ไม่รู้จะเริ่มเขียนยังไงเลย ไม่ได้เขียนนาน ไปไม่ถูกเลย 5555

รีวิวนี้เป็นรีวิวการเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆบ้านเรา นั่นคือ ประเทศพม่า

หลายๆคนอาจจะชอบถามว่า ไปพม่า ไปทำอะไร มีอะไรเที่ยว น่าไปตรงไหน แต่รีวิวนี้เราอยากให้หลายๆคนเปลี่ยนความคิดและมุมมอง ว่า พม่านี่แหละ เที่ยวโคตรสนุกเลย อาจจะเขียนยาวหน่อย เพราะรายละเอียดอยากให้คนที่มีงบน้อยๆ ได้เที่ยวตามกันจริงๆ

ไปครั้งนี้ถือว่าเป็นการหารายละเอียดของเราน้อยมาก เรียกได้ว่า ไปแบบไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรเลย

แพลน 5 วัน 4 คืน ย่างกุ้ง-พุกาม

DAY1 : ดอนเมือง-ย่างกุ้ง ถึงย่างกุ้งเช้า เที่ยวรอบย่างกุ้ง นอนบนรถบัสไปพุกาม 10 ชั่วโมง

DAY2 : เช้าที่พุกาม / นอนพุกาม

DAY3 : พุกาม/ นอนพุกาม

DAY4 : นั่งรถรอบเช้าจากพุกาม มา ย่างกุ้ง ทั้งวัน 10 ชั่วโมง ถึงย่างกุ้งเย็น/ นอนย่างกุ้ง

DAY5 : ย่างกุ้ง-ดอนเมือง

มาเริ่มกันเลย อ่านแล้วสามารถเก็บกระเป๋าตามไปได้เลย

DAY1 : เราจองตั่วเครื่องบินล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ของสายการบิน แอร์เอเชีย บินตรงสู่ย่างกุ้ง ประมาณ 1 ชั่วโมง ไฟล์ 7.15-8.00 น. เวลาที่ประเทศพม่าจะช้ากว่าบ้านเรา 30 นาที (อย่าลืมตั้งเวลา Time zone )

ตั๋วเครื่องบินขาไป ดอนเมือง-ย่างกุ้ง 1739 บาท

ตั๋วเครื่องบินขากลับ ย่างกุ้ง-ดอนเมือง 1939 บาท

รวมไปกลับ 3678 บาท

DAY 1 : บิน 1 ชั่วโมงก็ถึง สนามบินย่างกุ้ง จัดการแลกเงิน เราแลกเงินดอลล่าห์ไป แล้วเอาไปแลกเงินจั๊ต หรือสามารถแลกเงินไทยเป็นเงินจั๊ตได้เลย แต่ต้องเป็นแบงค์ใหญ่ๆ เช่น 1000 ส่วนการแลกเงินดอลล่าห์ การไปพม่า ต้องเป็นแบงค์ใหม่ๆ ห้ามยับได้ยิ่งดี ห้ามมีรอยขีดเขีย

แลกเงินไทยประมาณ 5000 บาท โดยแลกเป็นเงินดอลล่าห์ ประมาณ 130 ดอลล่าห์ ได้เงินจั๊ต 190,000 จั๊ต ส่วนเงินดอลล่าห์ประมาณ 30 ดอลล่าห์เอาไว้จ่ายค่าที่พัก

ปล. การคำนวนเงินของเรา เราโหลดแอป Uni Converter ไว้ในโทรศัพย์ ใช้เวลาคำนวนเงินคร่าวๆ แต่เลทเงินที่เราแลกวันที่ไป ไม่ได้ตรงกับในแอปนะคะ เลทเงินจั๊ตที่เราแลกวันไป 1 บาท เท่ากับประมาณ 47 จั๊ต

วันแรกไปกัน 5 คน แต่เพื่อนอีก 3 คนเที่ยวแค่ย่างกุ้ง เลยได้ไปพุกามกันแค่ 2 คน


หลังจากจัดการแลกเงินเสร็จ ก็จัดการซื้อซิม เราเลือกเครือข่าย ของค่าย oredoo ในราคา 6500 จั๊ต เน็ต 5 GB ใช้ได้ 7 วัน ส่วนเพื่อนเราซื้อซิมของ AIS sim 2 fly จากบ้านเรา ก็ใช้ได้เหมือนกัน เน็ตเร็วไม่มีปัญหา

จัดการแลกเงินและซื้อซิมเรียบร้อย ก็จะเจอคนขับรถแท็กซี่มากหน้าหลายตาเข้ามาทักทาย Taxi Taxi เราอย่าสนใจค่ะ แต่ถ้าใครอยากนั่งก็ต่อรองราคาได้เลย เราไม่ได้ถามราคา Taxi เพราะเราตั้งใจจะไปขึ้น Airport bus เข้าตัวเมืองย่างกุ้ง

