สวัสดีเช้าวันออกทริป มันก็จะตื่นเต้นหน่อย เพราะนี่คือทริปแรกปี 2019
ทริปแรกก็ปาเข้าไปเดือนมีนาคมแล้ว เข้าหน้าร้อนอย่างจริงจังตามประกาศของกรมอุตุฯ นะ
อากาศร้อนๆ แบบนี้จะออกทริปทีนึงก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ยิ่งเป็นทริปที่ต้องเอารถมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปด้วยแล้วละก็
สถานที่ที่นึกถึงตอนหน้าร้อนแบบนี้ก็น่ามีแค่ไม่ทะเล ก็น้ำตก ที่สามารถให้เราลงไปแช่น้ำคลายร้อนได้
ซึ่งในระหว่างที่เรากำลังหาว่าจะไปที่ไหนดี ก็บังเอิญว่าไปเจอสมาชิกในกลุ่มจุดกางเต็นท์อยู่โพสนึง เค้าไปกางเต็นท์อยู่ริมน้ำตกที่ "ห้วยแม่ขมิ้น" จังหวัดการญจนบุรี แบบนอนข้างๆ น้ำตกเลย
เราก็เลยลองหาข้อมูลดู ซึ่งน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นเราเองก็ยังไม่เคยไป เลยเอาที่นี่เป็นจุดหมายของเราในทริปนี้ แล้วประจวบเหมาะกับที่เราเพิ่งได้เต็นท์ใหม่ อยากจะเจิมเต็นท์ใหม่ พอดีเลย
รอบนี้เรามากัน 4 คน กับ 2 คัน พี่น้องท้องเดียวกัน CB500F 2017 ของผม กับ CB500X 2018
FOLLOW ME
Facebook page : Once-a-month
Instagram: onceamonth.travel
YouTube : Once-a-month
เป้าหมายของพวกเราคือ ออกจากกรุงเทพตอนเช้า แวะพักจิบกาแฟตอนครึ่งทาง แล้วลุยต่อไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นตามที่ตั้งใจ
เช้าเราก็ออกเดินทางตอน 5.30 น. แล้วก็วาร์ปมาถึง "สะพานนา" ครึ่งทางสำหรับที่วางแผนไว้ ตอนแรกเราตั้งใจจะมาอีกร้านข้างๆ กัน แต่เราดันมาเร็วไปหน่อย ร้านเปิด 8.30 น. แต่เราถึง 8.00 น. ก็เลยลองมาร้านใหม่ก็ได้ ร้านสะพานนาเขาเปิด 8.00น. ก็เลยไปลองดูครับ
ร้านสะพานนา เป็นคาเฟ่เล็กๆ ริมนา วิวดี บรรยากาศดีใช้ได้ทีเดียว นั่งพักแอร์เย็นๆ มีวิววัดถ้ำเสือให้ดูด้วย แต่วันนี้เราไม่ได้ขึ้นไปไหว้พระที่วัดเลย สัญญาว่าคราวหน้ามาซ้ำให้ได้ครับ
โอเคครับ เรากินข้าวเช้า กาแฟมื้อเช้าไปเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายของเราครับ
เดินทางต่อจากร้านกาแฟประมาณ 2 ชั่วโมง สภาพถนนจะยังดีอยู่ แต่จะพังมากขึ้นเรื่อยจนถึงจุดหมายของเรา อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ (น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น)
มาถึงก็ชำระค่าบริการตรงด่านเก็นเงินข้างหน้ากันก่อนเลย
เสร็จแล้วก็ขับรถเลี้ยวซ้ายขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อไปติดต่อกางเต็นท์ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวด้านบนกันก่อนเลย
พอเราติดต่อเสร็จเจ้าหน้าที่จะให้เราไปเลือกเต็นท์ เจ้าหน้าที่มีเต็นท์ที่กางไว้อยู่แล้ว เลือกเต็นท์ได้ก็เอาป้ายเลขที่เต็นท์มาให้แล้วชำระเงิน ส่วนใครที่นำเต็นท์มาเองก็เลือกทำเลได้ตามใจชอบเลย ลานกางเต็นท์ข้างบนนี้ก็จะเป็นลานกว้าง ด้านข้างมีน้ำตก ด้านหน้ามีจุดชมวิว มีร้านค้า ร้านอาหารไว้บริการมากมาย บรรยากาศก็จะประมาณนี้
แต่เราตั้งใจว่าจะมากางตรงบริเวณชั้น 1 เพราะสามารถกางได้ริมน้ำตกเลย จริงๆ นักท่องเที่ยวมักจะไปพักผ่อนที่ชั้น 4 ครับ ข้างล่างนี่จะไม่ค่อยมีคนมาเท่าไหร่ครับ ขับรถออกจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวด้านบนลงไปยังด่านเก็บเงินที่เราเข้ามาตอนแรก เลี้ยวซ้ายตรงเข้ามาจะมีลานกางเต็นท์อยู่ สามารถเลือกทำเลตามใจชอบเหมือนกัน
