แดดดร้อนมาแรง ซัมเมอร์ย่างกรายเคาะประตูบ้าน เจออากาศแบบนี้แล้วพาลให้นึกถึงทะเลชะมัด ปีนี้มีเกาะแห่งหนึ่ง (อันที่จริงคือหมู่เกาะ) ซึ่งผมตั้งเป้าต้องไปให้ได้หลังจากชวดมาหลายหน ที่นั่นชื่อว่าหมู่เกาะกำ อุทยานแห่งชาติแหลมสน อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ถ้าไม่เคยได้ยินชื่อก็ไม่แปลก และหากเคยได้ยินก็ไม่แปลกเช่นกัน เพราะหมู่เกาะเล็กๆ นี้เพิ่งโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา


หมู่เกาะกำมีดีอะไร ขอตอบว่าเพราะที่นี่คือทะเลระนองยังไงล่ะ สวยสงบ คงความดิบไว้ค่อนข้างมาก มีเสน่ห์ในตัวเอง น่าเสียดายที่นักท่องเที่ยวส่วนมากมองข้ามลงไปใต้กว่าอย่าง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล กันเสียหมด ระนองซึ่งเป็นจังหวัดแรกของอันดามันเลยเปรียบเสมือนลูกเมียน้อย ทั้งที่จริงเธอช่างสวยซ่อนรูปน่าปลดกระดุมค้นหาเสียเหลือเกิน ผมไประนองมาสามรอบแล้วยังคงกลับไปได้ไม่เคยเบื่อ


เพื่อไม่ให้พลาดไปเที่ยวหมู่เกาะกำอีกปีจึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าออกเดินทางเลยครับ แม้ข้อมูลบอกว่าที่นี่ต้องเหมาเรือเที่ยว ไม่มีรถโดยสารเข้า อช.แหลมสน แถมร้านอาหารในอุทยานฯ ก็ไม่มี แต่จะกลัวอะไร แบกเป้ไปตายดาบหน้าแบบนี้สนุกดีจะตายไป



(1)


ทริปนี้กลางเดือนมีนาคม 59 เริ่มเดิมทางหัวค่ำวันพุธที่ 16 ลุยเดี่ยวจากขนส่งสายใต้ นั่งรถ ป.1 สมบัติทัวร์รอบค่ำ 403 บาท คดเคี้ยวเลี้ยวไปตามถนนจังหวัดระนองให้มึนหัวเล่นๆ ลืมตื่นมาก่อนสว่างก็ถึงอำเภอเมืองแล้วล่ะ รถบริษัทนี้เข้ามาในตัวเมืองด้วยนะครับหรือหากใครเลือกลงที่ บขส. ริมถนนเพชรเกษมก็ตามสะดวก


บรรยากาศยามเช้าในตัวเมืองระนองค่อนข้างเงียบสงบ ให้ข้อมูลสักนิดว่านี่คือจังหวัดที่ประชากรตามทะเบียนราษฎร์น้อยที่สุดในประเทศนะครับ แต่มีประชากรแฝงชาวพม่ามากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจากสมุทรสาครเท่านั้นแหละ


มาถึงระนองเขาว่าต้องกินโรตี ในเมืองระนองมีอยู่หลายร้าน แต่ผมมีร้านโปรดชื่อ “โรตีบังหนุ่ย" ซอยประปา ใกล้การประปาส่วนภูมิภาค ลงรถที่หลังตลาดเดินแป๊บเดียวก็ถึง รสชาติกลมกล่อมเหมือนเคย แกงที่นี่ติดหวานนิดๆ ไม่เน้นเผ็ด แต่ราคาชักสูงขึ้นทุกที ชุดนี้แกงกะหรี่ไก่หนึ่งถ้วย โรตีธรรมดาสองแผ่น กาแฟร้อนอีกแก้ว จ่ายไป 85 บาท


