมาณ 22 องศา ระหว่างนี้ก็ได้ยิน เสียงทำกับข้าวของแม่ศรีทับ ใครมาพักที่แม่กำปองไม่ต้องกลัวเรื่องอาบน้ำเพราะที่พักส่วนใหญ่จะมีเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สไว้ให้ อาบไปไอที่ออกจากตัวนี่เป็นหมอกหนาๆสะใจเลย เหมือนอยู่ในออนเซ็นทีเดียว อิอิ

พออาบน้ำเสร็จจะทาน้ำมันมะพร้าวกันผิวแห้ง เปิดออกมาสรุป เป็นไขคร๊าบบบบ จะเดินไปขอน้ำมันพืชที่ครัวแม่ศรีทับก็เกรงใจ ^ ^


เอาว่ะ.....เดี๋ยวเอาไปหมกใต้กองผ้าห่ม กินข้าวเสร็จแล้วค่อยทาก็ได้ สักพักก็โดนอาร์ตตามไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาประหนึ่งว่าเป็นลูกชายคนที่สองของแม่ศรีทับ 5555 มื้อเช้าก็ตามนี้เลย มีลาบหมู , น้ำพริก(ผักสดไม่ได้ถ่าย) , ผัดผักบุ้ง , ผัดผักกาดปลาทู , และน้ำปลาพริกสด(เผา) อาหารง่ายๆ แต่อร่อยชะมัด


หลังมื้อเช้าเรียบร้อย อยู่นั่งคุยกับอาร์ตสักพัก พร้อมกับเสิร์ฟกาแฟสดหอมๆร้อนๆ แล้วอาร์ตก็เอาของดีมาอวด นั่นคือ......

ด้วงกว่าง....

อาร์ตบอกว่าตัวนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีคนญี่ปุ่นรับซื้อกับหลักหมื่นถึงหลักแสน เพราะหายากและคนญี่ปุ่นชอบสะสมด้วงพวกนี้

สงสัยนิยมจริงเพราะเคยอ่านเจอในหนังสือการ์ตูนเรื่องโดเรมอน ถ้าจำไม่ผิดซูเนโอะสะสมนะ 555 แต่ตอนนี้กฏหมายรุนแรงมั้งเลยไม่ได้ขายกันแล้ว พอรู้ราคาอยากแอบจิ๊กเอาไปขายจิงๆ แต่อย่าเลย ให้มันอยู่โชว์เขาเป็นจะงอยเท่ๆอยุ่ที่นี่แหล่ะ สายๆค่อยออกไปหากาแฟกินร้านเดิม ร้านลุงปุ๊ด ป้าเป็ง หาที่อ่านหนังสือ จริงๆจะฟังเพลงแต่ขอฟังเสียงน้ำดีกว่า เพลินๆ


มาร้านนี้ต้องอย่าพลาดขนมจีบหมูนะครับ 30 บาท ได้ 6 ลูก อร่อย หอม เนื้องี้ แน่นปั้กกกก ต่อด้วยอเมริกาโน่ (ขนมจีบอร่อยจริงๆ)

สำหรับที่พักที่ร้านนี้จะมีที่พักบริการลูกค้าด้วยครับ แต่อยู่ห่างจากร้านกาแฟไปอีกแค่ 50 เมตร เป็นบ้าน 2 ชั้นอยู่ริมธารน้ำ ราคาคนละ 500 บ รวมอาหารเช้า

ถ้าเป็นช่วงไฮฯ( ตค-กพ ) คนละ 620 บาท รวมอาหารเช้าพอสายๆเดินออกไปสำรวจหมู่บ้านเอาเท่าที่ขาพาไปไหวซักหน่อย ไปหาเก็บบรรยากาศสวยๆ สูดอากาศบริสุทธิ์


ข้าวเที่ยงจริงๆที่พักจะเตรียมไว้ให้แต่ตกลงกับแม่ศรีทับไว้แล้วว่าขอกินแค่เช้ากับเย็น ส่วนมื้อเที่ยงจะหากินเองระหว่างที่เดินเตาะๆแตะๆในหมู่บ้าน เพราะไม่รุ้ว่าจะไปอยู่ส่วนไหน หิวเมื่อไหร่ เพราะเวลามาเที่ยวเจออะไรเพลินๆ มันอาจจะทำเวลาไม่ได้ ขอเที่ยวแบบไม่มีเวลามาจำกัดดีกว่า เน่อะ..