เดินออกจากสนามบินทางออก 3 เดินข้ามถนนไป จะเจอ รถบัส เข้าตัวเมือง ในราคาคนละ 500 จั๊ต หรือคิดเป็นเงินไทยบ้านเรา ประมาณ 11 บาท

จ่ายเงินตรงทางขึ้นเลยนะคะ

การขึ้นรถบัสในพม่า จะมีกล่องหยอดเงินข้างหน้าทางขึ้น ฉะนั้น เตรียมเงินแบงค์น้อยให้พอดีกับค่ารถเมล์ แล้วขึ้นไปเลือกที่นั่งได้เลย รับรองแอร์เย็นกว่ารถเมล์บ้านเรา สังเกตรถดีๆนะคะ ด้านหน้าจะเขียนว่า Airport-Sule ก่อนขึ้นก็ถามคนขับอีกรอบเพื่อความแน่ใจ

นั่งรถจากสนามบินเข้าตัวเมืองใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเพราะค่อนข้างไกล และที่พม่ารถติดเป็นกิจวัตรประจำวัน เวลาจะไปที่ไหน เผื่อเวลากันอย่างน้อยประมาณ 2 ชั่วโมงนะคะ

เรานั่งรถบัสจากสนามบินมาลง ป้าย sule pagoda แล้วเที่ยวรอบๆในตัวเมืองย่างกุ้ง โดยนั่งรถแท็กซี่ ไปสถานที่ต่างๆ ป้ายรถเมล์จะอยู่หน้าห้าง sule squre เดินย้อนกลับมาแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอกับร้าน KFC และเดินไปอีกหน่อย จะเป็นห้าง Junction city คล้ายๆสยามบ้านเรา ตรงข้าม ห้าง Jungtion city จะเป็นตลาดสก็อต

เราแบกกระเป๋าไปฝากไว้กับโรงแรมที่เพื่อนจองที่แถวๆเจดีย์ Sule แล้วมานั่งรถ Taxi เที่ยวรอบๆเมืองย่างกุ้ง ที่แรกที่เราไปคือ เจดีย์โบตาทาวน์ ไปไหว้เทพทันใจนัตโบโบยี องค์ที่คนไทยนิยมไปไหว้มากที่สุด

เจดีย์โบตาทาวน์ เสียค่าเข้า คนละ 6000 จั๊ต เจดีย์โบตะตาว ไม่ได้มีเพียงแต่เทพทันใจ เท่านั้น แต่ยังมี “เทพกระซิบ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย” ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเจดีย์ มีนัตองค์หนึ่งกล่าวไว้ว่า เทพกระซิบเป็นธิดาของพญานาคที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เชื่อว่าถ้ากระซิบขออะไรแล้วจะสมหวังอีกด้วย

ก่อนบูชาจะมีคนคอยบอกเราว่าทำอย่างไร แล้วให้เราทำตาม ไม่ต้องห่วงว่าจะทำผิด

หลังจากบูชาเทพทันใจเสร็จเดินออกมาข้างนอกตรงข้าม จะเจอเทพกระซิบ

พระเกศาธาตุ (สารีริกธาตุ) ภายในสีทองอร่ามสวยงาม

หลังจากกลับจากเจดีย์โบตาตาว เราก็นั่งแท็กซี่กลับมาเดินรอบๆเจดีย์ Sule ชมวิถีชีวิตของชาวย่างกุ้ง

คนย่างกุ้งจะชอบมานั่งจิบน้ำชากันแบบนี้ จะเห็นได้ทุกซอย

ร้านขายหมาก จะเห็นได้เยอะมาก

ร้านค้าริมข้างทาง

ย่างกุ้งคือเมืองที่รถติดพอๆกับกรุงเทพบ้านเรา เผลอๆ บ้านเราอาจดีกว่า เวลาข้ามถนนรถจะไม่จอดให้เรานะ หาจังหวะแล้ววิ่งเลยจ้า

หลังจากเดินรอบๆ บ่ายๆเกือบเย็น เราเลยนั่งรถเมล์ไป เจดีย์เชวดากอง ขึ้นฝั่งเจดีย์สุเล รถเมล์ สาย 36, 47 , 12 หรือ Airport bus ก็ผ่าน บอกคนขับว่า Shwedagon Pagoda คนขับพยักหน้าก็ขึ้นได้เลย พอถึงตอนลง เค้าจะสะกิดเรียกเรา ค่ารถเมล์คนละ 200 จั๊ต

นั่งรถจากเจดีย์สุเลประมาณ 30 นาที รถเมล์จะจอดตรงสะพานลอย ให้เราข้ามฝั่งสะพานลอยมา เดินย้อนกลับไปตามซอย จะเจอทางเข้าเจดีย์เชวดากอง แต่แอบเดินไกลหน่อย

