นิ้วของผมเลื่อนขึ้นเลื่อนลงบนหน้าจอโทรศัพท์ สายตาเพ่งลงไปบนข้อมูลต่างๆที่ปรากฏบนหน้าจอ ผมกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพราะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเริ่มการผจญภัยจะมาถึง หาอยู่นานก็ไม่ได้ความเพราะช่วงเวลาที่จะออกไปท่องเที่ยวนั้น มันคือช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ ทำให้ที่ท่องเที่ยวยอดนิยมนั้นไม่น่าไป เพราะแค่คิดว่าจะต้องผจญกับคนเป็นพันเป็นหมื่นคนก็เหนื่อยแล้ว ขอบายดีกว่า แต่ทว่า มีภาพอยู่ภาพหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจ ภาพของโลกใต้ทะเลสีฟ้า ตัดกับสีส้มขาวของปลาการ์ตูน มีปะการังและดอกไม้ทะเลหลากสีขึ้นแซมสวยงาม ไร้ความวุ่นวาย นั่นคือภาพที่ดึงดูดให้ผมตัดสินใจ เลือกที่จะเดินทางผจญภัยไปที่นี่....แสมสาร

ย้อนไปเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ผมและแฟนเราสองคนตัดสินใจซื้อแพ็คเกจดำน้ำดูปะการัง กับทาง Seaview Villa แสมสาร ในราคาคนละ 2,150 บาท (ราคาสำหรับ 2 คน) ซึ่งแพ็คเกจจะถูกหรือแพงราคาขึ้นอยู่กับจำนวนคน ยิ่งไปกันเยอะก็ยิ่งหารกันถูกลง ผมวางแผนดูเส้นทางการเดินทางมายังหมู่บ้านแสมสาร ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งคล่องตัวมากกว่า จากนครราชสีมา จนถึงตำแหน่งของรีสอร์ตนั้น เป็นระยะทาง 336กิโลเมตร ด้วยวันเวลากำหนดการที่เราจะไปเป็นช่วงปีใหม่ การศึกษาเส้นทางจึงสำคัญมาก แต่การวางแผนทำการบ้านมาอย่างดี ทำให้เรารู้ว่าเราจะขับขี่กันด้วยความสบาย เพราะเราจะวิ่งสวนกับรถที่วิ่งออกต่างจังหวัด ดังนั้น จึงตัดความกังวลเรื่องการเดินทางไปได้เลย

เราเฝ้ารอตั้งหน้าตั้งตาวันที่เราจะได้ออกเดินทางด้วยความตื่นเต้นและแล้ววันนั้นก็มาถึง เราสองคนเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าแบบแบ็คแพค เลือกเอาเฉพาะสัมภาระที่จำเป็นเพื่อลดทอนน้ำหนัก เดินทางออกจากบ้านในเวลาตีสามพอดิบพอดี ที่ต้องวางแผนออกเช้าแบบนี้เพราะต้องไปให้ทันเวลาก่อนเที่ยงครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่เรานัดกับทางรีสอร์ตไว้

รถมอเตอร์ไซค์สีดำวิ่งฝ่าความมืดไปบนถนนเส้น 304 มีชายหญิงคู่หนึ่งเป็นคนขับและคนซ้อนควบตะบึงไปบนถนนที่มืดมิดและหนาวเหน็บในช่วงใกล้รุ่งสางของฤดูหนาว เราจอดพักกันบ้างประปราย เหมือนว่าบนท้องถนนจะมีแค่รถของเราเพียงเท่านั้น เราจอดพักเป็นระยะๆ

ช่วงลงเขาจากวังน้ำเขียวก็ต้องระมัดระวังอย่างหนักหน่วงเพราะทางลงเขาที่ชันเป็นระยะทางสิบกิโลเมตรนั้นเป็นเส้นทางที่กำลังปรับปรุง เรามองเห็นรถยนต์วิ่งออกต่างจังหวัดที่วิ่งสวนกับเราในช่วงเทศกาลปีใหม่ เริ่มคับคั่งบนถนนขึ้น ส่วนเลนของเราแทบไม่มีรถวิ่งเลย

