สวัสดี สวีดัส พบกันกันอีกเเล้วน๊าาา หน้าร้อนจะไปเที่ยวไหนทีก็ลำบากจะออกไปไหนก็ร้อน แต่ใจเสพติดการท่องเที่ยว เลยหาสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวหน้าร้อนได้แบบฟินๆ ก็เลยหาข้อมูลมาพอสมควร ทริปนี้เราเลยจัดทริปไปอ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี สถานที่เที่ยวที่ได้ชื่อว่า เมืองในหมอก เเละเรายังได้ข้ามไปเที่ยวต่างประเทศกันด้วยนะ อิอิ ใช่แล้ว เราข้ามไปยังเมืองพญาตองซู (พม่า) ก็เลยจะมารีวิวสั้นๆให้อ่านเป็นเเนวทางการท่องเที่ยวกันนะครับ ^^
🚩เราเริ่มต้นกันที่กรุงเทพ (พิกัดขึ้นรถ สนามกีฬาราชมังคลา ม.ราม1) รวมพลในเวลา 22.00 น. เพื่อทีาจะเดินทางไป อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กัน ➡️ รถตู้ติดต่อได้ที่เบอร์ 0926258199 พี่โอเล่ รับรองขับขี่ปบอดภัยไม่ผิดห
🚩ขับกันมาเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ มีพักเเวะกินข้าว กินกาเเฟกันที่ปั้มทางผ่าน จนเรามาถึงสังขละบุรีกันในเ
🚩จุดเเวะจุดเเรกคือ เราตั้งใจจะไปชม วัดจมน้ำ หรือวัดวัดวังก์วิเวการาม(เ
➡️ค่าเรือคิด ไป-กลับลำละ 500 บาทครับ โดยเรือ1ลำนั่งได้ประมาณ 6-7 คนครับ
ครั้งนี้เป็นการนั่งเรือเที่ยวที่เราไม่เบื่อเลยนะ เพราะระหว่างเรือวิ่งลมจะตีหน้าทำให้เย็นตลอดเวลา อีกอย่างวิวสองข้างทางมันฟินด้วยละ
➡️นั่งเรือมาได้ประมาณ 10 นาที เราก็จะถึงโบส์ถเก่าครับ เเต่จุดนี้เราลงกันไม่ได้นะ
🚩นั่งเรือมาอีกนิดก็จะเจอซาก
จุดเเวะจุดเเรกคือ วัดจมน้ำ หรือวัดวัดวังก์วิเวการาม(เดิม) เดิมวัดนี้เป็นวัดหลวงพ่ออุตตมะ ต่อมามีการสร้างเขื่อนน้ำจึงท่วมในที่เดิม จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล การเดินทางเข้าชมคือทางเรือเท่านั้นครับ วัดใต้น้ำ หรือ วัดจมน้ำ คือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อนถึงต้นฤดูฝน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม – มิถุนายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำจะลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนจนถึงฤดูหนาว ตั้งแต่ประมาณกันยายน – มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำเท่านั้น
🚩วัดวังก์วิเวการามเดิมนี้สร
วัดอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า
บริเวณวัดเดิม ถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำ "วัดใต้น้ำ" หรือ “เมืองบาดาล” และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่
เที่ยวเสร็จแล้วเราก็ขึ้นเรือกลับครับ โดยเรือที่เราเหมามา เค้าจะรอเรา แล้วรับเรากลับครับ
จุดเเวะต่อมา วัดหลวงพ่ออุตตมะ หรือวัดวังก์วิเวการาม เป็นสถาปัตยกรรมของวัดนี้เป็นแบบพม่า วัดนี้นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว ยังเป็นวัดที่ถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นที่ คือเป็นศูนย์รวมจิตใจของขาวสังขละ วัดนี้ห่างจากเจดีย์พุทธคยาเพียงนิดเดียวเท่านั้นครับ คือมาเที่ยวครั้งเดียว เที่ยวได้ถึง 2 ที่เลยนะ
ในภาพคือสถานที่บรรจุสังขารของหลวงพ่ออุตตมะครับ
จุดเเวะต่อมา พุทธคยาจำลอง หรือ พระเจดีย์พุทธคยา เป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่กับวัดวังก์วิเวการาม เป็นเจดีย์องค์ใหญ่นี้ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ มีสีเหลืองทอง สามารถมองเห็นได้จากแม่น้ำซองกาเลีย ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นเจดีย์ที่มีผู้คนมาสักการะ บูชาองค์เจดีย์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เจดีย์พุทธคยายังเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและงานเทศกาลเช่น งานวันสงกรานต์ เจดีย์พุทธคยา ตั้งขึ้นอยู่ไม่ไกลจากวัดวังก์วิเวการาม ห่างไปประมาณ 650 เมตรเท่านั้น