ปล.ก่อนมาเจดีย์เชวดากอง เราเอากระเป๋ามาพร้อมเดินทางไปพุกามต่อคืนนี้เลย

การไปย่างกุ้งครั้งนี้เราตั้งใจไปกราบไหว้เจดีย์เชวดากอง แล้วก็เป็นดังตั้งใจ เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับแรกที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางไปพม่าจะต้องเข้าไปเยี่ยมชมและสักการะ

เสียค่าเข้าชมคนละ 10000 จั๊ต

ผู้หญิงและผู้ชายควรแต่งกายให้สุภาพ ถ้าการแต่งกายไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่จะมีผ้าถุงให้เราเช่า ผืนละ 3000 จั๊ต มัดจำไว้ พอเอาผ้าถุงมาคืนก็ได้เงินคืน

หลังจากกราบไหว้เจดีย์เชวดากองเสร็จ ที่ขาดไม่ได้ที่ต้องทำอีกอย่างคือ สรงน้ำพระประจำวันเกิด ซึ่งจะอยู่รอบเจดีย์ การสรงน้ำจะต้องสรงมากกว่าอายุตัวเอง 1 ขัน บอกได้เลยว่า เมื่อยแขน

เราอยู่ที่เจดีย์เชวดากองจนกระทั่งตะวันตกดิน พอได้เห็นแสงเจดีย์กระทบกับสปอร์ตไลค์ แสงเหลืองอร่าม สวยมาก คุ้มค่าแก่การมาเยือนจริงๆ

แล้วเราก็ออกมานอกเจดีย์เพื่อหารถแท็กซี่ไปสถานีรถบัสอองมิงกลา เพื่อไปพุกามต่อคืนนี้ Taxi บอกราคามา 15000 จั๊ต แต่เราต่อเหลือ 12000 จั๊ต ออกเดินทางไปสถานีรถบัสควรเผื่อเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะระหว่างทางรถติดมาก

เราจองรถจากย่างกุ้งไปพุกามล่วงหน้าจากบ้านเราเลย จองล่วงหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ ผ่านเว็บ http://myanmarbusticket.com/ โดยสามารถตัดเงินผ่านบัตรเครดิตได้สบาย หรือ สำหรับใครที่มี PayPal ก็สามารถชำระผ่าน Paypal ได้

เข้ามาหน้าแรกเราสามารถดูตารางรถได้ และ สามารถระบุวันเวลาเดินทางได้ แนะนำว่าสมัครสมาชิคโดยใช้ พาสปอร์ตก่อนเพื่อสเต็ปสุดท้ายจะได้ใช้ง่าย จากตัวอย่างเราจะเดินทางจาก yangon (ย่างกุ้ง) ไปยัง bagan (พุกาม)


เมื่อเลือกมาแล้วจะมีลิสต์รถบัสที่ให้บริการในเวลาที่หลากหลายแต่เดินทางในวันที่เราเลือกดังนั้นเราต้องใช้ตารางนี้แหละในการวางแผนว่าเราจะอยู่เมืองนี้ถึงกี่โมง จะมาขึ้นรถกี่โมง ช่วงเวลานั้นรถบริษัทอะไรให้บริการ

เราเลือกเดินทางของ JJ Express เวลา 22.00

จากนั้นก็กรอกอีเมล์ สำคัญสุด เพราะเขาจะส่งทุกเอกสารที่ต้องปริ้นไปมาที่อีเมล์ จากนั้นก็ทำเรื่องอีก

สเตปต์เพื่อจ่ายเงินและแสดงความสมบูรณ์

สิ่งที่เขาจะส่งมาอย่างแรกเลยคือ Reference Number เป็นรหัสยาวๆเพื่อยืนยันเป็นหมายเลขอ้างอิงได้ในอนาคต มาพร้อมกับใบเสร็จว่าคุณชำระเงินให้ทางบริษัทแล้ว


หลังจากนั้น 1 วัน เราก็ได้รับอีเมล์ อีก 2 ฉบับตามมา เป็นรายละเอียดการเดินทาง กับ ตั๋วการเดินทาง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ปริ้นตั๋วแล้วไปเช็คอินที่ท่ารถได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะจองรถไม่ทันเพราะ ที่พม่า ทำงานกันไวมาก ส่งอีเมล์กลับไวมาก

เราจองตั๋วรถแบบธรรมดา แต่จะบอกว่ามันไม่ธรรมดาเลย นั่งสบายกว่ารถบัสวีไอพีบ้านเราอีก

สุดท้ายจะเป็นหน้าตาแบบนี้ นี่คือการจองเสร็จสมบูรณ์ ปริ้นตั๋วพับใส่กระเป๋าได้เลย

นั่งรถจากตัวเมืองย่างกุ้ง โดยแท็กซี่ บอกพี่คนขับว่าขึ้นรถบริษัทอะไร พี่คนขับก็จอดหน้าบริษัทให้เลย