เดินทางสบายๆครู่ใหญ่ๆเราก็มาถึงเขตหมู่บ้านแสมสาร ในเวลา 11.00 โมง รถราเริ่มหนาตาขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นผลกระทบกับเรามากนัก ไม่นานเราก็มาถึงรีสอร์ต อาคารทรงประภาคารสีขาวก็ปรากฏให้เราเห็น เราเดินไปติดต่อทำเรื่อง แล้วก็ต้องนั่งรอ เพื่อให้ทางรีสอร์ตเคลียร์ห้อง และเราจะต้องไปดำน้ำในเวลา เที่ยงครึ่ง

ระหว่างนั้นเราก็สำรวจบรรยากาศรอบๆรีสอร์ต ซึ่งตกแต่งให้เข้ากับธีมของทะเล เน้นโทนสีขาวเป็นหลัก เป็นที่พักเล็กๆที่ดูอบอุ่นและปลอดภัย

มีสระว่ายน้ำเล็กๆอยู่ด้านหน้า

หลังจากพนักงานเคลียร์ห้องเสร็จเราก็นำสัมภาระไปไว้ที่ห้อง เป็นห้องสีขาวดูสะอาดสะอ้าน เหมาะแก่การพักผ่อน

เรานั่งเล่นมือถือรอเวลาไม่นานนัก เที่ยงครึ่งตรงเวลา พนักงานก็มาเรียกเรา เพื่อไปดำน้ำ เราเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง เพื่อไปยังท่าเรือ ชายหนุ่มหน้าตาดีหุ่นเพรียวระหงใบหย้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มในมือถือกล้องถ่ายภาพ ก็เข้ามาแนะนำตัวกับเรา กัปตันดิว คือกัปตันเรือที่จะพาเราไปดำน้ำ ตลอดจนถ่ายภาพใต้น้ำและดูแลเราตลอดทั้งทริป

เรือสปีดโบ้ทลำสีขาวพาเราแล่นออกจากฝั่งด้วยความเร็ว กัปตันดิวชวนเราคุยไม่เหงา เล่าถึงเรื่องราวเป็นมาเป็นไปของทริปและสิ่งที่ควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติ
"เรือลำนี้มีชื่อมั้ยครับ?" ผมถาม "มีครับ ชื่อเรือ ภิรมย์สมุทร" กัปตันดิวตอบมาพร้อมรอยยิ้ม
"ชื่อไทยเลย" ผมทัก
"เป็นชื่อของปู่ผมด้วยครับ" เขาตอบ
กัปตันดิวเล่าให้ฟังว่าเขาเกิดและโตที่แสมสาร ชีวิตจึงผูกพันกับที่นี่ และการนำเที่ยวของเขาต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อม คือเราจะไม่ไปโดนปะการังหรือสัตว์ทะเลทุกชนิด เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสเจริญเติบโตตามธรรมชาติ

ในขณะที่วิ่งสวนกับเรือลำอื่น คลื่นทะเลระลอกใหญ่ทำเรือกระโดดไปมา กัปตันดิวบอกเราว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามาทำให้คลื่นลมค่อนข้างแรง แต่น้ำใสมาก ซึ่งเรามาได้ถูกจังหวะ แต่บางจุดคลื่นจะแรงจนเสี่ยงที่จะให้ดำน้ำลงไป จุดดำน้ำที่เราจะไปดำน้ำ ไม่ได้เป็นส่วนเดียวกับเกาะแสมสารที่ขึ้นชื่อของนักท่องเที่ยว ซึ่งเกาะแสมสารนั้นจะอยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ แต่ทริปดำน้ำกับ SeaviewVilla นั้น จะเป็นทริปดำน้ำของหมู่บ้านแสมสาร ซึ่งเป็นคนละภาคส่วนกับกองทัพเรือ ส่วนเกาะแสมสารและเกาะขามที่อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือนั้น เราจะขึ้นไปไม่ได้เพราะอยู่ในการดูแลของอุทยาน เรามองเห็นเกาะของกองทัพเรือ ซึ่งกัปตันดิวบอกว่า บางครั้งจะมีเต่าทะเลขึ้นไปวางไข่บนชายหาดและเติบโตตามธรรมชาติ ชายหาดที่ช่องแสมสารทั้งหมดจึงอยู่ในการดูแลของทหารเรือ เพื่ออนุบาลและอนุรักษ์รักษ์พันธุ์เต่าทะเลเอาไว้