เดินสักพักมาแวะกินก๋วยเตี๋ยวไส้อ่อนตุ๋น แปลกดีไม่เคยกิน ไส้อ่อนอร่อยมาก สะอาด ผักเพียบ น้ำฟรี ราคาชามละ 35 บาท


อิ่มแล้วออกไปที่ศาลากลางน้ำที่วัดคันธาพฤกษาหรือวัดแม่กำปอง นั่งเล่นนานเลย ตกบ่ายแก่ๆค่อยออกไปรอชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ร้านกาแฟชมนกชมไม้ต่อ


ระหว่างทางเจอบ้านทรงแปลกๆ แต่น่าอยู่ เป็นที่พักชื่อโฮมสเตย์บ้านสายชล เลยแวะมาขอดูเจอพี่นกเจ้าของพาทัวร์ดูบ้าน


พื้นที่ส่วนกลางมีให้พัก น่านอนอ่านหนังสือดี


ห้องใต้หลังคา พร้อมวิวจากระเบียง คืนละ 550 บาท รวมอาหารเช้า+เย็น


ที่นี่มีเต็นท์ให้เช่าที่ชั้นล่างของบ้านด้วย คืนละ 350 บาท รวมอาหารเช้า+เย็น


วิวหมู่บ้านอีกมุมระหว่างทางก่อนถึงร้านกาแฟชมนก ชมไม้


เดินต่อมาอีกแค่ไม่ถึง 100 เมตร ก็ถึงแล้วครับ ร้านดังอีกร้านของที่นี่ มาวันธรรมดาคนน้อยดี ไม่วุ่นวาย


นั่งไปสักพักฝนตก หนาวเลย แต่บรรยากาศกลับดีกว่าอีก ดูชุ่มชื่นดีจัง เจอแสงไฟของที่ร้านยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นเสริมบรรยากาศได้ดีจะว่าไปก็ชอบบรรยากาศหลังฝนตากมากกว่าที่มีหมอกอีกนะเนี๊ยะระหว่างนี้สั่งชาร้อนมาอีก1กา ราคา50 บาท


นั่งอยู่จนร้านเกือบปิด ก็ถึงเวลากลับที่พัก

มื้อเย็นวันนี้ มี Duo น้ำพริก คือน้ำพริกอ่อม อร่อยมากก กับ น้ำพริกปลานิล(ทำคล้ายๆน้ำพริกปลาทู) , ไข่เจียว ใบขี้เหล็กต้มจิ้มกับน้ำพริก,แกงออกพร้าวไก่ ( แกงยอดมะพร้าวอ่อนไก่ )

อิ่มท้องหล่ะ อาบน้ำ นั่งคุยกับเจ้าของบ้านสักพักใหญ่แล้วค่อยขอตัวเข้าไปนอน



=====================================================================================


Day 3 : บ้านแม่กำปอง



สะดุ้งตื่นแต่เช้าเพราะนึกขึ้นได้ว่าจะไปร้านกาแฟชมนกชมไม้ เพื่อดูบรรยากาศตอนเช้าๆ เพราะว่าแสงตอนเช้าจะส่องไปที่หมู่บ้าน คงได้อีกบรรยากาศ สลับกับเมื่อวานที่ไปมา แต่นอนคิดไปมาแสงคงส่องแนวนี้ถึงเกือบเที่ยง โอเคร๊........งั้นนอนต่ออีกนิด ข้ออ้างหล่อเลย 55555


มื้อเช้าวันนี้ มีแกงออกพร้าวที่ทำไว้เมื่อวานหม้อใหญ่,น้ำพริกน้ำปู๋,บวบผัดไข่,น้ำพริก,น้ำปลาพริก
(พริกสดเอาไปเผาหอมมาก)


สักพักขอออกมาเดินย่อยอาหารขึ้นไปที่ร้านกาแฟชมนกชมไม้อีกครั้ง สั่งชาลูกพีชมากิน หอมมากกกก...... นั่งดมมากกว่ากินอีก แนะนำครับ เหมาะกับอากาศเย็นๆ กลิ่นหอมกระจายทั่วปอด ราคา 45 บาท


