โอ้ยยยย!! เครียดจะปีใหม่แล้วยังไม่ได้เที่ยวเลยสักที่ ใจมันห่อเหี่ยวไม่มีกำลังใจในการทำ LAB วิทยานิพนธ์ก็ยังทำไม่เสร็จคำบ่นของหยกที่มักจะมีเสมอเวลาเครียดและอยากหาที่ระบาย 555 มันเครียดดดดด “เครียดหรออย่างนี้ก็ต้องไปเที่ยว” คำพูดของพี่อ่อ ผู้ที่ทำให้ทริปไต้หวันนี้เกิดอีกครั้ง พร้อมกับวางแผนให้ซะเรียบร้อย 555 ทีแรกก็ตั้งใจจะไปแค่ 3 วัน 2 คืน แต่วางแผนกันไปวางแผนกันมาเป็น 5 วัน 4 คืนซะงั้น เนื่องจากหยกและฟ้าเคยไปไต้หวันมาแล้วครั้งที่แล้วจากกระทู้นี้ >> https://pantip.com/topic/36372719 เลยเป็นการกำเนิดกระทู้ เทหัวใจไป -T A I W A N- PART II ขึ้นมาซะงั้น เราเริ่มเดินทางวันที่ 21-25 ธันวาคม 2561

แต่คราวที่แล้วเราพลาดตลาดปลา แต่ครั้งนี้เราจะไปซ่อมตลาดปลาให้ได้ ป่ะจองตั๋วกันโว้ยยยไปปลดปล่อย 555 เราเดินทางด้วยสายการบิน NOKSCOOT ไป-กลับประมาณ 5,000 พร้อมกับจองที่พักผ่าน Booking ครั้งนี้เราพักที่ So sweet 3S Guest House เป็น hostel แถวๆ Taipei main station ไว้ค่ะ คนละ 2,400/คน พักตั้ง 4 คืน ถูกขนาดนี้ก็ต้องจองเลยจ้า 555 พร้อมกับนั่งพับเพียบสะบัดเสื้อผ้าแพ็คใส่กระเป๋า ไปลุยที่ไต้หวันกัน ลุยยยยยยยย

ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหน้าหนาวค่ะ อุณหภูมิก็จะอยู่ในช่วง 13-16 องศาจะมีลมหน่อยๆ แต่ แต่ แต่ 2 วันสุดท้ายฝนมา TT ทั้งหนาวทั้งฝนทั้งลม ปากนี้สั่นเท้าแข็งมือแข็งไปเลยค่ะ 5555 ใครที่จะไปช่วงนี้ก็เช็คอุณหภูมิกันดีๆด้วยนะคะ

21.12.61 วันแรกของการเก็บกระเป๋าออกนอกประเทศ

ครั้งนี้ก็เหมือนคราวที่แล้วเลยค่ะไม่เช็คเวลาเดินทางหรอก เอาแค่ว่าถูกไว้ก่อน 555 เดินทางตอน 00.30 ไปอีก ไปถึงไต้หวันก็ประมาณ 05.30 เวลาที่ไต้หวันก็จะช้ากว่าไทยประมาณ 1 ชม. ค่ะ

ตอนนี้ 05.30 เราก็เดินทางมาถึงสนามบินเถาหยวน ก็ผ่านตม.ตามปกติเลยค่ะ ประทับตราเข้าไต้หวันเรียบร้อย ถึงไต้หวันแล้ววว เฮ้ๆๆ

ครั้งนี้เราก็วางแผนไว้แล้วว่าจะไปฝากกระเป๋าไว้ที่พักหมือนคราวที่แล้วเลยค่ะ เพราะที่พักที่นู่นจะให้ chek-in ได้ตอน 15.00 ค่ะ แล้วไปเที่ยวกันต่อเลย การเดินทางเข้าไทเปครั้งนี้เราไปโดยนั่งรถบัสสาย 1819 ไปลงที่ Taipei main station ราคาอยู่ที่ 125 NTD ใช้เวลาประมาณ 55 นาทีค่ะ นั่งจนสุดสายเลยนะคะ แนะนำเลยค่ะวิวระหว่างทางสวยมาก **วิธีเดินทางเข้าไทเปแบบละเอียดสามารถอ่านได้ในกระทู้เก่าของเราได้เลยนะคะ

เราเดินทางมาถึง Taipei main station เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ที่พักของเราอยู่แถวๆ Taipei main station เลยค่ะ ก็ทำการเดินมาอยู่สักพักใหญ่ๆ (หลง 555) หยกกับฟ้าเป็นพวกทที่ไม่ชอบซื้อเน็ต หรือซิมไปเมืองนอก แต่ดีนะที่เป้อ สมาชิกใหม่ที่รวมเดินทางซื้อเน็ตมาด้วยไม่งั้นคงหลงนานกว่านี้ 555 เดินหาที่พักมาได้สักพักในที่สุดก็เจอ 555

หลังจากทำการฝากกระเป๋า เรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางเที่ยวกันเลยจ้า การไปครั้งนี้ที่ขาดไม่ได้เวลาเดินทาง ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ Easycard ก็ easy สมชื่อเลยค่ะ ทำได้ทุกอย่างเราก็แวะไปซื้อ Easycard ที่ 7-11 มีลายให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ เราก็เลยเลือกลายแรมโบ้ มาซะหน่อย

1. แหลมปี๋โถเจียว หรือ Bitou Cape Geological Park (鼻頭角)

