ขอโทษที่ห่างหายไปนานนะครับ

ต่อจาก Part 1 : https://th.readme.me/p/1973


Part 2 : https://th.readme.me/p/1974

เราเริ่มทำการขับรถย้อนกลับมาจุดที่ผมตั้งใจมาถ่ายที่สุดของที่นี่โดยขับผ่านเส้นทางหลัก หมายเลข 1 ขับย้อนมาจนผ่านเมืองหลวงเเล้วเลยออกนอกเมืองขึ้นไปทางด้านทิศเหนือ เข้าอุโมงค์ผ่านออกมาตรงนี้มีเก็บค่าผ่านทาง(ทั้งทริปมีเเค่จุดนี้จุดเดียว) โดยไป 1000 isk เเล้วก็ขับต่อไปท่ามกลางความมืดมิดเรียกว่ามืดจริงๆ ใจก็กลัวจะไปไม่ทันเห็นเเสงเหนือเพราะไม่รู้จะมาตอนไหน ขับแบบรีบสุดๆ


ปรากฏว่าทางที่วันนี้เลือกดันเป็นทางที่อ้อมขึ้นไปบนเขา ซึ่งความจริงทางที่ใกล้มีอีกเส้นนึงที่ตัดกันอยู่เเต่ก็เลี้ยวไม่ทันเพราะมาไวเกินไป

ตอนนี้น้ำมันก็เหลือครึ่งถัง ขับไปเเบบใจคอไม่ค่อยดีเพราะกลัวจะน้ำมันหมดกลางทางเเถวนั้นดูวังเวงมากๆไม่มีปั้มน้ำมันสักที่

ขับไปประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง เริ่มขึ้นไปอยู่บนเขา คิดในใจว่าเอ้......... รึว่าพิกัดที่เรากดมันจะผิดนะเลยลองจอดดูมือถือ ทางเเถวนั้นก็มีการซ่อมทางเหลือเลนเดียวเเถมอยู่บนเขาอีกมองไปทางไหนก็ยังไม่เจอภูเขาที่เราต้องการ ใจก็คิดว่าจะขับย้อนกลับดีไหมเเต่ก็มาที่นี้ละไปต่อละกันเดียวน้ำมันไม่พอ เลยกลั้นใจขับต่อทางลงเขาอันตรายเช่นเคยตอนเเรกพิกัดผิดจริงขับไปเเล้วมีให้ยูเทรินบนถนนเเล้วตอนนั้นดันมีรถใหญ่วิ่งมาอีกลกสุดๆ กลัวตกข้างทางด้วยกลัวรถมันไม่เห็นเเล้วชนด้วย เลยหาพิกัดใหม่ขับไปจนสุดทางเจอภูเขาเเล้ว เเล้วที่นี้จะจอดไหนถ่ายตรงไหนละ เอาเป็นว่าไปตั้งหลักเติมน้ำมันในเมืองใกล้ๆก่อนละกัน สุดท้ายหิวครับกินที่ร้านอาหารในเมืองนี้เเล้วก็ลองถามว่าเค้าถ่ายตรงไหนหรอน้ำตกเนี่ย เพราะมันมืดมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง

นานๆกินดีเลยจัดหนักนิดนึง อิ่มเสร็จเเล้วก็เริ่มออกไปหามุมทีนี้ละครับผมเอารถไปจอดในที่ลานจอด ซึ่งมีที่เดียวเห็นมีรถสองคันจอดเเต่ไม่มีคน ด้วยความที่รถเราถ้าจะเปิดฮีทเตอร์มันจะต้องมีไฟหน้าหลังเปิดเเบบเบาๆไว้ ซึ่งทำให้การถ่ายภาพนั้นติดเเสงนั้น สักพักครับมีไฟกระพริบมาจากบนเขา ผมก็เลยรู้ว่าเค้าถ่ายอยู่ข้างบนนั้นเลยแก้ปัญหาด้วยการเอารถไปจอดไกลๆเเล้วยอมเดินมาเอา ให้อาหมวยนอนเล่นในรถไปผมก็ลองวัดใจเดินลุยหิมะขึ้นไปบนเขาตามรอยเท้าไปเดินสักพักก็เริ่มเจอทางขึ้นเเล้วก็เจอกันตากล้องสองคนถ่ายรูปอยู่ เป็นชาวอิตาลี ผมเลยขอเข้าไปเเจมด้วยเค้ารอที่นี่มานาน 2 ชม. ละมาถ่ายที่นี่วันที่สองเดียวจะไปตอน 5 ทุ่มเพราะเค้าบอกวันนี้คงไม่มีเเสงเหนือละ


