ทุกครั้งที่ได้ออกเดินทางนั้นแหละคือความสุขของใครหลายๆคนรวมถึงตัวเราด้วย ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปประเทศเพื่อนบ้านซึ่งวัฒนธรรมของเขาน่าค้นหามากๆ ครั้งหนึ่งที่..มุลาอิ ขุนเขาแห่งศรัทธา

เพื่อนร่วมเดินทาง 12 คน

สิ่งที่ต้องรู้ (บางส่วน)

1.สถานที่นี้คนที่ไปต้องเตรียมอาหารที่เป็นประเภทอาหารเจไป

2.ผู้หญิงและผู้ชายห้ามนอนด้วยกัน ห้ามถ่ายรูปด้วยกันบนเจดีย์ ห้ามจับมือกัน

3.ผู้หญิงต้องใส่ผ้าถุงเท่านั้นเวลาขึ้นไปบนเจดีย์

4.ห้ามผู้หญิงตักน้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์(มีรูปภาพประกอบในรีวิว)

5.ผู้ชายต้องทำอาหารให้ผู้หญิงกิน

สิ่งที่ต้องเตรียม

1.เต็นท์ หมอน แผ่นรองนอน ผ้าห่ม

2.ผ้าปิดจมูก หมวก เสื้อกันลม เสื้อกันหนาว (กลางคืนหนาวมากๆ)

3.ยาสามัญประจำบ้าน

4.กระดาษเปียก

"มุลาอิ" อยากรู้จังดินแดนแห่งนี้มีอะไร เราตั้งใจไปแต่ปีที่แล้ว แต่วันที่จะไปเจอฝนตกหนักทางเข้าไม่ได้ ปีนี้เลยต้องไปให้ได้ ติดต่อ ลุงจ่า โทร 083-6281898 และ 087-4160792

มุลาอิ เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาพุทธ ตั้งอยู่ในเขตปกครองกะเหรี่ยง DKBA เป็นสถานที่ศักดิ์ที่ชาวพุทธในพม่าจะไปแสวงบุญ ที่นี่น่าไปเที่ยวไปทำบุญมาก มีทิวทันศ์ที่สวยงาม ด้านบนกินเจอย่างเดียว ห้ามเอาเนื่อสัตว์ขึ้นไปเด็ดขาด มีเจดีย์อยู่ 2 ยอด ยอดบนสุดสูงจากระดับน้ำทะเล 2078เมตร ผู้ชายขึ้นได้เท่านั้น ส่วนผู้หญิงขึ้นได้ยอดล่างต่ำลงมา 20-30 เมตร

กะเหรี่ยง DKBA คือ กลุ่มติดอาวุธชาวกะเหรียงในพม่าที่ทำการสู้รบกับรัฐบาลพม่าตามแนวชายแดนไทย ในบริเวณอาณาเขตของพื้นที่ที่เรียกเป็นภาษากะเหรี่ยงว่า "กอซูเล" (Kawthoolei) ฝ่ายเคเอ็นยูได้สู้รบกับพม่ามานานเกินกึ่งศตวรรษมาแล้ว นับตั้งแต่ พ.ศ.2491 โดยร่วมกับกองกำลังย่อยที่มีชื่อว่า กะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ (Karen National Liberation Army - KNLA)

เราเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวไปถึงหมู่บ้านมอเกอไทย ประมาณ 06.00 น. เตรียมกระเป๋าและสำรวจความพร้อมเพราะต้องรอเพื่อนอีกกลุ่มมาสมทบ แต่เพื่อนไม่รู้หลอกว่าเราไปด้วยเพราะอยากเซอร์ไพรส์เพื่อนที่ร่วมทริปด้วยกัน(ไม่รู้เขาจะดีใจหรือเสียใจ55+)ยิ้มรอตอนรับเพื่อนๆ