แหลมปี๋โถเจียว ตั้งอยู่ในเมืองรุ่ยฟาง (Ruifang) ทุกคนคงคุ้นชื่อของเมืองรุ่ยฟางใช่มั้ยค่ะ เมืองนี้มีหมู่บ้านที่ใครหลายๆคนก็ต้องมาก็คือ “จิ่วเฟิ่น” โดยแหลมปี๋โถเจียวจะอยู่ใกล้ๆกับจิ่วเฟิ่น ใครที่มาเที่ยวจิ่วเฟิ่นแล้วก็นั่งรถเลยมาเที่ยวที่ แหลมปี๋โถเจียวแล้วค่อยนั่งรถกลับไปเที่ยวที่จิ่วเฟิ่นต่อก็ได้นะคะ โดยแผนคราวๆครั้งนี้เราวางแผนว่าจะไปเที่ยว แหลมปี๋โถเจียวก่อน > น้ำตกสีทอง (Golden Waterfall) > หมู่บ้านจิ๋วเฟิ่น (jiufen Street) ใครที่ชอบเดินเขา หรือใครที่ชอบทะเล หรือชอบทั้ง 2 อย่าง ก็แนะนำให้มาเดินที่นี้เลยค่ะ อยากจะบอกว่าสวยมากๆๆ ที่นี้ไม่ควรพลาดจริงๆค่ะ

ที่นี่จะมีวิวให้เราสามารถมองเห็นทะเลและ หากเดินไปเรื่อยๆของอีกฝั่งของเขาก็จะเจอภูเขา คล้ายๆกับเรากินกาแฟแบบ 3 in 1 แต่อันนี้เป็นวิวแบบ 3 in 1 ค่ะ 555 การเดินแหลมปี๋โถเจียว แนะนำให้เดินสุดทางเลยนะคะเพราะทางขึ้นกับทางลงจะคนทางกัน แนะนำว่าถ้าเหนื่อยอย่าเดินย้อนกลับไปทางเดิมเพราะจะพลาดวิวสวยๆได้ค่ะ 555 สโลแกนของเราคือ "ยอมเสียเหงื่อแต่ไม่ยอมตังค์" 55555

ข้างล่างที่เห็นเป็นบ้านคนนั่นคือป้ายรถบัสที่เราลงค่ะ ไม่น่าเชื่อจะเดินมาได้ไกลขนาดนี้ 555

อันนี้จะเป็นทางลงอีกทางนะคะ เดินออกมาข้างนอกก็จะเจอป้ายรถบัสที่นั่งกลับไปที่จิ่วเฟิ่นหรือน้ำตกสีทองได้นะคะ

วิธีเดินทาง : ลง MRT Zhongxiao fuxing Exit 2 > ต่อรถบัสสาย 1062 ค่าโดยสาร 95 NTD ใช้บัตร Easy card > ลงป้าย gold museum ค่าโดยสาร 15 NTD/เที่ยว > ต่อสาย 856 > ลงป้าย Bitou (G7) หรือใครอยากแวะเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำ (Gold museum) ก่อนก็ได้นะคะ

2. น้ำตกสีทอง (Golden Waterfall)

ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์เหมืองทอง เกิดจากการทำเหมืองแร่ เมื่อฝนตกลงมาจะเกิดการชะล้างของแร่โลหะหนักอย่างทองคำ แต่ที่นี่เราไม่ได้แวะลงไปถ่ายรูปค่ะเพราะหิวมากกก ก่อนมาลืมแวะกินข้าวกันเลยนั่งรถบัสสาย 856 ไปลงที่จิ่วเฟิ่นเลยทีเดียวค่ะ 555

วิธีเดินทาง : ลง MRT Zhongxiao fuxing Exit 2 > ต่อรถบัสสาย 1062 ค่าโดยสาร 95 NTD ใช้บัตร Easy card > ลงป้าย gold museum ค่าโดยสาร 15 NTD/เที่ยว > ต่อสาย 856 > ลงป้าย gold waterfall

แต่หากนั่งมาจาก แหลมปี๋โถเจียว ก็นั่งรถบัสสาย 856 > ลงป้าย gold waterfall

3. หมู่บ้านจิ่วเฟิ่น (jiufen Street)

จิ่วเฟิ่น หมู่บ้านที่ใครหลายๆคนบอกต้องไป จิ่วเฟิ่นมีเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำกันเลยสักครั้ง ใครไปจิ่วเฟิ่นก็ต้องเตรียมอ้ากระเป๋าตังค์ไว้รอเสียตังค์ค่ากินไว้เลยจ้า 555 แต่ครั้งนี้เราจะพาไปนั่งร้านชาที่เห็นวิวสวยและชาอร่อยกันค่ะ

เดินเล่นไปมาเรื่อยๆ ก็มาเจอร้านชาอยู่ร้านหนึ่งค่ะชื่อ SIIDCHA เป็นร้านที่เปิดใหม่รึเปล่าไม่แน่ใจแต่ปีที่แล้วที่มาก็ไม่เคยเห็นแต่ครั้งนี้มาเจอ ก็เลยแวะเข้าไปกินกันที่นี้จะคิดค่านั่งคนละ 200 NTD เหมือนทุกๆที่ค่ะ แต่ที่นี้ไม่ได้มีดีแค่วิวค่ะ แต่ชาร้านนี้อร่อย

ระหว่างที่รอชาและขนมก็ทำการแซะภาพถ่ายรูปกันสักหน่อยค่ะ

มาแล้วววว !! ใครมาร้านนี้แนะนำเมนูนี้เลยค่ะ เป็นชากุหลาบ ชาร้อนหอม และไม่หวานมากค่ะ กาละ 300 NT ถือว่าคุ้มค่ากับราคาเลยค่ะ นอกจากนี้ก็มีขนมที่คล้ายแพนเค้ก โรยด้วยผงชาเขียวมีครีมที่เหมือนตีให้เนียนมาราดบนขนมปัง อร่อยเลยค่ะใครมาแนะนำให้มาชิมนะคะ