นี่คือภาพตอนเเสงยังไม่มา


ผมเลยบอกอยู่ก่อนสิปรากฏว่าเเสงเหนือมาจริงๆ อากาศ - 4 ผมก็ยอมละครับตอนนี้

ถ่ายไปสักพักรถผมก็เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินผมนี่รีบวิ่งลงเขาฝากกล้องไว้กับตากล้องอิตาลี วิ่งไปเจออาหมวยร้องไห้ เพราะกลัวเวลารถใหญ่วิ่งสวนเเล้วรถมันสั่น บอกออกมาหาผมที่ลานจอดรถเเต่ไม่เจอ นึกว่าผมเดินตกน้ำตายไปเเล้วเพราะมีรอยเท้าเดินไปทางเเม่น้ำ ร้องจนเลือดกำเดาไหลเต็มไปหมดผมนี่รู้สึกผิดขึ้นมาเลย เลยบอกงั้นเดี่ยวขับไปจอดตรงลานจอดรถเเล้วขอดับฮีทเตอร์เอาละกันจะได้ไม่ต้องกลัวเพราะตอนนั้นแถวลานจอดรถก็มีคนถ่ายเต็มไปหมดเลย พอนางเริ่มโอเคเลยขึ้นไปถ่ายต่อ ปรากฏแบทหมดอีกต้องลงมาเอาเเบทสำรองอีกเเล้วขึ้นไปใหม่เรียกว่าขึ้นลงไปหลายรอบเลย


ณ ตอนนั้นคือถ่ายนานมากลากยาวมาจนตี 2 ผมเลยลองเดินหามุมใหม่ปรากฎว่าตกน้ำครับ ขานี้ลงไปเลยข้างนึงตอนนั้นใจหายโยนขาตั้งกล้องกับกล้องไปก่อนเลย เดินบนหิมะนี่เหมือนวัดดวงเพราะเราไม่รู้ว่าอะไรอยู่ข้างล่างนั้น ถ้าเเจ๊คพ๊อตเเตกแบบผมเรียกว่าเลิกกลับบ้านเลย


เพราะอากาศที่หนาวรองเท้าเปียกนี่คือหายนะของการเที่ยวเลย กล้องนี่คลุกหิมะ ผมก็เลยเเค่เป่าเอาหิมะออกกลัวกล้องจะพังเหมือนกัน เเล้วก็เดินกลับไปที่รถ

ตอนนั้นกะจะนอนในโรงเเรมในเมืองกะจะให้รองเท้าแห้งเเต่โรงเเรมดันปิดหมดเเล้วเลยจอดหน้าโรงเเรมนอนมันตรงนั้นเลย


.

.

.

ตื่นเช้ามาเเล้วก็ขับย้อนไปตอนเช้าเพราะเห็นเค้าบอกว่าระดับ 5 เลยไปตั้งเเต่ตี 5 เเต่ไม่ค่อยเห็นเท่าไรเลยย้อนมาตั้งหลักจองโรงเเรมในเมืองหลวงเเล้วก็ทอดไก่กินในรถเเล้วก็ขอไปถ่ายรูปกับวีดีโอที่ภูเขาอีกรอบ วันนี้อากาศดีฟ้าเปิด

ผมลองให้อาหมวยลองบังคับโดรนเเล้วผมจะอยู่บนเขาปรากฏไม่สำเร็จลมเเรงนางกลัวตกมาพังเลยต้องยกเลิกเหลือเเค่ถ่ายภาพนิ่งไป


พอมาถ่ายจุดนี้ก็ดันทำกล่องใส่ฟิลเตอร์ไหลลงไปข้างล่างอีก ใจนึงก็ช่างใจว่าจะลงไปเก็บไป เเต่ข้างในกล่องฟิลเตอร์ไม่มีอะไร


ถ่ายไปถ่ายมาก็ทำใจทิ้งมันไม่ลง ทิ้งไว้มันรกตาคนอื่นแล้วก็ติดไปกับรูปคนอื่น ว่าเเล้วก็ลงไปเก็บกล่องกลับมาได้

ตากล้องสองคนนี้ใจดีมากๆเพราะวันนั้นผมทำผ้าเช็ดเลนสหายไปไหนไม่รู้เลยขอยืมมาเช็คเลนสเค้าก็ให้ยืมมาเช็ด