สถานีรถบัสอองมิงกลา ความวุ่นวาย มากกว่าหมอชิตบ้านเรา เพราะการจัดระเบียบ ยัง งง ๆอยู่ ถ้า เดินหาเองรับรอง งงเป็นไก่ตาแตก

เดินถือตั๋วที่เราปริ้นมาเช็คอินตรงนี้ ส่งใบให้เจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะขึ้นรถรอบไหน มาถึงเวลาไหน สามารถเช็คอินได้ทันทีเลย พี่เจ้าหน้าที่จะมีสติ๊กเกอร์ที่นั่ง พร้อมบอกว่าเราขึ้นรถคันไหนมาแปะที่เสื้อของเรา พอได้เวลารถออก พี่ๆจะมาเรียกเราเอง สบายใจหายห่วง

ปล. ถ้าจะไปพม่า เราแนะนำจองตั๋วรถบัสจากเว็บไปเลย สะดวกสบายมาก

ยาวไปคืนนี้พุกาม 9-10 ชั่วโมง

ค่าใช้จ่าย DAY1

ค่าซิม 6500 = 138

ค่ารถเมล์จากสนามบิน 500 = 11

ค่า kfc 3800 = 80

ค่ารถจากดีเจย์สุเล-เทพทันใจ 3000/5=600 = 13

ค่าเข้าเทพทันใจ 6000= 128

ค่าเงินเทพกระซิบ 500 = 11

ค่ารถแท็กซี่ขากลับ 600= 13

ค่ากาแฟอเมซอน 2350 = 50

รถเมล์ สาย 12 สุเล-เจดีย์ชเวดากอง 200 = 5

ค่าเข้าเชวดากอง 10000 = 213

ค่าแทกซี่ เชวดากองไป สถานีรถบัส 12000/2 = 6000= 128

ค่าน้ำ 800 = 17

ค่าข้าวมื้อเย็น 3200= 68

รวม 875 บาท

DAY2 พุกาม/นอนพุกาม

ถึงสถานีรถบัสที่พุกามในตอนเช้าตรู่ ลงรถมาก็จะเจอเหล่าแท็กซี่มารุมล้อมตามเคย จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้ว ต่อไปยังที่พัก โดยไปรถแท็กซี่นั่นแหละ ไม่มีทางเลือก จะไปรถม้าก็ช้าไป

- ที่พุกาม จะแบ่งเป็น 3 โซน คือ ยองอู พุกามเก่า และพุกามใหม่ เรา booking ที่พักย่านยองอู เพราะใกล้สถานีรถบัสสุด ค่าแท็กซี่จะถูกสุด คือ 6000-7000 จ๊าต

ถ้าพุกามเก่า 8000 จ๊าต

พุกามใหม่ 9000 จ๊าต

ที่พุกามนักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าเข้าเมืองให้รัฐบาลพม่าคนละ 25000 จ๊าต แล้วจะมีโค้ดแบบนี้มาให้ เก็บไว้หรือถ่ายรูปไว้ เพื่อเป็นค่าผ่านทางเข้าเจดีย์ทุกเจดีย์ และต้องจ่ายทุกคนหลบหลีกไม่ได้ เพราะยังไง จะมีเจ้าหน้าที่ขอตรวจบัตรและมีเครื่องแสกนมาตรวจเราอยู่ดี


เราพักที่พุกาม 2 คืน โดย booking ที่พัก 2 คืนเลย จะได้ไม่ต้องย้ายกระเป๋าไปมา

Bagan vertex Hotel ที่พักนี้อยู่ย่านยองอู พี่ๆแท็กซี่รู้จัก พนักงานต้อนรับและบริการดีมาก แนะนำ ห้องพักเป็นเตียง 2 เตียง ห้องน้ำในตัว สะดวกสบาย โทรหา Reception ขึ้นมาบริการอย่างรวดเร็ว








ด้วยตามระเบียบของที่พักต้องเข้าเช็คอินเวลา 14.00 แต่เราไปถึงเช้าแล้วอยากเช็คอิน ทางที่พักก็ให้เช็คอินได้ แต่จะเสียค่าเช็คอินก่อนเวลา 2500 จ๊าต

ปล. เราจองรถบัสกลับย่างกุ้งกับทางที่พักไว้ล่วงหน้าวันจะกลับเลย จะได้สบายใจ

เข้าที่พักอาบน้ำแล้วเช่า E-Bike ไว้เที่ยวรอบพุกาม คิดราคา 8 ชั่วโมง 6000 จ๊าต

ขับเหมือนมอเตอร์ไซค์บ้านเรา ไม่มีเสียง ไม่ต้องสตาร์ท บิดแล้วพุ่งตัวได้เลย 5555



หลังจากออกแว้นซ์กันประมาณเที่ยงวัน สถานที่แรกที่ใกล้ที่พักที่สุด ก็คือเจดีย์เชวสิกอง พระมหาเจดีย์ที่สำคัญเป็นอันดับสองรองจาก ชเวดากอง ในกรุงย่างกุ้ง