นี้ไงลุงจ่าที่จะพาเราไปครั้งนี้เราไปกันเองและติดต่อลุงจ่าเองไม่ได้ซื้อทัวร์ไป เพื่อนมาครบเราออกเดินทางตอน 08.30 น. ทุกคนพร้อมมากกับการเดินทางครั้งนี้ จ๊วดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เส้นทางที่ไป มุลาอิ ค่อนข้างลำบากนิดหน่อยไม่เอ๊ะใจเลยทำไมหน้าฝนถึงมีปัญหาในการเดินทาง แต่ถ้าไปช่วงนี้แนะนำให้ทุกคนพกผ้าปิดจมูกไปด้วยหรือบัฟปิดและห่อหน้าหัวให้ดีๆไม่งั้นหัวแดงแน่ๆ55+

สองข้างทางก็จะมีบ้านเล็กสลับกันไป แต่บอกเลยโคดสงสารชาวบ้านมากเวลามีรถวิ่งฝุ่นกระจาย55+

ระหว่างที่เดินทางก็มีลำธารไหลผ่าน น้ำใสมากๆอยากลงเล่นเลย

ถึงจุดพักแรกลุงจ่าบอกให้กินข้าวให้เรียบร้อยและห้ามเอาเนื้อสัตว์ขึ้นไปข้างบน หรือใครจะซื้ออะไรเพิ่มซื้อได้เลยเพราะเขามีนม น้ำอัดลม ขายเหมือนบ้านเราเลย ถือว่าเป็นการอุดหนุนชาวบ้าน

กินๆหมาก็ได้แต่มองหน้า55+เราก็ไม่สนใจเลย (ถ้าหมาพูดได้นางคงบอก พี่ๆๆนู๋ขอกินด้วยหน่อย55+จินตนาการไป)

แนะตัวนี้ก็น่ากิน โอ๊ยตัวนี้ก็น่าร๊าก ผอมไปหน่อยนะเรานะ55+

รู้ไหมพอมาถึงตรงจุดนี้เราและเพื่อนเห็นเด็กตัวเล็กๆวิ่งเล่น และมองพวกเราอย่างน่าสงสัย เพื่อนคิดได้ว่ามีขนมติดมาอยู่ 1 ห่อ ก็เลยชวนกันเอาไปแจกเด็กๆ

เดียวนะให้ขนมนะนู๋ พี่ไม่กินนู๋หรอก55+เหมือนไปหาเรื่องเด็กไงไม่รู้ พี่ใจดีน๊า

เราและเพื่อนมีความสุขมากๆที่ได้แบ่งปัน (ดูจากที่เรายิ้มซิรู้เลยว่าฟันเหยิน55+)ขนมเพียงห่อเดียวแต่ความรู้สึกมีความสุขแบบบอกไม่ถูกถ้าได้กลับไปอีกเราจะซื้อลูกบอล อุปกรณ์กีฬาไปให้น้องๆนะ

ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว เพราะระยะทางยังอีกยาวไกล ต้องห่อหน้า ผมให้ดีๆๆไม่งั้นหัวแดงแน่ๆ55+

ระหว่างทางก็แวะไปเรื่อยเปื่อย55+

สภาพกระเป๋าและรถเมื่อถึงจุดพักที่ 2 จุดนี้จะมีแป้งทานาคา หรือแป้งพม่า ทาได้แต่ต้องล้างหน้า

ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 15-16 กิโล แต่เส้นทางมาค่อนข้างลำบาก พอมาถึงเราก็ไหว้ศาลแล้วเตรียมเดินไปจุดกางเต้นท์เพราะเราจะขึ้นไปบนเจดีย์วันที่ 2 กัน


ดูท่าแต่ละคนพร้อมสุดๆ ลุงจ่าบอกว่าเดินแปปเดียวก็ถึง(คิดในใจจริงเหรอลุง55+)

ระหว่างข้างทางเดินจะเห็นโขดหิน และมีก้อนหินเล็กๆเรียงกันเป็นชั้นๆมองแล้วเพลินดีนะ55+

เดินไปสักพักจะเห็นพระธาตุเจดีย์ชาวกะเหรี่ยงขึ้นไปสักการะ เราก็ยกมือไหว้เหมือนกันและตีระฆัง

ในที่สุดเราก็ใกล้ถึงจุดกางเต็นท์แล้วเพราะมองเห็นเต็นท์คนที่มาก่อนไปกางแล้ว ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ถึงจุดกางเต็นท์ ข้างบนลมแรงมากๆอากาศร้อนนิดๆ

