สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนนะคะว่านี่คือกระทู้แรกที่เรากับแฟนเคยตั้ง อาจจะมีขาดตกบกพร่องอะไรไปบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ
เมื่อปลายปีที่แล้ว เรากับแฟนสองคนเตรียมตัววางแผนหาที่เที่ยวสักที่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งคนค่อนข้างเยอะ และวุ่นวายแน่นอน การค้นหาสถานที่ที่ไม่พลุกพล่านวุ่นวาย จึงเป็นไปได้ยาก แต่สุดท้ายแล้ว หวยก็ออกที่ "กาญจนบุรี" ด้วยเหตุผลง่ายๆคือ ก็แค่อยากไปอ่ะ หลังจบทริป ก็เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์การเดินทาง อีกในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมันมันส์ และสนุกมากกก เผื่อเป็นไกด์ให้คนที่ยังไม่เคยไปนะคะ เอาล่ะ เพื่อไม่ป็นการเสียเวลา เราไปเริ่มต้นดูบันทึกการเดินทางกันเลยดีกว่า
หลังจากตกลงกับแฟนว่า จะไปกาญฯกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ค้นหาที่พักที่เราจะพักในอินเตอร์เน็ต แล้วก็จองผ่าน Traveloka จ่ายตั้งกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็มานั่งเขียนแผนที่การเดินทาง ซึ่งแฟนเราเป็นคนเขียนและวางแผนจัดการการท่องเที่ยวทั้งหมดเลย ด้วยความที่แฟนเป็นคนที่ชอบเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์เป็นระยะทางไกลๆอยู่แล้ว ส่วนเรา ยังอ่อนด้อยประสบการณ์ในการเดินทาง จึงยกหน้าที่นี้ให้แฟนไปโดยปริยาย นี่คือแผนที่เราตั้งไว้ ลืมบอกไปค่ะ ว่าเราทั้งสองคนอยู่กันที่โคราช ดังนั้น การเดินทางครั้งนี้จึงค่อนข้างไกลพอสมควร ดูจากแผนที่แล้ว เมืองกาญมีที่เที่ยวที่น่าสนใจหลายที่เลยทีเดียว แต่เราตั้งเป้าหมายไว้หลักๆ 4 ที่ คือ น้ำตกเอราวัณ,ที่พักของเรา "นาคาคีรี รีสอร์ต",สะพานมอญสังขละบุรี และขากลับ ตั้งใจว่าจะแวะที่บ้านบางระจันก่อนกลับค่ะ ส่วนเป้าหมายรองก็ตั้งเอาไว้เผื่อเพราะที่เมืองกาญก็มีอะไรที่น่าสนใจเยอะมากๆ ไห้ได้แวะตามรายทางตลอดทาง นั่นคือแผนที่เราวางไว้ ส่วนการเดินทาง อย่าตกใจนะคะถ้าจะบอกว่า .....เราเดินทางกันด้วยมอเตอร์ไซค์ Spark 135 คันเล็กๆของเราจากโคราช ปลายทางที่สังขละบุรีค่ะ ดังนั้นการวางแผนและเช็คสภาพรถก่อนเดินทางจึงสำคัญมากๆ
เราแพ็คกระเป๋ากันให้เบาที่สุด พยายามตัดสัมภาระไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้หนักเราและรถมากเกินไป แต่กระนั้นก็ยังหนักอยู่ดี โดยเฉพาะ