กัปตันดิวพูดพร้อมกับชี้ให้ดูเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นเรือไม้ลำใหญ่ บนเรือบรรทุกผู้โดยสารเต็มลำ มองผาดๆเหมือนเรือบรรทุกผู้อพยพที่แล่นช้าๆ และเรือลำนั้นบรรทุกผู้คนไปท่องเที่ยวยังเกาะแสมสารนั่นเอง ส่วนเราสองคน นั่งเรือสปีดโบ้ทความเร็วสูง เพื่อไปดำน้ำยังจุดดำน้ำ

เรามาถึงจุดดำน้ำจุดแรก ผู้ช่วยของกัปตันดิวโยนสมอเรือลงไปในน้ำ โดยพินิจแล้วพินิจอีกว่าจะไม่มีปะการังอยู่บริเวณนั้น เพื่อเป็นการระวังรักษาสิ่งแวดล้อมของท้องทะเล เราสองคนสวมสนอร์กเกิ้ลแล้วรีบลงจากเรือ เพราะการอยู่บนเรือจะยิ่งทำให้เราเมาเรือจากคลื่นที่มากระแทก กัปตันดิวลงน้ำพร้อมกับกล้องถ่ายภาพล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เราสองคนก็ได้เวลากระโดดตามลงไป

ภาพตรงหน้าคือน้ำทะเลใสสีฟ้ามรกต มีฝูงปลาแหวกว่ายอยู่รอบๆตัวเราดูตื่นตาตื่นใจ ดำลึกลงไปเจอดอกไม้ทะเล และนั่นคือเจ้าปลาการ์ตูนสีดำลายขาว ซึ่งเป็นปลาการ์ตูนพันธ์ท้องถิ่นของบริเวณอ่าวไทย

ไม่ไกลกันนัก ในกอของดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูนสีส้มลายขาวแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางดอกไม้ทะเล พวกมันจำเป็นต้องอาศัยดอกไม้ทะเลในการดำรงชีวิต เพราะมันจะเป็นเสมือนบ้านของปลาการ์ตูน คอยปกป้องคุ้มภัยไม่ให้พวกมันโดนจับกินจากสัตว์ทะเลตัวอื่น

ปลาการ์ตูนสีส้มนี้ เดิมทีไม่มีในอ่าวไทย จะมีอยู่เพียงในแถบทะเลอันดามัน แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งอาจเป็นเพราะมีคนนำมันมาปล่อย ทำให้มันมีอยู่ในเขตแสมสารของอ่าวไทยเช่นเดียวกับฝั่งอันดามัน ซึ่งจะว่าไปมันอาจส่งผลกระทบให้ปลาการ์ตูนพันธ์พื้นเมืองต้องถูกแย่งที่อยู่อาศัยอย่างดอกไม้ทะเล ดังนั้นจึงอยากให้ความรู้ว่าการปล่อยปลาการ์ตูนลงทะเลนั้น คุณจำเป็นต้องมีความรู้และรู้จักแหล่งที่อยู่อาศัยของมัน เพื่อไม่ให้กระทบระบบนิเวศน์โดยรวม

กัปตันดิวตามถ่ายภาพเราทั้งคู่อย่างขยันขันแข็ง คุ้มค่ากับราคาแพคเกจที่เราจ่ายไปอย่างมาก ไม่นานนัก แฟนสาวของผมก็ถอดชูชีพแล้วดำลงไปใต้น้ำแบบ Free dive ซึ่งจะทำให้ได้ภาพถ่ายที่สวยกว่าการมีชูชีพติดตัว แต่นั่นต้องหมายความว่าคุณอาจจะต้องมีทักษะในการดำน้ำที่ดีและแข็งแรงพอสมควร เนื่องจากคลื่นลมในทะเลค่อนข้างแรงพอสมควร ส่วนตัวผม ขอลอยตัวอยู่กับชูชีพชิวๆนี้ก็พอแล้ว