พอถ่ายเสร็จนางเลยรีบมาช่วยเเบกของกลับรถ ขับเข้าเมืองไปล้างหน้าเเปรงฟันในปั้มเมืองนั้นเเหละครับ เเล้วเจ้าของห้องก็ตอบกลับมาว่าโอเคเลยขับกลับเข้าเมือง ระหว่างทางนี้เป็นทางที่เราไม่ได้มาเมือคืนเพราะเราเลือกทางผิด ดันเจอพายุหิมะผมก็คิดในใจถ้าเมืองมาทางนี้เจอเเบบนี้ตายเเน่นอน



ทางนี่มองอะไรเเทบไม่เห็นเลยว่าข้างหน้าเป็นยังไง

ขับไป 3/4 ของระยะทาง เรียกว่าขับจนเหนื่อยเพราะต้องคุมพวกมาลัยดีดีไม่งั้นตกข้างทางได้ง่ายๆ พอเจอปั้มน้ำมันเลยขอนอนสักชั่วโมงเเล้วค่อยขับไปต่อเเล้วกัน เในปั้มลมก็เเรงจนตัวปลิ้วเลย ซื้อขนมมากินเเล้วก็เลยนอนสักพัก


ตื่นมาก็ขับรถต่อจนถึงเมือง เจอคอนโดที่พักเเล้วจอดในลานจอดรถเเล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น อาหมวยเปิดประตูจะออกไปข้างนอกรถเจอลมเเรงมาพัดประตูหัก เท่านั้นละครับอารมณ์เปลี่ยนเลยเครียดทันที เพราะตอนเเรกย้ำเเล้วว่ามันไม่อยู่ในประกันนะ น่าจะเเพงอยู่ สักพักลองปิดดูเปิดไม่ได้อีกเลย เเต่ก็ขนของขึ้นห้องก่อนเเล้วลองไล่หาข้อมูลว่าจำผิดรึเปล่า เเล้วก็ส่งเมลไปถามบริษัทอีกทาง เค้าบอกลองเข้ามาดูอาการดูว่าเสียเยอะไหม วันนั้นนี่เครียดเลยต้องมาเสียตังค่าซ่อมประตูอีก

คืนนี้มื้อเย็นเราจบด้วยทำไก่ทอดกินมื้อดึก อาบน้ำ เเล้วก็เอาหนังสือพิมพ์มายัดรองเท้าให้เเห้งคือมันเปียกตั้งเเต่ตกน้ำเมื่อคืน

.

.

.

.

ตื่นเช้ามา ทำมาม่าสุกี้กินอันนี้หิ้วมาจากบ้าน 10 ซองยังมีเหลืออีก หลายซอง กุญเเจเวลาคืนห้องของที่นี่คือ ออกเเล้วเอาไปใส่ในกล่องไปรษณีย์ข้างล่างคือดูปลอดภัยดีนะประเทศนี้ ขับรถไปที่บริษัทเช่ารถ คุยกับเจ้าของปรากฎว่าพังไม่มากเสียไป 200 ยูโร เลยรูดบัตรไป

เเต่รถที่มีเกียร์ออโต้เเค่คันเดียวเลย ไม่มีให้เปลี่ยนคันสรุปยังคงใช้คันเดิมต่อ เเต่ก็ดีกว่ามีอีกคันกลัวจะทำพังอีกเเล้วเสียสองรอบ พอคุยกันเรียบร้อยเลยขับออกไปต่อมาจนถึงทางเดิม หิมะเริ่มละลายสถานที่เดิมเเต่ไม่เหมือนเดิมเพราะทางเดินไม่เป็นน้ำเเข็งเเล้ว เป็นดินกับน้ำเเทน


ระหว่างทางก็มีเเต่ฝน

พรุ่งนี้จะมีไปทัวสถ้ำน้ำเเข็งเลยไปนอนที่จุดนัดพบของทัวสเป็นปั้มน้ำมัน เเต่ลมที่นั้นเเรงมากต้มมาม่ากินนี่ต้องประคองเอาไว้เดี๋ยวหก รถนี่เริ่มรู้สึกต้านไม่ไหวพยายามจอดมุมที่ตึกยังเเต่ไม่ไหวจริงเลยกินเสร็จขับไปจอดหน้าโรงเเรมอีกที่นึง ใกล้ๆกัน มีมุมที่ ต้านลมสองทางได้พอดีเลยนอนมันตรงนั้นเลย เเล้วเราก็ได้เมล์มาว่าทัวสยกเลิก เพราะน้ำหลากพังทางเข้า ผมเลยส่งเมล์ไปบอกว่าถ้าย้ายวันได้ไหมเค้าบอกว่าเดี่ยวไปเชคทาง ก่อนเเล้วจะเมล์มาบอก ว่าวันถัดไปจะได้ไปไหม ก็เลยกะว่าจะเที่ยวเเถวนี้ก่อนเเล้วค่อยกลับมาที่จุดนัดพบอีกที แต่ถ้าเลื่อนไม่ได้ก็ไปเที่ยวที่อื่นต่อเลย

.