ยืนมอง แอบมองเทอร์อยู่นะจ๊า55+ ไม่มีที่กางเต้นท์เพราะแก๊งเราแอบเสียงดังเลยอยากกางเต็นท์ไกลจากคนอื่น55+


ในที่สุดก็หาที่กางเต็นท์ได้แล้ว หลังจากนี้เราก็ไปตามหาเก็บภาพสวยๆกันอยากบอกที่นี้หญ้าแห้งสวยมากๆ

บอกเลยแต่ละมุมสวยมากๆ ถึงเวลารอดูพระอาทิตย์ตกแล้วเป็นเวลาที่ทุกคนรอคอยเพราะสวยจริง


ดูซิยิ้มให้เราด้วย ประทับใจมากๆทุกอย่างสวยไปหมด

ถึงเวลากินข้าวเย็นกันแล้วแก๊งเรากินง่ายๆมีโจ๊กเจ ผลไม้ ก็อยู่ได้แล้ว ตอนนี้อยากมีกองไฟสักกองเพราะอากาศเย็นมากๆอุณหภูมิประมาณ 17 องศา แอบมีลมพัด อย่าลืมนะผู้ชายต้องเป็นคนทำอาหารให้ผู้หญิงกิน รู้ไหมช่วงเวลาที่ได้กินข้าวด้วยกันนี้ละที่มีความสุขที่สุด แย่งกันพูด มีเรื่องเล่าให้กันฟังมากมายทั้งที่บางคนพึ่งรู้จักกันแต่เวลาอยู่ด้วยกันเหมือนสนิทกันมาเป็นสิบๆปี รอยยิ้มของแต่ละคนมองแล้วเรามีความสุขนะอยากเก็บความทรงจำนี้ไว้ กินเสร็จแยกย้ายกันบางคนเข้าเต็นท์เพราะอากาศเย็นมากๆ บางคนไปถ่ายดาว

เช้าวันที่ 2 เรารีบตื่นเพราะจะต้องไปขึ้นสักการะพระธาตุเจดีย์อีกฝั่ง นี่คือจุดที่ทุกคนมาต้องไปให้ได้แต่จุดนี้ห้ามผู้หญิงที่เป็นประจำเดือนขึ้นไป ผู้หญิงที่ขึ้นไปต้องใส่ผ้าถุงให้เรียบร้อย

ขณะที่เดินขึ้นมาเราสังเกตเห็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ นี้แหละที่เขาห้ามให้ผู้หญิงตัก

เปลี่ยนชุดพร้อมที่จะขึ้นไปสักการะพระธาตุเจดีย์ ทางเข้าก็จะมีข้อปฏิบัตต่างๆให้ทุกคนอ่านกันด้วยนะคะ

เขาจะมีป้ายบอกว่าการแต่งตัวแบบไหนที่ถูกต้อง และทุกคนห้ามทิ้งขยะ

ระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปพระธาตุเจดีย์ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้แค่เดินเข้ามาก็รู้สึกได้ว่าที่นี้ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ(ความเชื่อสวนบุคคล)

ก่อนทางขึ้นบันไดกรุณาถอดร้องเท้าด้วยนะคะ

ขึ้นบันไดไปสักพักมีชาวบ้านอยู่กล่าวทักทายยกมือสวัสดี มีที่พักดื่มน้ำด้วยนะ

ถึงแล้วไหว้พระธาตุขอพรกัน(ต้องเตรียมดอกไม้มาเองเพราะที่นี้ไม่มีให้)

ประวัติของพระธาตุมุละอิ ตามประวัติเล่าว่าใน "รัฐมอญ" มีพระเกศาธาตุ (ชาวมอญเรียกว่า "ธาตุศก") จำนวน 15 แห่ง ในจำนวนนั้น "ฤาษีกัปปะ" ได้นำพระเกศาธาตุไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์มอระอิ 1 เส้น และ "ฤาษีนารทะ" อัญเชิญพระเกศาธาตุ 1 เส้น ไปบรรจุไว้ที่มอระอะเจดีย์ บนภูเขาชื่อ "อะโรนะเทนโปดอพญา" เมื่อปี พ.ศ. 114 คำจารึกที่ฐานพระเจดีย์ ทราบว่า "พระเจดีย์มอละอิ" ยกฉัตรเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1154 (พ.ศ.1697) มีรูปปั้นเทวดาทั้งสี่ทิศยืนอยู่ที่เสาหงส์