วิธีเดินทาง: ลง MRT Zhongxiao fuxing Exit 2 > ต่อรถบัสสาย 1062 ค่าโดยสาร 95 NTD ใช้บัตร Easy card > ลงป้าย Jinfen old street หากใครจะไป พิพิธภัณฑ์ต้องนั่งเลยไปอีก 1 ป้ายนะคะ

แต่หากนั่งมาจาก แหลมปี๋โถเจียว ก็นั่งรถบัสสาย 856 > ลงป้าย Jinfen old street

4. ตลาดปลา (Taipei Fish Market)

สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้พบเธอ (ตลาดปลา) ในที่สุดก็ได้มาตลาดปลาจากคราวที่แล้วที่พลาดตลาดปลาไม่ได้กินกัน คราวนี่ต้องได้กินค่ะ ป่ะลุยยย แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่ได้นำพา เพราะพอไปถึงที่ชั้นขายซูชิ มันมีแต่ความว่างเปล่าค่ะ ว่างเปล่าแบบไม่มีอะไรให้กินเลย TT เสียใจนี้มาตลาดปลา 2 ครั้งก็ไม่ได้กินทั้ง 2 ครั้งใครมันจะไปอับโชคขนาดนั้นเสียใจนะ ใครจะมากินซูชิที่นี่ควรมาตลาดปลาก่อน 20.00 นะคะของกินจะยังไม่หมด สุดท้ายก็ต้องกลับไปที่พักแบบมือเปล่า กลับไปกินข้าว 7-11 ก็ได้สะบัดบ็อบ

วิธีเดินทาง: ลง MRT Gongguan > ต่อรถบัส สาย 643 > ลงป้าย The Second Wholesale Fruit and Vegetable Market



หลังจากกลับจากตลาดปลาก็ถึงเวลา check-in เข้าที่พักกัน ที่นี่เป็น hostel ห้องน้ำรวมและจะมีชั้นของผู้หญิงโดยเฉพาะค่ะ hostel ที่นี่ปลอดภัยค่ะจะมีพนักงานอยู่ที่เคาท์เตอร์ตลอด 24 ชม.ค่ะ ถ้าเป็นคนไทยจะมีพนักงานพูดภาษาไทยได้ ไม่ต้องกลัวจะสื่อสารแล้วไม่เข้าใจเลยค่ะ แต่ที่นี่จะลำบากตอนห้องน้ำรวมหน่อยเพราะห้องน้ำไม่ได้เป็นกลอนล็อคแต่เป็นผ้าม่านปิดตอนอาบน้ำเฉยๆค่ะ ห้องพักอาจได้ยินเสียงจากห้องข้างๆได้แต่ไม่ได้รบกวนเรามากค่ะ

ระหว่างเข้า hostel ก็แวะซื้อน้ำจาก 7-11 อร่อยดีค่ะเป็นชามะนาว เปรี้ยวๆอมหวานแต่ไม่ได้หวานจนเลียน เรารู้สึกชอบของกินที่นี่ดีค่ะไม่หวานจนเลียนดีค่ะ

22.12.61 วันที่สองของการเดินทาง

5. อุทยานแห่งชาติโทโระโกะ (Taroko National park) หรือ ไทหลู่เก๋อ

ทีแรกก็คิดอยู่นานว่าจะไปโทโระโกะดีไหมเนื่องจากที่นี่ไกลและใช้เวลาในการเดินทางนานแต่ไหนๆก็ มาถึงไต้หวันแล้วไม่ลองไปก็น่าเสียดายก็เลยตัดสินใจไป โทโระโกะเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไต้หวัน โดยคำว่าโทโระโกะ ที่มาจากภาษาพื้นเมืองเผ่าทรูกู แปลว่า “สวยงาม” ก่อนไปไต้หวันเราจองตั๋วล่วงหน้าจากเว็บ TRA ก่อนเลยค่ะ เขาบอกกันว่าถ้าไปเที่ยวช่วงเสาร์-อาทิตย์ รถไฟ TRA ที่ไปโทโระโกะจะเต็มเร็วมาก ก็เลยตัดสินใจจองตั๋วไว้ก่อนเลย แต่เราจองแค่ขาไปค่ะ ไม่ได้จองขากลับ ขากลับไปซื้อเอาที่สถานี http://twtraffic.tra.gov.tw/twrail/EN_QuickSearch.aspx (อันนี้เป็นเว็บไซร์ที่จอง TRA นะคะ) เราจอง TRA จากสถานี Taipei main station ไปลงที่ Hualien ตอน 06.03-08.15 ราคาอยู่ที่ประมาณ 440 NTD ค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม./12 นาที

เรามาถึงสถานีตอนรถไฟใกล้ออกแล้วค่ะ เพราะ ออกตั๋ว TRA ที่ 7-11 ไปแล้วแต่จะเสียค่าออกบัตรคนละ 15 NTD แต่ถ้าใครไม่อยากเสียตังค์ก็มาออกที่สถานีได้ แต่ต้องมาออกตั๋วที่สถานีก่อน 30 นาที ก่อนรถไฟจะมา ก่อนจะขึ้นรถไฟก็หาซื้ออะไรกินที่ 7-11 ในสถานีซะหน่อย เลยไปได้ของกินอร่อยมาอีก 1 อย่างเป็นของ CoCo ที่ขายใน 7-11 คล้ายข้าวแกงกะหรี่ไก่แต่เปลี่ยนจากข้าวเป็นแป้งคล้ายกับแป้งนาน อร่อยดีค่ะ

