3 สิ่งน่าดูที่ ภูนาง
หลังจากลงจากดอยหลวงดอยหนอก เราก็บึ่งรถกลับสนามบินเชียงรายเพื่อบินกลับกรุงเทพทันที! ไม่ช่าย ยังยัง เราพักหนึ่งคืนนอกเมือง เพื่อฟื้นสภาพร่างกายที่กรอบหนัก วันรุ่งขึ้น ไฟล์ทบินอยู่เที่ยวเย็น เวลาเหลือก็เลยหาที่เที่ยวกันต่อ ยังคงเน้นเป็นธรรมชาติเช่นเดิม พะเยานอกจากมีอุทยานแห่งชาติดอยหลวงจ่ออยู่ใกล้ๆ เมืองทางทิศตะวันตกกั้นเป็นแนวพรหมแดนพะเยา ลำปางแล้ว ยังมีอุทยานแห่งชาติพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าดอยหลวงซะอีก ที่วางตัวยาวแนวเหนือใต้ ครอบคลุมตั้งแต่อำเภอปง ดอกคำใต้ เชียงม่วน กินพื้นที่ลงไปจรดอช.แม่ยมที่จ.แพร่ และคือจุดหมายก่อนบินกลับของเราในทริปนี้ .....
อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง
การเดินทางหากมาจากเมืองพะเยานะครับ เราก็ขับรถออกมาจากเมือง วิ่งมาตามสาย 1 พหลโยธิน ออกมาสักประมาณ 5 โลก็เลี้ยวซ้าย เข้าสู่ถนนหมายเลข 1021 ที่แยกแม่ต๋ำไปอำเภอดอกคำใต้ ขับไปประมาณ 9กิโลจะถึงตัวอำเภอดอกคำใต้ แล้วเลี้ยวขวาแยกไฟแดงเข้าถนนหมายเลข 1251 มีป้ายบอกทางไปอช.ดอยภูนางอยู่ตรงสามแยกนี้ วิ่งยาวๆไปอีก 49โล ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยภูนาง ขอบอก สองข้างทางตั้งแต่เลยตัวอำเภอดอกคำใต้ไปสัก 40 โลเส้นทางจะขึ้นเขาลงเขาวิวสองข้างทางสวยมากๆ ยากไปมั้ยครับ ถ้ายากคลิก Google maps นำทางนี่ได้เลย >>
https://goo.gl/OWZH7m รถเก๋งเข้าถึงได้สบาย
หนึ่งชม.เศษๆ เราก็มาถึงทางแยกเข้าอุทยานฯ ป้ายอช.ดอยภูนางตั้งเด่นอยู่หน้าปากทางแยกซ้าย ขับเข้าไปอีกพักนึง จวนเจียนจะถึงหน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียมก็ต้องเบรคเอี๊ยด แล้วเข้าเกียร์ถอย เดี๋ยวนะ ตะกี้ผ่านอะไรมา! ถอยยาวมายี่สิบเมตร แล้วก็ตะลึงตึงตึง กับต้นไม้ประหลาด ดูเหมือนจะเป็นจุดจอดแวะนะ เห็นเป็นลานโล่งๆ และมีป้ายอธิบายด้วยว่าต้นไม้ที่รูปร่างประหลาดรูปร่างราวกับไดโนเสาร์คอยาวพันธุ์ซอโรพอต จอดรถเสร็จคว้ากล้องลงไป แต่ก่อนถ่ายขอยืนอ่านป้ายหน่อย
และนี่คือ
1สิ่งแรก ที่น่าดูที่ภูนาง
ต้นสมพงประหลาด
สมพง, กระพง, งุ้น
คือชื่อของต้นไม้ทรงประหลาดต้นนี้
Tetrameles nudiflora R.Br. คือชื่อภาษาอังกฤษของเค้า
ตีความจากชื่อไทย "สงพง" แล้วดูโคนที่โกร่งจนเดินลอดได้มันเหมือนต้นไม้สองต้นที่เกิดแยกกันอิสระแล้วโตขึ้นมาพบรักกัน ผสานรวมกลายเป็นลำเดียวกันก่อนจะตั้งตระหง่านแทงยอดทะลุฟ้า ที่มาของชื่อคงจะอารมณ์คล้ายกับหนุ่มสาวเดินทางมาพบรักกันหรือเปล่า อ่านป้ายจำใจความต่อ สงพงต้นนี้ฐานรากกว้าง 4.17เมตร สูงจากพื้นดินถึงจุดรวมลำต้น 1.70เมตร ถ้าวัดจากพื้นดินถึงยอดก็ 25.10 เมตร สันนิษฐานว่าในอดีตป่าบริเวณนี้คงรกทึบดิบสมบูรณ์จนแสงไม่อาจทะลุทะลวง สมพงสองต้นเลยพุ่งลำไปรวมกันเพื่อความอยู่รอด
คลิก Google Images ไปดูความมหัศจรรย์และความหลากหลายของหน้าตาของเจ้าสมพงนี้กัน .. Tetrameles nidiflora R.Br.