เอาล่ะ อิ่มแล้วได้เวลาเดินทางต่อ หมู่เกาะกำ อช.แหลมสน หรือหาดบางเบน ที่ผมจะไปอยู่อำเภอกะเปอร์ ห่างจากเมืองระนองไปทางใต้สักห้าสิบกิโลเมตร มีรถสองแถวโดยสาร ระนอง-กะเปอร์ วิ่งให้บริการตั้งแต่เช้าถึงเกือบเย็น คิวรถต้นสายที่ระนองอยู่หลังตลาด ซอยข้างร้านระนองโฟโต้ กับแบงค์กรุงไทย ไปไม่ถูกถามคนแถวนั้นเอาเลยครับจะได้ไม่หลง ก่อนขึ้นรถดูป้ายดีๆ ด้วยล่ะ เพราะระนองมีสองแถววิ่งกันเยอะมาก



สองแถวหวานเย็นวิ่งเรื่อยๆ ลงใต้ไปอำเภอกะเปอร์ ระหว่างทางผ่านอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว (หน้าแล้งไม่มีน้ำหรอก) เยื้องกันคือภูเขาหญ้า อีกสัญลักษณ์ของจังหวัดระนอง ไหนๆ ก็มาแล้วเลยกดกริ่งกระโดดลงรถที่ภูเขาหญ้าแวะถ่ายรูปสักหน่อย


ใครไม่เคยไปคงนึกภาพไม่ออก ภูเขาหญ้าเป็นเนินเขาหัวโล้นเตี้ยๆ สามสี่ลูกตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นแค่หรอมแหรม ใครเดินทางไกลเพื่อมาชมเจ้านี่ในฐานะ Unseen Thailand อาจต้องเหวอเหมือนตอนผมมาครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน แบบรู้สึกว่ามันแค่นี้เองน่ะหรือ ยิ่งหน้าร้อนแดดเปรี้ยงคงไม่ต้องบอกนะว่าจะแผดเผาขนาดไหน (ฮา...) แต่ถึงยังไงถ้ามาเที่ยวระนองแล้วก็น่าแวะมาให้เห็นกับตาตัวเอง


เดินถ่ายรูปภูเขาหญ้าจนเหงื่อท่วมตัวแล้วจึงข้ามถนนกลับมารอรถสายเดิม ระนอง-กะเปอร์ เพื่อไป อช.แหลมสน รอประเดี๋ยวเดียวรถก็มา ถนนเพชรเกษมช่วงนี้ร่มรื่น รถน้อย กินลมชมวิวหวานเย็นไม่ถึงชั่วโมงดีก็มาถึงปากทางเข้าอุทยานฯ และบ้านบางเบน ค่ารถเบ็ดเสร็จ 40 บาท ขาดตัว


สิบกิโลเมตรคือระยะจากปากทางไปถึงที่ทำการอุทยานฯ ไม่มีรถโดยสาร ไม่มีรถรับจ้าง จริงแล้วหากใครติดต่อจองเรือไปเที่ยวไว้ก่อนสามารถโทรบอกให้เขามารับได้นะ อาจมีค่าบริการเพิ่มเติมก็ว่ากันไป ส่วนคนมาหัวเดียวโดดๆ แบบผมคงต้องอาศัยสองเท้ากับสองมือนี่แหละ สองเท้าเดินย่ำต๊อกไป สองมือก็รอโบกรถไป


การโบกรถเข้าไปอุทยานฯ ไม่ยากเลย เพราะปลายสุดคือหมู่บ้าน ชายหาด ท่าเทียบเรือ จึงมีรถผ่านไปผ่านมาเพียบทั้งขาเข้าขาออก ผมเดินสักกิโลเมตรก็โบกได้ต่อแรกย่นระยะทางราวสองกิโลเมตร เดินต่อสักกิโลก็โบกได้อีกรอบ คราวนี้เป็นมอเตอร์ไซค์พาซิ่งทีเดียวถึงหน้าอุทยานฯ เพราะเขากำลังไปท่าเรือพอดี ง่ายแค่นี้แหละครับมาถึงแล้ว