สิ่งที่ต้องมีมาพร้อมดอกไม้ ธูป เทียน คือขวดนี้ ไว้ฉีดพรมพระธาตุเจดีย์ ตามช่องที่มีพระพุทธรูปตั้งอยู่(ไม่รู้ชาวบ้านเขาเรียกเหมือนเราหรือเปล่า)

นี้ทางขึ้นไปพระธาตุเจดีย์จุดที่ 2 คือ ห้ามผู้หญิงขึ้นไป ขึ้นได้แต่ผู้ชาย

สวยงามมากๆต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง มาที่นี้ไม่ผิดหวังแน่นอน

ได้เวลากลับบ้านเราแล้วปะไปลุยฝุ่นกันต่อจ๊วดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ระหว่างทางกลับเราก็แวะจุดเดิม ขอเติมพลังหน่อยหิวมากๆๆดูจากรูปได้55+


เตรียมพร้อมที่จะเดินทางตลอดเวลา ป้องกันไว้ดีที่สุด55+

สภาพแต่ละคนที่มาถึงถามจริงไปคลุกฝุ่นที่ไหนมาจ๊าทุกคน55+ ใช้เวลาเหมือนเดิม ประมาณ 4 ชั่วโมงมาถึงหมู่บ้านมอเกอไทย ทุกคนก็แยกย้ายไปอาบน้ำบางคนรอไม่ไหวก็โดนน้ำที่ลำธารไหลผ่าน ส่วนเราไปอาบน้ำที่วัดอิอิ ในขณะที่รอเพื่อนๆอาบน้ำ ลุงจ่าได้ทำอาหารรอทุกคนสามารถกินได้อร่อยมากๆๆ

กินเสร็จแยกย้ายกันเพราะแต่ละคนต้องไปขึ้นรถกลับที่ขนส่งสอดแล้วพบกันใหม่ทริปหน้านะคะ

การที่เราตัดสินใจไป มุลาอิ กับเพื่อนครั้งนี้ไม่เสียดายเลยเพราะมีอะไรหลายๆอย่างที่เราได้จากทริปนี้ มีเรื่องราวที่ได้รู้เกี่ยวกับ กะเหรี่ยง DKBA มีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มเด็กๆและเพื่อนร่วมทริปถึงจะเป็นเพื่อนใหม่แต่ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน บอกเลยที่นี้อยากให้ทุกคนได้ไปเพราะเราคิดว่ามันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ(ความเชื่อส่วนบุคคล)สักครั้งต้องไปให้ได้การเดินทางสะดวกสบาย ลุงจ่าใจดีดูแลทุกอย่าง เราจะกลับไปที่ มุลาอิ อีกรอบ พบกันใหม่ทริปหน้านะจ๊ะ

ขอบคุณภาพจาก

1. Pai #คู่เที่ยวIndy

2. Mint #เสพติดเขา

3. Gigs #สวัสดีคนหนีเที่ยว

4. New #ตากล้องสุดหล่อ

5. Mickey #ช่างภาพสายหยิ่ง

6. Top #เถื่อน

7. Faeng #สายเท่

8. พี่กิต #OK Ready2Go

9. พี่เต๋อ น้องหนู

**ภาพบางส่วนในรีวิวนี้ใช้ Samsung note 9 ในการถ่ายภาพบอกเลยภาพสดมากๆ

ค่าใช้จ่าย

1. ค่าน้ำมันรถยนต์คนละ 600 บาท (4 คน)

2. ค่ารถข้ามฝั่งคนละ 900 บาท

3. ค่าน้ำดื่มคนละ 15 บาท ( 12 คน)

4. ค่าขนม โจ๊ก 185 บาท (ส่วนตัว)

รวมทั้งทริป 1,700 บาท




คู่เที่ยวIndy

 วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

ความคิดเห็น