"อีต่อง" หากไปพูดคำนี้ให้กับบรรดาเพื่อนๆที่ทำงานฟังว่า เราจะไปเที่ยวบ้านอีต่อง คงมีคำถามกลับมาบ้างตามประสาคนไม่ค่อยได้เที่ยวละว่า "อีต่อง" คืออะไรวะ แล้วมันอยู่ที่ไหนวะ...
"บ้านอีต่อง" อยู่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ติดชายแดนไทย-พม่า เป็นที่ตั้งของเหมืองแร่ ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ในราวปี พ.ศ. 2483 ซึ่งการเดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านจากตัวเมืองกาญจน์ก็ร่วม24ชั่วโมง จนประมาณปี พ.ศ. 2527-2528 สภาเหมืองแร่โลกได้ปิดตัวลง ความรุ่งโรจน์ของการขุดแร่ได้จบลง ปิล๊อกที่เคยรุ่งเรือง มีตลาดที่เฟื่องฟู เคยมีโรงภาพยนตร์ถึง 2 โรงก็เงียบเหงา เหมืองแร่ต่างๆ ที่นี่ทยอยปิดตัวลง จากบางเหมืองที่มีคนงานร่วม600ชีวิต อาทิ เหมืองสมศักดิ์ คนงานก็เริ่มทยอยกลับบ้านแยกย้ายกันไป ปัจจุบันนี้รายได้หลักของหมู่บ้านอีต่องคือ การท่องเที่ยว ที่พักโฮมสเตย์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติ อากาศดี อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร เมืองที่อุดมไปด้วยหมอกและอากาศอันบริสุทธิ์ ปัจจุบันเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องการมาสัมผัส ต้องเดินทางผ่าน 399 โค้ง และยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ คือ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เนินช้างศึก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ช่องมิตรภาพไทย-พม่า
การเดินทาง- สำหรับผู้ที่ขับรถมาเอง จากตัวเมืองกาญจน์บุรี ขับมาตามทางหลวงหมายเลข323มุงหน้า อ.ทองผาภูมิได้เลย เมื่อเข้าเขต อ.ทองผาภูมิ ใช้ถนนทางหลวงหมายเลข3272ต่อไป ซึ่งจะผ่านเขื่อนเขาแหลมและต่อด้วยทางหลวงชนบทที่ กจ4088 ซึ่งหนทางไปไม่ยาก เปิดจีพีเอสไปตามทางอย่างเดียว สำคัญก็คือสภาพรถและคนขับ เพราะต้องผ่านโค้งนับร้อย ใช้ประสบการณ์ในการขับเยอะหน่อย
ส่วนใครไม่มีรถส่วนตัว ก็สามารถต่อรถบัสจากตัวเมืองกาญจน์มาลง อ.ทองผาภูมิได้และต่อรถสองแถวเข้าบ้านอิต่องได้เช่นกัน
ในการเดินทางในครั้งนี้เรามีสมาชิกที่พร้อมจะเดินทางด้วยกันสี่คน จึงใช้รถเก๋งธรรมดาเครื่องพันห้าเป็นยานพาหนะ(ก็มีคันเดียวนี่แหละ) มุ่งหน้าสู่บ้านอีต่อง
ถึงหมู่บ้านสิบโมงครึ่งเดินหาที่พักแบบวอร์คอิน ไม่ได้จองเพราะไปวันธรรมดาคิดว่าไม่น่ามีคน ได้ที่พักวิวดี อยู่ชั้นสอง ก็ชิลล์ไป ลองทายกันเราพักที่ไหน ค่าห้องพักที่นี่วันธรรมดาคืนละ800บาทรวมอาหารเช้า (อยากทราบพักที่ไหนติดต่อหลังไมค์ได้นะเออ)