ที่น่าสนใจคือบริเวณลานหน้าบันไดทางขึ้นสู่เจดีย์ทิศตะวันออก มีหลุมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ลึก 2 นิ้ว ใส่น้ำไว้สำหรับนั่งคุกเข่ามองเงายอดเจดีย์ที่สะท้อนลงผิวน้ำ หลุมนี้ทำขึ้นใหม่เมื่อมีการเทปูนที่ลานรอบองค์เจดีย์ แต่ชาวพม่าเล่าขานว่าตรงจุดนี้เคยมีหลุมมาตั้งแต่สมัยพุกามแล้ว วัดนี้เราตาม พี่บอล พี่ยอด รายการหนังพาไป เพื่อไปพิสูจน์ 555555


สังเกตดีๆนะคะ เงาดำๆนั่นคือยอดเจดีย์




ออกมาด้านหน้าวัดป้าๆขายโมแรงซะ เป็นขนมหวานคล้ายๆบ้านเรา คล้ายลอดช่อง มีมะพร้าวขูด ราคา 200 จ๊าต แวะกินเสร็จก็นั่งคุยกับป้าๆสะเลย ป้าฟังอังกฤษไม่ออก ได้แต่พยักหน้า แต่มีพี่ๆ บางคนพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก เราก็ได้คุยกับเค้า งูๆ ปลาๆ ไป พอได้รู้เรื่องกัน




ที่พุกามจะมี โอ่งน้ำแบบนี้ไว้ให้ดื่มฟรี ตลอดเส้นทางเลย


ร้านอาหารที่พุกาม ส่วนมากจะเป็นแบบนี้ทั้งหมด เนื่องด้วยเราเป็นคนที่กินยาก เลยได้แต่กินข้าวขยำน้ำพริกเซเว่นที่ซื้อไป เพราะอาหารแต่ละอย่างน้ำมันเยอะมาก



แล้วก็จะมีน้ำตาลแบบนี้มาให้หลังเรากินเสร็จ รสชาตจะเปรี้ยวๆหวานๆ เค้าบอกว่าทำมาจาก ต้นตาล น้ำตาลแล้วนำมากวน


หลังจากออกจากเจดีย์เชวสิกอง เปิด map แล้วไปต่อย่านพุกามเก่า วัดแรก

ขอเกริ่นก่อนนะคะ วันที่เราไป เจดีย์ทุกเจดีย์ที่ให้ขึ้นชมวิว ปิดหมดทุกเจดีย์ เสียใจหนักมาก

ติโลมินโล เจดีย์ฉัตรตั้ง แห่งเมืองพุกาม (htilominlo temple)

เจดีย์แห่งนี้สร้างในสมัยพระเจ้านาตองมยาเป็นเจดีย์ที่มีความเป็นมาแปลกกว่าเจดีย์องค์อื่นๆ อย่างที่บอกไปเมื่อตอนต้น ด้วยในสมัยพระเจ้านรปติซีตู ทรงมีราชบุตรหลายพระองค์ ทั้งที่เกิดแต่อัครมเหสีและพระชาย เมื่อทรงจะตั้งองค์รัชทายาทสืบราชบัลลังค์ ก็ไม่อาจตั้งราชบุตรในอัครมเหสีได้ทันที เพราะทรงเคยรับปากพระชายาองค์หนึ่งซึ่งคอยบริบาลพระองค์ขณะประชวรอย่างดียิ่งว่า จะทรงพิจารณาราชบุตรจากชายาองค์นี้ให้ขึ้นครองราชย์ด้วย

เมื่อไม่อาจคืนคำที่ให้ไว้ได้ จึงตัดสินพระทัยเรียกราชบุตรทั้งห้าพระองค์มานั่งล้อมวงกัน แล้วตั้งฉัตรอันเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ไว้ตรงกลาง หากฉัตรล้มลงแล้วปลายฉัตรชี้ไปที่ราชบุตรองค์ใดนั้น ก็จะทรงแต่งตั้งเป็นกษัตริย์สืบต่อไปจากพระองค์

ปรากฏว่าปลายฉัตรชี้ไปที่เจ้าชายชัยสิงห์ (พระเจ้านาตองมยา) ซึ่งเป็นราชบุตรอันเกิดแต่ชายาองค์ที่บริบาลพระเจ้านรปติซีตู ชาวพม่าจึงเรียกนาตองมายาว่า “กษัตริย์ฉัตรตั้ง” และเมื่อทรงขึ้นครองราชย์จึงสร้างเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์ ณ บริเวณที่พระราชบิดาเอาฉัตรเสี่ยงทาย และเรียกว่า “เจดีย์ติโลมินโล”