ย้ำอย่างหนึ่งว่าปกติใน อช.แหลมสน หรือหาดบางเบนไม่มีขายอาหารนะครับ แต่ไม่ต้องกลัวอดตายเพราะก่อนถึงอุทยานฯ มีหมู่บ้านกับร้านอาหารชาวบ้านขายอยู่ ถ้ามีเบอร์ติดต่อสามารถให้เขาไปส่งข้างในได้ด้วยร้านใกล้สุดชื่อร้านหยาดดา ของบังหยาด กับจ๊ะดา มิตรใหม่ของผม (บังคือพี่ชาย จ๊ะคือพี่สาว)


ร้านหยาดดานี่แหละกลายเป็นที่สิงสถิตของผม ข้าวทุกมื้อฝากท้องที่นี่ ยามว่างก็มานั่งหลบร้อน คุยกับบังกับจ๊ะได้ความรู้เกี่ยวกับบ้านบางเบนมากมาย และมารู้ว่าบังหยาดคือบุคคลตัวอย่างในชุมชน บังเป็นคนคิดค้นสินค้า OTOP ห้าดาวอย่างกะปิผง ปลาเค็มฝังดิน อันเลื่องชื่อของอำเภอกะเปอร์ รายการทีวีมาถ่ายทำที่บ้านแกเป็นประจำ นั่งคุยกับทั้งสองได้อะไรมากมายครับ


กลับมาว่าถึงเรื่องการเดินทางต่อ กินข้าวกลางวันฝีมือจ๊ะดาอิ่มหนำพร้อมสั่งใส่กล่องอีกหนึ่งก็เข้าไปในหาดบางเบน ที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ กว้างขวางร่มรื่นทีเดียว ติดต่อเรื่องกางเต็นท์แป๊บเดียวก็เรียบร้อย ลานกว้างขวางดี หรือถ้าอยากกางริมแนวสนก็หาทำเลกันเอา ที่ชาร์จไฟมีเพียบหลายจุด ห้องน้ำสะอาดโอเค เสียแต่ว่าห้องอาบน้ำอยู่ไกลลานกางเต็นท์สักหน่อย อุทยานฯ กำลังสร้างพื้นที่กางเต็นท์ใหม่หลังห้องอาบน้ำ อีกประเดี๋ยวคงเสร็จ



กางเต็นท์เข้าที่เข้าทางก็เดินสำรวจชายหาดสักหน่อย หาดที่นี่ยาวมากเรียงรายด้วยแนวป่าสนร่มรื่นสุดๆ นั่นคือข้อดี ส่วนข้อเสียที่ทำให้หาดบางเบนไม่ขึ้นชื่อเพราะว่ามันไม่ค่อยงามนัก กว่าจะเดินลงแตะทะเลต้องไปไกลโข แถมทรายช่วงที่น้ำขึ้นถึงมีชั้นเลนผสม คลื่นตีเลนขึ้นมาด้วยทำให้น้ำดูขุ่น และหาดทรายเกิดเป็นริ้วสีเทา (เหมือนที่อ่าวใหญ่ เกาะพยาม) แถมตลอดแนวหาดเกลื่อนไปด้วยเศษกิ่งไม้ใบไม้และขยะที่ถูกกระแสน้ำช่วงมรสุมพัดพามา เมื่อเป็นแบบนี้เลยไม่โด่งดังสักเท่าไหร่



เดินเล่นเก็บภาพไปเรื่อยจนพระอาทิตย์ตก คืนนี้มีผมนอนกางเต็นท์ที่อุทยานฯ เพียงลำพัง แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยครับเพราะมีเจ้าหน้าที่อยู่แล




(2)


วันถัดมาตื่นแต่เช้า เตรียมของเสร็จแล้วก็เดินไปท่าเรือบางเบน มีทางเดินศึกษาธรรมชาติลัดจากที่ทำการฯ ไปท่าเรือย่นระยะได้เยอะ ผมมาดักรอเผื่อมีนักท่องเที่ยวเหมาเรือไปเกาะกำจะได้ขอจอยหารค่าเรือด้วยกัน