เขาบอกกันไว้ว่าหากใครนั่ง TRA เส้นทางที่ไปโทโระโกะต้องนั่งทางฝั่งซ้ายของรถไฟเพราะจะมองเห็นวิวที่สวยตลอดทางทีแรกก็งงว่าจะสวยขนาดไหนกันเชี่ยว แต่พอผ่านไปประมาณ 1 ชม. ก็ได้ภาพนี้มาเลยค่ะ

ในที่สุดก็มาถึงโทโระโกะตอน 08.30 ตรงเวลาพอดี TRA ที่นี่ค่อยข้างตรงเวลาเลยค่ะ ก่อนที่จะมาที่นี่ลองศึกษาดูแล้วใครหลายๆคนที่มาเที่ยวที่นี่จะใช้บริการของ taxi ซะส่วนใหญ่แต่ครั้งนี้เรามีสมาชิกร่วมเดินทางแค่ 3 คนเองค่ะ ทำให้เช่า taxi ไม่คุ้มเลยก็เลยตัดสินใจนั่งรถบัสสาย 1133A ที่เราซื้อแบบ one day trip ราคาอยู่ที่ 250 NTD/คน ถือว่าเป็นราคาที่รับได้ 555 แต่อาจจะต้องวางแผนรอรถบัสกันซะหน่อยนะคะ เพราะรถบัสจะวิ่งห่างกันทุกๆ 30 นาที หรือประมาณ 1 ชม.

วิธีเดินทาง : นั่ง TRA Taipei main ลง Hualien > ต่อรถนำเที่ยว 1133A สามารถใช้ Esaycard แตะเป็นค่าโดยสารได้ 15 NTD/ครั้ง หรือสามารถซื้อ one day pass ได้ค่ะราคาอยู่ที่ 250 NTD

Shakadang Trail (砂卡噹步道)


อันนี้เป็นการเดิน trail ย่อมๆค่ะ ระยะทางประมาณ 4 km. ใช้เวลาไป-กลับประมาณ 2 ชม. ทางเดินสะดวกและเดินง่ายค่ะ วิวข้างทางถือว่าสวยเลยค่ะ นอกจากนี้จะมีแม่น้ำลี่อู้สีฟ้าอมเขียว ไหลผ่านตลอดทางเดิน trail เลยค่ะ ตอนที่ไปอุณหภูมิกำลังเย็นๆและสบายเดินได้เรื่อยๆตลอดเลยค่ะ แต่เราเดินไปถึงสุดทางก็เดินกลับมาก่อนเพื่อให้ทันรถบัสสาย 1133A รอบต่อไปค่ะ

วิธีเดินทาง : นั่งรถสาย 1133A > ลงป้าย Shakadang Trail

ในระหว่างทางที่ขึ้นรถบัส ก็แชะภาพมาฝากทุกๆคนไว้ได้ ที่โทโระโกะมีความเป็นภูเขาที่ใหญ่และสวยตลอดทางเลยค่ะ เหมือนเราเป็นคนที่ตัวเล็กไปเลยเมื่อเข้าไปอยู่ในหุบเขา เราชอบระยะทางที่รถวิ่งไปในหุบเขาไปเรื่อยๆ ที่นี่ให้อารมณ์คนละแบบกันอุทยานอุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน (Yangming Shan National Park) เลยค่ะ ที่หยางหมิงซานจะให้อารมณ์แบบต้นไม้เยอะมีความเขียวชุ่มๆปอด แต่ที่โทโระโกะจะให้อารมณ์แบบเรารายล้อมไปด้วยภูเขาค่ะ

Swallow Grotto Trail หรือ Yanzikou Trail (燕子口)


ที่นี่จะเป็นการเดิน trail ระยะทาง 1.3 km. เดินได้เรื่อยๆไม่เหนื่อยมากนัก ที่นี้จะมีผาหินอ่อน นอกจากนี้จะมีผารังนกนางแอ่นอีกด้วย นอกจากนี้จะเห็นสะพานสีเขียวที่อยู่ตรงป้ายที่ลงรถบัสเลยค่ะ เป็นทางที่ยังสามารถเดินข้ามไปได้ แต่ที่นี่หากใครจะข้ามต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนนะคะ วิ่งที่นี่ก็สวยไปอีกแบบแตกต่างจาก Shakadang Trail ที่นี่จะมีลักษณะเป็นร่องที่ถูกกัดเซาะของแม่น้ำ ทำให้หินมีรูปร่างที่เหมือนเป็นศิลปะจากธรรมชาติเลยค่ะ

วิธีเดินทาง : นั่งรถสาย 1133A > ลงป้าย Yanzikou



Xiangde Temple (祥德寺)


ที่นี่เป็นสถานีสุดท้ายของรถบัสนำเที่ยวสาย 1133A ค่ะ ที่นี่จะมีวัดที่อยู่กลางหุบเขาและมีเจ้าแม่กวนอิมให้นักท่องเที่ยวสามารถสักการะหากใครพอมีเวลาเหลือก็สามารถเดินเล่นแถวนี้ก่อนได้เลยค่ะ แต่ตอนนี้เราไม่มีเวลาเหลือแล้วค่ะกะว่าจะให้ทันรถ TRA ตอน 16.00 ซะหน่อยค่ะ