จากจุดที่ 1 เราขึ้นเรือเพื่อไปยังจุดที่สอง ซึ่งกัปตันดิวบอกกับเราว่า จุดนี้จะมี Red Sea fan หรือกัลปังหาสีแดง ให้เราเห็นด้วย บางจุดที่น้ำลึกหน่อยจะมี Sea fan สีม่วงด้วย เราสองคนไม่รอช้า รีบดำลงไปเพื่อชมโลกใต้ทะเล

ก่อนลงจากเรือกัปตันย้ำกับเรามาอีกครั้ง ว่าไม่ควรไปแตะต้องสัตว์ทะเลหรือปะการังทุกชนิดในทะเล เพราะบางชนิดก็มีพิษ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง เมื่อเราลงไปก็พบกับกัลปังหาสีแดง สีสันสดใส มีหอยมือเสือหลากหลายสีสันให้เราเห็น ดูแล้วสวยสดงดงามไม่แพ้ทะเลฝั่งอันดามัน แต่ใกล้และเดินทางสะดวกเพียงแค่นี้

จุดที่สาม เป็นจุดน้ำลึก มีปะการังแผ่นขนาดใหญ่ให้เห็น และยังมีปลาการ์ตูนพันธ์พื้นถิ่นให้เราเห็นอีกหลายชนิด เช่นปลาการ์ตูนพันธ์อินเดียนแดงที่มีสี้หลืองทองทั้งตัว เป็นต้น เราเพลิดเพลินกับการดำน้ำดูปะการังกันอย่างมาก และแล้วก็ได้เวลากลับฝั่ง

ก่อนกลับผมก็เริ่มมีอาการเมาเรือ อาเจียนโอ้กอ้ากลงทะเลไปหลายรอบ ขนาดกินยาแก้เมาเรือมาแล้วนะครับ ใครจะลงดำน้ำ อย่าลืมกินยาแก้เมาเรือนะครับ ส่วนแฟนผม สายนั้นเขาชิวและชอบอยู่ในน้ำ สบายครับ

เรานั่งเรือกลับเข้าฝั่งด้วยความประทับใจในบริการ ทั้งความสุภาพเป็นกันเองของกัปตันดิว ที่คอยดูแลเทคแคร์ถ่ายภาพให้เราได้ไม่อั้น และความเป็นส่วนตัวที่ไม่มีใครอื่นมารบกวนเรากลางทะเล นี่คือผลของการวางแผนการเดินทางที่ดี จะทำให้เราได้เจอเรื่องเซอไพรส์ที่ประทับใจตลอดทั้งทริป เราร่ำลากัปตันดิวและเข้าพักในห้องพักที่แสนสบายและเป็นส่วนตัว

เวลาเย็น เราออกมาหาอาหารกินและชมบรรยากาศรอบๆหมู่บ้านแสมสาร ที่นี่เป็นหมู่บ้านริมทะเล ที่ประกอบอาชีพประมงเป็นส่วนใหญ่ เป็นหมู่บ้านที่มีกลิ่นของทะเลคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ อาหารทะเลที่นี่จึงค่อนข้างสดและสะอาดอย่างมั่นใจได้ เราแวะที่ร้านหาดสีทอง ตามรีวิวขึ้นชื่อในเน็ตอย่างบล็อกเกอร์รีวิวชื่อดังแนะนำ เป็นร้านเพิงไม้เล็กๆคล้ายร้านคาราโอเกะเสียมากกว่า มีคนนั่งกินอาหารส่งเสียงดัง บรรยากาศไม่น่านั่งเท่าไหร่นัก