ของเหลวต่างๆจำพวกครีมนั่นครีมนี่ หลังจากพักผ่อนสแตนบายรอเวลา ก็ถึงเวลาเริ่มเดินทาง เราออกจากโคราชบ้านเราในตอนตี 4 ของเช้าวันที่ 30 ธันวาคม 2560 ค่ะ มุ่งหน้าตามถนนมิตรภาพมาเรื่อยๆ จอดพักตามจุดพักในแผนที่ที่วางแผนไว้ คือที่ ปากช่อง สระบุรี แวะกินข้าวเช้าที่แม็คโดนัลด์แถวปทุมธานี แล้วก็วิ่งยิงยาว ถึงเมืองกาญเลยค่ะ รถขาออกจากกรุงเทพเยอะมาก แต่เราวิ่งสวนเข้าไปขาเข้า ก็เลยสบายหน่อย แต่ก็ยังไงก็ต้องผ่านชานเมืองแถวๆปทุมธานีอยู่ดี ขับกันจนถึงเที่ยงก็เข้าเขตตัวเมืองกาญจนบุรี อากาศกำลังสบายไม่ร้อนมากไป แฟนเราก็มีสติดี ขับขี่ปลอดภัยตลอดเส้นทาง ตอนนี้เราตื่นเต้นมาก เพราะมันเป็นการเดินทางไกลด้วยเตอร์ไซค์ออกต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกของเราเลยค่ะ
ในที่สุดเราก็เข้าถึงตัวเมืองกาญจนบุรี เที่ยงครึ่งเราก็ถึงสถานีแรกค่ะ แท้แด่.... วัดถ้ำเสือนั่นเอง (ว่าแต่เสืออยู่ไหน) เป็นทางผ่านจุดแรกที่เราตั้งใจจะแวะไม่นาน นี่คือหน้าตาเราค่ะ มันก็จะชิคๆเข้มๆหน่อย ฮ่าๆ อากาศร้อนมาก แดดแรงจนแสบผิวเลยทีเดียว แต่ไหนๆก็มาถึงละ ลงไปดูหน่อยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
มาถึงก็เจอน้องเต่ามาคอยต้อนรับเลยค่ะ ตัวใหญ่มาก และตะใคร่น้ำเกาะเต็มหลังไปหมด เดาว่าอายุมันคงจะเยอะมากๆ เผลอๆมีชีวิตอยู่ในช่วงสงครามโลกเลยก็ได้
พอไปถึงเราก็เจอทางขึ้นไปข้างบนวัดถ้ำเสือ ต้องเดินขึ้นเขาไปประมาณ 300 เมตร ไม่ไกลค่ะ แต่ก็ลิ้นห้อยเหมือนกัน มีทางเดินขึ้นสามช่อง เราสองคนเลือกช่องกลาง เดินทางสายกลางค่ะ ฮ่าๆ
ส่วนผู้หลักผู้ใหญ่ คนสูงอายุอยากมาเที่ยวที่นี่กลัวขึ้นเขาไม่ไหวก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่นี่มีรถลากไว้คอยบริการคนที่เดินขึ้นไม่ไหวค่ะ
ถือเป็นแลนด์มาร์คที่ใครมาถึงก็ต้องถ่ายรูปค่ะ คือพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในวัดถ้ำเสือ
สักภาพก่อนออกเดินทางต่อค่ะ
สถานีที่ 2 เราขับรถกันออกจากวัดถ้ำเสือ มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี ก็จอดแวะอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ คือ ต้นจากจุรียักษ์ อายุร่วมร้อยปี ต้นนี้นี่เอง
ดูจากขนาดลำต้นใหญ่จนกล้องเก็บไม่หมดค่ะ ภาพนี้แผนเราถ่ายพานอราม่าเอามาต่อกัน ดูเผินๆเหมือนต้นไม้มารดาในเมืองเอลฟ์
โฉมหน้า เรากับแฟนค่ะ 55 เป็นการเซลฟี่ที่ หยั่งกะหน้าปกโปสเตอร์หนังโบราณ
ตามมาสิๆ