ขออธิบายเกี่ยวกับการนั่งเรือเที่ยวสักนิด ที่นี่ใช้เรือหางของชาวบ้าน (อาจมีเรือรีสอร์ตจากคุระบุรี หรือที่อื่นใช้สปีดโบ๊ตก็เรื่องของเขา) คิดราคาเหมาลำ ยืนพื้น 2,500 บาท นั่งได้สูงสุดสิบคน หากบังเอิญเป็นกลุ่มเล็กคนน้อย ราคาต่อรองยังไงไปตกลงหลังไมค์กับคนเรือเอาเอง

เรือจะพาเราเที่ยวสี่จุด ชายหาดเกาะค้างคาว ดำน้ำเกาะค้างคาว เกาะกำตก (อ่าวเขาควาย) และเกาะญี่ปุ่น ใช้เวลาเช้าถึงเย็นตามใจเรา แวะตรงไหนนานเท่าไหร่ตามสะดวก ไม่ได้กำหนดเวลาตายตัว อยู่ที่คลื่นลมแต่ละวันด้วย


ถึงท่าเรือคนแรกที่ผมเจอคือบังหลำ แกอยู่ในกลุ่มเรือนำเที่ยวเหมือนกันแต่วันนี้ไม่ได้ไปเกาะกำเพราะมีคิวต้องไปส่งลูกค้าที่เกาะพยาม ถามไถ่ไล่ความได้ว่าจากท่าเรือบางเบนไปท่าเรือเกาะพยามแบบไปส่งอย่างเดียว คิด 1,500 บาท หากต้องการไปหาดอื่นหรือนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะพยามก็บวกเพิ่มตามตกลง แล้วจะจ้างเรือไปเที่ยวเกาะอื่น เที่ยวแบบไหน คุยราคากันได้ทั้งหมด คนเรือที่นี่เป็นคนบ้านบางเบนทั้งนั้น


แม้บังหลำไม่ได้ไปเกาะกำ แต่พอรู้ว่าผมมาเที่ยวคนเดียวแกรีบติดต่อเรือลำอื่นให้ทันที วันนั้นมีเรือในกลุ่มแกออกลำหนึ่ง นักท่องเที่ยวสามคน ทว่าเมื่อสอบถามเจ้าของกรุ๊ปเหมาแล้วเขาไม่สะดวกให้ผมร่วมทางไปด้วย ซึ่งก็ว่ากันไม่ได้ครับเพราะมันคือการเหมาเที่ยวนี่นะ


ผมเตร็ดเตร่อยู่แถวท่าเรือจนสิบโมงครึ่ง เห็นแล้วว่าวันนี้คงชวดเลยมาเดินเล่นถ่ายรูปริมหาดบางเบนแทน ได้สำรวจแนวชายหาดที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ใช้เวลาโดยไม่เร่งรีบ ใกล้เที่ยงค่อยเดินไปนั่งกินข้าวคุยกับจ๊ะดาที่ร้าน จ๊ะบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้วันเสาร์คงมีเรือออกเยอะขึ้น จ๊ะจะช่วยหาให้ผมอีกแรง


ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ จนใกล้เย็นค่อยไปรอถ่ายพระอาทิตย์ตก เสร็จแล้วก็มานั่งเม้าส์มอยที่ร้านหยาดดาอีกรอบ บอกแล้วว่าที่นี่เป็นที่สิงสถิตของผม (ฮา...)