เราสั่งเมนูแปลกๆอย่างต้มยำปลาฉลาม ข้าวผัดปู กุ้งราดซอสมะขามเปียก เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มลองเนื้อปลาฉลาม เนื้อปลาฉลามจะค่อนข้างจืดๆมันๆ และซุยๆไม่แน่นเท่าไหร่นัก มีกลิ่นสาปอ่อนๆจางๆปนอยู่หน่อยๆ ถ้าเชฟทำไม่เป็นอาจมีกลิ่นได้แต่ร้านนี้กลบกลิ่นปลาได้หมด อาหารทั้งหมดค่อนข้างออกไปทางหวาน จึงไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ไม่สมกับคะแนนรีวิวที่ไปอ่านมาในเน็ตเท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงอยากบอกว่า อย่าเชื่อคะแนนรีวิวเพจดังมากไปนัก เพราะบางครั้งพูดกันตรงๆ ร้านอาหารบางร้านก็จ่ายเงินเพื่อให้คนมารีวิวเท่านั้นเอง แต่สำหรับเราแล้ว การรีวิวแบบตรงไปตรงมา จะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคมากกว่า

เรากลับห้องที่ Seaview Villa อาบน้ำพักผ่อน รอเคาท์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่ ห้องพักของที่นี่ยังมีดาดฟ้า ให้เราได้ขึ้นไปนั่งตากอากาศด้านบนสบายๆด้วย เรานั่งดูพลุเคาท์ดาวน์บนดาดฟ้า มองเห็นพลุจากฝั่งพัทยาอยู่ไกลๆ สวัสดีปีใหม่ทุกคน ขอให้ทุกคนมีความสุขกับปีใหม่ที่จะผ่านมา.....

เช้าตรู่ของวันแรกของปีในปี พ.ศ.2562 ผมรีบตื่นมาอาบน้ำปลุกแฟนและออกมารับแสงอรุณของปีใหม่ที่มาถึง แสงแรกของปีที่ริมทะเลแสมสาร ขอบคุณตัวเราที่ผ่านพ้นมาได้อีกหนึ่งปีและดั้นด้นมายืนอยู่ตรงจุดนี้

ขอบคุณรถคู่ใจคันนี้ที่พาเรามาถึงที่นี่อย่างปลอดภัย แสงอุ่นๆของวันใหม่กับสายลมแห่งท้องทะเลพัดพาเอาความเดือดเนื้อร้อนใจของปีเก่ามลายสิ้นและเพิ่มพลังให้กับเราอย่างประหลาดนี่แหละคือการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับตัวเอง เราจำเป็นต้องให้รางวัลตัวเองบ้างสักครั้งหนึ่ง หลังจากตรากตรำทำงานหนักมาทั้งปี เราเดินเล่นริมทะเลกันนิดหน่อยพอให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศและลมทะเล

สายๆเราขึ้นไปยังวิหารหลวงพ่อดำ ซึ่งเป็นจุดชมวิวของช่องแสมสาร สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ทั่วๆทั้งเกาะแสมสาร เกาะขาม และรอบๆหมู่บ้านแสมสาร

บนวิหารมีองค์หลวงพ่อดำประดิษฐาน มีนักท่องเที่ยวมากราบไหว้บูชา ที่หมู่บ้านแสมสารดูเป็นหมู่บ้านเล็กๆบรรยากาศสบายๆ เรียบง่าย ต่างจากความวุ่นวายในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ทุกคนต่างเดินทางกลับภูมิลำเนากันในช่วงนี้และท่องเที่ยวยังสถานที่ยอดนิยมอย่างสิ้นเชิง

เรากลับไปกินอาหารเช้าที่รีสอร์ต ข้ามต้มทะเลร้อนๆรสชาติดีก็มาเสิร์ฟให้เราถึงที่ เนื้อปลาแน่นหนุบหนับกับกุ้งตัวโต มีขนมปังปิ้งและกาแฟ โกโก้คอยบริการให้เราไม่อั้น ทำให้เรามีพลังพร้อมที่จะเดินทางกลับยังโคราชบ้านของเรา

ได้เวลาเดินทางกลับแล้ว....

