ฮอยอัน ประเทศเวียดนาม เมืองในฝันของใครหลายๆคน โดยเฉพาะสายชิล ชิคๆคลูๆ ที่บางทีก็คงได้ยินและติดปากมาจากละครเรื่อง “ฮอยอันฉันรักเธอ” ที่เคยออกกาศทางช่องน้อยสีของบ้านเรา แต่บอกไว้ก่อนว่าหากใครจะมาตามลอยหรือถ่ายภาพมุมเดียวกับละครคงยากหน่อย เพราะละครเรื่องที่ว่าเขาจัดฉากถ่ายกันที่ ฮานอย นะจ๊ะ มีแค่ ฉาก สองฉากเท่านั้นที่ถ่ายทำที่ ฮอยอัน
ส่วนตัวผม ไม่เคยดูละครเรื่องนั่นเลยสักนิด แต่เห็นพี่ๆที่รู้จักเดินทางไปเที่ยวถ่ายภาพมาอวด รวมๆดูสวยดี และได้มีโอกาสอ่านรีวิวของคนอื่นมาบ้าง จึงอยากทำให้เรานั้นอยากเดินทางไปเยือนเมืองเก่า ที่น่าหลงไหล เมืองนี้เหมือนกัน
มนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็ต้องอยากพักสมอง เติมเต็มมุมมองใหม่ๆ ตัดสินใจไปพักกายพักใจคนเดียวอีกครั้ง จองตั๋วเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชีย (AirAsia) จองล่วงหน้าครึ่งปีเลยนะ 555+ (ไปกลับ 3,225 บาท) มีใครถูกกว่านี้ไหม? เพราะจะได้เซฟๆเงินในกระเป๋าบ้าง อันที่จริงปัจจุบัน(ธ.ค.61) เนี่ย การไปเมืองฮอยอันมีทางเลือกในการเดินทางค่อนข้างมากขึ้น แต่ที่นิยมสุดก็ 3 สายการบิน คือ บางกอกแอร์เวย์ แอร์เอเชีย และไทยเวียดเจ๊ต บินตรงจากกรุงเทพไปสนามบินดานัง แล้วแต่ความสะดวกของเงินในกระเป๋าแต่ละคน
การไปฮอยอันคนเดียวในครั้งนี้ บอกเลยว่า โนแพลนจริงๆ ครับ เลือกเดินทางช่วงกลางเดือนพฤษจิกายน 2561 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกบ้างแต่ไม่มากอากาศกำลังดี โรงแรมที่พักที่นี่จองลวงหน้า 1 เดือน ก็ไม่แพงมีให้เลือกตั้งแต่ 500 ไปจนถึง หลักพัน แล้วแต่ความชอบ แต่ผมไปคนเดียว เอาสะดวกไม่ลำบากมาก ก็ขอแค่มีเตียงมีห้องน้ำมีแอร์มีอาหาร แค่นี้ก็พอครับ เลยเลือกจองผ่าน booking.com ได้โรงแรมชื่อ Hoi Pho Hotel เพราะอยู่ห่างจากเมืองเก่าฮอยอันไม่มาก เดิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว (2 คืน 1,050 บาท)
วันเดินทาง ด้วยความที่เราเป็นหนุ่มภูธรจึงนอนบนรถไฟมาสนามบินดอนเมือง ขอบอกว่ารถไฟไทย ตรงเวลามากกก (ไม่ได้ประชด คือตรงเวลาจริงๆ) มาถึงสถานีดอนเมืองตอน 05.45 เป๊ะ นั่งเล่นที่สนามบินไปสิเรา เครื่องออกตั้ง 10.50 น. (เป็นที่มาของคำว่ารถไฟเรือบิน)
การมาดานัง ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินเพียงแค่ 1.25 ชม. ก็ถึงละ นอกจากรถไฟจะตรงเวลาแล้ว เครื่องบินก็เป็นใจ บินตรงเวลาอีกด้วย การผ่าน ตม.ที่เวียดนามก้สุดแสนจะง่ายดาย ไม่ต้องกรอกเอกสารใดๆ เดินไปหา ตม.ยื่นพาสปอร์ต ทำหน้ายิ้มๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะช่วงนี้คนไทยบินไปเที่ยวดานัง เยอะมาก พอพอกับทัวร์เกาหลีเลยแหละ