วิธีเดินทาง : นั่งรถสาย 1133A > ลงป้าย เทียนเสียง (Tianxiang)



Changchun Shrine (長春祠)


ที่นี่จะมีจุดชมวิวกลางหุบเขาที่มีภาพศาลเจ้าฉ่างชุน (Changchun Shrine หรือ Eternal Spring Shrine) จุดที่สวยคือจะพบน้ำตกไหลผ่านกลางศาลเจ้า ใครที่จะแวะที่นี่ต้องรอรถนำเที่ยวกลับมาจาก Xiangde Temple ก่อนนะคะ นอกจากนี้ยังสามารถเดินเข้าไปชมภายในศาลเจ้าได้อีก 2 km. นะคะ

วิธีเดินทาง : นั่งรถสาย 1133A > ลงป้าย Changchun Shrine



ถ้าหากเราจะกลับก็สามารถขึ้นรถนำเที่ยว 1133A กลับไปทางเดิมได้เลยนะคะ หากใครจองตั๋วขากลับ TRA แนะนำให้ขึ้นที่สถานี Xincheng Station เลยนะคะไม่เสียเวลาเราย้อนกลับไปที่ Hualien station ด้วยนะคะ แต่เราต้องกลับไป Hualien station TT จากด้วยความไม่ยอมจองขากลับ TRA เลยต้องไปซื้อตั๋วกลับที่ Hualien station เลย ปล.การไปเที่ยวโทโระโกะแบบ one day trip ควรเผื่อเวลาให้เยอะๆหน่อยนะคะเพราะแต่ละที่ค่อนข้างใช้เวลาในการเดินทางค่ะ และแนะนำว่าให้ซื้อของกินไปกินระหว่างที่ไปเที่ยวด้วยนะคะเพราะถ้าไปเที่ยวโทโระโกะแล้วจะหาของกินยากค่ะ

ก่อนเดินทางก็เติมพลังด้วยน้ำส้มสัก 1 กล่องและหลับยาวไปถึง Taipei ไปเลยค่ะ 5555

6. ซีเหมินติง (Ximending)

เรามาถึง Taipei ตอน 19.30 ค่ะ ตอนตื่นมาท้องมันก็โวยวายกันใหญ่ว่า หิวแล้วโว้ย!! ทุกคนก็เลยลงความเห็นกันว่าต้องไปกินที่ Ximending กันเถอะ ทีแรกวางแผนว่าจะไปกินหม้อไฟ Mala Yuanyang Hotpot กันค่ะแต่พอไปถึงร้านก็คิดว่าต้องได้ดึกแน่นอน 555 แล้วจริงตามนั้น 21.00 นะลื้อโอเคไหม แต่ครั้งนี้ไม่ได้โอเคไปเหมือนคราวที่แล้วค่ะ ก็เลยขอจองล่วงหน้าเป็นพรุ่งนี้ตอน 20.00 แทนละกัน หม้อไฟที่นี่ก็ยังคงไม่ทำให้ผิดหวัง ทุกอย่างยังคงอร่อยและ ไอติม Häagen-Dazs และเบคอน พร้อมกับลูกชิ้นลาวาก็ยังคงอร่อยเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือขนมหนาวที่อร่อยกว่าเดิม (อย่างงี้ก็ได้หรอ 555)

ร้าน 50 Lan


ใครมาไต้หวันแล้วไม่ลองชิมชานมไข่มุกก็เหมือนมาไม่ถึงไต้หวัน ครั้งนี้มาลองชานมไข่มุกแบบ ไข่มุกเม็ดเล็ก ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมค่ะว่าต่างจากเม็ดใหญ่ยังไง ก็เหมือนๆกัน แต่หยกว่าเม็ดเล็กมีความหนึบกว่าเม็ดใหญ่พอสมควรค่ะ ใครไปไต้หวันอย่าลืมไปลองแบบเม็ดเล็กดูบ้างนะคะอร่อยไปอีกแบบค่ะ

ร้าน Ji Guang Fried Chicken


ร้านไก่ทอด ปลาหมึกทอด ที่เราว่าอร่อยเลย ไก่ทอดที่ไม่มีกระดูก มาชุบแป้งทอด และโรยด้วย พริกผงที่อร่อยเลยค่ะ ออกมาจาก MRT ก็จะเจอร้านเลยค่ะ ใครแวะไปแถวนั้นแนะนำร้านนี้เลย

ร้านปลาหมึกทอด


มาครั้งนี้ก็ยังคงมาซ้ำปลาหมึกทอดเหมือนเดิมค่ะ และก็อร่อยเหมือนเดิม 555 เพิ่มเติมคือคนเยอะมากขึ้น

วิธีเดินทาง: ลง MRT Ximen exit 6

23.12.61

7. ผิงซี (Pingxi Line)

เช้านี้ตื่นมาพร้อมกับเจอฝนตกปรอยๆค่ะ อากาศว่าหนาวแล้วเจอฝนไปอีกหนาวปากสั่นไปเลยค่ะ เช้านี้ออกเดินทางไปผิงชีกัน ไปเที่ยวรถไฟสายผิงซี (Pingxi Line) ที่เมื่อก่อนเส้นทางนี้ใช้สำหรับขนถ่านหินของบริษัทเหมืองแร่ (สมัยที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน) ทำให้เกิดสายรถไฟขึ้นค่ะ


น้ำตกฉือเฟิน (Shifen Station)