ขากลับเราไม่ลืมแวะซื้อของฝากที่ตลาดแสมสาร ที่นี่มีอาหารทะเลทั้งสดและแห้งขายให้เราอย่างหลากหลาย เราซื้อกุ้งหนึ่งกิโลและมีบริการย่างให้ด้วย พร้อมด้วยของฝากคนที่บ้าน เรานั่งกินกุ้งกันสบายๆในระหว่างทางกลับ

เราแวะเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองพัทยาจนกระทั่งบ่ายสามก็เดินทางกลับ เราวิ่งสวนรถที่กลับจากต่างจังหวัด ทุกคันมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ถนน 331 ถึง 304 แต่เลนของเรามีรถเบาบาง เราจึงเดินทางสบายๆ กลับถึงบ้านในเวลาห้าทุ่มกว่าๆ

การท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ครั้งนี้ทำให้รู้ว่า

1. ทุกคนมีความกลัวในตัวเอง กลัวรถติด กลัวคนเยอะ กลัวส้วมเต็ม กลัวไม่มีอาหารกิน กลัวลำบาก กลัวเหนื่อย กลัวไม่สะดวกสบาย สารพัดกลัว แต่ความกลัวจะไร้ค่า หากไม่ลงมือวางแผนการท่องเที่ยวให้ดี ก่อนทริปนี้ผมวางแผนล่วงหน้าสองเดือน จองคิวล่วงหน้ากับทัวร์ สองเดือนเต็มๆ วางแผนศึกษาเส้นทาง และอีกมากมาย จึงได้เจอประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ไม่พบเจอความลำบากอย่างที่ใครเขาคิดกัน อย่างว่า ขึ้นอยู่ที่เรา จะอยากออกไปเที่ยวจริงแค่ไหน ถ้ากลัวมาก ก็นอนดู Netflix อยู่บ้าน
2. ไปเที่ยว ต้องได้อะไรมากกว่าการถ่ายรูปสวยๆลงโซเชี่ยล ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ความรู้ แรงบันดาลใจที่ได้จากการท่องเที่ยว คือหัวใจของการท่องเที่ยว รูปสวยเป็นแค่ของแถม...
3. เพื่อนร่วมทางที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง คนไม่กลัวลำบาก ไม่รักสบาย ไปไหนไปกัน กินง่ายอยู่ง่ายไม่เรื่องมาก ว่ายังไงว่าตามกัน ไม่ขัดแข้งขัดขา ไม่ขี้เกียจทำกิจกรรม เพื่อนร่วมทางแบบนี้ จะทำให้เราได้พบเจอสิ่งดีๆ ประสบการณ์ใหม่ๆตลอดทริป
4. ไปเที่ยวต้องได้เที่ยว ไปเที่ยวต้องมีกิจกรรม หรือต้องได้ทดลองอะไรที่ไม่เคยเห็นหรือไม่เคยสัมผัส ไม่เคยกิน อย่ามัวแต่นอน และอย่าตื่นสาย คนไปเที่ยว 90% ตื่นสาย ทำให้พลาด พบเจอกับเรื่องดีๆ
5. ออกนอกแผนให้เป็น เมื่อสถานการณ์ ทำให้ต้องเปลี่ยนแผน และควรมีแผนสำรองในการเดินทาง
6. ถ้าอยากได้รูปสวย ก็ต้องตั้งใจถ่ายรูป ถ้าไม่อยากถ่ายเอง ก็หาคนถ่ายให้
7. คิดให้ต่าง แล้วจะเจอประสบการณ์ใหม่ๆ อย่าไปในที่ที่คนนิยมไป เพราะคุณจะได้เจอคนแห่ไปเที่ยว แย่งกินแย่งอยู่แย่งนอน ที่เที่ยวในเมืองไทยที่ไม่ได้เป็นที่นิยมแต่สวยงามล้ำค่า มีอีกเยอะ....
8. เหนื่อยทำกิจกรรมแค่วันเดียว แต่ประทับใจตลอดกาล หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกเหมือนได้ไปชาร์จแบตอย่างจริงจัง เที่ยวบ่อยๆแล้วจะรู้สึกว่า ออกไปเที่ยวแล้วเหนื่อยน้อยกว่านอนเปื่อยๆอยู่ในห้อง
9.ถามใจตัวเองดีๆ ว่าอยากออกไปเที่ยวหรือไม่ ถ้าใช่ ไม่ต้องรอ ออกไปเลย

เที่ยวซะ ก่อนหมดแรง #เที่ยวก่อนแก่

เที่ยวก่อนแก่

 วันพฤหัสที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 13.52 น.

ความคิดเห็น