ตื่นเช้ามา พร้อมความสดชื่น หลังไม่ได้นอนแบบเต็มอิ่มบนรถไฟมา เช้านี้เริ่มต้นการเดินทางด้วยการไป ศูนย์ข้อมูลของเมือง อิโป ไปหาเส้นทางที่จะไปเที่ยวกัน
ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวจะอยู่ตรงข้ามรูปนี้ เป็นรูปของร้าน old town white coffee อยู่ไม่ใกล้จากสถานีรถไฟมากนัก ตามรีวิวที่ศึกษามา จะมีวัดจีนอยู่ 3 แห่งติดกันไม่ไกลจากเมืองมาก พนักงานบอกเดินทางไม่ยาก ให้นั่งรถสาย 62 ที่สถานีรถบัสไป หลังจากได้ข้อมูลเสร็จก็ แวะ ร้าน old town white coffee หาข้าวกินสักหน่อย
หิวจัดจนลืมถ่ายรูปข้าวมา ได้มาแต่ของกินเล่น ประมาณกะหรี่ปั้ม บ้านเรานั้นแหละ เดินไปสถานีรถบัส อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ(หันหน้าเข้าสถานีรถไฟ เดินตรงไปทางซ้ายจนสุดเป็นสามแยก สถานีรถบัสจะอยู่ตรงหัวมุมพอดี ) เราก็ไปเล็งหารถบัส เบอร์ 62 ก่อนขึ้นถามคนขับว่าผ่าน " ซัม ปอ กง " ไม คนขับผยักหน้า ค่าเสียหาย 1.2 ริงกิต ไม่นานรถก็ออก นั่งไปประมาณ 15 นาทีเห็นจะได้ คนขับก็ตะโกนบอก ซัม ปอ กง เราลงรถ มาเราก็เจอวัดแรกเลย
วัดแรก สีสันสดใส ภายในก็มีพระ และพวกรูปปูนปั้นอยู่
เดินชมสักพัก ก็ไปต่อกันวัดที่ 2 อยู่ติดกันเลย
วัดนี้ จะพิเศษตรงที่ อยุ่ในถ้ำเลย แล้วยังมีทางขึ้นไปชมวิวด้านบนได้อีก
วิวระหว่างทางขึ้น ยังมีขึ้นไปอีก แต่พอขึ้นไปแล้ว เหมือนกำลังก่อสร้างอยู่เลย แถมยังมืดมากอีก วิวตรงนี้สวยสุดแหละ
มาต่อกันวัดที่ 3 วัด ซัม ปอ กง นั้นเอง ก็ยังคงสร้างภายในถ้ำอยู่ แต่สามารถขึ้นไปได้เพียง 3 ชั้นเอง ส่วนต่อดันล็อคกุญแจไว้ ที่ชั้นล่างเดินไปทางด้านหลังก็มีบ่อเต่าอยู่
โดยส่วนตัวชอบวัดที่ 3 สุด บรรยายกาศดี ร่มรื่น ตึกอาคารสวย ถ่ายรูปจนได้เวลาอันสมควร ก็กลับ ข้ามมารอรถเมล์ สายเดิม ยังไม่ทันถึงป้ายนถเมล์เลย รถเมล์สาย 62 พี่คนขับคนเดิมก็ มาจอดแล้วโบกมือให้ขึ้น 5555 รู้สึกเหมือนเหมารถส่วนตัวไปเที่ยวยังไงก็ไม่รู้ มาถึงในเมือง ก็บ่ายสอง ได้เวลาไปจองตั๋วรถไฟ ไป กัวลาลัมเปอร์ กัน ได้รถไฟ รอบ 18.00 ยังมีเวลาให้เที่ยวเล่นได้อีก 3 ชม เลยว่าจะไปตามหาสตีทอาร์ท อันเลื่องชื่อของอิโป เด็กกระโดดเชือก
ไปสอบถามทาง จากเจ้าหน้าที่รถไฟ
A: ขอโทษนะครับ ผมจะไปตรงนี่ (ชี้ในแผนที่) ไม่ทราบว่ามีรถเมล์สายไหนไปถึงมั้งครับ
B: นิ่งไปสักครู่ แล้วบอกว่าเดินไปประมาณ 15 นาที ถึง
A: ยังพยายามต่อ ไม่มีรถเมล์เหรอครับ
B: ตัดบท ทำไมไม่เรียกแท็กซี่ล่ะ
A:???????