เลือกจุดที่จะกางได้แล้วจัดแจงที่นอนกางเต็นท์เสร็จสรรพ จะรออะไร ก็ลงน้ำดิครับผม ที่นี่น้ำใสมากกกกกกกก อาจเพราะในน้ำมีหินปูนอยู่เยอะครับ เดินลงไปเล่นน้ำก็ระวังกันด้วยนะครับ น้ำเย็นๆแบบนี้ขอแช่ให้ตัวเปื่อยกันไปเลยครับ
หลังจากเราแช่น้ำกันไป 2 ชั่วโมงได้ ตัวเปื่อยกำลังได้ที่เลย ท้องก็เริ่มร้องแล้ว ก็เลยขึ้นจากน้ำไปหาอะไรกินกันครับ เราไม่ได้เอาของมาทำกับข้าวกันเลยต้องไปฝากท้องที่ร้านค้าสวัสดิการ
สำหรับใครที่กังวลว่าด้านล่างจะมีอะไรให้ทานมั้ยน้า ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ที่นี่มีร้านค้าสวัสดิการให้ราได้ฝากท้องแน่นอน แต่มีอยู่ร้านเดียวนะ จบอกว่าถึงมีร้านเดียว แต่ก็เป็นร้านเดียวที่คุณภาพคับแก้วนะครับ
" ร้านอาหารปิ่นไพร-ป้าหยุด " เราจัดเต็มด้วยต้มยำปลาคัง ไข่เจียวหมูสับ ผักหวานผัดน้ำมันหอย ส้มตำไทย อาหารนี่รสชาติสมคำล่ำลือจริงๆ อร่อยทุกอย่างเลย นี่ไม่ได้ค่าโฆษณานะ มันอร่อยมากจริงๆ ต้องมาลอง
กินเสร็จ ก็ไปอาบน้ำอาบท่ากัน
ห้องน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำธรรมดา ไม่มีน้ำอุ่น ส้วมเป็นแบบนั่งยอง แยกห้องส้วมและห้องอาบน้ำ ห้องอาบน้ำเป็นฝักบัว และมีส้วมด้วย โดยรวมก็สะอาดดี มีแบ่งแยกชัดเจน ปริมาณเพียงพอต่อนักท่องเที่ยวแน่นอน แต่เสียตรงไม่มีที่แขวนผ้าในห้องน้ำ (02/03/2019) เวลาเข้าไปอาบน้ำมันก็จะทุรักทุเลนิดนึงในห้องอาบน้ำ แนะนำให้เอาถุงใส่เสื้อผ้า หรือตัวเกี่ยวแขวนผ้าไปด้วยจะดีครับ
ทำอะไรเสร็จทุกอย่างแล้ว มันกเริ่มจะง่วงแล้วสิ ขอตัวไปงีบก่อนแล้วกันนะครับ
เช้านี้รีบตื่นมาตั้งแต่ตีห้าครับ อยู่ที่มืดๆ ทั้งที ขอไปส่องทางช้างเผือกกันหน่อยแล้วกัน ทางช้างเผือกก็พอเห็นด้วยตาเล่าอยู่พอสมควร ถ่ายก็ถ่ายไม่ค่อยเป็น ก็พอถูๆ ไถๆ ไปครับ ถ่ายตรงแถวๆ เต็นท์ก็ยังไม่พอใจเลยเดินเข้าไปด้านใน แถวๆ ริมน้ำ พอดีตอนเย็นลองเดินไปสำรวจมาแล้ว
ถ่ายไปได้สักพักก็เริ่มมีแสงอาทิตย์ขึ้น ก็เลยเดินถ่ายรูปเล่นแถวๆ นั้นสักหน่อย
ถ่ายไปสักพักเพื่อนก็มาตามไปกินข้าว เช้านี้เราก็ฝากท้องไว้กับป้าหยุดเช่นเคย ข้าวต้มหมูสับ หน้าตาดูธรรมดามากๆ แต่ไม่ธรรมดา หมูก็เป็นหมูหมัก น้ำซุปก็หอม แถมกระเทียมเจียวกากหมูอีก อิ่มหน่ำไปเช้านี้
กินข้าวเสร็จก็ไปเก็บของ เก็บเต็นท์ อาบน้ำแต่งตัว เดินทางกลับกรุงเทพ เพราะถ้าออกช้าแดดจะร้อนจะเพลียเอาง่ายๆ ก่อนกลับลาไปด้วยจุดแลนด์มาร์คของน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนะครับ
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่ากางเต็นท์ คนละ 30 บาท
- ค่าเข้าอุทยานคนละ 100 บาท
- ค่ารถมอเตอร์ไซค์คันละ 20 บาท
- ค่าน้ำมัน ระยะทางไปกลับประมาณ 500 กม. ก็ประมาณ 800 บาทครับ เยอะหน่อยเพราะขึ้นๆลงๆเขาครับ
- ค่ากินข้าวค่ากาแฟบลาๆ อีกประมาณคนละ 600 บาท
เบ็ดเสร็จตกคนละประมาณพันกว่าบาท แต่ได้รีเฟรสกันสุดๆ ถือว่าคุ้มกับวันหยุดของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ
ก็เป็นอันจบทริปครับ ทริปนี้ ค่าใช้จ่ายก็หนักไปทางกินเนี่ยหละครับ ฮ่าๆ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนจบครับ ทริปหน้าเราจะไปไหนกัน ก็คอยติดตามกันนะครับ ขอบคุณคร๊าบบบบบ
ทริปหน้าเราจะไปเทียวที่ไหนฝากติดตามด้วยนะครับ
Facebook : Once-a-month
Instagram : onceamonth.travel
เที่ยวแบบเรา : Once-a-month
วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 12.13 น.