จากความเดิมตอนที่แล้ว มาต่อกันภาค 2 ค่ะ จะเป็นยังไง เพื่อไม่เสียเวลา ไปต่อกันเลยยยย

ความเดิมตอนที่แล้ว เราเข้าสู่ตัวเมืองอำเภอสังขละบุรี เริ่มได้เห็นชาวบ้านและหนุ่มสาวของอำเภอสังขละ การแต่งกายเริ่มแปลกตา และหนุ่มสาวที่นี่ก็หน้าตาดีใช้ได้เลยค่ะ

อ่ะ มีแอบมอง

หนุ่มน้อยสังขละบุรี

มาถึงแล้ว เราก็ลงรถกันเรียบร้อย ตื่นเต้นมากค่ะ แต่คนที่ตื่นเต้นมากกว่าเราคือนู่นเลย แฟนเราค่ะ ลงรถปุ๊บ ซื้อเสื้อผ้าพื้นเมืองให้ใส่ปั๊บทันที ดูนางตื่นเต้นมาก ที่นี่มีเสื้อผ้าทอมือท้องถิ่นขายในราคาสบายๆกระเป๋าไว้ขาย ถ้าลงไปซื้อพื้นราบราคาคงอัพแพงขึ้นกว่านี้สองถึงสามเท่าเลยนะคะ ดังนั้นไม่ควรพลาดที่จะซื้อค่ะ

11.00 เราถึงแล้วล่ะ สะพานมอญ เรามาปลอมตัวเป็นสาวพม่ากันดีกว่าาาา เย้!! ที่นี่คนกำลังพอดีๆ ไม่เยอะไม่น้อยจนเกินไป ถือว่าผิดคาดจากที่เราคิดไว้ เพราะเราคิดว่าช่วงปีใหม่คนจะเยอะกว่านี้ แต่เปล่าเลย บรรยากาศกำลังสบายๆชิวๆ ถ้ามาเช้าๆ จะได้ทันใส่บาตรกับพระมอญ บนสะพานมอญด้วยนะ แต่เรามาไม่ทันค่ะ ฮ่าๆ

เดินมาถึงบนสะพานมอญ เราจะเห็นคนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งมอญ ทั้งพม่า ทั้งกะเหรี่ยง และคนไทยนักท่องเที่ยวที่เดินขวักไขว่ ตามรายทางบนสะพานจะมีสาวมอญ คอยบริการประแป้งทานาคาให้เรา ค่าบริการก็แล้วแต่จะจ่ายให้ แป้งทานาคาจะทำให้อุณหภูมิร่างกาย เย็นสบาย เวลาที่ต้องเดินอยู่กลางแดดนานๆนั่นเองล่ะค่ะ

คนเยอะแบบพอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป

อ้าว ตากล้องของเรา เดินตัวปลิวไปไหนแล้วตอนนี้ ฮ่าๆ ทิ้งกล้องเลย ใครตื่นเต้นกว่าใครกันนะ สรุปตอนนี้กล้องเลยอยู่กะเรา ฮ่าๆ

มีบริการเรือ พาชมวัดจมน้ำด้วยนะคะ ในราคาก็ตามภาพค่ะ แนะนำให้หารกันกับนักท่องเที่ยวท่านอื่นค่ะ

แดดแรงเหลือหลาย ร้อนแต่ไม่ร้อน เอ๊ะยังไง?

ร้อนแต่สู้ ไม่งอแงค่ะ

ที่นี่มีไกด์เด็ก เป็นไกด์ที่เป็นเด็กๆน้องๆในพื้นที่ ที่มาแนะนำเกี่ยวกับสะพาน และสถานที่เที่ยว รวมทั้งสถานที่พักต่างๆ ภายในบริเวณนั้น น้องๆเขาไม่ต้องการค่าบริการแพงๆนะคะ แล้วแต่จะจ่ายเป็นทุนการศึกษาให้น้องๆ ไม่ต้องกลัว ถือว่าช่วยเหลือเด็กๆอนาคตของชาติ

ส่วนเนี่ย เด็กของเรา ฮ่าๆ

ของฝากที่นี่ นอกจากเสื้อผ้า และปลาหัวยุ่งแล้ว

ส่วนใหญ่จะเป็นแร่หินและอัญมณีแปลกๆ อย่างเช่นหินสีต่างๆเป็นต้น

ขอบคุณชายคนนี้ ที่พาเรามาเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ความประทับใจใหม่ๆที่เราไม่เคยเจอ ชายผู้เป็นทุกอย่าง อิอิ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ววว....

ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วววววว หิวมากกกกก ไหนๆจะมาถึงที่นี่ก็ต้องกินอาหารท้องถิ่นสิ ถึงจะฟิน นี่เลยค่ะ เรามาที่"ครัวซองกาเลีย" ไม่ห่างไกลจากบริเวณสะพานมอญเท่าไหร่นัก ที่ีนี่มีอาหารที่เป็นอาหารท้องถิ่น เช่น แกงป่าพม่า แกงกะเหรี่ยง และปลาแรดทอดกระเทียม เราสั่งมาทั้งสามอย่างเลย แกงป่าพม่าจะรสชาติคล้ายๆแกงกะหรี่ญี่ปุ่น แต่เปรี้ยวกว่า และวัตถุดิบเป็นปลากด แกงกะเหรี่ยงจะมีรสเปรี้ยวนำ เค็มตาม มีส่วนผสมของเครื่องเทศที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน และปลาแรดทอดกระเทียม ซึ่งรสชาติอาจจะไม่แน่นเท่าปลาแรดเมืองอุทัยเท่าไหร่นัก แต่โดยรวมแล้ว ถือว่าอร่อย และเป็นรสชาติแปลกใหม่ที่เราไม่เคยกินมาก่อนค่ะ

อิ่มแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ ได้เวลาไปที่วัดวังก์วิเวการาม (วัดหลวงพ่ออุตตมะ) ที่นี่มีเจดีย์พุทธคยา ตั้งเด่นเป็นสง่า

ข้างในมีพระพุทธรูปแบบศิลปะพม่าให้เคารพกราบไหว้ด้วยค่ะ

เจดีย์พุทธคยา ยิ่งใหญ่และสวยงาม เรามองเห็นแล้วก็สะท้อนให้เราคิดได้ถึงอะไรบางอย่างถึงความศรัทธา และความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ศรัทธา นำพาและสรรค์สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ เมื่อคนเรามีศรัทธาแล้ว เราก็สามารถสรรสร้างหรือทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ

ก่อนกลับเราว่าจะลองพายเรือแคนนูล่องแม่น้ำซองกาเลียกันสักหน่อย เลยไปแวะที่ "พี เกสท์เฮ้าส์" เช่าเรือแคนนูหนึ่งลำ ตอนถือไม้พายลงมา เรามั่นใจกันมาก เพราะคิดว่าคงเบๆ ชิวๆ เหมือนเรือแคนนูที่เราสองคนเคยพายกันที่สวนสาธารณะในเมือง แต่พอลงไปถึงท่าเรือข้างล่างเราก็ต้องตกใจ เพราะเรือลำใหญ่มากกกก และหนักมาก รวมทั้งลมและคลื่นแรงมากกก เราทดลองเอาเรือลงน้ำ และพาย ปรากฏว่าเรือจะคว่ำเพราะคลื่นแรงมากเกินไป เกือบตายเป็นผีเฝ้าแม่น้ำซองกาเลีย เราสองคนตั้งสติ แล้วพายเรือเข้าฝั่งได้สำเร็จ ใครคิดว่าตัวเองแน่ก็ต้องลองมาพายเรือที่นี่ดูนะคะ เพราะมันท้าทายจริงๆ ส่วนเราสองคนขอบายค่ะ ฮ่าๆ

หมดเวลาที่สังขละแล้ว ว้า...เสียดายจัง ยังไม่จุใจเลย แต่ก็ต้องกลับแล้ว เราขี่มอเตอร์ไซค์กลับทางเดิม ขากลับเราแวะเอาเท้าจุ่มน้ำที่น้ำตกเกริงกระเวียงสักแพพ อาห์.... สบาย เรากลับถึงที่พักกันราวๆหนึ่งทุ่ม แล้วคืนนั้นก็ผ่านไปอีกคืนหนึ่ง เป็นวันที่เรามีความสุขจากการเดินทางที่สุดในชีวิตเลย เที่ยงคืนแล้ว สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกๆคน

วันที่ 1 มกราคม 2561 เช้าแล้ววว ตื่นมาทำบุญปีใหม่กัน เราสองคนซื้อสังฆทานที่รีสอร์ตจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อใส่บาตรพระในตอนเช้า ซึ่งทางรีสอร์ตนิมนต์พระมาที่นี่แต่เช้า ขอให้เป็นปีที่ดีของทุกคนนะคะ

ช่วงสาย เราเดินทางไปน้ำพุร้อนหินดาด ที่นี่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติไว้คอยบริการด้วย แต่คนค่อนข้างเยอะ เราเลยได้แต่ยืนดูเฉยๆ ที่สำคัญอยู่ใกล้กับรีสอร์ตเราแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น

เรากลับไปแช่ออนเซ็นที่รีสอร์ทเรากันดีกว่า ฟินกว่า เพราะคนน้อย แช่กันสบายๆวนไปค่ะ แต่อย่าแช่นานนะคะ เพราะการแช่น้ำพุร้อนจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ถ้าแช่นานอาจจะปรับตัวไม่ทัน และทำให้หน้ามืดได้

