เคยคิดว่าการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวไม่ว่าจะระยะทางไกลๆ หรือขี่ลุยในทางวิบาก
จะเหมาะกับคนหนุ่มๆ เพราะมันต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกายพอสมควรเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมาย
ตัวผมเองเรียกว่าอายุยังน้อย (29 เองนะ) ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวไกลๆ ก็ยังเหนื่อยเลย

แล้ววันนี้ผมได้มาร่วมงาน “ เสือสิงห์กระทิงเที่ยว #ยิ่งเที่ยวยิ่งซ่าส์ ”
ซึ่งเป็นแคมเปญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อชวนให้หนุ่มซ่าส์รุ่นใหญ่ออกมาใช้ชีวิต
ซึ่งทริปนี้เราพากันไปเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่ในเมืองจนถึงตำบลไทรโยค
ซึ่งระยะทางร่วมร้อยกว่ากิโลเมตร ตัวผมเองเป็นเสือน้อยๆ ในกลุ่มพี่ๆ เสือรุ่นใหญ่
ซึ่งผมตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ร่วมกับ " พี่สุกี้ กมล สุโกศล "
ที่เราจะรู้จักกันในนามของผู้ก่อตั้งเบเกอร์รี่มิวสิคและเลิฟอีส
พี่สุกี้ขี่มอเตอร์ไซค์วิบากคันใหญ่ ส่วนตัวผมเป็นเน็คเก็ททัวร์ริ่งตัวน้อยๆ
ถึงแม้ว่าจะขี่กันคนละแนวแต่เราก็ร่วมทางไปด้วยกันได้ครับ


FOLLOW ME

Facebook page : Once-a-month
Instagram:
onceamonth.travel
YouTube : Once-a-month



เริ่มต้นกันที่จุดนัดพบแรก ณ ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี รวมตัวกันเสร็จก็ถ่ายรูปร่วมกัน
จริงๆ ทริปนี้มีมอเตอร์ไซค์ร่วม 30 คันได้ครับ เพื่อเดินทางไปโรงเรียนแบมบูลสคูล
( เพื่อมอบอุปกรณ์การศึกษาในกับน้องๆ นักเรียน )
แต่ด้วยสไตล์การขับขี่พวกเราจึงแยกกันเป็นสองกลุ่ม และผมเองก็ได้ไปกับพี่สุกี้

เราขี่ไปด้วยกัน 3 คัน พี่สุกี้ ชวน " พี่เกเว่น " มาขี่ด้วยกัน พี่เกเว่นก็ขี่มอเตอร์ไซค์วิบากเหมือนกัน
ก่อนเดินทางพี่สุกี้ชวนเราไปขี่ไปเส้นทางศรีสวัสดิ์เพื่อไปชมบรรยากาศบนสันเขื่อนศรีนครินทร์ก่อน
เพราะพี่สุกี้บอกว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่สวย บรรยากาศดี
หลังจากนั้นแล้วค่อยวนกลับไปโรงเรียนแบมบู เราก็ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด ตามไปเลยครับ

เส้นทางในจังหวัดกาญจนบุรีเป็นเส้นทางที่สวยงามอย่างที่พี่สุกี้บอก
บรรยากาศก็จะเป็นภูเขาสลับกับต้นไม้ ใบหญ้าเขียวๆ
เป็นเส้นทางที่คนขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ว่าคันเล็กหรือใหญ่ หรือจะเป็นรถยนต์ก็ขับมาเสพธรรมาชาติกัน
จริงๆ แล้ว CC รถของพี่สุกี้กับพี่เกเว่นเยอะกว่าของผมมาก แต่พวกพี่ๆ ก็ไม่ทิ้งผม
แม้ว่าจะหลุดจากกันแต่ก็จะเห็นพี่ๆ รอผมอยู่ทุกแยก

ขี่กันมาเรื่อยๆ เราก็มาถึงสันเขื่อนศรีนครินทร์ เราก็มากาญฯ บ่อยแต่ก็ไม่เคยขี่ขึ้นมาบนสันเขื่อน
ข้างบนบรรยากาศดี พวกเราก็นั่งรับลงชมวิวจิบกาแฟ พูดคุยกันสักพักหนึ่ง
พี่สุกี้ กับพี่เกเว่น ใจดีและกันเองมากๆ พูดคุยกันได้ไม่ต้องเกร็ง เฮฮาเหมือนเคยออกทริปกันมาก่อน
พักกันพอหายเหนื่อยก็สตาร์ทรถขี่กลับลงมาเพื่อเดินทางต่อไปยังโรงเรียนแบมบู