วัดอนันดา หรือ อนันดากู่พยา

ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนภูเขา นันทมูล (Nandamula) บนเทือกเขาหิมาลัย อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 8 รูป

เจดีย์อนันดานี้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งสถาปัตย์ของพุกามอีกด้วย

ขี่ e-bike ตากแดดไปเรื่อยๆ เพื่อจะหาจุดชมวิว ปรากฎว่าเจดีย์สูงๆสำคัญ ที่มีบันได ที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไป ปิดหมดทุกเจดีย์ ปิดแบบล็อคกุญแจเลย เศร้าใจหนักมาก

เจดีย์สัพพัญญู หรือ วัดถัดบินยู” (Thatbyinnyu Pagoda)

ก็ปิดซ่อมแซมถึงขนาดคนกำลังขึ้นไปทุบๆเลยอ้ะ เศร้าใจ

วิหารธรรมยางจี วิหารอันยิ่งใหญ่ที่สุดในพุกาม

เรื่องราวเริ่มมาตั้งแต่สมัยนานมาแล้ว โหรของพุกามเคยทำนายไว้ว่า “ ถ้าใครสร้างเจดีย์องค์ใหญ่เกินไป กษัตริย์แห่งพุกามองค์นั้นก็จะพบกับหายนะ ,, ยาวนานจนกระทั่งมาถึงยุคสมัยของกษัตริย์นรปติสิธู กษัตริย์องค์นี้โคตรโหด เพราะพระองค์ได้สังหารบิดาและพี่ชายของตน และผลักดันตัวเองจนได้เป็นกษัตริย์แทน ทีนี้แกเลยต้องการทำบุญล้างบาปขนานใหญ่ด้วยการสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ ซึ่งเจดีย์นี้นอกจากความใหญ่โตแล้วยังโคตรเนี๊ยบอีกด้วย อิฐกว่าล้านก้อนที่เอามาเรียงต่อกันต้องแนบกันสนิทชิดเชื้อกันแบบมากๆ ในระดับที่พระเจ้านรปติสิธูสามารถเอาเข็มมาจิ้มลอดระหว่างรูอิฐสองก้อนได้ นายช่างผู้นั้นก็จะถูกตัดมือและประหารชีวิตในที่สุด

ระหว่างเจดีย์นี้กำลังสร้างในปีที่สาม นอกจากเชือดช่างฝีมือแล้ว พักหลังๆ พระเจ้านรปติสิธูยังฆ่าผู้คนไม่เลือกหน้า เรียกว่า แกไม่ชอบหน้าใครนี่เรียกมาฆ่าหมด แต่เคราะห์กรรมของแกที่ดันไปสั่งประหารชีวิตพระมเหสีองค์นึงที่เป็นธิดาของกษัตริย์อินเดีย ทีนี้พอรู้ถึงหูคุณพ่อแกก็เลยโกรธแค้น ว่าจ้างกองทัพอินเดียและนักลอบสังหารมาสังหารพระเจ้านรปติสิธู และเจดีย์แห่งนี้เลยสร้างไม่เสร็จซักที มีแค่อิฐเปลือยๆ ไม่มีปูนฉาบ ไม่มีจิตรกรรมฝาผนังอย่างที่อื่นๆ และชาวพุกามก็ไม่เข้าไปกราบไหว้ในเจดีย์แห่งนี้อีกด้วย

ขอบคุณตำนานเรื่องเล่า จาก tongkatsu.com

แท่นหินที่นำมาตัดมือ จะอยู่หลังวิหาร ถ้าใครหาไม่เจอเดินวนๆไปข้างหลังนะ

ข้างๆเจดีย์ธัมมะยังจี จะมีพื้นที่สูงๆไว้ดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก ในเวลาแบบนี้ ที่เจดีย์ปิดหมดที่ตรงนี้คือจุดชมวิวที่ดีที่สุด

ระหว่างทางไปเจดีย์ธัมมะยังจี ขี่มาทางด้านหลังจะเจอทางแบบนี้ พุกามเป็นเมืองแห้งแล้งถึงขนาดกระบองเพชรขึ้นข้างทางสวยงาม

ทานาคา ไม่เห็นท่อนไม้ทานาคา มาไม่ถึงพม่านะ

พี่เค้านั่งทา ทานาคา พร้อมเรียกเราว่า ทาไหม ๆ

วัดอะไรไม่รู้ ทางผ่านกลับที่พัก คนมาไหว้พระเต็มเลย

วันที่สอง เราก็ขี่วนๆไปเพื่อหาจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก แต่ก็หมดหวัง เลยกลับไปตั้งหลักที่โรงแรมเพื่อจะมาพรุ่งนี้ใหม่