สรุป เดินครับ เดินกลางแดด บ่ายสองกว่า มันร้อนมากกกกก เดินไปเรื่อยๆๆ ก็เจอวิวสวยๆระหว่างทาง
เดินไปในที่สุดก็เจอ ภาพที่ตามหา
ถ่ายยากโครต เลนส์คิท นี้ต้องจัดติดกำแพงอีกฝั่ง ก็ยังเก็บไม่หมดเลย สงสัยต้องถอยเลนส์วายแหละ 555
เดินวน อยู่แถวนั้น ก็มีภาพ อาร์ทให้ตามถ่ายรูป แต่ด้วยเวลาจำกัด ไม่สามารถตามถ่ายได้ครบทุกภาพ ไว้มีเวลามากกว่านี้จะมาตามเก็บทุกภาพ
มาถึงไฮไลท์ของวัน เคยอ่านรีวิวเจอบอก ที่อิโปมีร้าน old town white coffee สาขาแรกอยู่ ใจก็อยากไปเห็นสักครั้ง ก็เปิดแผนที่เมืองดู บอกพิกัดไว้ เทียบจาก กูเกิลแมพ บอกห่างไป 2 กิโล ด้วยความอยากเห็น เดินก็เดิน ด้วยความที่ยิ่งเดิน ยิ่งรุ้สึกมันห่างความเป็นชุมชนมากขึ้น เริ่มเห็น รร เห็นห้างสรรพสินค้า ในใจคิดมันใช่จริงเหรอว่ะ เดินไป ในที่สุดก็ มาถึง มันคือร้าน old town white coffee จริงแต่มันไม่ใช่สาขาแรก จบเลย เดินมาไกลมาก สิ่งที่ได้ปลอบใจคือ หอนาฬิกา กับสวนอะไรสักอย่าง
ด้วยความเหนื่อย อยากนั่งรถเมล์กลับแหละ เลยเริ่มบทสนทนาถามทางใหม่
A: ขอโทษนะครับ ผมจะไปสถานีรถไฟ ไม่ทราบว่ามีรถเมล์สายไหนไปถึงมั้งครับ
B: นิ่งไปสักครู่ แล้วบอกว่าทำไม ไมเรียกแท็กซี่ล่ะ
A:????????????(คิดในใจ เมืองห่าไรเนี่ย ไม่มีรถเมล์วิ่งในเมืองเลย)
เดินกลับทางเดิม แต่ใจยังอยากไปเห็นสาขาแรกอยู่ ก็พยายามหาในที่สุดก็เจอ ชื่อร้าน Kedai Makanan Nam Heong ลองปักหมุดดู มันคือที่เราเดินผ่านมา อยุ่ไม่ไกลจากที่ถ่ายรูป เด็กกระโดดเชือก (เชื่ยๆๆ เดินมาทำไม ไปกลับ รวม 4 กิโล ) อย่างน้อยทุกการเดินทางมันก็มีความหมาย ปลอบใจด้วยหอนาฬิกาสวยๆ กะพื้นหญ้าสีเขียวๆ ใครมาเที่ยวอิโปลองมาดูได้ครับ มันสวยจริง
เดินมาเรื่อยๆ จนถึง รร ที่พัก จัดกระเป่าเสร็จ จะออกเดินไปสถานีรถไฟ ดันฝนตกกระหน่ำ เอาไงดี นั่งหาข้อมูลไปเรื่อย ใจก็ยังอยากเห็นสาขาแรกอยู่ เริ่มวางแผนหาหนทางที่จะไปดูร้าน old town white coffee สาขาแรก และไปทันขึ้นรถไฟ 18.00 พอฝนเริ่มซา ก็รีบออกเดิน กลางฝนที่ยังตกอยู่แต่ไม่แรงมาก
ในที่สุดๆๆๆๆๆๆๆๆ เราก็เจอ old town white coffee สาขาแรก แต่ดันปิดดดดด เราจึงได้แต่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก การมาเยือนสาขาต้นกำเนิด
เดินมาไม่นาน ก็จะใกล้ถึง สถานีรถไฟ ก็เจอพี่คนไทย ที่เจอบนรถไฟ ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนสถานที่เที่ยวกัน พี่บอกว่าปราสาทร้างน่าไปมากก ไว้คราวหน้าจะกลับมาซ่อมนะ