มองจากที่พัก ด้านบนนั้นคือฐานปฏิบัติการเนินช้างศึก ถ้าไม่ขับรถขึ้นไปก็มีทางเดินขึ้นไปประมาณกิโลกว่าๆ ชันเอาเรื่องเลย
ใครไม่ขับรถขึ้นไปเองก็มีบริการรถเช่า เพียงแค่50บาทต่อคน ไปได้สามที่คือ ฐานปฏิบัติการเนินช้างศึก ช่องมิตรภาพ เนินเสาธง แต่ถ้าใครอยากไปไกลกว่านั้นอาทิน้ำตกจ๊อกระดิ่น อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิราคาก็จะเพิ่มขึ้นอีก สำหรับคนรักรถนั่งรถเช่าไปเถอะสบายๆ
หมอกลงเต็มทุกพื้นที่กันเลย
ที่นี้เป็นจุดสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกก็ได้ เห็นวิวแบบ360องศากันเลยทีเดียว หรือจะกางเต้นท์นอน ยามค่ำคืนมองดาวบนฟ้าก็ทำได้ ห้องน้ำก็มีให้บริการ ปกติจะต้องเห็นหมู่บ้านด้านล่างด้วย แต่ช่วงนี้มีแต่หมอกขาววววปะทะร่างกาย
จุดต่อไปก็คือ ช่องมิตรภาพ ที่ที่เราสามารถก้าวข้ามเขตแดนไทยไปยังฝั่งเพื่อนบ้านแบบไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรเลย ไม่ต้องใช้วีซ่า พาสปอร์ตแลกบัตรอะไรทั้งนั้น คือเดินลอดผ่านไม้กั้นนั้นไปแค่นั้นเอง
แต่ใช่ว่าจะเข้าไปได้ไกลนะ คือแค่เดินเข้ามาถ่ายรูปบริเวณตรงเสาธงนี้ได้อย่างเดียว เป็นเขตผ่อนปรนที่ไทย-พม่ามีมาช้านาน จึงเป็นที่มาของช่องมิตรภาพ ตรงจุดนี้ก็มีพี่พี่ทหารทางฝั่งพม่าเฝ้าอยู่
ต่อไป เนินเสาธง จะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกนิดหน่อย ตรงนี้ข้ามเขตแดนไม่ได้นะจ๊ะ และเราก็ไม่ได้เดินขึ้นไปเพราะฝนเริ่มลงมาแทนหมอกละ
ช่วงเย็นเราก็ฝากท้องไว้กับร้านครัวเจ้ณี
ถามว่าที่กินไปเมื่อเย็นอิ่มไหม ก็อิ่ม แต่บรรยากาศแบบนี้มันต้องโดนหมูจุ่ม เลยจัดมาสองชุด ชุดละ199บาท เอามาส่งถึงหน้าที่พักเลย ร้านหมูจุ่มก็อยู่ตรงตลาดนั่นแหละหาไม่ยาก หมู่บ้านนี้เดินแปปเดียวก็ครบรอบแล้ว
นั่งทานหมูจุ่มร้อนๆ มองลงมายังเบื้องหน้าที่เห็นเป็นบ่อน้ำกลางหมู่บ้าน ทิวหมอกลอยเหนือยอดเขากับแสงไฟยามค่ำคืนของหมู่บ้านนี้ บางช่วงฝนตก บางช่วงหมอกปกคลุมจนแทบมองไม่เห็นพื้นน้ำ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทุกๆ5นาทีจริงๆ
รุ่งเช้าเราก็ตื่นกันมาจากที่นอนอันแสนจะสบาย แอร์ไม่ต้องมี พัดลมนี่แทบไม่ต้องเปิดก็ว่าได้ อากาศเย็นดีทีเดียวเชียว
เดินขึ้นมาทางด้านบนของหมู่บ้านสักหน่อย(ทางที่ไปช่องมิตรภาพ)จะพบกับทางขึ้นวัดเหมืองปิล๊อก
บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่โล่ง เป็นแพท สำหรับ ฮ.ลงจอด มีโรงเรียน มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอยู่บริเวณนี้เช่นกัน
ย้อนกลับลงมาจะพบกับป้ายต่างๆ ใครอยากไปพิชิตสันคมมีดแห่งเขาช้างเผือกก็ใช้เส้นทางนี้เช่นกันนะครับ