https://goo.gl/P1Bim9
เมื่อคลิกดูแล้วจะเห็นว่าสมพงที่ภูนางนี้ไม่ได้ใหญ่โตไปกว่าสมพงที่อื่นๆ เลย หลายๆ ที่ยักษ์ปักหลั่นกว่านี้เยอะ แต่สงพงที่ภูนางนี้ก็ไม่เหมือนใครไม่มีใครเหมือนด้วยลักษณะที่โน้มมารวมต้นกันจนคนเดินลอดได้ จนแลดูคล้ายไดโนเสาร์แบบนี้ล่ะ
ขยับรถกันต่อ แล่นไปอีกนิดเดียวก็จ่ายค่าธรรมเนียมตามระเบียบเพื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในของอุทยานฯ พื้นที่จอดรถกว้างขวางมาก บ่งบอกให้รู้ว่าปกติในวันหยุดน่าจะเป็นสถานที่ยอดนิยมที่ผู้คนแวะเวียนมา แต่วันนี้เป็นวันธรรมดา เหมือนเราจะมาเหมาอุทยานอีกแล้ว ส่วนตัวสุดๆ
และจุดหมายหลักของการมาครั้งนี้เราตั้งใจมาชมฝูงนกยูงไทยแบบหากินอยู่ตามธรรมชาติ
ตรงรี่ไปถามเจ้าหน้าที่ทันที นกยูงอยู่ไหนครับ ไปทางไหน ทางไหนคือทางไปชมนกยูง พี่ท่านจนท.กล่าวว่า ตรงบริเวณนี้นี่เองล่ะครับ ลานจอดรถ ที่ทำการ ศูนย์บริการ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล จะมีนกยูงฝูงหนึ่งจะบินลงมาหาอาหารกินแถวนี้ประจำ แต่ มีแต่เหรอ! มีครับ มันจะมาเช้าๆ กับเย็นๆ เอาล่ะสิ อดเหรอ อดชมสิงั้น ใช่ แต่เรามีสามสี่ตัวอยู่ในกรงใหญ่ ตรงโน้น ว่าแล้วก็ชี้มือไป ถถถถถ. นี่เราขับรถดั้นด้นมาชมนกยูงในกรง! ทำไงได้ล่ะครับ
สิ่งที่ 2 น่าดูที่ภูนาง
นกยูงไทย หรือ นกยูงสีเขียว
Green peafowl
ว่ากันว่าผืนป่าที่ดอยภูนางนี้มีฝูงนกยูงที่มากเป็นอันดับต้นๆ ของไทยเลย แต่จะมากกว่าที่ป่าห้วยขาแข้งหรือเปล่า อันนี้ผมเองก็ไม่กล้าเข้าใจไปอย่างนั้น ว่าแต่ว่ามาผิดเวลาเพราะไม่ได้วางแผนและศึกษาข้อมูลมาก่อน ถ้างั้นก็ ... อ่ะนี่ นกยูงในกรง ชมกันไปพรางๆ ก่อนนะครับ
นกยูงเป็นสัตว์จำพวกไก่ฟ้า มีสองชนิดคือนกยูงอินเดียกับนกยูงไทย มีข้อแตกต่างสังเกตง่ายคือนกยูงอินเดียตัวจะออกสีน้ำเงินเข้ม หงอนบนหัวแผ่เป็นพัด ส่วนที่ผมมองเห็นในกรงเนี่ยเป็นนกยูงไทย สีมันจะออกเขียวๆ และหงอนบนหัวจะชูเป็นช่อเป็นกระจุก
ใครสนใจอ่านวิกิพีเดียเรื่องนกยูงเพิ่ม >>
https://goo.gl/q07MHI
ดูนกยูงในกรงตามต่อด้วยเดินชมนกยูงสต๊าฟ ไข่นกยูง และเรื่องราวนกยูงย่อๆ ในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