ผ่าน ตม.เรียบร้อย หากใครไม่ได้ซื้อแพ็คเกจ อินเตอร์เน้ตมาจากไทย ก็สามารถซื้อที่สนามบินได้ราคา 8$ จ่ายเป็นเงินบาทที่นี่ก็รับนะ ส่วนผมใช้ sim2Fly ซื้อแพ็คเกจมา 399 บาท สรุปคือ แพงกว่าจร้า ทำใจมาครั้งแรก และมาคนเดียวก็งี้แหละ
ถึงเวลาหารถเข้าเมืองฮอยอันกัน เท่าที่เราอ่านรีวิวมาก็จะมีรถเมล์โดยสารบ้าง เช่ารถมอไซต์บ้าง แต่พอเดินออกมาด้านหน้าอาคาร โอ้แม่เจ้า จะเดินไปท่ารถเมย์ คงจะไกลพอตัวตัดสินใจ หารถแถวหน้าอาคารนั่นแหละครับ บอกเลยว่าเยอะมาก มีทั้งแท๊กซี่ ทั้ง แก๊ปคาร์ ราคามีตั้งแต่ 350,000 VND เป็นต้นไป ซึ่งครั้งแรกที่ถามคนขับเรียกราคาถึง 700,000 VND แนะ สูงมองประมาณ 990 บาท เลยถือว่าแพงสุดๆ ต่อไปต่อมาได้เต็มที 500,000 VND ประมาณ 450 บาท ตกลงราคาได้ก็ต้องไปยืนรอตรงจุดที่รถจะมารับ ระหว่างนั่งรถไปฮอยอันก็ผ่านเมืองดานัง ข้ามสะพานแม่น้ำฮาน นั่งรถประมาณ 40 นาที เพราะเวียดนามเขาจำกัดความเร็ว กฎหมายจราจร ค่อนข้างแรงครับ ระหว่างนั้นคนขับก็ชวนเราคุยภาษอังกฤษบ้าง เวียดบ้าง งง ไปหมด สุดท้ายเรามาสื่อสารกันด้วยวุ้นแปลภาษา อันนี้เข้าใจสุด 555+ พี่คนขับพยายามเสนอราคาพาเที่ยวที่ ดานัง บานาฮิลล์ ซึ่งเราก็บอกไปว่ายังไม่แน่ใจว่าจะไปเที่ยวไหน เลยแลกไลน์กันไว้เผื่อเราอยากเที่ยว แพ็คเกจเหมารถของพี่แกวันละ 1,200 บาท นะอยากให้พาไปเที่ยวไหนใน 1 วัน บอกแกได้เลย แต่ผมไม่ไป เพราะยังไม่มีแพลนครับ อิอิ
ถึงที่พักเช็คอินเรียบร้อย อากาศบอกเลยว่า ไม่ต่างจากไทย รถเยอะคนแยะ ขอเปิดแอร์เย็นๆ นอนพักสัก 2 ชม.จะดีกว่า 5 โมงเย็นค่อยออกไปส่องเมืองฮอยอัน เมืองมรดกโลก
ได้เวลาสะพายกล้อง ออกเดินส่องเมืองฮอยอัน เมืองในฝันของใครหลายๆคน รวมถึงผมด้วย เดินจากที่พักประมาณ 10 นาที ก็เข้าเขตเมืองเก่า อาคารบ้านเรือนที่นี ยังคงเอกลักษณ์ดังเดิมไว้ โดยเฉพาะสีเหลืองสดใส ตัดกับโคมไฟ หลากสี สวยสะดุดตาในยามเย็นและยามค่ำ
ฮอยอัน (Hội An) เป็นเมืองขนาดเล็กอยู่ตอนกลางของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม อยู่ห่างจากเมืองดานังประมาณ 30 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ. 2542 เป็นผลให้เกิดการพัฒนา และอนุรักษ์ ทางสถาปัตยกรรม และด้านอื่นๆ อาคารต่างๆภายในเมืองจึงคงอยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี
การเดินคนเดียว ท่ามกลางบรรยากาศสุดจะคลาสสิค ผู้คนมากหน้าหลายตาหลายเชื้อชาติ ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศอย่างเต็มที การเดินเที่ยวบนเนื้อทีประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร เดินไปเรื่อยๆ ทำให้เราไม่รู้สึกเหนื่อย โดยเฉพาะบรรยากาศริมแม่น้ำทูโบน ที่เรือไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือเล่น ชมบรรยากาศ 2 ริมฝั่งแม่น้ำ มีหญิงชรามานั่งขายกระทงกระดาษหลากสีสันต์ ให้นักท่องเที่ยวได้ลอย
ถ้าหิวก็มีตัวเลือกเยอะเลย ตั้งแต่ร้านอาหารยอดนิยมของเมืองฮอยอันหรือจะร้านนั่งริมทางอาหารพื้นเมืองอย่าง เกาเลา ผมเลือกที่จะนั่งทานร้านริมทางใกล้กับสะพานญี่ปุ่น แลนมาร์ค ของเมืองฮอยอัน ครับ ไอ้เจ้า เกาเลา เนียนาตาดูไม่น่ากินเท่าไร แต่รสชาติที่ร้านนี้อร่อยมาก เอาแป้งมาทำเป็นเส้นเหนียวนุ่ม ใส่ผักนานาชนิดของคนเวียดนาม มีหมู 2 – 3 แผ่น มีแผ่นเกี้ยวทอด ราดด้วยน้ำอะไรสักอย่าง เค็มๆหวานๆ ราคา 25,000 VND หรือประมาณ 38 บาท กินเสร็จก็เดินกลับที่พัก ก่อนเข้าโรงแรมแวะซื้อโรตีเวียดนาม (ผมขอเรียกของผมแบบนี้) คือมันไม่เหมือนโรตีบ้านเรา คือโรตีกล้วยที่บ้านเราก็หอมๆหวานๆ แต่ที่ฮอยอันรสชาติแปลกๆบอกไม่ถูกครับ แต่ก็ทานได้นะ ราคาก็ 50 บาท หรือ 50,000 VND
อย่างที่ผมบอกตั้งแต่ต้นว่ามาเที่ยวครั้งนี้ โนแพลน มาคนเดียวอยากพักกาย พักใจ พักสมอง จึงกลับมานอนที่โรงแรม และที่สำคัญไม่ตั้งนาฬิกาปลุกจร้า อยากตื่นเวลาไหนก็ค่อยตื่น เอาแบบนี้แหละตัวคนเดียว จะสนทำไมเนอะ.
อรุณสวัสดิ์สายๆ 9 โมงเช้า อยากเห็นเมืองฮอยอันในยามที่คนไม่เยอะ เลยรีบอาบน้ำแต่งตัวสบายๆ สะพานกล้อง ไปเก็บบรรยกาศยามเช้า อย่างเช่นสะพาน ญี่ปุ่น ศาลเจ้ากวนอู บ้านโบราณ ร้านค้า แกลลอรี่ แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปตามจุดแลนมาร์คต่างๆได้ ต้องซื้อตั๋วก่อนนะ ราคา 120,000 VND หรือประมาณ 170 บาท เข้าชมได้ 5 สถานที่ ถ้ากลัวไปไม่ถูกเขามีแผนที่แจกนะครับ
แนะนำว่าถ้าใครอยากเดินชิลๆ ชิคๆ คลูๆ แนะนำ ช่วงเช้าดีสุด เพราะสายๆหน่อย นักท่องเที่ยวที่มาเป็นหมู่คณะหลากหลายสัญชาติ จะเยอะมากๆ ไทยก็เยอะเช่นกัน ครับ ผมเลยขอหลับกลับเข้าโรงแรมจะดีกว่า ค่อยออกมาอีกที ตอนเย็นๆ ระหว่างเดินกลับที่พักก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวไก่ สไตล์เวียดนามสักหน่อย รสชาติอย่างที่ทราบกันว่า อาหารที่นี่รสชาติไม่จัดจ้านเหมือนบ้านเรา เหมาะสำหรับคนไม่กินเปรี้ยวไม่กินเผ็ดไม่กินเค็ม 555+ รสชาติเขากลางๆนะครับ ส่วนแฟนต้า ราคา 15,000 VND อือฮือ...รสชาติเหมือนบ้านเราเลย 555+ พูดทำเพื่อ แฟนต้า ก็คือแฟนต้า เหมือนกันทั่วโลก...