นั่งสักพักเสพบรรยากาศ และเอาอากาศบริสุทธิ์มาฟอกปอดพอแล้วก็ออกไปเดินเล่นเตาะๆแตะ ตามหมู่บ้านต่อ

และนี่คือบรรยากาศระหว่างทางครับ


ระหว่างนี้แวะมาที่บ้านพ่อหลวงเพื่อจองรถของชาวบ้านที่นี่ไปส่งที่จุดจอดรถสองแถวหน้าตลาดสหกรณ์ เหมือนกับขาที่มาที่นี่ แล้วออกไปเดินเล่นเพลินๆไปๆมาๆถึงมื้อเที่ยงเห็นมีร้านอาหารอยู่ เลยเข้าไปสั่งข้าวขาหมูมากิน อร่อยดี เข้มข้น นัว อูมามิ ราคา 40 บาท


สักพักเดินออกไปชมบรรยากาศเช่นเคย เดินย่อยอาหารด้วย ให้เพลียๆแล้วค่อยไปนั่งร้านกาแฟลุงปุ๊ด ป้าเป็งต่อ ^^เจอผลไม้ที่นี่ครับ " แม่กำปองเบอรี่ " แหะๆๆ ไม่ใช่ๆครับ ลูกอะไรไม่รู้หน้าตาน่ากิน ยืนจินตนาการว่าถ้ากัดเข้าไปคงรสชาติหวานๆอมเปรี้ยวหอมๆ รสคงเหมือนราสเบอรี่ก็ไม่ปาน แต่ความจริงอาจจะน้ำลายฟูมปาก 555


ได้ฤกษ์หาที่นั่งอ่านหนังสือ เหมาะๆ เข้าร้านกาแฟฯ แต่คราาวนี้สั่งกีวีโซดา 60 บาทพร้อมกับแกล้มเป็นถั่วทอดคลุกเกลือ ราคา 15 บาท

อ่อ……..ถ้าใครมาร้านนี้แล้วซื้อถั่วมากินเค้าไม่ได้เสิร์ฟแบบนี้นะครับ ผมเอาจานรองแก้วมาใส่เอง แหะๆๆ


จริงๆ หลายๆคนมาที่นี่ทั้งที ก็มานั่งเสพอากาศ และบรรยากาศดีๆ ที่ร้านกาแฟทั้ง 2 ร้าน เพราะวันนี้ตอนที่ไปกินกาแฟชมนกชมไม้ช่วงเช้า และพอตกบ่ายลงมาร้านกาแฟลุงปุ๊ดป้าเป็งต่อ ก็เจอนักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมๆทั้ง 2 ที่ เจอกันคงนึก “ อ้าวว....." ยาวๆอยู่ในใจ

วันนี้ไม่ได้มีอะไรมากครับ เน้น “ เสพวิว แช๊ะรูป สูดอากาศ ดูดกาแฟ "


และแล้วก็ถึงมื้อเย็น วันนี้มีไข่ป่าม ที่นี่ไม่ได้ปิ้งเหมือนที่กินที่ตัวเมืองเชียงใหม่ แต่เค้าใช้นึ่งเอา อร่อยไปอีกแบบ ต้มยำไก่ไม่ได้ใส่มะนาว ทำแบบอาหารเหนือ คือออกเค็มนิดๆแต่หอมข้าวคั่วกับมะแข่วน
ผัดฝักแม้ว เมนูนี้ขอทำเองให้แม่ศรีทับยืนกำกับอยู่ข้างๆ และน้ำพริกน้ำปู๋ ที่เหลือจากกลางวันแต่ก็ยังอร่อยอยุ่ ชอบที่สุด

หลังจากมื้อค่ำเรียบร้อยก่อนอาบน้ำ-นอนก็จ่ายค่าที่พัก ซึ่งแม่ศรีทับลดให้วันละ 60 บาทเพราะผมไม่ได้กินข้าวกลางวันที่นี่ จ่าย+ทิป 3 คืน 1,300 บาท



Notes from Backpacker

 วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.25 น.

ความคิดเห็น