ลองเข้าไปดูโซนเหมืองปิล๊อกกันซิ ว่ามีอะไรบ้าง
ก็จะเป็นอุกปรณ์เครื่องใช้ในการทำเหมืองแร่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์หนัก ก็ทิ้งร้างไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจว่าครั้งหนึ่ง ที่นี่เคยรุ่งเรื่องมากๆมาจากการทำเหมืองแร่ดีบุก
เดินเข้ามาเรื่อยๆจะพบกับลำธารและแอ่งน้ำ ซึ่งมีปลาคาร์ฟตัวใหญ่ๆแหวกว่ายอยู่

หม่าล่ายังมีขายเลย ไม้ละสิบบาทเอง อร่อยด้วย
กินก๋วยเตี๋ยวมันซะเลย สี่สิบบาท ร้านนี้มีทั้งส้มตำและไก่ทอดขายด้วยนะ
คนกินแล้วปลายังไม่ได้กินเลย แถวนี้ก็มีอาหารปลาจำหน่ายนะ ถุงละสิบบาท หยอดเงินใส่กระปุกได้เลย แล้วก็หยิบอาหารปลามาให้ได้เลยครับ ปลานิล ปลาคาร์ฟ เพียบ

ถ้ากลับไปคราวหน้าจะเจอป้ายที่เราเขียนไว้มั้ยน้อ...
จวบจนบ่ายสองแล้ว เราก็ได้เวลาอันสมควรที่ต้องเดินทางกลับยังที่ตั้งของเรา นึกขึ้นได้ ที่หมู่บ้านแห่งนี้นอกจากของฝาก อาทิ ถั่วตัด ปลาหัวยุงจากทางฝั่งพม่าแล้ว ก็เห็นจะมีเค้กของป้าเกล็น ภรรยาของคุณสมศักดิ์แห่งเหมืองสมศักดิ์ที่อยู่ห่างออกไปจากหมู่บ้านพอสมควรแถมทางก็ไม่ดี ต้องใช้รถโฟลววิลไดร์ฟขับเข้าไปอย่างเดียว ซึ่งที่เรามาฝนก็ตกและด้วยเวลาจำกัด เราจึงไม่ได้เข้าไปยังเหมืองสมศักดิ์อันมีตำนานรักของป้าเกล็นเป็นที่ตั้งที่ออกรายการคนค้นคนมาแล้ว แม้ถึงว่าคุณสมศักดิ์จะจากเหมืองแห่งนี้ไปอย่างไม่หวลกลับแล้ว แต่ด้วยความรักของป้าเกล็นที่มีต่อสามีแกจึงยังอยู่ที่นั่น แต่เนื่องจากตอนนี้แกอายุมากแล้ว ได้ข้อมูลมาว่าแกไม่ทำเค้กเองแล้วเพราะอายุเยอะแล้ว แต่ให้ลูกน้องแกทำและมาเปิดร้านขายเองอยู่ที่หน้า สภ.ปิล๊อก จะพลาดได้งัยต้องไปแวะสักหน่อย
อิต่อง ปิล๊อก คำนี้น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครหลายคนยังไม่รู้จัก หลายคนรู้จักแต่ไม่เคยมา บางคนมาแล้วมาซ้ำอีก แท้ที่จริงแล้วที่แห้งนี้ต้อนรับผู้คนมาหลายต่อหลายปีมากแล้ว แต่หากความสดและความเป็นมนต์ขลังของหมู่บ้านนี้ยังคงมีอยู่ ไม่กลืนหายไปกับการพัฒนาอย่างสิ้นเชิงเหมือนบางพื้นที่ หากใครกำลังมองหาที่เที่ยว ที่พักแบบกึ่งธรรมชาติ สัมผัสธรรมชาติใกล้ชิตขุนเขาและสายหมอกแบบนี้ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพ แบบ 1คืน2วัน แบบนี้ละก็ ถือว่าที่นี้เป็นอีกที่ ที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวทีเดียว
1คืน2วัน แค่นี้...ไปกันไหม....
++++ ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ++++
https://www.facebook.com/travel1night2days
Sikhorn Palanan
วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 02.04 น.