Bye IPOH ผมชอบและรักเมืองนี้ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ ตึกอาคารสวยงาม ผู้คนรักใช้ชีวิตเหมือนประเทศไทยเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่ผู้คนยังไม่เร่งรีบกัน เทคโนโลยียังไม่เข้ามาครอบงำ ยังมีการออกมานั่งเล่นกลางเมือง เด็กๆมาวิ่งเล่นกัน เป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่งงงง แต่ๆๆๆๆๆ ทำไมถึงไม่มีรถเมล์วิ่งด้านในเมือง มาเมืองนี้ต้องพกเท้ามาอย่างเดียวจริง เดินกันหายเบื่อเลย
กัวลาลัมเปอร์ที่รัก
อีกไม่กี่ ชม เราจะอยู่ในเมืองหลวง ของประเทศมาเลเซียกันแล้ว ตามแผนจะไปดูไฟที่ตึกแฝดกันเลย
รถไฟมีบอกความเร็ว กับหนังที่กระตุกๆๆ ให้ดู แต่ผมสนใจวิวพระอาทิตย์ตกมากกว่า พอใกล้เวลา เราไปนั่งตู้เสบียง จิบไมโล ดูพระอาทิตย์ตกกัน
วิวสวยจับใจมากกกก ไม่รู้อีกนานเท่าไร ประเทศไทยถึงจะมีรถไฟ แบบนี้มั้ง นั่งชมวิวจนพระอาทิตย์ตอกบัตรกลับบ้าน ในที่สุด เราก็มาถึง กัวลาลัมเปอร์ เราจะลงสถานี Kuala Lumpur Sentral สถานีเหมือนเป็นศูนย์รวมรถไฟทุกสายที่มีในกัวลาลัมเปอร์ มันใหญ่มากกก แบ่งพื้นที่ให้รถไฟเจ้าต่างๆ มี 4 ประเภท 8 เส้นทาง ต้องศึกษากันดีๆว่าจะไปไหน แล้วมีรถไฟไรผ่าน ราคาขึ้นกับประเภทและระยะทาง
รถไฟมาถึงเลทหน่อย แต่ก้ไม่มีปัญหา เลทระดับ ไม่ถึง 10 นาที แต่ที่ไทยเลทนี้นับหลัก ชม กันได้เลย
มาถึงไฮไลท์อันที่ 2 ของวัน เราได้ทำการจองที่พักมาตั้งแต่เมื่อคืน เพราะกลัวเต็ม มันเป็นคืนวันเสาร์ด้วย แต่ต้องมีเรื่องเซอรไพร์ จากสถานีเดินไปที่พักที่จองไว้ มันห่างกัน 1.5 กิโล ก็เดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงที่พัก นึกว่าจะได้นอนพักสบายๆ แล้วออกไปเก็บแสงกลางคืนที่ตึกแฝด ปรากฏ พนักงานบอก บัตรเครดิสที่ระบุมามีปัญหา ไม่สามารถยืนยันได้ ทาง รร เลยไม่ได้บุ๊คห้องไว้ แล้วที่สำคัญ ห้องเต็มแล้วว เลยงง ทำไมเวปที่จองไม่บอกว่าบัตรเครดิสมีปัญหา ก็เลยชั่งมันน ออกมาเดินทางที่พัก ตอน สามทุ่มเกือบสีทุ่ม เดินมา ถามระหว่างทางไปเรื่อย เต็มทุกที จนไปเจอที่นึง อยู่ห่างออกไปเกือบ 2 โล ยังมีที่ว่าง ก็เลยเดินไป ที่พักอยู่ย่านคนแขก สภาพระหว่างทางโครตมืด ในใจนี้คิด จะโดนปล้น ป่ะเนี่ย จนมาถึง รร เช็คอินไรเสร็จ เกือบ 5 ทุ่ม วันนี้เป็นวันที่มีครบทุกรสชาดจริง ความไม่พร้อมนี่แหละเสน่ห์ของการเดินทาง
ราตรีสวัสดิ์..........วันอันแสนวิเศษ
ปล ตั้งใจจะเขียนให้จบทริป 3 บทความ แต่สงสัยต้องเป็น 4 แหละ รูปเยอะเหลือเกิน
Teerasak Tangkittimasak
วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 02.20 น.