(3)


วันถัดมาตื่นช้าเหมือนเดิม เดินออกมาเอาข้าวกล่องที่จ๊ะดาเตรียมไว้ให้แล้วไปรอท่าเรือ เจอบังหลำอีกรอบแกบอกว่าวันนี้แกมีเรือออกแต่คนครบเต็มโควต้า ผมมาทราบเอาทีหลังว่าเป็นกรุ๊ปใหญ่ของเฟซบุ๊คเพจดัง สะพายเป้ เท่ทั่วไทย มากันเต็มสองลำ 20 คน


ผมรอฟังข่าวว่าจะมีเรือให้ไปด้วยหรือเปล่าอยู่สักพัก บังหลำก็ยิ้มร่ามาหาผมบอกว่าหาเรือให้ได้แล้วล่ะ เป็นเรือของน้องเมียแกชื่อว่าบังเอิบซึ่งมีลูกค้าสามคน แต่กระซิบบอกว่าผมไม่ได้ไปในฐานะคนจอยกรุ๊ปนะ ให้ไปในฐานะเพื่อนบังเอิบ แกกลัวว่าเดี๋ยวเหมือนเมื่อวาน ยืนยันว่าแบบนี้ไม่มีปัญหาหรอก ส่วนผมกำลังหาข้อมูลเรื่องคนเรือมาเขียนงานชิ้นหนึ่งอยู่พอดี เลยคุยกับบังเอิบว่าขอนำเรื่องกับภาพของเขาไปใช้และจะช่วยประชาสัมพันธ์เรือของเขาให้ด้วย โอเคตกลงไม่มีปัญหา ผมให้สินน้ำใจบังเอิบจำนวนหนึ่งแต่ไม่ขอบอกนะครับว่าเท่าไหร่


เอาล่ะ เรือออกแล้วหัวใจเต้นโครมครามในที่สุดฝันก็เป็นจริง ผมยืนท้ายเรือสอบถามข้อมูลจากบังเอิบ ไม่ยุ่มย่ามเจ้าของกรุ๊ปให้เสียมารยาท ราวครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมายแรกคือเกาะค้างคาว น้ำใสสะใจ มีตินิดหน่อยตรงเศษกิ่งไม้ใบหญ้าระเกะระกะเต็มหาด ทว่ามองอีกแบบถือว่าสวยดิบตามบรรยากาศเกาะเขตอุทยานแห่งชาติ ทรายนุ่มเท้าเหยียบทีแทบจมมิดข้อเท้าเชียวล่ะ


ตอนอยู่บนเกาะค้างคาว จ๊ะดาโทรมาถามว่าอยู่ไหน “อยู่บนเกาะแล้วครับจ๊ะ" ผมว่า คือจ๊ะโทรมาบอกว่าหาเรือให้ผมได้แล้ว เรือลำนั้นจะออกตอนสิบเอ็ดโมง แต่ผมได้เรือมาเรียบร้อยแล้วถือว่าดีไป


ถ่ายรูปเล่นน้ำกันสักพักที่เกาะค้างคาวก็ไปกันต่อ จริงๆ ที่เกาะนี้มีจุดดำน้ำตื้นดูปะการัง บังเอิญกรุ๊ปที่ผมไปด้วยไม่ต้องการดำน้ำ และผมเองเป็นเพียงคนร่วมทางมาเท่านั้น เลยอดดำน้ำดูว่าปะการังว่ามีมากน้อยขนาดไหน ไม่เป็นไรครับเพราะจากความสวยของที่นี่ผมเชื่อว่าตัวเองคงได้กลับมาอีกแน่นอน

เมื่อไม่ดำน้ำเราก็เลยตรงไปที่เกาะกำตก หรืออ่าวเขาควาย เป็นแลนด์มาร์คของหมู่เกาะกำ นั่งเรือจากเกาะค้างคาวไปสักพัก


เกาะกำตกเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ไปถึงแล้วสิ่งแรกที่ผมทำคือเดินขึ้นจุดชมวิว ตอนแรกเจ้าหน้าที่ไม่อยากให้ขึ้นเพราะเส้นทางปีนเขาไม่ค่อยดีนัก หรือให้เจ้าหน้าที่อีกคนพาขึ้นไป แต่บังเอิบซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าหน้าที่คนบางเบนเหมือนกันนั่นแหละบอกว่าไม่เป็นไรหรอกอย่างผมขึ้นสบายอยู่แล้ว ได้บังเอิบช่วยหนุนหลังผมก็เลยฉลุย


