สวัสดี สวีดัส พบกันกันอีกเเล้วน๊าาา หน้าร้อนจะไปเที่ยวไหนทีก็ลำบากจะออกไปไหนก็ร้อน แต่ใจเสพติดการท่องเที่ยว เลยหาสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวหน้าร้อนได้แบบฟินๆ ก็เลยหาข้อมูลมาพอสมควร ทริปนี้เราเลยจัดทริปไปอ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี สถานที่เที่ยวที่ได้ชื่อว่า เมืองในหมอก เเละเรายังได้ข้ามไปเที่ยวต่างประเทศกันด้วยนะ อิอิ ใช่แล้ว เราข้ามไปยังเมืองพญาตองซู (พม่า) ก็เลยจะมารีวิวสั้นๆให้อ่านเป็นเเนวทางการท่องเที่ยวกันนะครับ ^^

🚩เราเริ่มต้นกันที่กรุงเทพ (พิกัดขึ้นรถ สนามกีฬาราชมังคลา ม.ราม1) รวมพลในเวลา 22.00 น. เพื่อทีาจะเดินทางไป อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กัน ➡️ รถตู้ติดต่อได้ที่เบอร์ 0926258199 พี่โอเล่ รับรองขับขี่ปบอดภัยไม่ผิดหวังครับ

🚩ขับกันมาเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ มีพักเเวะกินข้าว กินกาเเฟกันที่ปั้มทางผ่าน จนเรามาถึงสังขละบุรีกันในเวลาประมาณ 8โมงเช้า ระหว่างทาง บอกเลยว่าวิวสวยม๊ากกกกก รถตู้ขับข้ามภูเขาลูกนั้นที ลูกนี้ที คือมันฟินอะ กับวิวสวยๆเเละหมอกเช้าๆ ผ่านจุดชมวิวเขื่อนเขาเเหลมด้วยนะ



🚩จุดเเวะจุดเเรกคือ เราตั้งใจจะไปชม วัดจมน้ำ หรือวัดวัดวังก์วิเวการาม(เดิม) เดิมวีดนี้เป็นวัดหลวงพ่ออุตตมะ ต่อมามีการสร้างเขื่อนน้ำจึงท่วมในที่เดิม จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล การเดินทางเข้าชมคือทางเรือเท่านั้นครับ
➡️ค่าเรือคิด ไป-กลับลำละ 500 บาทครับ โดยเรือ1ลำนั่งได้ประมาณ 6-7 คนครับ

ครั้งนี้เป็นการนั่งเรือเที่ยวที่เราไม่เบื่อเลยนะ เพราะระหว่างเรือวิ่งลมจะตีหน้าทำให้เย็นตลอดเวลา อีกอย่างวิวสองข้างทางมันฟินด้วยละ

➡️นั่งเรือมาได้ประมาณ 10 นาที เราก็จะถึงโบส์ถเก่าครับ เเต่จุดนี้เราลงกันไม่ได้นะ

🚩นั่งเรือมาอีกนิดก็จะเจอซากวัดเก่าที่จมน้ำหลงเหลือเเต่อนุสรณ์สถานให้คนรุ่นหลังได้ดูกันครับ จุดๆนี้เราสามารถลงไปถ่ายรูปได้นะครับ

จุดเเวะจุดเเรกคือ วัดจมน้ำ หรือวัดวัดวังก์วิเวการาม(เดิม) เดิมวัดนี้เป็นวัดหลวงพ่ออุตตมะ ต่อมามีการสร้างเขื่อนน้ำจึงท่วมในที่เดิม จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล การเดินทางเข้าชมคือทางเรือเท่านั้นครับ วัดใต้น้ำ หรือ วัดจมน้ำ คือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อนถึงต้นฤดูฝน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม – มิถุนายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำจะลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนจนถึงฤดูหนาว ตั้งแต่ประมาณกันยายน – มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำเท่านั้น



🚩วัดวังก์วิเวการามเดิมนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2498 เป็นวัดที่เกิดจากพลังความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงพ่ออุตตมะ
วัดอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ คือบริเวณเนินที่มีแม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำบิคลี่ ซองกาเลีย และรันตี มารวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย ในปี 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีโครงการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือเขื่อนเขาแหลม เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เมื่อสร้างน้ำเพิ่มขึ้นจนท่วมตัวอำเภอเก่า หมู่บ้านชาวมอญ รวมถึงวัดวังก์วิเวการามเดิม สำหรับวัดย้ายมาอยู่บนเนินเขาด้านฝั่งตะวันตกของลำน้ำแควน้อยในปัจจุบัน
บริเวณวัดเดิม ถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำ "วัดใต้น้ำ" หรือ “เมืองบาดาล” และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ อ.สังขละบุรีครับ