Day2 ค่าเข้าพุกาม 25000= 532

ค่าแทกซี่ 7000/2 = 3500= 74

ค่าบัสพุกาม ย่างกุ้ง 13000= 277

ค่าเช็คอินรีบ 5000/2 = 2500= 53

ที่พัก 19 ดอล = 589

ค่าข้าว 1750= 37

น้ำ 1000= 21 ส้มตำ 1000/2 = 500= 11 น้ำ

มาม่า 850= 18 น้ำ 1000+ 1500= 53

รวม 2497

DAY3

ออกจากโรงแรมเที่ยงเหมือนเดิม วันนี้ตั้งใจจะหาที่ชมวิวพีคๆจะยอมเสียตังค์ให้ไกด์ท้องถิ่นพาไป


พุกาม เมืองสโลไลฟ์ รถม้า

มาเข้าเรื่องของวันนี้ เสียค่าไกด์ ให้พาไปชมวิว หน้าเจดีย์เชวสันดอ ซึ่งเจดีย์นี้เป็นเจดีย์ที่คนนิยมขึ้นไปชมวิว แต่มันปิดไง เลยหาไกด์แถวนั้น นางคิดค่าพาไปคนละ 4000 จ๊าต ซึ่งมันแพงนะ สำหรับเรา แต่ก็ยอมเสียไป นางบอกมันไกล แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป ที่ไหนได้ ไม่ไกลเลย แถมวิวที่ได้มาก็แบบ เฮ้ยยยย มันไม่คุ้มกับที่เราเสียไปอ้ะ จะร้องงงง

คุณลุงแกเดินมาขายรูป แกพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แต่ก็ไม่ได้ตื้อที่จะให้เราซื้อนะ ส่วนใหญ่คุยกันมากกว่า

เนื่องด้วยไม่ค่อยชอบ เลยกลับไปขี่รถวนหา เห็นเจดีย์เงียบเลยเข้าไป ปรากฏว่ามีคนเฝ้าจ้า แล้วนางก็มา

บอกว่าจะขึ้นเจดีย์ใช่ไหม นางก็ให้เราปีน แต่พอปีนเสร็จบอกว่า ขอตังค์ เอ้า งงเลยจ้า ถึงว่ามาแปลก พอเราบอกไม่มีตังค์นางไล่เลยจ้า Get out now !!! 55555555

ปล.สาเหตุที่เจดีย์ปิดเพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวไม่ทำตามกฎกติกาในการเข้าชม แล้วก็เนื่องจากเจดีย์ทรุดโทรมลงไปมาก จึงได้ปิดบูรณะซ่อมแซม อย่างเราก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะ อย่าทำตาม แล้วเราขึ้นไปยังไม่ทันได้โผล่หัว นางก็ไล่เราลงเลย 555555

หมดวันไปอีกวันพรุ่งนี้นั่งรถกลับย่างกุ้งทั้งวันเลยจ้า

Day 3 มอไซค์ 6000/2 = 3000= 64

ค่าข้าว 2600 = 55

มะม่วง 1000= 21

ค่าจ้างไกด์ท้องถิ่น 4000= 85

รวม 225 บาท

DAY4 : จองรถบัสกลับย่างกุ้งกับโรงแรม เนื่องด้วยเวลาที่เหมาะสม ของ บริษัท Min Thar Bagan จะมีรถสองแถวมารับเราที่พักเลย เวลา 7.00 น. แล้วไปส่งที่สถานีรถบัสพุกาม (สถานีรถบัสอยู่ย่านยองอู)

นั่งรถทั้งวันถึงย่างกุ้งประมาณ 18.00 น. ก็ต่อรถแท็กซี่ไปตัวเมืองย่างกุ้ง ส่งที่พัก

เราพักที่ 21 hostel&cafe ด้านล่างเป็นคาเฟ่ แต่ที่พักนี้เราไม่แนะนำ โดยส่วนตัวเรานอน hostel มาเยอะ แต่ที่นี่ห้องน้ำรวมไม่สะอาด ที่พักเหม็นอับ และไม่ระบายอากาศ



ด้านล่างเป็นคาเฟ่

ห้องจะเป็นแบบนี้ ข้างบนเป็นผู้ชาย ข้างล่างจะเป็นผู้หญิง


ที่สำคัญนั้น มีผ้าห่มผืนเดียวบางๆ 5555555


รวมอาหารเช้า ขนมปังปิ้ง กับกล้วยหอมดำๆ


คืนนี้เราไปซื้อของฝาก ถ้าใครจะซื้อของฝากแนะนำให้ไปซื้อที่ห้าง Junction city ของถูกกว่าตลาดสก็อต และมีทุกอย่างที่เราต้องการ