.

.

.

ตื่นมาตอนเช้า ขับรถไปที่เที่ยวต่อไป

ขับมาจนถึงหาดที่ควรจะมีน้ำเเข็งลอยเต็มไปหมดเเต่ดันไม่มีมีเเต่เป็ด


ขับข้ามมาอีกฝั่งเป็นหาดจริงมีน้ำเเข็งจริงๆ





นี่คือภาพก่อนที่หายนะครั้งที่สองจะมา เพราะมีเเค่น้ำเเข็งก้อนนี่ที่โดนน้ำทะเล รูปจึงน่าจะสวยทุกคนมาถ่ายเเต่อันนี้ ผมเลยขอร่วมวงด้วย ตั้งขาตั้งได้พักนึง อาหมวยบอกเข้ามาๆ ผมบอกไม่เป็นไรคนเยอะเเยะ สักพักน้ำทะเลมาคลื่นใหญ่เกือบโดนดูดลงไปในทะเลเเล้ว คราวนี้รองเท้าเปียกสองข้างเลยยุ่งละ เลิกกลับขึ้นรถ รูปก็ไม่ได้ถ่ายด้วย เเล้วหิมะดันตกหลักลมเเรงเรียกว่าเเย่สุด หิมะนี่ตีหน้าจะเจ็บ นั่งตากรองเท้าถุงเท้าเเล้วทำใจว่าจะเอาไงต่อดีสุดท้ายขอเปลี่ยนไปกินร้านอาหารใกล้ๆ ใน เมือง vik ละกันเเต่ก็นะ ซวยต่ออีกร้านเปิดเเค่หน้าร้อนก็เลยวนหาร้านใหม่ หลังจากจอดที่หน้าร้านอาหารนั้น มีรถที่จอดอยู่เหมือนกันอยู่คันนึงเป้นรถนอนจากอีกบริษัทน่าจะมาอารมณ์เดียวกัน เค้าขับออกไปก่อน เราก็ตั้งหลักหาข้อมูลในเนตว่ามีร้านไหนอีกบ้างที่อร่อยเพราะนานๆจะกินดีๆเป็นผู้เป็นคนกับเค้าซักมื้อ ว่าเเล้วก็เจออยู่ร้านนึงไม่ไกลจากร้านนี้ ปรากฎขับไปจอดเจอคันเดิมเลยมาตายกันที่ร้านนี้ละ

เข้ามาจะเจอ

สองคนซ้ายนั้นคือผู้ที่มาร่วมขะตากรรมจากร้านที่เเล้ว

มาเริ่มที่จานเเรกเลยละกันเนอะ อาหารเรียกน้ำย่อย ซุปล๊อปเตอร์ กับขนมปังนุ่มๆ (ขนมปังเวลาจะเติมเดินไปตัดเองนะ)

จานนี้คือเนื้อแกะผัดซอสส่วนตัวก็คิดว่ากลางหรือเราอาจจะไม่ชอบก็เป็นได้

อันนี้ล๊อปเตอร์ผัดซอส ถ้าได้น้ำจิ้มซีฟู๊ดบ้านเรามาจิ้มนะจะฟินมากกว่านี้

เชคบิล เรียกว่าราคาก็เจ็บปวดพอสมควรเเต่มานี่ทั้งทีนานจะกินทีก็จัดไป
กินเสร็จผมขอหนังสือพิมพ์มากัดไว้ก่อนเผื่อว่าจะไปเดินตกน้ำที่ไหนอีก ขับรถออกไปที่ภูเขาอีกทีนึงเรียกว่าจุดนี้คือไกลสุดของทริปผมเเล้วเพราะเราเปลี่ยนเเผนไม่เที่ยวรอบเกาะ อาหมวยป่วย ไม่สบายต้องหาที่พักกินยาบวกกับสภาพอากาศที่ขึ้นไปก็คงได้เเค่ฟ้าที่ปิดทั้งนั้น เลยตัดสินใจ มาที่นี่เป็นจุดที่ไกลสุดเเล้วเส้นทางโหดพอสมควรลมเเรงมากถึงมากที่สุด อยู่ในรถยังได้ยินเสียงลมตีกับรถ ขับไปลัดเลาะริมทะเลไป เส้นทางก็มีป้ายเตือนระวังหินหล่นลงมา ถ้าก้อนเล็กๆร่วงมาอะโอเค เเต่ถ้าก้อนใหญ่มาละก็ไม่ต้องสืบไปสบายเเน่นอน