เที่ยวเสร็จแล้วเราก็ขึ้นเรือกลับครับ โดยเรือที่เราเหมามา เค้าจะรอเรา แล้วรับเรากลับครับ


จุดเเวะต่อมา วัดหลวงพ่ออุตตมะ หรือวัดวังก์วิเวการาม เป็นสถาปัตยกรรมของวัดนี้เป็นแบบพม่า วัดนี้นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว ยังเป็นวัดที่ถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นที่ คือเป็นศูนย์รวมจิตใจของขาวสังขละ วัดนี้ห่างจากเจดีย์พุทธคยาเพียงนิดเดียวเท่านั้นครับ คือมาเที่ยวครั้งเดียว เที่ยวได้ถึง 2 ที่เลยนะ

ในภาพคือสถานที่บรรจุสังขารของหลวงพ่ออุตตมะครับ


จุดเเวะต่อมา พุทธคยาจำลอง หรือ พระเจดีย์พุทธคยา เป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่กับวัดวังก์วิเวการาม เป็นเจดีย์องค์ใหญ่นี้ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ มีสีเหลืองทอง สามารถมองเห็นได้จากแม่น้ำซองกาเลีย ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นเจดีย์ที่มีผู้คนมาสักการะ บูชาองค์เจดีย์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เจดีย์พุทธคยายังเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและงานเทศกาลเช่น งานวันสงกรานต์ เจดีย์พุทธคยา ตั้งขึ้นอยู่ไม่ไกลจากวัดวังก์วิเวการาม ห่างไปประมาณ 650 เมตรเท่านั้น

เราเเวะจุดไฮไลท์สำคัญของสังขละบุรี แท่นเเท้นนนน "สะพานมอญ" เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 445 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเรีย ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

สะพานนี้สร้างขึ้นโดยดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ. 2528 จนถึง พ.ศ. 2530 โดยใช้แรงงานของชาวมอญ เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี

สะพานมอญ ถ้ามาช่วงเย็นๆนี่บอกเลยว่า ฟินโครตตตต เราจะได้เห็นวิถีชาวบ้าน เห็นเด็กกระโดดน้ำ ท้องน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา โดยมีภูเขาเป็นภาพพื้นหลัง เเดดร่มลมตกนี่บอกเลยว่าฟิน ^^

เที่ยวมาทั้งวันแล้ว เราก็กลับฐานบัญชาการใหญ่ พีเกสเฮาท์ กันครับเพื่อเตรียมตัวไปสะพานมอญกันตอนเช้าครับ พีเกสเฮาท์เราถือเป็นที่พักหลักร้อย วิวหลักล้านเลยนะ ค่าห้องไม่เเพงครับพัดลมคืนละ 400 บาท แอร์คืนละ 950 บาท

บรรยากาศฟินๆยามค่ำคืนของ พีเกสเฮาท์


เริ่มหิวเราก็ไปตลาดสิครับ จุดศูนย์รวมสำคัญอีกเเห่งหนึ่งของสังขละคือ ตลาดโต้รุ่งครับ ที่นี่ เสาร์-อาทิตย์จะมีของขายเยอะเป็นพิเศษ เเต่จุดไฮไลท์จริงๆคือ เเท่นนนน เเท้นนนน หมูจุ่มพม่าไม้ละ1บาทครับ บอกเลยว่าถ้ามาสังขละเเล้วไม่ลองมากินเหมือนมาไม่ถึงนะ เชื่อเราสิ กินคำเเรกอื้อหือ อร่อยว่ะ !! เป็นหมูเเช่ในน้ำพะโล้ครับ ไม้นึงก็เเค่นี้ครับเเต่เด็ดที่น้ำจิ้ม น้ำจิ้มจะมี 2 ถ้วยครับ น้ำจิ้มเหมือนน้ำจิ้มสุกี้เเต่จี๊ดจ๊าดกว่า อีกถ้วยนึงจะคล้ายๆน้ำจิ้มซีฟูดครับ

กินเสร็จเรากลับฐานบัญชาการใหญ่ พีเกสเฮาท์ กันครับเพื่อเตรียมตัวไปสะพานมอญกันตอนเช้าครับ พีเกสเฮาท์เราถือเป็นที่พักหลักร้อย ราคาหลักล้านเลยนะ ค่าห้องไม่เเพงครับพัดลมคืนละ 400 บาท แอร์คืนละ 1000 บาท

