กาลครั้งนึง.......เคยมีความฝัน อยากนั่งรถไฟไปที่ไหนไกลๆสักแห่ง เมื่อกางแผนที่ดู รถไฟมันไปถึงสิงคโปร์ได้นิ ความฝันเลยบังเกิด ทริปนี้ใช้เวลาวางแผนไม่นาน ตั้งใจจะนั่งรถไฟไปให้ถึงสิงคโปร์ โดยเราวางแผนว่าจะเที่ยวตามเมืองระหว่างทางไปเรื่อยๆ เมืองแรกที่ อยากไป คือหาดใหญ่ อยากไปนั่งกระเช้าลอยฟ้า ข้ามเขา คราวที่แล้วไปดันลืมดูวันว่าปิดวันจัน เลยไปเสียเที่ยว คราวนี้ตั้งใจไปให้ได้ เมืองที่สอง อิโป ที่มาเลเซีย เห็นรีวิวหลายอันเป็นเมืองเก่าที่สวยงามมาก เมืองที่สาม กัวลาลัมเปอร์ อยากไปดูตึกที่เคยสูงสุดในโลก เมืองสี่ ปุตราจายา เมืองสร้างใหม่ของมาเลเซีย ที่มีความสวยงามมาก และเมืองสุดท้าย คือ สิงคโปร์ จุดหมายปลายทางของทริป
18/02/59 13:00
ปู้นนนนนนนนน เสียงอันคุ้นเคย ม้าเหล็ก ได้ขับเคลื่อนออกจากสถานีกรุงเทพ เป็นสัญญาณเริ่มของความสนุกและความมันส์
ตั๋วที่ได้เป็นตั๋วรถไฟฟรี ขบวน 171 ชั้น 3 โดยส่วนตัว ชอบนั่งรถไฟชั้น 3 มาก เพราะมันรู้สึกไม่เหงา มีคนชวนคุยไปตลอดทาง แลกเปลี่ยนเรื่องราว ทำให้การเดินทางอันแสนยาวนาน ดูสั้นไป
การนั่งรถไฟใต้ ถ้าไม่พูดถึง ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ลูกชิ้นปลา กล่องล่ะ 10 บาท สถานีราชบุรี คงไม่ได้ ไม่รู้ทำไมมาแล้วก็ต้องกิน มาเที่ยวราชบุรีก็บ่อย แต่ไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวเลย แต่มารถไฟต้องกินทุกครั้ง เวลากำลังดีเลย 4 โมงครึ่ง จัดไป 2 กล่องพอแก้หิวได้บาง
วันนี้โชคไม่ดี รถไฟขับมาเร็วไปหน่อย แต่ก็ยังช้ากว่ากำหนดการ ถ้าแล่นมาช้ากว่าหน่อย เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า ก่อนเข้าเมืองหัวหิน บริเวณนั้น มีทิวเขาตัดกับท้องทุ่งสีเขียว มันคงเป็นการชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก แต่มันไม่ใช่ เราจึงได้ดูพระอาทิตย์ตก หลังตึกในเมืองหัวหินแทน T_Tได้เพื่อนร่วมทางเป็นคนตรังที่กำลังจะกลับบ้าน เป็นคนที่ชอบและรักรถไฟ และที่สำคัญเคยทำงานที่การรถไฟเราได้คุยหลากหลายเรื่องราว ทำให้ค่ำคืนนี้ ไม่เหงา อีกต่อไป
สถานีนี้ พัทลุง ผมดูนาฬิกา เป็นเวลา ตีห้าครึ่ง เราก็ใช้เวลานับ ชม เดินทางมาถึงหาดใหญ่ จุดหมายแรกของเรา ในเวลา 7:30 น การนั่งรถไฟ 18 ชม แล้วได้อาบน้ำมันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายมาก สถานีหาดใหญ่ มีห้องอาบน้ำให้บริการ ราคา 10 บาท ได้รับพลังความสดชื่น ก็ออกหาข้าวกิน มาหาดใหญ่คราวที่แล้วยังไม่ได้ลิ้มลองข้าวมันไก่เบตง เลย เลยเปิดเน็ตหา ร้านข้าวมันไก่ ได้ลายแทงร้าน มุ่ยกี่โอชา เปิด google map ปักหมุด เดินไปตามทาง ไม่นานก็มาถึง ไม่ผิดหวังจริง ไก่นุ่มมาก หนังก็กรอบ น้ำจิ้มแปลกดี ไม่เคยกินน้ำจิ้มแบบนี้ที่กรุงเทพ ท้องอิ่มก็ได้เวลาออกเดินทาง เป้าหมายคือสวนธารณะหาดใหญ่ เดินไปขึ้นรถสองแถว 10 บาท จากตลาดกิมหยง ถึง หน้าสวนสาธารณะเลย แต่ต้องเลือกสายนะ อันนี้เป็นรถสีสองแถวหัวขาว เขียนว่าสวนสาธรณะ ผมชอบหาดใหญ่ ตรงรถสาธารณะมีเยอะ ไม่ต้องเหมา มีวิ่งหลากหลายเส้นทางครอบคลุมทั้งเมือง ผมว่าประเทศไทยเราควรพัฒนาจุดๆนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จุดไหนคนเที่ยวเยอะควรมีรถสาธาณะครอบคลุม ไม่ใช่ปล่อยให้เอกชนทำ เรียกราคาตามใจ มาถึงสวนสาธารณะ จะมีรถรางบริการตามเวลา ราคา 20 บาทขึ้นไปบริเวณบนเขา ที่มีพระยืนองค์ใหญ่ จุดนี้ ทำให้เรามองเห็นเมืองหาดใหญ่ทั้งเมือง