เส้นทางไม่สูงมากแต่ชันเอาเรื่องถึงกับต้องปีนป่ายไต่เชือกกันเลยทีเดียว ภาพที่ถ่ายมาเป็นช่วงที่ยังไม่ลำบากมากนะครับ เพราะช่วงยากๆ ต้องเก็บกล้องตั้งใจปีนหน่อย และอย่างไรสุดท้ายก็ไม่เกินความสามารถ มาถึงแล้วจะได้ชมวิวสุดสวยแบบนี้




ความเก๋ของอ่าวเขาควาย เกาะกำตก คือมีชายหาดขนาบสันทรายสองฝั่งเหมือนที่เห็นในภาพจากมุมสูง ฝั่งหนึ่งเป็นหาดทรายทอดยาวขาวสวย หันออกทางทะเลเปิด



อีกฝั่งเป็นโค้งอ่าวที่มีรูปร่างเหมือนเขาควายตามชื่อ ฝั่งนี้มีแนวโขดหินเยอะหน่อยซึ่งสวยไปอีกแบบ



ปลายอ่าวด้านหนึ่งมีจุดชมวิวเตี้ยๆ เรียกว่าผาตะวันตกด้วยครับ



ปกติที่นี่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวทั่วไปค้างแรมเนื่องจากบนเกาะไม่มี แหล่งน้ำจืด อุทยานฯ เกรงว่ามาพักกันจะลำบากเสียเปล่า เลยกำหนดให้เที่ยวเฉพาะแบบไป-กลับ แถมเกาะก็ขนาดเล็กมากเดินเพียงแป๊บเดียวก็ทั่วแล้วล่ะ


ผมมีเวลาอยู่ที่อ่าวเขาควายพอสมควร นานพอให้ผมเดินเล่นถ่ายรูป นั่งกินข้าวเที่ยงคุยกับบังเอิบ แล้วมาเดินถ่ายรูปต่ออีกรอบโดยไม่ต้องเร่งรีบ เกือบบ่ายโมงครึ่งถึงเดินทางอีกครั้งเพื่อไปเกาะญี่ปุ่น ซึ่งไม่อยู่ไกล


ชื่อเกาะญี่ปุ่นมาจากตอนสงครามโลกครั้งที่สองมีทหารญี่ปุ่นมาตั้งฐานทัพที่นี่ เป็นเกาะเล็กๆ ชายหาดงามน้ำทะเลใส บรรยากาศสวยสงบ เพื่อนร่วมเรือเล่นน้ำเพลินเลย พอได้เวลาอันสมควรราวบ่ายสองโมงครึ่งก็เดินทางกลับฝั่ง ซึ่งปกติหากใครจะเที่ยวต่อนานกว่านี้ก็ได้ไม่มีปัญหา



กลับมาถึงท่าเรือบ่ายสามโมงครึ่ง ขอเดินเล่นสบายๆ แถวท่าเรือ ใครมาที่นี่อาจเห็นภาพแปลกตาคือฝูงควายมากมายหากินอย่างอิสระในหมู่บ้านบ้าง ริมทะเลบ้าง หลายครั้งเข้าไปถึงลานกางเต็นท์อุทยานฯ สังเกตสักหน่อยจะเห็นว่าควายพวกนี้ไม่ได้สนตะพาย เพราะเขาไม่ได้เลี้ยงไว้ทำนาแต่เลี้ยงไว้ขาย ไม่ต้องดูแล ปล่อยหากินตามสบาย อยากไปไหนก็ไป ไม่มีหาย ไม่มีใครขโมย พอมีใครขอซื้อควายสักตัวไม่ว่าจะเอาไปทำอะไรค่อยมาไล่จับ และหากคนซื้อไม่ต้องการตัวเป็นๆ บางครั้งการไล่ล่าอาจจบลงด้วยลูกปืน