🚩บรรยากาศฟินๆยามค่ำคืนของ พีเกสเฮาท์



😀วันรุ่งขึ้นเราตื่นกันตั้งเเต่ตี4ครับเเต่บรรยากาศไม่น่าตื่นเลยจริงๆคือมันเย็นสบายมากๆ เราอาบน้ำเตรียมตัวไปที่สะพานมอญห่างจากพีเกสเฮ้าท์ประมาณ1กิโลครับ @"สะพานไม้อุตตมานุสรณ์" หรือที่ เรียกกันว่า "สะพานมอญ”เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศ มีความยาวประมาณ 850 เมตรยาวเป็นอันดับ2ของโลกรองจาก"สะพานไม้อูเบ็งของประเทศพม่า"ครับ หลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้ดำเนินการสร้าง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนไทย กะเหรี่ยงและมอญได้สัญจรไปมาหาสู่กันเพื่อเป็นการสร้าง ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามกลุ่มสะพานมอญเป็นจุดท่องเที่ยวที่เรียกว่า กลายเป็นสัญลักษณ์ของสังขละบุรีไปแล้ว 😆😆
......พวกเรามาเช้าขนาดไหนคงไม่ต้องบอกนะครับ 55 คือมันเช้ามากเเค่ตี5เองครั

หมอกฟินๆเลย เพราะเมื่อคืนฝนตก เช้ามาเลยฟินเเบบนี้

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าของสะพานมอญ เป็นอะไรที่สวยมากกกก ลมเย็นๆ รอดูเเสงเเรกของวัน ฟินโครตตต ^^


มองไปอีกด้านของสะพานมอญก็สวยงามไม่เเพ้กันกับวิวฟินๆเเบบนี้ เราจะเห็นสะพานสำหรับรถวิ่งไปทางด่านเจดีย์สามองค์ด้วยครับ


เด็กๆมัคคุเทศน์น้อยออกมานั่งรอนักท่องเที่ยวกันแต่เช้า มัคคุเทศน์น้อยจะคอยเดินเข้ามาพูดคุย บอกเล่าเรื่องราวของสถานที่เกิดของพวกเขา ด้วยความน่ารัก เป็นมิตร พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่เงินเป็นสิ่งตอบแทน แต่ต้องการจะสื่อสารกับผู้คนด้วยจิตใจรักบ้านเกิด ถ้าคุณมีโอกาสไป ลองมองตาพวกเขา แล้วจะรู้ว่าเด็กน้อยกลุ่มนี้ พวกเขามีเสน่ห์มากแค่ไหน …

ดูวิวเสร็จเเล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยของการมาสังขละบุรีคือ การใส่บาตรมอญ เราเดินข้ามไปอีกฝั่งของสะพานก็จะเป็นฝั่งมอญ ฝั่่งมอญนี่คือประเทศไทยนะครับ เพียงเเต่ว่าชาวมอญอาศัยอยู่เยอะเลยเรียกกันว่าฝั่งมอญ ที่ฝั่งมอญจะมีการจัดชุดใส่บาตรไว้ให้เราด้วยนะครับชุดละ 99 บาทพร้อมชุดมอญสำหรับเปลี่ยนถ่ายรูปฟรีครับ

ไหนๆเราก็ใส่ชุกมอญทำตัวกลมกลืนกับชาวบ้านแล้วก็ถ่ายรูปเป้นที่ระทึก เอ้ยระลึกกันสักหน่อย


ในทุกๆวันจะมีนักท่องเที่ยวมารอใส่บาตรกันหนาตามาก เพราะสังขละ เป็นสถานที่เที่ยวที่มาได้ทุกฤดู ^^

พิธีตักบาตรมอญ เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวบ้านที่นี่ ทุกเช้าตรู่เวลาประมาณ 6.30 น. ชาวบ้าน นักท่องเที่ยว ต่างต่อแถวเนื่องแน่น เพื่อรอใส่บาตรพระสงฆ์ คุณจะพบรอยยิ้มของคนในชุมชน เด็กน้อยผู้นำโถข้าวมาซ้อนไว้บนศีรษะ หรือนักท่องเที่ยวที่สวมชุดมอญเดินถ่ายรูป เป็นภาพที่คุณไม่อาจเห็นที่ไหนในประเทศนี้ นอกจากที่นี่ สังขละบุรี