ตื่นอีกทีบ่าย 3 โมง เดินหากาแฟกิน เพราะเขาบอกว่า เวียดนาม คือสุดยอดเมืองกาแฟหนึ่งเดียวในอาเซียน ร้านกาแฟในฮานอยหาไม่ยาก บรรยากาศดีทุกร้านครับ แนะนำสายชิล ควรโดน พอแดดเริ่มหุบ ผมก็ออกเดินไปส่องเมืองฮอยอันต่ออีกวัน
หลายคนคงสงสัยในใจว่าทำไมต้องอยู่ที่นี่ตั้ง 2 วัน เอาส่วนตัวนะผมมองว่าในแต่ละวันบรรยากาศมักจะแตกต่างกัน ถึงแม้สถานที่จะเป็นสถานที่เดียวกัน แต่คนที่อยู่ในสถานที่นั้นไม่เหมือนเมื่อวาน แค่นี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าการได้เที่ยวในสถานที่เดินแต่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมันทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และบางทีมันก็ทำให้เราได้เข้าใจสถานที่นั้นๆเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
โดยครั้งนี้ผมเดินครบทุกซอกทุกมุมทุกซอย โดยเฉพาะไนท์มาเก็ต ทั้ง 2 แห่ง คือตรงตลาดสดฮอยอัน กลับถนนคนเดินฝั่งตรงข้ามกับสะพานญี่ปุ่น ทั้ง 2 ที่จำหน่ายของที่ระลึก โดยเฉพาะไนท์มาเก็ตฝั่งตรงข้ามกับสะพานญี่ปุ่นจะมีร้านจำหน่ายโคมไฟเยอะมาก หนุ่มสาวมักจะมาถ่ายฟรีเวิ้ดดิ่งกัน รวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราด้วย
อาหารที่ไนท์มาเก็ตก็เยอะเช่นกัน ผมเลือกนั่งร้านริมฟุตบาท สั่งหมู่ย่าง 1 ชุด ประมาณ 100 บาท ได้หลายไม้มาก ถ้ามา 2 คน คงจะพอดี แต่ผมสั่งไม่มาได้ดูกำลังตัวเองเลย อยากกินอย่างอื่นคงไม่ได้กินแล้ว หมู่ย่าง 1 ชุดจะมี แผ่นแป้งแข็งๆ ไม่แช่น้ำเหมือนแหนมเนืองบ้านเรานะ มีผักนานาชนิด พร้อมน้ำจิ้มสูตรเวียดนาม วิธีกินคล้ายแหนมเนืองเลยครับ 555+ ทีแรกก็ งง งง กินไม่เป็น สักพักพี่เจ้าของร้านของอึดอัดใจ เลยมาสอนวิธีกินให้ โอ้สบายเราเลย โดยเฉพาะหนุ่มน้อยมาช่วยแม่ขายของ พูดได้หลายภาษามาก ยกเว้นไทย หึหึ. ผมนั่งข้างๆพี่เกาหลี คิดในใจอย่าตีกันนะ คือพี่แกคุยกันเหมือนทะเลาะกัน 555+
อิ่มแล้วก้เดินหาของฝากสิครับ อันนั้นก็อยากได้ อันนี้ก็น่าโดน ได้แต่เดินถามราคา สุดท้ายไม่ได้อะไรเลยครับ กลับห้องนอนสิ เดินถึงห้อง 4 ทุ่มครึ่งพอดี อาบน้ำนอนสิครับ