เสพบรรยากาศอยู่นาน ได้เวลา ขึ้นกระเช้า ไปอีกฝั่งของเขาอีกลูกแล้ว ค่ากระเช้า 100 บาท ใช้เวลาเดินทาง ไม่ถึง 5 นาที
ข้ามมาอีกฝั่งเราจะพบกับ ศาลท้าวมหาพรหม ช้างสามเศียร มีแต่คนมาเลย์มาไหว้กัน มาถวายประทัด จุดกันดังสนั่นไม่ขาดสายจริง
ถ่ายรุปเล่นจนถึงแก่เวลา ก็นั่งรถสองแถวจากหน้าสวนสาธารณะ กลับมายังสถานีรถไฟ หาตั๋วรถไฟไป ปาดังเบซาร์
ได้ตั๋วรอบ 13:00 ไปถึงปาดังเบซาร์ 14:00 (เวลาไทย) เป็นรถสปินเตอร์ ราคา 80 บาท เวลาที่ประเทศมาเลเซียจะเร็วกว่าไทย 1 ชม ดังนั้นเวลาจะจองตั๋วรถไฟมาเลเซียต้องคำนวนเวลาดีๆ มาถึงปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย ก็ผ่านด่าน ตม ไทย และ ก็ ตม มาเลเซีย ที่เดียวกันเลย สะดวกสบายมาก
ได้จองตั่วรถไฟมาเล ไปเมืองอิโป จากทางเวป สะดวกมาก จองเสร็จตัดเงินผ่านบัตรเครดิส ปริ้นตั่วออกมา ก็สามารถเอาไปขึ้นได้เลย ไม่ต้องไปแลกเปลี่ยนไรทั้งนั้น ราคาผมว่าถ้าเทียบกับรถไฟไทย ถือว่าถูกกว่านะปาดังเบซา - อิโป 310 กม ราคา 56 ริงกิต(ประมาณ 470 บาท) เดินทาง 3 ชม นิดๆ รถไฟสะดวกสบายมาก มีมอนิเตอร์บอกทางเสร็จ ไม่ต้องกลัวลงผิดสถานีเลย
รถไฟออกจากปาดังเบซาร์ 16:15(เวลามาเลเซีย) แล่นไปเรื่อยๆ ผ่านสะพานปีนัง ที่สถานี บัตเตอร์เวิด ในที่สุดเราก็มาถึงอิโป ในเวล่า ทุ่มครึ่ง ตรงตามเวลาที่ระบุไว้ ไม่มีขาดไม่มีเกินเลย ไม่รู้ว่าเมือไรประเทศไทยจะมีรถไฟแบบนี้มั้ง
เรามาถึงอิโป ก็ถูกต้อนรับ โดยฝน ต้องเดินทางสถานีรถไฟ ไปที่พัก ตามแผนที่ระบุไว้ 1.5 กม ไม่มีทางเลือกก็ต้องเดินตากฝนกันไป ไม่นานก็มาถึงทีพัก เก็บกระเป๋าจัดของเรียบร้อย ฝนก็หยุดพอดี ได้เวลาออกหาข้าวกิน ได้ลายแทงเป็นข้าวมันไก่ ถามทางแล้วออกเดิน
เป็นไก่ที่อร่อยมาก ราคาไม่แพง ทั้งไก่จานนี้ ข้าว 2 ถ้วย แล้วมีผัดถั่วงอกอีกจาน ราคา 24 ริงกิต ไก่ให้มาเต็มๆ ไม่มียัดไส้แบบที่ไทยที่เอาแตงกวามารองอยู่ด้านล่าง แล้วเอาไก่วางด้านบนให้ดูเยอะ กินอิ่มก็เดินผ่านตลาดนัดกลางคืน มีของพวกรองเท้าก็อป เสื้อผ้า กระเป๋า เต็มไปหมด ราคาก็ถูกกว่าไทยอยู่ เต็มสองฝั่งถนน
ไปเจอ ไมโลในตำนาน ไมโลโรงเรียน เลยจัดมาลอง ราคา 2 ริงกิต รสชาติจืด มาก หรือเราติดหวานก็ไม่รู้ 555 กินข้าวเสร็จเพิ่งจะสี่ทุ่ม เลยว่าจะไปกลางเมืองเก็บแสงกลางคืน ว่าแล้วก็ไปเลย
เดินถ่ายรูปมาเรื่อยๆ บ้านเมืองแบบยุคเก่า สวยงามมากก พอมาถึงลานกลางเมืองตรงหน้าสถานีรถไฟ ต้องประหลาดใจกับปริมาณผู้คน นี่เวลา 5 ทุ่ม คนยังมากขนาดนี้ ออกมานั่งจับกลุ่มคุยกัน ฝึกเล่นสเก็ตบอร์ดกัน เด็กๆ ก็วิ่งเล่นจับน้ำพุ ผู้ใหญ่ก็นั่งคุยกัน เป็นภาพที่ไม่เคยเห็นในประเทศไทยนานแล้ว
เด็กๆ ยังสนุกกับการวิ่งเล่น ไล่จับน้ำพุ มีแต่เสียงหัวเราะ เป็นภาพที่หาดูยากมาก เด็กไทยสมัยนี้ ก็อยู่กับเทคโนโลยี อยู่กับ ipad ฝึกสกิลการใช้นิ้วอย่างเดียว เทคโนโลยียังไม่สามารถกลืนเมืองที่ชื่ออิโป ไปได้เลย เริ่มหลงรักเมืองนี้เข้าให้เสียแล้ว
ติดตามการเดินทางต่อไปได้ใน รถไฟ......ไปไกลได้แค่ไหน 1.2 (ตั้งใจไว้จะเขียนรีวิวให้จบทริปภายใน 1.3)
Teerasak Tangkittimasak
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 03.00 น.