เราเเวะจุดไฮไลท์สำคัญของสังขละบุรี แท่นเเท้นนนน "สะพานมอญ" เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 445 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเรีย ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
สะพานนี้สร้างขึ้นโดยดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ. 2528 จนถึง พ.ศ. 2530 โดยใช้แรงงานของชาวมอญ เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี
สะพานมอญ ถ้ามาช่วงเย็นๆนี่บอกเลยว่า ฟินโครตตตต เราจะได้เห็นวิถีชาวบ้าน เห็นเด็กกระโดดน้ำ ท้องน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา โดยมีภูเขาเป็นภาพพื้นหลัง เเดดร่มลมตกนี่บอกเลยว่าฟิน ^^
เที่ยวมาทั้งวันแล้ว เราก็กลับฐานบัญชาการใหญ่ พีเกสเฮาท์ กันครับเพื่อเตรียมตัวไปสะพานมอญกันตอนเช้าครับ พีเกสเฮาท์เราถือเป็นที่พักหลักร้อย วิวหลักล้านเลยนะ ค่าห้องไม่เเพงครับพัดลมคืนละ 400 บาท แอร์คืนละ 950 บาท
บรรยากาศฟินๆยามค่ำคืนของ พีเกสเฮาท์
เริ่มหิวเราก็ไปตลาดสิครับ จุดศูนย์รวมสำคัญอีกเเห่งหนึ่งของสังขละคือ ตลาดโต้รุ่งครับ ที่นี่ เสาร์-อาทิตย์จะมีของขายเยอะเป็นพิเศษ เเต่จุดไฮไลท์จริงๆคือ เเท่นนนน เเท้นนนน หมูจุ่มพม่าไม้ละ1บาทครับ บอกเลยว่าถ้ามาสังขละเเล้วไม่ลองมากินเหมือนมาไม่ถึงนะ เชื่อเราสิ กินคำเเรกอื้อหือ อร่อยว่ะ !! เป็นหมูเเช่ในน้ำพะโล้ครับ ไม้นึงก็เเค่นี้ครับเเต่เด็ดที่น้ำจิ้ม น้ำจิ้มจะมี 2 ถ้วยครับ น้ำจิ้มเหมือนน้ำจิ้มสุกี้เเต่จี๊ดจ๊าดกว่า อีกถ้วยนึงจะคล้ายๆน้ำจิ้มซีฟูดครับ
กินเสร็จเรากลับฐานบัญชาการ
🚩บรรยากาศฟินๆยามค่ำคืนของ พีเกสเฮาท์
😀วันรุ่งขึ้นเราตื่นกันตั้งเ
......พวกเรามาเช้าขนาดไหนค
หมอกฟินๆเลย เพราะเมื่อคืนฝนตก เช้ามาเลยฟินเเบบนี้
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าของสะ
มองไปอีกด้านของสะพานมอญก็ส
เด็กๆมัคคุเทศน์น้อยออกมานั่งรอนักท่องเที่ยวกันแต่เช้า มัคคุเทศน์น้อยจะคอยเดินเข้ามาพูดคุย บอกเล่าเรื่องราวของสถานที่เกิดของพวกเขา ด้วยความน่ารัก เป็นมิตร พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่เงินเป็นสิ่งตอบแทน แต่ต้องการจะสื่อสารกับผู้คนด้วยจิตใจรักบ้านเกิด ถ้าคุณมีโอกาสไป ลองมองตาพวกเขา แล้วจะรู้ว่าเด็กน้อยกลุ่มนี้ พวกเขามีเสน่ห์มากแค่ไหน …
ดูวิวเสร็จเเล้วสิ่งที่ขาดไ
ไหนๆเราก็ใส่ชุกมอญทำตัวกลมกลืนกับชาวบ้านแล้วก็ถ่ายรูปเป้นที่ระทึก เอ้ยระลึกกันสักหน่อย
ในทุกๆวันจะมีนักท่องเที่ยว
พิธีตักบาตรมอญ เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวบ้านที่นี่ ทุกเช้าตรู่เวลาประมาณ 6.30 น. ชาวบ้าน นักท่องเที่ยว ต่างต่อแถวเนื่องแน่น เพื่อรอใส่บาตรพระสงฆ์ คุณจะพบรอยยิ้มของคนในชุมชน เด็กน้อยผู้นำโถข้าวมาซ้อนไว้บนศีรษะ หรือนักท่องเที่ยวที่สวมชุดมอญเดินถ่ายรูป เป็นภาพที่คุณไม่อาจเห็นที่ไหนในประเทศนี้ นอกจากที่นี่ สังขละบุรี
เสร็จจากใส่บาตร ก็นั่งรถตู้ต่อมาที่ "ด่านเจดีย์สามองค์ นอกจากจะได้เห็นอดีตเส้นทาง
.....โดยการมาเที่ยวพม่านั้
หากเรามาเองไม่ผ่านทัวร์ก็จ
เอกสารที่ต้องเตรียม มีดังนี้
1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ข้ามแดน
2. กรณีนำรถยนต์เข้าไปในพม่า จะต้องใช้ สำเนาทะเบียนรถ/พรบ./
ค่าธรรมเนียมผ่านด่านชายแดน
เวลาทำการด่านเข้า-ออก 6.00 น. - 18.00 น.