ขับมาถึงจุดหมายปลายทางตามที่อากู้ได้บอกเอาไว้ ก็งงว่าเอ๊ะ เเล้วมันถ่ายสะท้อนน้ำตรงไหนกันนะ ไม่เห็นจะมีภูเขาก็ใหญ่ซะขนาดนั้นคงต้องไปไกลอีก เราก็เห็นสะพานเเล้วละเเต่ลมเเรงมากเเล้วดันเหมือนมีป้ายห้ามเข้าอีก เลยไม่กล้าขับไปต่อก็เลยตามเลยถ่ายมันตรงนี้ละไม่มีเงาสะท้อนก็ไม่มีเเล้วละหนาวลมเเรงมากด้วยไม่รู้น้ำมันจะขึ้นเปล่าด้วย จะมืดเเล้วด้วยสมองนี่คิดไปเรื่อยเเล้วตอนนั้น ลองเดินลุยไปถ่ายให้ใกล้น้ำทะเลมากที่สุดตัดสินใจถ่ายมา 12 ใบ มารวมภาพเอาเเล้วกันเพราะมันใหญ่จริงๆใบเดียวไม่อยู่

ถ่ายเสร็จนี่รีบวิ่งกลับไปที่รถเลย ลืมบอกไปเราได้อีเมล์ตอบกลับจากทัวสถ้ำน้ำแข็งว่าเลื่อนไปรอบพรุ่งนี้ตอน 11 โมง เเผนก็คือไปหาที่นอนเเถวจุดนัดพบปรากฎว่าจริงๆเเล้วจุดที่เราคิดว่าคือปั้นที่นัดของทัวสจริงๆไม่ใช่เป้นอีกที่นึงดีนะเลื่อนวันไม่งั้นอดไปเเน่นอน จุดนัดพบของเราเป็นปั้ม N1 ตั้งอยู่ริมถนนโดดๆเลย ตอนเเรกกะจะจอดนอนที่นั้นเลยเเต่ลมเเรงจริงๆไม่ไหวไม่ได้นอนเเน่เลยขับไปเมืองใกล้ชื่อว่า Hof ขับเข้าไปหาโรงเเรมปรากฎว่าปิดเเต่เจ้าของใจดีนะขับพาไปอีกโรงเเรมนึงในเมืองนั้นละ ชื่อว่า Hof 1 เรียกว่าดูดีเลย ราคาห้องที่เราพักเป็นแบบเเชร์ห้องน้ำราคา 87.52 ปอนด์ วันนั้นก้มีคนพักเเค่ สองห้องเองจากที่ต้องเเชร์ 8 ห้องก็อารมณ์เหมือนมีห้องน้ำในตัวนั้นเเหละเพราะคนพักน้อย ราคาเรียกว่าเเพงเลยแต่มันดีตรงที่มีสปาคืออ่างน้ำจากุชชี่ กับ ห้องซาวน่าให้ได้พักผ่อนเเบบเต็มที่ มีอาหารเช้าให้ด้วยบวกกับช่วงเวลานั้นเหนื่อยมามากเเล้วเลยเอาที่นี่ละกัน

ห้องซาวน่ากับอ่างน้ำอยู่ชั้นล่างนะจะเดินไปต้องออกไปข้างนอกเเล้วเดินอ้อมเข้าไปทางเข้าอีกด้านของตึกแอบหนาวต้องวิ่งเอาเดินชิวๆไม่ไหวนะ
เเล้วเราก็นอนก็ขนมในห้องจนหลับไปพร้อมกับเตียงนุ่มๆที่นับครั้งได้ว่าตั้งเเต่มานี่นอนเตียงกี่ครั้ง


facebook : https://www.facebook.com/veephotographer/

IG: vee_verapat

ติดตามผลงานได้นะครับ

facebookส่วนตัว: vee verapat

whereveego

 วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 00.51 น.

ความคิดเห็น