หลับไปเท่าไรไม่รู้ แจ็คพ็อตสิครับ ฮอยอันไฟดับทั้งเมือง. ตอนตี 5 ยังดีที่ตอนเช้าที่นี่อากาศดีอุณหภูมิประมาณ 20 องศา เลยเปิดหน้าต่างเอา จนเช้า ไฟก็ยังไม่ติด เคาะซ้ำเน็ตมือถือที่ซื้อแพ็คเกจจากไทยหมดอีก ไวไฟไม่ต้องพูดถึงไฟดับเอาไวไฟจากที่ไหน เอาละสิ กินข้าวเช้าไปคิดหาวิธีไป เลยตัดสินใจถามพนักงานโดยภาษาอังกฤษที่ไม่แข็งแรงของเราอีกครั้ง ว่าจะหารถไปสนามบินได้อย่างไร ช่วยติดต่อให้ได้ไหม โชคดีพนักงานโทรเรียกรถให้ ได้ในราคาย่อมเยาวยุติธรรมด้วย 320 บาท เอง ราคานี้รับได้ ส่งตรงถึงสนามบิน ลืมบอกว่าผมเนียภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเอามากๆ ตอนมาเช็คอินพนักงานถึงกับทำหน้าหงุดหงิด ด้วยความที่เขาคงไม่เข้าใจในภาษาอังกฤษสไตล์ผมละมั่ง 555+
ถึงสนามบินดานัง เช็คอินเรียบร้อย บ๊ายบายฮอยอัน 2 คืนแห่งประสบการณ์ โนแพลน หรือนี่จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า เปลี่ยนสถานที่นอนโง่ๆอย่างแท้ทรู
ทริปฮอยอัน คงเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่จะอยู่ในความทรงจำของผม หลังจากที่ผมกล้าตัดสินใจก้าวเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง
เอาจริงผมไม่ได้อยากเที่ยวคนเดียวหรอกนะ แต่ว่าการที่เราจะรวมกลุ่มเที่ยวกันได้มันยาก มว้าก มีแต่คำว่า เดี่ยวก่อน เต็มไปหมด แต่เมื่อใจเรามันอยากออกเดินทางท่องเที่ยว คนเดียวนี่แหละ ต้องไปให้ได้ ซึ่งการที่คนเราจะตัดสินใจออกไปท่องเที่ยวคนเดียวได้ โดยไม่กลัวความเหงานั้น มันต้องมีข้อดีอยู่บ้าง หากเราอยากเที่ยว หากว่าเราอยากพักผ่อน ลองกล้าที่จะตัดสินใจออกเดินทาง ไม่ต้องรอ แล้วคุณจะพบกับความสุขที่บ้างครั้งเราได้อยู่กับตัวของเราเองมากขั้น
“ฮอยอัน วันที่ฉันมาคนเดียว”
#นานเที่ยวถี่
ฝากติดตามผลงาน
https://www.facebook.com/nanteawtee/
https://www.youtube.com/NattanaT
https://nanteawtee.wordpress.com
สรุปค่าใช้จ่ายคราวๆ (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
ผมแลกเงินมา 120 เหรียญ (USD)
- เก็บไว้ 20 เหรียญ เป็นเงินฉุกเฉิน
- 100 เหรียญ แลกเป็นเงินเวียดได้ 2,335,000 VND
- ค่าโรงแรม 2 คืน 1,050 บาท
- ค่ารถไปฮอยอัน 500 บาท
- ค่ารถกลับสนามบิน 320 บาท
- ค่ากิน....(จำไม่ได้) แต่เหลือกลับไทย 200,000 VND
ปล.ค่าเครื่องผมได้มาในราคาไปกลับ 3,225 บาท เลือกที่นั่งพร้อมอาหารบนเครื่อง (Airasia)
นาน เที่ยว ถี่
วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.51 น.