เป็นน้ำที่กว้าง 40 เมตร สูง 20 เมตร น้ำตกที่นี่ยังได้รับฉายาว่า ไนแอการาของไต้หวันอีกด้วย น้ำตกฉือเฟิน อยู่ใกล้กับสถานีฉือเฟิน หากเดินมาจากสถานีจะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที แต่ถ้าใครไม่อยากเดินก็นั่ง taxi ได้นะคะประมาณ 100 NTD หรือถ้าใครนั่งรถบัสสาย 795 มาก็สามารถลงป้ายสุดท้ายได้เลยจะถึงน้ำตกฉือเฟินเลยนะคะ ไม่แนะนำให้มาในช่วงหน้าแล้งนะคะน้ำจะน้อย

นอกจากจะมีน้ำตกฉือเฟินแล้ว ที่นี่ยังมีของกินอร่อยอยู่ด้วย ไปเจอร้านลูกชิ้นทอดค่ะ เป็นลูกชิ้นปลาหมึก อร่อยดีค่ะ ลูกคล้ายลูกชิ้นปลาบ้านเราแต่ของเขามาจะหนึบจากปลาหมึกมากกว่า โรยด้วยผงสไปซี่ โอ้ยนัวค่ะ 555 อร่อยใครไปแนะนำเลยนะคะต้องลองราคาก็ 4 ไม้ 100 NTD นอกจากลูกชิ้นแล้วร้านข้างที่ติดกันก็มีเต้าหู้ทอดมีผักดองกินแก้เลี่ยนได้พร้อมกันราดซอสหวานๆเปรี้ยวอร่อยดีค่ะ ที่จริงร้านนี้มีหลายอย่างให้ลองแต่เราลองแค่เต้าหู้ทอดอย่างเดียว อันนี้แนะนำเลยค่ะว่าอร่อย

วิธีเดินทาง : ลง MTR Muzha Station (สายสีน้ำตาล) ข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง > ต่อสาย 795 > ลงป้าย A5 Jingtong Rail Station > ต่อด้วยรถไฟสาย ผิงซี (Pingxi Line) สามารถใช้ Easycard ได้เลยนะคะ > ลงป้าย Shifen Station > เดินต่อประมาณ 15-20 นาที, นั่ง taxi 100 NTD หรือ จะเดินทางด้วยรถบัสสาย 795 ลงป้ายสุดท้ายได้เลยค่ะ

สถานีฉือเฟิน (Shifen old street)


เป็นสถานีรถไฟสายผิงซีอีกสถานีที่คนนิยมไปเที่ยวกันเนื่องจากที่นี่มีการปล่อยโคมลอย โดยจะมีการเขียนคำอธิษฐานขอพรจากเทพพระเจ้าที่อยู่บนสวรรค์ ปล่อยโคมครั้งหนึ่งจะอยู่ที่ 150-200 NTD นอกจากมีการปล่อยโคมลอยแล้วที่นี่ยังเป็นแหล่งอาหารที่มีอยู่บริเวณรอบๆด้วยนะคะ

วิธีเดินทาง : ลง MTR Muzha Station (สายสีน้ำตาล) ข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง > ต่อสาย 795 > ลงป้าย A5 Jingtong Rail Station > ต่อด้วยรถไฟสาย ผิงซี (Pingxi Line) สามารถใช้ Easycard ได้เลยนะคะ > ลงป้าย Shifen Station หรือนั่งรถบัสสาย 795 ลงป้าย Shifen old street เดินข้ามสะพานแขวนมาเที่ยวได้เลยนะคะ

สถานีรถไฟจิงถง (Jingtong Station)


สถานีนี้เราสามารถแวะได้ทั้งขาไป-ขากลับได้นะคะ แต่เราจะมาแวะตอนขากลับโดยนั่งรถไฟจากสถานี Shifen Station มาลงที่ Jingtong Station เพื่อต่อรถบัสสาย 795 กลับไป MTR Muzha ที่นี่จะเงียบกว่า สถานีฉือเฟินค่ะ ที่นี่ดูเป็นเมืองเก่าและยังคงเสน่ห์ไว้ได้ดีมากๆ หยกรู้สึกชอบดี หากใครกลับทางนี้อย่าลืมลองแวะไปดูนะคะ

ก่อนกลับก็ไปลองไส้กรอกย่างที่สถานีนี้สักหน่อย

วิธีเดินทาง : ลง MTR Muzha Station (สายสีน้ำตาล) ข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง > ต่อสาย 795 > ลงป้าย A5 Jingtong Rail Station ** สังเกตได้จาก โดมโคมลอยที่สถานีตำรวจได้เลยนะคะ

8. ติ่ง ไท่ ฟง (Din Tai Fung)

ร้านเสี่ยวหลงเปาที่ขึ้นชื่อในไต้หวัน ด้วยดาว 1 ดวงจากมิชลินสตาร์ ร้านนี้เสี่ยวหลงเปาไส้หมูอร่อยดีค่ะ มานี้ต้องสั่งกิน นอกจากอร่อยแล้ว ความโหดของร้านนี้อีกอย่างคือ รอค่ะ ตอนรอนี้เมื่อยกันไปเลย 555 ครั้งนี้ไปกินที่สาขา MRT Dongmen นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูเป็นภาษาไทยให้เราได้เลือกได้อย่างสบายใจไปอีกนะคะ นอกจากสั่งเสี่ยวหลงเปาใส้หมูมาแล้ว ก็สั่งเสี่ยวหลงเปาไส้ไข่ปูผสมหมูสับ, เกี๊ยวนึ่งไส้กุ้งผสมหมูสับ, เกี๊ยวไส้กุ้งผสมหมูสับในซอสพริกสูตรพิเศษ และผัดกะหล่ำปลี มาด้วยแนะนำผัดกะหล่ำปลีแก้เลี่ยนได้ค่ะ