เสร็จจากใส่บาตร ก็นั่งรถตู้ต่อมาที่ "ด่านเจดีย์สามองค์ นอกจากจะได้เห็นอดีตเส้นทางรถไฟสายมรณะกันเเล้ว ที่นี่ยังมีของขายของฝากให้เราซื้อกลับบ้านกันด้วยนะ ใกล้ๆจุดผ่านเเดนก็จะมีทัวร์ขายสำหรับ ข้ามไปเที่ยวพม่า เเบบ One day trip เราไปกัน20 คนก็เลยต่อรองได้เหลือคนละ 250 บาท โดยจะมีช้อยส์ให้เราเบือกส่าจะไปกี่วัด ที่ไหนบ้าง ติดต่อได้ที่ อบต.ต้น 0930283757 ครับ
.....โดยการมาเที่ยวพม่านั้น เราจะต้องมีบัตรประชาชน หรือ พาสปอร์ตครับ ทางทัวร์จะจัดการให้เราหมดครับ เมื่อทำเรื่องผ่านเเดนเสร็จเเล้ว เราก็เดินข้ามไปยังฝั่งพม่าเเล้วจะมีรถสองเเถวมารอรับเราเพื่อเดินทางไปเที่ยวพม่ากันครับ
หากเรามาเองไม่ผ่านทัวร์ก็จะต้องทำการติดต่อที่ด่านชายแดนเจดีย์สามองค์เพื่อทำบัตรผ่านแดนเข้าพม่าภายใน 1 วันเสียก่อน
เอกสารที่ต้องเตรียม มีดังนี้
1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ข้ามแดนทุกคน โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บบัตรประชาชนตัวจริงไว้ 1 ใบ และให้บัตรผ่านแดนมา เมื่อกลับเข้ามาอย่าลืมแวะด่านเพื่อแลกบัตรประชาชนตัวจริงคืนนะครับ

2. กรณีนำรถยนต์เข้าไปในพม่า จะต้องใช้ สำเนาทะเบียนรถ/พรบ./ประกันภัย/ป้ายวงกลม(ป้ายการเสียภาษี) อย่างใดอย่างหนึ่ง และเสียค่าธรรมเนียมคันละ 50 บาท (มอเตอร์ไซค์เอาเข้าไปไม่ได้)

ค่าธรรมเนียมผ่านด่านชายแดนเจดีย์สามองค์ จากฝั่งไทยไม่เสียค่าธรรมเนียม ส่วนฝั่งพม่าเสียค่าธรรมเนียมคือ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 10 ดอลล่าร์ (ชาวต่างชาติไม่สามารถประทับตราวีซ่าใหม่ ณ จุดผ่านแดนนี้ได้)
เวลาทำการด่านเข้า-ออก 6.00 น. - 18.00 น.
ติดต่อสอบถามการเปิด-ปิดด่านได้ที่ ตม.สังขละบุรี โทร 034-595-335

ข้อแนะนำ
- นักท่องเที่ยวที่ผ่านแดน ไม่สามารถพักค้างคืนในพม่าได้ ต้องกลับเข้ามายังฝั่งไทยก่อนเวลาด่านปิด คือเวลา 18.00 น.
- หากขับรถยนต์เข้าไปในพม่าต้องเปลี่ยนจากขับเลนซ้ายเป็นเลนขวา
- สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองสังขละ เพื่อขี่ไปเที่ยวแถวบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ได้ แต่ไม่สามารถนำมอเตอร์ไซค์ผ่านข้ามแดนไปพม่า
- ฝั่งพม่ามีมอเตอร์ไซค์รับจ้างพาทัวร์วัดและตลาด ราคาประมาณ 100 - 120 บาท เช่นไปวัดเสาร้อยต้น ตลาดพญาตองซู และวัดเจดีย์ทอง
สำหรับใครที่กลัวหลง เดินทางไม่ถูก ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่ด่านมีแผนที่ในการเดินทางให้ สามารถขอเจ้าหน้าที่ได้เลย เมื่อเข้าฝั่งพม่าแล้ว อย่าลืมว่าต้องขับรถเป็นเลนขวาค่ะ ถนนเป็นลาดยางนิดหน่อย หลังจากนั้นจะเจอแต่ทางดินลูกรัง ขรุขระบ้าง ได้บรรยากาศแอดเวนเจอร์หน่อยๆ ทีเดียว

บรรยากาศสองข้างทางของฝั่งพม่าครับ

วัดเสาร้อยต้น เมืองพญาตองซู ประเทศพม่า เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะเคยสร้างและเคยจำพรรษาที่นี่ สร้างโดยใช้เสาทั้งต้นจากไม้แดง จำนวนมากถึง 105 ต้น จนกลายเป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง

ส่วนด้านบนของวัดเราสามารถขึ้นไปไหว้พระได้ครับ

บริเวณด้านหลังวัด เราจะเจอกับกำแพงพระยืน เป็นพระพุทธรูปประทับบนดอกบัว พร้อมพระอรหันต์จำนวน 120 รูป ยืนเป็นแนวทอดยาวไปยังภูเขาค่ะ มีความตั้งใจจากท่านเจ้าอาวาสว่าจะสร้างให้ถึง 500 รูปทีเดียว วันที่เรามาอากาศฝั่งพม่าจะค่อนข้างร้อนครับ.
เเต่พอมาเจอกำเเพงพระยืน บอกเลยว่าเหมาะกับการถ่ายรูปเเค่ช่วง เช้า เเละช่วงเย็นเท่านั้น เพราะกลางวันจะร้อนมาก เเต่ไหนๆก็มาเเล้วเราก็ไม่พลาดที่จะเช็คอินที่ นี้ ^^

จุดเเวะ วัดเจดีย์ทองตั้งอยู่บนเนินเขา ไม่ห่างจากวัดเสาร้อยต้นมาก สามารถขับรถขึ้นไปถึงบริเวณเจดีย์ได้ องค์เจดีย์มีขนาดไม่ใหญ่มาก สีทองอร่าม ฐานทรงเหลี่ยม ด้านบนทรงระฆัง รูปทรงคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองในเมืองย่างกุ้ง รอบองค์เจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพม่า จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองพญาตองซู และฝั่งไทยได้ด้วยครับ

🚩จุดเเวะต่อมาคือ พระนอนตาหวาน เป็นสถานที่ขึ้นชื่อของ พญาตองซู นักท่องเที่ยวมักจะมาเเวะที่วัดนี้เพื่อสักการะขอพร องค์พระนอน จุดเด่นของที่นี่คือ ใบหน้าขององค์พระที่ดูดูวานหยดย้อย จนเรียกติดปากว่า พระนอนตาหวาน

🚩จุดเเวะต่อมาเทพทันใจ วัดนี้เป็นวัดที่ขาดไม่ได้ของ One day trip ฝั่งพม่าครับ เพราะใครๆต่างก็มาขอพรเทพทันใจ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ครับ

จุดเล่นน้ำตกซองกาเรีย ตั้งอยู่บริเวณสะพานแม่น้ำซองกาเรีย อำเภอสังขละบุรี ห่งจากตัวเมืองเมืองสังขละ ประมาณ 8 กิโลเมตร ขับรถไปทางชายแดนด่านเจดีย์สามองค์จะเห็นสะพานซองกาเรียทางขวามือ มีพื้นที่จอดรถ และมีบริการฝากรถเสียคันละ 20บาท พร้อมบริการเช่าห่วงยาง อันเล็ก 10 บาท อันใหญ่ 20 บาท ความน่าสนใจของพื้นที่บริเวณนี้ คือเป็นจุดเล่นน้ำ ที่มีน้ำไหล ใสและเย็น น้ำก็ไม่สูง เล่นน้ำสนุกมากครับ และมีซุ้มรับประทานอาหารริมน้ำ มีอาหารอีสานรสชาติจัดจ้านขายด้วย เป็นบรรยากาศปิคนิกที่เย็นสบายมาก

เริ่มหิวสั่งอาหารมากินครับ เเพซองกาเรียจะเน้นอาหารตามสั่งกับอาหารอีสานครับ จัดเลยส้มตำไข่เค็ม ส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู ข้าวผัดรวม


นอกจากจะได้วิวนั่งกินอาหารริมน้ำแล้ว เรายังสามารถลงเล่นน้ำได้ด้วยนะ น้ำที่นี่ไม่ลึกตรับ ระดับเอวเท่านั้น

เล่นน้ำเสร็จเราก็ได้เวลากลับกรุงเทพกันแล้วครับ เราออกจากสังขละบุรีกันในเวลา 16.00 น. ขากลับเราใช้เวลาเดินทางกันราวๆ 7 ชั่วโมง เราถึงกรุงเทพกันในเวลา 23.00 น.ครับ

ขอบคุณที่อุตสาห์นั่งทนอ่านรีวิวไก่เขี่ยของเราจนจบครับขอบคุณจริงๆ รีวิวนี้อาจจะเป็นเเนวทางของใครหลายๆคนที่ค้นหาข้อมูลไปสังขละบุรีนะครับ
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวไม่มากก็น้อยครับ ขอบคุณที่ชื่นชอบการเดินทางของพวกเรา เเล้วพบกันใหม่ในทริปหน้าครับ เที่ยวครบใช้งบน้อย

Taeremix

 วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 02.38 น.

ความคิดเห็น