" โรงเรียนแบมบู " เป็นโรงเรียนชาวกระเหรี่ยง ที่ห่างไกลจากเมืองพอสมควร
พวกเรานอกจากจะขี่รถมาเที่ยวแล้ว เราก็ยังเอาของมาบริจาคที่โรงเรียนและเลี้ยงข้าวกลางวันน้องๆ ด้วย น้องๆ ตื่นเต้นกันมากที่ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ของพวกเราเลี้ยวเข้ามาในโรงเรียน
พอพี่ๆ จอดรถกันเสร็จ พี่ๆ ไบเกอร์พักผ่อน ดื่มน้ำดื่มท่า
หลังจากนั้นก็ได้เวลาอาหารกลางวันของเด็กๆ พี่ๆ ก็ให้น้องๆ ออกมาต่อแถวเพื่อรับอาหารกลางวันกัน
หลังจากนั้นพี่ๆ ก็รับประทานอาหารร่วมกับน้องๆ
ทานอาหารกันเสร็จก็ได้ทำการมอบอุปกรณ์การศึกษาให้น้องๆ

หลังจากเสร็จกิจกรรมที่โรงเรียนกันแล้ว เราก็ออกเดินทางไปที่พักของเราที่ " วังนกแก้วรีสอร์ท "
แต่ระหว่างทางก็แวะทานข้าวกันต่อบริเวณใกล้ๆ กับน้ำตกไทรโยค
ทานอาหารกันเสร็จก็มีน้องๆ ของพี่สุกี้มาสมทบกันอีก 4 คัน
แต่ก่อนที่จะเข้าที่พักพี่สุกี้ได้ชวนพวกเราไปขี่รถย่อยอาหารกันก่อน
เส้นทางที่ไปเป็นเส้นทางถ้ำละว้า เป็นทางดินลูกรัง ผมตามไปได้แค่สุดทางราดยาง
เพราะสภาพรถไม่อำนวยจริงๆ ส่วนทีมพี่สุกี้ก็ได้เข้าไปลุยทางลูกรังกันอย่างสนุกสนาน
พี่ๆ ทุกคนมีอุปกรณ์ป้องกันจึงขับขี่ได้อย่างสบายใจ ตัวผมก็คอตกขี่กลับคันเดียวไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน

เช้าวันต่อมาหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ออกเดินทางไปจุดหมายสุดท้าย " ช่องเขาขาด "
เข้าไปเสพความสงบร่มเย็นของธรรมชาติ และดูย้อนรอยประวัติศาสตร์ของเส้นทางรถไฟสายมรณะ
แต่ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันก็ถ่ายภาพร่วมกันอีกรอบ แล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ


จากที่ได้ร่วมทริปกับพี่สุกี้ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิด และประสบการณ์
ก็ได้รู้ว่าพี่สุกี้ขี่มอเตอร์ไซค์มากาญจนบุรีบ่อยมาก
เหตุผลหลักๆ คือเป็นจังหวัดที่มีความเป็นธรรมชาติ ระยะทางไม่ไกลกรุงเทพจนเกินไป
และยังมีทางลูกดิน ลูกรังให้ได้ขี่ลุยกันด้วย
พี่สุกี้จะชอบขี่ไปในเส้นทางที่ไม่ใช่ทางหลัก ชอบที่จะมองหาเส้นทางใหม่ๆ
แม้ว่าจะอ้อมกว่าแต่ก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศใหม่ๆ ระหว่างทาง
และนอกจากนั้นยังพี่สุกี้ยังเน้นย้ำเรื่องของอุปกรณ์ป้องกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
เพราะถ้าเราเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา อุปกรณ์ป้องกันเหล่านี้จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

" เราซ่าส์ได้ แต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยเสมอ "



ผมไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วพี่สุกี้เป็นรุ่นเดียวกับพ่อผมเลย
แต่ยังจับแฮนด์ขี่มอเตอร์ไซค์และหลงไหลการขับขี่ในเส้นทางที่เรียกได้ว่าวิบากเลยก็ว่าได้
ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกันเรื่องของการขี่มอเตอร์ไซค์ หรือการท่องเที่ยว
เราจะเห็นแววตาของพี่สุกี้เหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ตลอด ไม่ต่างจากคนหนุ่มๆ เลย
ยิ่งมากับพี่เกเว่นและน้องๆ ยิ่งเหมือนมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ พากันไปลุย ดูแลช่วยเหลือกัน

จริงๆ แล้วการออกมาเที่ยว ไม่จำเป็นต้องมาทางลุยเหมือนพวกเราก็ได้
ขอแค่ได้ออกจากบ้าน ออกมาใช้ชีวิตที่ต่างออกไป ออกมาทำกิจกรรมต่างๆ
ออกมาเสพความสุขระหว่างการเดินทาง เสพธรรมชาติอันสวยงาม

อย่ารอให้เที่ยวไม่ไหวแล้วค่อยอยากเที่ยวเลยครับ เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางกันเลยครับ
ไม่ว่าจุดหมายจะใกล้หรือไกล ระหว่างทางและปลายทางมีความสุขรออยู่แน่นอนครับ


" ยังมีกิจกรรมที่จะชวนให้หนุ่มสาวรุ่นใหญ่ออกมาใช้ชีวิตสุดซ่าส์อีกนะครับ

อย่าลืมติดตามกันต่อนะครับ "


ผมต้องขอขอบคุณกิจกรรม " เสือสิงห์กระทิงเที่ยว #ยิ่งเที่ยวยิ่งซ่าส์ "
ที่ให้โอกาสผมได้มีประสบการณ์การขับขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีในครั้งนี้
ความคิดเห็น