ระหว่างที่รอคิว ก็พากันเดินเล่นแถวๆร้านกันก่อนข้ามเวลารอ 555 วิวหน้าร้านเห็นตึก taipei 101 เลยค่ะดีงามมมม

วิธีเดินทาง : ลง MRT Dongmen Exit 5



9. อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก (Chiang Kai-Shek Memorial Hall)

ที่นี่สร้างขึ้นในปี 1977-1980 เพื่อระลึกถึงท่านเจียงไคเชก ประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวัน นอกจากมีรูปปั้นของท่านเจียงไคเชกที่ใหญ่โคตร และยังมีพิพิธภัณฑ์ของท่านเจียงไคเชก อยู่ภายในอาคารเดียวกับรูปปั้นเลยค่ะ หากใครไป ลองแวะเข้าไปชมกันนะคะ นอกจากนี้หากไปได้จังหวะพอดีจะได้ชมการเปลี่ยนเวรยามของทหาร จะมีทุกๆ 1 ชม.ค่ะ แต่ตรั้งนี้เราไปถึงก็เย็นแล้วค่ะ ทุกอย่างก็เริ่มทยอยปิดกันแล้ว แต่ดีที่เจียงไคเชกเปิดไฟอยู่ คราวที่แล้วมาตอนกลางวันครั้งนี้ได้มาเห็นตอนกลางคืน ถือว่ามีเสน่ห์ไปอีกแบบค่ะ ใครเคยไปตอนกลางวันมาแล้วแนะนำให้ลองมาตอนกลางคืนดูนะคะ

วิธีเดินทาง : ลง MRT Chiang Kai-Shek Memorial Hall Exit 5

24.12.61

เช้านี้มาฝากท้องกับร้านที่หยกเล็งไว้ตั้งแต่ที่มาถึง เป็นร้านที่เปิดเฉพาะตอนเช้า ชื่อร้าน AP203 Bar ค่ะ ร้านนี้อร่อยเราแนะนำเลย ที่นี่จะมีขายอาหารเป็นชุดด้วยค่ะนอกจากนี้ก็มีแบบอาหารเช้า แต่ที่หยกสั่งมาเป็นแบบคล้ายเบอร์เกอร์ ไส้ไก่ชุบแป้งทอด ใส่กระหล่ำซอยราดซอสมายอง โอ้ยคิดแล้วก็อยากกินอีก 555

10. Fugui Cape

จุดมุ่งหมายของการไป Fugui Cape คือ เลาเหม่ย (Laomei Green Reef) สาหร่ายสีเขียวที่เกาะกับโขดหินจะเห็นได้แค่ในช่วง มีนา-เมษายน แต่ที่ไปครั้งนี้ก็ลุ้นๆเผื่อจะเจอสักหน่อย 555 แต่ก็ไม่เจออย่างที่ใจหวังค่ะ ระหว่างทางเดินไป เลาเหม่ยจะเจอวิวริมทะเลที่สวยไปตลอดทางเลยค่ะ นอกจากวิวแล้วก็จะเจอประภาคาร ขาวดำสวยๆใกล้กับทะเล ที่นี่ไม่ได้มีแค่สาหร่ายเขียวๆให้เที่ยวนะคะแต่ก็มีหลายอย่างให้เดิน หากใครพอมีเวลาแนะนำให้แวะมาเที่ยวที่นี้ดูนะคะ


วิธีเดินทาง : ลง MRT Tamsui exit 1 > ต่อรถบัสสาย 863 > ลงที่ป้าย Fugui Jiao Lighthouse > เดินตามป้าย Fugui Jiao Lighthouse ได้เลยนะคะ



11. ตันสุ่ย (Tamsui)

หลังจากกลับจาก Fugui Cape แล้วก็เริ่มหิวแล้วค่ะ เดินจากป้ายรถบัสก็เจอร้านชูซิแถวนั้นพอดีเลยขอฝากท้องกับชูซิร้านนี้สักหน่อย ร้านนี้ทำชูซิอร่อยและถูกมากๆ ใครไป ตันสุ่ย อย่าลืมแวะร้านนี้นะคะ เด็ด!! ค่ะแต่เสียดายที่ร้านไม่มีที่นั่งกินนะคะ เราเลยซื้อแล้วมานั่งกินแถวริมทะเล ชมบรรยากาศสวยๆของตันสุ่ยดีไปอีกแบบเลยค่ะ แต่ลืมไปว่านี้หน้าหนาวและติดทะเล ทะเลขึ้นชื่อว่าลมแรง T^T โอ้ยยยตอนกินข้าวแต่ละคนมือสั่นเป็นเจ้าเลยค่ะ 555 แต่วิวสวยให้อภัย

ขวดนี้ไปได้มาจาก 7-11 ค่ะ ทีแรกฟ้าให้ลองชิมตอนไปกินหม้อไฟ Mala Yuanyang Hotpot แล้วรู้สึกชอบ คือเขาเอาชาร้อนที่ไม่ใส่น้ำตาลมาผสมกับนมกลายเป็น green milk tea ค่ะ คือไม่ใช่ชาเขียวแบบเป็นผงนะคะ หยกชอบขวดนี้มากมีความหอมของชาและไม่หวานเกินไป แนะนำเลยค่ะขวดนี้

วิธีเดินทาง : MRT Tamsui Exit 1



12. ตึกไทเป 101 (Taipei 101)