Day4

ค่ารถแทกซี่จากสถานีรถบัส 15000/2 = 7500= 160

เป๊ปซี่ 750= 16

Kfc 3800 = 81

ของฝาก 25550= 544

รวม 801

DAY 5 : วันสุดท้าย วันนี้ไม่มีแพลนอะไรในย่างกุ้งเลย นั่งรอเช็คเอ้าเที่ยงพอดี แล้วไปหาซื้อของแถวตลาดสก็อต จุดหมายวันนี้คือส่ง post card กลับบ้าน



ไปรษณีย์จะอยู่ตลาดสก็อต ชั้น 2 เปิดเวลา 10.00 น. ระหว่างทางไปซับซ้อนและหายากมาก แต่คุณป้าใจดีพาเดินไปส่งถึงที่


ค่าส่งโปสการ์ดกลับประเทศไทย แผ่นละ 1000 จ๊าต เจ้าหน้าที่จะติดแสตมป์และประทับตราให้เรา แล้วเราเอาไปหยอดตู้สีแดงข้างหน้าเอง



จบหลังจากนี้เหลือเวลาโคตรเยอะ ด้วยความที่เหนื่อยเลยจะไปนั่งเล่นสนามบินรอเวลา

นั่งรถเมล์ไปสนามบินเช่นเคย ตรง เจดีย์สุเล ขากลับนั่งคนละฝั่งกับขามาน้า 555

Day5

ค่าแทกซี่ไปตลาดสก็อต 2500/2 = 1250= 27

ค่า post card 1200= 26

ค่าส่ง โปสการ์ด 2000 อันละ 1000 =43

มะม่วง 400= 9

ค่าข้าว 5250 = 111

ค่ารถเมล์กลับสนามบิน 500= 11

รวม 227

5 วัน =875+2497+225+801+227= 4625

แลกเงินจั๊ตกลับเป็นเงินไทยที่สนามบินย่างกุ้งได้เลย เราแลกคืนมาได้ตั้ง 400 กว่าบาทแหน่ะ

จบแล้วพม่า 5 วันของเรา พยายามเขียนให้อ่านง่ายๆ แล้วตามกันไปได้ง่าย

อยากบอกอะไรสักหน่อยจากเรา

1. ถ้าเป็นคนกินอาหารยาก พกน้ำพริกไปขยำข้าว ส่วนมาม่าไม่ต้องพกไป ที่นั่นมีขาย ยี่ห้อบ้านเรานี่แหละ

2. ของฝาก ไปซื้อที่ห้าง Junction city ของถูกและเยอะ

3. กินอะไรไม่ได้ในย่างกุ้ง ควรฝากท้องไว้กับ KFC ปล. เคเอฟซีจะเสียค่า VAT ทุกครั้ง จะมีสติ๊กเกอร์แปะมากับ ใบเสร็จ

4.พุกามร้านอาหารจะเป็นแบบน้ำมันเยอะๆ เราฝากท้องไว้กับมาม่าตอนเย็นทั้ง 2 วัน

5.ที่พักที่พุกาม เราแนะนำเลย ดีมาก ทั้งพนักงาน ห้อง และบริการอื่นๆ

6.ถ้าไปช่วงที่เจดีย์ปิดเหมือนเราในพุกาม ให้ไปข้างๆเจดีย์ธัมมะยังจี สังเกตง่ายๆจะมีเนินดิน และฝรั่งเยอะๆตามเค้าไป

7.ย่างกุ้ง เที่ยวแบบรถแท็กซี่ และรถเมล์ จะถูกกว่าติดต่อไกด์ ถ้าติดต่อไกด์ ที่ย่างกุ้งจะเสียอยู่ที่ 80-90 ดอลล่าห์ ถ้าเที่ยวในรอบๆย่างกุ้ง ซึ่งแพงมาก

8. การนั่งรถแท็กซี่ในย่างกุ้ง แต่ละสถานที่ไม่ไกลกัน ราคาจะอยู่ประมาณ 3000-5000 จ๊าต ไม่เกินนี้ ถ้าต่อราคาได้ ลองต่อก่อน

9.ของฝากควรซื้อชา และเม็ดมะม่วงหิมพานต์อัดแท่ง อร่อย แนะนำเลย

10. การจองรถบัสควรจองในเว็บที่เราให้ไป จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปจองรถที่สถานี เพราะมันไกลจากตัวเมืองย่างกุ้งมาก

11.ไม่แนะนำที่พักที่ย่างกุ้งที่เราพัก


ฝากติดตามด้วยนะคะ

เพจ : เที่ยวจนเงินเดือนหมด

https://www.facebook.com/plajourney/ กดลิ้งค์ได้เลย อิอิ









































กาลครั้งหนึ่ง

 วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.44 น.

ความคิดเห็น