ติดต่อสอบถามการเปิด-ปิดด่า
ข้อแนะนำ
- นักท่องเที่ยวที่ผ่านแดน ไม่สามารถพักค้างคืนในพม่าไ
- หากขับรถยนต์เข้าไปในพม่าต้
- สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์จากตั
- ฝั่งพม่ามีมอเตอร์ไซค์รับจ้
สำหรับใครที่กลัวหลง เดินทางไม่ถูก ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่ด่านมีแผนที่ในการเดินทา
บรรยากาศสองข้างทางของฝั่งพม่าครับ
วัดเสาร้อยต้น เมืองพญาตองซู ประเทศพม่า เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะเคยสร้างและเคยจำพรรษาที่นี่ สร้างโดยใช้เสาทั้งต้นจากไม้แดง จำนวนมากถึง 105 ต้น จนกลายเป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง
ส่วนด้านบนของวัดเราสามารถขึ้นไปไหว้พระได้ครับ
บริเวณด้านหลังวัด เราจะเจอกับกำแพงพระยืน เป็นพระพุทธรูปประทับบนดอกบัว พร้อมพระอรหันต์จำนวน 120 รูป ยืนเป็นแนวทอดยาวไปยังภูเขาค่ะ มีความตั้งใจจากท่านเจ้าอาวาสว่าจะสร้างให้ถึง 500 รูปทีเดียว วันที่เรามาอากาศฝั่งพม่าจะค่อนข้างร้อนครับ.
เเต่พอมาเจอกำเเพงพระยืน บอกเลยว่าเหมาะกับการถ่ายรูปเเค่ช่วง เช้า เเละช่วงเย็นเท่านั้น เพราะกลางวันจะร้อนมาก เเต่ไหนๆก็มาเเล้วเราก็ไม่พลาดที่จะเช็คอินที่ นี้ ^^
🚩จุดเเวะต่อมาคือ พระนอนตาหวาน เป็นสถานที่ขึ้นชื่อของ พญาตองซู นักท่องเที่ยวมักจะมาเเวะที
🚩จุดเเวะต่อมาเทพทันใจ วัดนี้เป็นวัดที่ขาดไม่ได้ข
จุดเล่นน้ำตกซองกาเรีย ตั้งอยู่บริเวณสะพานแม่น้ำซองกาเรีย อำเภอสังขละบุรี ห่งจากตัวเมืองเมืองสังขละ ประมาณ 8 กิโลเมตร ขับรถไปทางชายแดนด่านเจดีย์สามองค์จะเห็นสะพานซองกาเรียทางขวามือ มีพื้นที่จอดรถ และมีบริการฝากรถเสียคันละ 20บาท พร้อมบริการเช่าห่วงยาง อันเล็ก 10 บาท อันใหญ่ 20 บาท ความน่าสนใจของพื้นที่บริเวณนี้ คือเป็นจุดเล่นน้ำ ที่มีน้ำไหล ใสและเย็น น้ำก็ไม่สูง เล่นน้ำสนุกมากครับ และมีซุ้มรับประทานอาหารริมน้ำ มีอาหารอีสานรสชาติจัดจ้านขายด้วย เป็นบรรยากาศปิคนิกที่เย็นสบายมาก
เริ่มหิวสั่งอาหารมากินครับ เเพซองกาเรียจะเน้นอาหารตามสั่งกับอาหารอีสานครับ จัดเลยส้มตำไข่เค็ม ส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู ข้าวผัดรวม
นอกจากจะได้วิวนั่งกินอาหารริมน้ำแล้ว เรายังสามารถลงเล่นน้ำได้ด้วยนะ น้ำที่นี่ไม่ลึกตรับ ระดับเอวเท่านั้น
เล่นน้ำเสร็จเราก็ได้เวลากลับกรุงเทพกันแล้วครับ เราออกจากสังขละบุรีกันในเวลา 16.00 น. ขากลับเราใช้เวลาเดินทางกันราวๆ 7 ชั่วโมง เราถึงกรุงเทพกันในเวลา 23.00 น.ครับ
ขอบคุณที่อุตสาห์นั่งทนอ่าน
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโย
Taeremix
วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 02.38 น.