จากนั้นก็ถามจนท.ว่ามาดอยภูนางทั้งทีมีอะไรให้เที่ยวชมได้อีก มี มีสิแหม แต่ว่าต้องขับรถออกไปอีกนะ กระจายอยู่ตามหน่อยย่อยอื่นๆ แต่เฉพาะตรงหน่วยใหญ่ที่ทำการตรงนี้ ยังมีน้ำตกธารสวรรค์ไปดูกันมาหรือยังคะ โอ๊ะโอ จริงด้วย ตอนขับมาก็เห็นมีป้ายน้ำตกธารสวรรค์นี่นาลืมสนิท ถ้างั้นไปชมน้ำตกธารสวรรค์กันก่อนดีกว่า เดินมาหน่อยเดียวครับ ทางเดินไม่ยาก ทางเริ่มต้นจากข้างๆ กรงนกยูงนั่นเอง
บรรยากาศทางเดินสู่น้ำตกธารสวรรค์
สิ่งที่ 3 น่าดูที่ภูนาง
น้ำตกธารสวรรค์
พิกัด
18.857096, 100.182578 alt.> 455m.
แป๊บเดียวน้ำตกก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ลักษณะเป็นน้ำตกหินปูน ก็สวยสิครับ เจอน้ำตกหินปูนที่ไหนเจอสายน้ำสีเขียวมรกตที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นเอราวัณ ห้วยแม่ขมิ้น พาเจริญ นอกจากนี้น้ำตกที่เกิดจากชั้นหินปูนมักจะสวย อ่อนช้อย มีชั้นมีเชิง มีความงามสงบไม่กึกก้องกัมปนาทดุดัน น้ำตกธารสวรรค์ก็เช่นกัน ตัวน้ำตกอยู่บนลำน้ำแม่ปั๋งเกิดจากสายน้ำหลายสายไหลมารวมกัน คือห้วยสองสบ ห้วยโป่ง ห้วยอูน และตาน้ำบ่อเบี้ย ตัวน้ำตกว้างราว 30เมตร สูงประมาณ 20เมตร เป็นน้ำตกสองชั้น มีน้ำตลอดปี
อีทีนี้ดูเวลาก็ปาไปจวนบ่ายแล้ว ก็เลยขอเดินเตร็ดเตร่เฉพาะชั้นแรกที่เห็นนี่พอ เพราะประเดี๋ยวต้องขับรถยิงยาวกลับเชียงรายคืนรถและเช็คอินเวลาขึ้นเครื่องบิน ขอปิดท้ายเป็นรีวิวสั้นๆ กระชับๆ ด้วยภาพนี้ ถือเป็นเส้นทางสาย Half day trip ที่น่าไปอีกเส้นทางนึงสำหรับใครที่มีโอกาสไปเยือนพะเยา ขับไปกลับ 3 ชม. ใช้เวลาอยู่ที่อุทยานอีกสัก 3 ชม. ก็เต็มอิ่มครับ
บรรทัดนี้ขอขอบคุณเหล่าผู้สนับสนุนอีกครั้ง
ผู้สนับสนุนหลักการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย-พะเยา เบอร์ติดต่อ 053-744674-5
และผู้สนับสนุนการเดินทางทุกท่าน อาทิ
สายการบินนกแอร์, Avis Thailand, เอาร์ดอร์อินโนเวชั่น และ Keen Thailand
และท้ายสุดขอขอบคุณคนอ่านทุกท่านครับ
สอบถามเพิ่มเติมได้อีกที่คือเพจผม
https://www.facebook.com/Namfapakhao/
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.49 น.