อ้อยอิ่งใต้ต้นไม้อยู่นานก็ได้เวลาเดินทางต่อ ขับออกมาจากต้นไม้ยักษ์ไม่ไกลนัก ก็เจอกับฟาร์มม้าของทหาร เราตื่นเต้นมากค่ะ เพราะไม่เคยเห็นฝูงม้าอยู่รวมกันเยอะขนาดนี้ เหมือนภาพวาดสวยๆที่ชอบวาดภาพฝูงม้าไว้ติดตามผนังสวยๆ
เพราะหลงสเน่ห์ม้าเราเลยเสียเวลาอยู่ตรงนี้นานมาก นานจนแฟนเราทำหน้าเซ็งๆเลยค่ะ 55 ยาวนานเกือบครึ่งชั่วโมง แต่นั่นแหละค่ะ ผลกรรมจะตามทันเราเองหลังจากนี้
และนี่คือม้าของเราค่ะ เจ้า Dark panther รถมอเตอร์ไซค์ spark135 ที่พาเราสองคนเดินทางไกลเกือบสี่ร้อยกิโลเมตร มาถึงที่นี่
มาถึงตอนนี้กรรมเริ่มตามสนองเราแล้วค่ะ เพราะนี่มันปาเข้าไปบ่ายสามแล้ววววววว แผนเดิมที่เราตั้งใจว่าจะแวะน้ำตกเอราวัณกันก่อนเริ่มพังทลายไม่เป็นท่า แฟนบอกว่าถ้าแวะไปน้ำตกเอราวัณก่อนเราถึงที่พักเราค่ำมืดดึกดื่นแน่ๆ การเดินทางบนถนนมืดๆกลางคืนคงไม่ใช่เรื่องดีนัก เราจึงตัดสินใจข้ามน้ำตกเอราวัณไปก่อน ไว้มาขากลับละกัน ปะ แว้นไปกันต่อ
ตายแล้ว อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว รถมีเสียงโซ่ดังมาก เหมือนว่าน้ำหนักสัมภาระจะหนักเกินไปหน่อยจนทำให้โซ่หย่อน แฟนเราจอดรถตั้งโซ่ หยอดน้ำมันโซ่ แล้วก็วิ่งไปกันต่อ สองข้างทางตอนนี้มีแต่ป่าและภูเขาล้วนๆ แบตมือถือก็กำลังจะหมด ดูจีพีเอสก็ไม่ได้ แฟนเราเริ่มเงียบและใช้สมาธิในการขับรถมากๆ โอ้ยตายแล้วตายแน่ๆฉันต้องกินข้าวลิงกลางทางแน่ๆ แต่ๆๆๆ สุดท้าย เราก็มาถึงที่พัก ก่อนพระอาทิตย์ตกดินทันเวลาพอดี เย้!!!! โชเฟอร์เรานี่เก่งชะมัด หน้าทางเข้ารีสอร์ตค่อนข้างรกและเปลี่ยว หลอนๆหน่อยๆ แต่พอเข้าไปถึงแล้วบรรยากาศอบอุ่น ตรงข้ามกับตรงทางเข้ามาก พอถึงแล้วเราก็เข้าที่พัก เรามีปัญหากับทางรีเซฟชั่นโรงแรมนิดหน่อย เรื่องทางรีสอร์ตจะขอเก็บค่าอีเวนท์เพิ่มในช่วงงานกิจกรรมปีใหม่ แต่เรายืนยันว่าจะปฏิเสธ เพราะไม่ได้แจ้งเราก่อน แต่ทางโรงแรมก็ยอมเข้าใจและไม่มีปัญหาอะไร เราเข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่า ที่นี่มีบ่อออนเซ็นจากน้ำพุร้อนหินดาด ที่ต่อมาไว้ภายในรีสอร์ตด้วยนะ ที่เหนื่อยๆมาลงมาแช่หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ คืนแรกที่นาคาคีรี เราหลับกันเป็นตายเลยค่ะเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง
ห้องเราเป็นบ้านแพค่ะ ข้างหลังบรรยากาศดีมาก ติดแม่น้ำแควน้อย น้ำใสไหลเย็น มองเห็นปลาตะเพียนว่ายไปมา เป็นภาพที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน คุ้มค่ากับราคาจริงๆ เราหลับสนิทเลย แต่มีเรื่องแอบหลอนหน่อยๆ เพราะแฟนเราแอบได้ยินเสียงคนหรืออะไรก็ไม่รู้ เสียงเหมือนคนเอาเท้าแกว่งน้ำที่ท่าน้ำแพทั้งคืนเลย เหอๆ เราเองก็ได้ยิน ถามแฟน แฟนก็บอกเสียงปลามั้ง เช้านี้เราตื่นมาตีห้า ตื่นเช้าได้เปรียบ เพราะมักจะได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่ก่อนชาวบ้านเสมอๆ หมอกหนามากๆ อากาศเย็นๆสบายกำลังดี แต่แปลกที่ไม่หนาวเท่าไหร่ บรรยากาศก็ตามภาพเลยค่ะ ฟินมากๆ
ปลาตะเพียนธรรมชาติ ว่ายอยู่ใต้แพเต็มเลย อยากลงไปเล่นมาก แต่ต้องระวังเพราะน้ำแควน้อยไหลแรงมากๆ ลงสุ่มสี่สุ่มห้านี่ไหลไปตามแม่น้ำแน่ๆ
ที่นี่มีสระว่ายน้ำกว้างๆให้ว่ายน้ำเล่นด้วย บรรยากาศยามเช้านี่มันฟินจริงๆ
มื้อเช้าที่รีสอร์ตของเรา อาหารเช้าของทางรีสอร์ตรสชาติอร่อยใช้ได้เลย อิ่มและอร่อย เราสองคนกินกันเต็มที่เลย โดยเฉพาะเรา ฮ่าๆ เอาล่ะ เมื่ออิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินทางแล้ว วันนี้จุดหมายของเราอยู่ที่สังขละบุรีค่ะ
9.00 เราก็ออกเดินทางด้วยรถคู่ใจของเรา แต่สัมภาระเบาลงเท่าตัวเพราะเราเอากระเป๋าสัมภาระไว้บนแพพักเราเรียบร้อย เส้นทางสองข้างทางยังเต็มไปด้วยภูเขา เรามองเห็นวิถีชีวิตสองข้างทางในยามเช้า บรรยากาศยามเช้า แสงแดดอ่อนๆ สายลมที่ปะทะหน้าและผิวกายของเรา กับคนที่เรารักและฝากชีวิตไว้บนถนน ถ้าเรานั่งรถยนต์กันมาคงไม่ได้สัมผัสกับอะไรแบบนี้ เป็นประสบการณ์ที่มีความหมายจริงๆ เส้นทางสู่อำเภอสังขละบุรีเริ่มคดเคี้ยว และไต่ขึ้นภูเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ขับรถมันส์มากเลยทีเดียว แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว อย่าลืมเช็คน้ำมันให้ดี เพราะหาปั๊มน้ำมันในป่ายากนะจะบอกให้
เพียง 30 นาที เราก็เข้าเขตเขื่อนวชิราลงกรณ์ มองเห็นชีวิตชาวเรือนแพ และชาวเขาที่อาศัยอยู่ตามแนวเขื่อน
รถเราเริ่มไต่ขึ้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ภูเขาเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
วิวดีๆจากสองข้างทาง
ถึงอำเภอสังขละบุรีสักที เย้!! เมื่อยก้นจะแย่ ในตัวอำเภอมีปั๊มน้ำมันไว้ให้บริการ ถึงตอนนี้เราเริ่มเห็นการแต่งกายที่แปลกตาของชาวบ้านแถวนี้แล้วค่ะ
ภาพนี้แฟนแอบถ่ายสาวเซเว่นที่ใส่ชุดแปลกตา โดนบิดหูไปทีนึง ฮ่าๆ
จุดหมายของเราอยู่นั่นไง เย้ๆๆ สะพานมอญสังขละบุรี จะถึงแล้วว
ไปต่อกันที่ภาค 2 นะจ้ะ
เที่ยวก่อนแก่
วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.51 น.