หากมาไต้หวันแล้วไม่เจอตึก Taipei 101 ก็เหมือนมาไม่ถึงไต้หวันเลยใช่ไหมค่ะ เป็นมั้ยค่ะ อยากดูเห็นที่สวยๆแต่ไม่เสียดายตังค์ เลยต้องตามหามุมสวยของตึก Taipei 101 ก็เลยได้มุมนี้มาซะเลยค่ะ 555

วิธีเดินทาง : MRT Taipei 101 Exit 2,3 แต่ถ้า 4 จะเป็นตึกไทเป 101



13. วัดหลงซาน (Longshan Temple)

วัดนี้ถือว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของไต้หวันเลยค่ะ ใครที่ไปไต้หวันต้องไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่เพราะค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์มาก โดยเฉพาะเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่คู่กับวัดหลงซานมาเป็นเวลานาน วิธีการไหว้ควรเข้าประตูทางขวามือและออกทางซ้ายมือนะคะ ที่หลงซานจะดังอีกเรื่องคือ "เรื่องการขอเนื้อคู่" ที่นี่คนไต้หวันเชื่อว่าหากมาเอาด้ายแดงจากที่วัดหลงซานนี่ไป อีกไม่นานจะเจอเนื้อคู่ค่ะ นอกจากนี้ที่นี่จะให้ธูปฟรีนะคะสามารถรับได้ที่ทางเข้าได้เลย แต่ถ้าเป็นของอย่างอื่นต้องเสียตังค์นะคะ แต่ครั้งนี้หยกมาตอนกลางคืน ที่นี่ตอนกลางคืนคนค่อนข้างน้อยพอสมควรค่ะ นอกจากน้อยแล้วเวลาเขาเปิดไฟตอนกลางคืนที่นี่สวยไปอีกแบบเลยค่ะ สวยแตกต่างจากตอนเช้าไปเลย แนะนำลองมาตอนดึกๆดูนะคะ

*** หากใครต้องการมาขอเนื้อคู่ที่นี่แนะนำให้ขอที่เจ้าแม่กวนอิมได้เลยนะคะ โดยอธิฐาน บอกชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และบอกว่าต้องการนำด้ายแดงไปผูกเพื่อเสี่ยงท้ายให้พบเนื้อคู่ เมื่อถึงจุดไหว้เทพเจ้ากวนอู ที่อยู่ข้างหน้าเทพเจ้าเยว่เหล่า ให้ทำการโยนไม้เสี่ยงทาย ถ้าออกคว่ำหงาย 3 ครั้ง ก็หยิบด้ายแดงตรงกล่องไม้ขึ้นมาวนขวารอบกระถางธูป 3 รอบและนำด้ายแดงพกติดตัวไว้ คนไต้หวันเชื่อว่าจะได้พบเนื้อคู่ในเร็วๆนี้ (ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ "ไต้หวันเที่ยวตามใจชอบ")

นี่คือที่สักการะ เทพเจ้าเยว่เหล่าค่ะ

25.12.61 วันสุดท้ายของการอยู่ที่ไต้หวัน

เช้านี้ต้องไปสนามบินตั้งแต่เช้าเลยค่ะเนื่องจากไฟล์บินกลับไทย บินตอน 06.30 ค่ะก็เลยต้องไปรอที่สนามบินก่อน เช้านี้นั่งรถ taxi มาจากที่พักเลยค่ะเนื่องจาก MRT ไม่วิ่ง ค่ารถ taxi ไปสนามบินก็ประมาณ 1,000 NTD/เที่ยว "gate เปิดแล้วนะคะ" เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่อากาศยานประกาศบอกผู้โดยสารทุกคน ไปละนะไต้หวันหวังว่าคราวหน้าจะได้กลับมาอีกนะ bye bye TAIWAN แล้วหวังว่าสักวันฉันจะกลับมา

การมาไต้หวันครั้งนี้ทำให้เข้าใจประเทศนี้ได้มากขึ้น ไต้หวันไม่เคยทำให้เรารู้สึกเบื่อหรือผิดหวังได้เลยสักครั้ง แต่ละครั้งที่ได้มาที่นี่ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรใหม่ๆให้เรียนรู้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนของไต้หวัน ทุกที่ล้วนมีเสน่ห์ในตัวเอง ไต้หวันอาจจะไม่ใช่ประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันที่จะมา แต่อยากฝากไต้หวันไว้เป็นตัวเลือกที่ครั้งหนึ่งต้องลองมาดูสักครั้งนะคะ แล้วคุณจะอยากมา "เทหัวใจแล้วไป TAIWAN" ค่ะ

ขอบคุณฟ้าและเป้อที่ร่วมเดินทางด้วยกัน และดีใจที่ได้เดินทางด้วยกัน
ขอบคุณพี่อ่อที่เป็นผู้ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้นมาได้
ขอบคุณแม่ที่คอยเป็นแรงผลักดันให้ลูกคนนี้เสมอมา
นี้บ่นว่าเครียดแม่ก็บอกไปเที่ยวเลยไปปลดปล่อยแล้วค่อยกลับมาทำหน้าที่ต่อ
ขอบคุณคนไต้หวันที่ไม่ว่าจะไปกี่ครั้งก็จะพยายามช่วยเหลือเด็กตาดำๆทั้ง 3 คนทุกครั้ง
ขอบคุณขาทั้งสองข้างที่ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็ไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง
ขอบคุณผู้ที่เข้ามาอ่านกระทู้ หรือหลงเข้ามาก็ดี ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ
ขอบคุณนะหัวใจ...


YOKMiSTerL

 วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.47 น.

ความคิดเห็น