ได้เวลากลับแล้ว บ๊ายบายนาคารีคีรีสอร์ท เราแพ็คของออกเดินทางกลับ และแน่นอน ยังเหลือจุดหมายหลักของเราอยู่อีกหนึ่งที่ นั่นคือ "น้ำตกเอราวัณ"

เราเดินทางออกจากนาคาคีรีรีสอร์ท มาถึงน้ำตกเอราวัณ ในเวลาประมาณบ่าย 3 กว่าๆ แดดกำลังดี นักท่องเที่ยวที่นี่ค่อนข้างคึกคัก โดยเฉพาะในน้ำตกชั้น 1 ถึง ชั้น 4 ส่วนชั้น 5 คนจะเริ่มเบาบางลงแล้ว และนั่นคือจุดหมายของเราสองคนค่ะ ถึงตอนนี้เราก็งอแงกับแฟน เพราะมีอาการเคืองตา มองไม่ค่อยเห้นอะไร อาจเป้นเพราะคลอรีนที่สระว่ายน้ำ ที่เราดำน้ำว่ายมาก่อนกลับ ทำให้เราเคืองตา จนพลังหมดลงไปเยอะ

แต่ไหนๆมาแล้ว ก็ต้องไปให้สุด เราเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมเล่นน้ำตกแล้วค่าาา เย้!! ตามัวไม่เป็นไร หัวใจยังมีเธอ ฮิ้วววววว!!!

บรรยากาศน้ำตก ในขณะที่เราเดินผ่าน น้ำใสมากๆ มีปลาพลวงลอยเล่นน้ำให้เห็นทุกชั้น

ชั้นห้า "เบื่อไม่ลง" มาถึงแล้วค่าาาา คนก็ยังเยอะอยู่ดี แต่ไม่เยอะเท่าสี่ชั้นที่ผ่านมา น้ำใสมากๆ เสียดายที่แฟนเราไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมา เลยไม่ได้มีภาพสวยๆมาอวดเลย

สเน่ห์ของน้ำตกเอราวัณ คือนี่เลยยยยย ปลาพลวงตัวน้อยๆและใหญ่ๆ หลายๆตัวที่มีให้เห็นทุกชั้นเลย ปลาพลวงพวกนี้เป็นปลาธรรมชาติ พอเราหย่อนเท้าลงไปจุ่มน้ำ พวกมันจะกรูกันเข้ามารุมตอดที่เท้าเราจนจั้กจี้ คนชอบก็ชอบ บางคนไม่ชอบก็ไม่ว่ากาน ส่วนเรา ทำสปาปลาฟินๆไปค่ะ โอ้ย มีอะไรจะสบายไปกว่านี้มั้ยนะ

ชั้น 5 เบื่อไม่ลง และลืมไม่ลงจริงๆค่ะ

ต้องเดินทางกลับแล้ว ขากลับเราแวะที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว เย็นย่ำค่ำมืดพอดี แสงกำลังสวยเลยค่ะ เราแวะเดินดูพลอย และของฝากกันจนเพลินนน และอีกแล้ว เป็นเราที่ลีลา ฮ่าๆ กรรมก็ตามสนองอีกครั้ง เพราะเราต้องวิ่งกลับโคราชในเวลาค่ำมืดดึกดื่น ยางเจ้ากรรมก็ดันมาแตกกลางทาง โชคดีที่น้องๆเด็กปั๊มที่ ปตท.เกาะพงษ์เพชร อยุทธยา และคุณลุงร้านปะยางที่ปั๊มนั้นช่วยเอาไว้ ต้องขอบคุณน้องๆเด็กปั๊มที่นั่นและคุณลุงด้วยค่ะ และแล้วก็เราก็ถึงบ้านโคราชเราโดยสวัสดิ

ภาพ ในเวลา ตีสอง ง่วงชะมัดเลยฮ่าๆ

สรุปการเดินทาง ดังภาพข้างต้นเลยค่ะ เป็นการเดินทางที่สนุก และคุ้มค่า คุ้มค่าราคา คุ้มประสบการณ์ เราเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้เพื่อเตรียมพร้อมกับการเดินทางในครั้งต่อไป แล้วเราจะมาพบใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไป ขอบคุณผู้อ่านทุกๆคนที่อ่านมาถึงตอนนี้นะคะ แล้วเจอกันทริปหน้าค่ะ

สุดท้ายสิ่งที่อยากจะบอกทุกๆคน คือ การเดินทางทุกการเดินทางมีความหมาย เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และความทรงจำดีๆเอาไว้นะคะ

เที่ยวก่อนแก่

 วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 12.44 น.

ความคิดเห็น