ถึงอุทยานฯ นั่งเล่นหลบร่มให้ผิวหลบแดดเสียหน่อยสงสารมันเหลือเกิน รอจนถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกอีกวัน



ฟ้าใกล้มืดผมเดินออกมากินข้าวที่ร้านจ๊ะดาตามฟอร์ม กินไปคุยไปสักพักใหญ่ค่อยขอตัวกลับไปพักผ่อน คืนนี้กรุ๊ปจากเพจดังมากางเต็นท์กันด้วย แต่เจ้าหน้าที่จัดให้ไปกางในโซนไกลโพ้นจากผม บรรยากาศยังเงียบสงบเหมือนเคย นอนฟังเสียงลม เสียงทะเล เสียงแมลงมีความสุขที่สุด


(4)


ผ่านมาสามคืน ภารกิจพิชิตเกาะกำเป็นอันประสบความสำเร็จ ตอนเช้าอีกวันเลยไม่ต้องเร่งรีบ เดินเล่นถ่ายรูปแถวหาดบางเบน หาแนวต้นสนสวยๆ เป็นพร็อพประกอบ ที่นี่น้ำทะเลอาจไม่ใส ชายหาดอาจไม่สวย แต่องค์ประกอบอื่นๆ ถือว่ายอดเยี่ยมเหลือเกิน


ใกล้เที่ยงค่อยเก็บเต็นท์แบกสัมภาระมากินข้าวร้านหยาดดา บังหยาดแนะนำให้ผมไปดอยร้อยวิว ซึ่งอยู่ด้านหลัง ระนอง รีสอร์ท แอนด์ ลากูน่า ไม่แค่แนะนำเท่านั้นบังยังโบกรถให้ผมด้วย บอกให้ไปส่งถึงรีสอร์ทเลยล่ะ อยากขอบคุณชาวบางเบนทุกคนที่ผมช่วยเหลือผมมาตลอดทริปนี้ หากถามว่าน้ำใจชาวบางเบนมากมายขนาดไหน ผมขอตอบว่าชาวบางเบนใจกว้างเฉกเช่นเดียวกับทะเลบางเบนนั่นไง


ระนอง รีสอร์ท แอนด์ ลากูน่า อยู่ริมถนนเพชรเกษม มาจากตัวเมืองจะอยู่ทางซ้ายมือติดกับปั๊มน้ำมันพีที ก่อนถึงทางเข้า อช.แหลมสน สักประมาณหนึ่งกิโลเมตร สภาพรีสอร์ทอาจเก่าแก่สักหน่อยแต่ยังให้บริการตามปกตินะ ข้างหน้ามีสวนน้ำเล็กๆ เด็กมาเล่นพอสมควร ส่วนดอยร้อยวิวที่ว่ามีทางขึ้นอยู่ด้านหลังครับ (ถ้ามองจากปั๊มจะเห็นหน้าผาชัดเจน) ใครอยากขึ้นไปต้องถามทางคนที่รีสอร์ทนะไม่งั้นไม่มีทางเจอ (ฮา...)


ผมสอบถามทางโดยละเอียด ย้ำแล้วว่าเดินขึ้นคนเดียวได้ไม่มีหลงก็ลุยเลย แม้พอเห็นทางเริ่มต้นแล้วใจแป้วนิดหน่อยว่ามันจะไปได้จริงหรือนี่ แต่เอาเป็นว่าถึงค่อนข้างรกไปหน่อยทว่ามองแนวทางเดินไม่ยาก แค่อาจไม่เหมาะกับการเที่ยวคนเดียวเท่าไหร่ เห็นว่าเขามีแผนปรับปรุงทางขึ้นอยู่ รออีกสักพักคงดีขึ้น



เดินเท้าสักครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดชมวิวแล้วครับ ช่วงนี้แดดดีจริงแต่ฟ้าค่อนข้างหลัว วิวทะเลไกลๆ เลยไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ในภาพรวมผมว่าที่นี่ไม่ได้สวยเลิศเลอขนาดทำให้ร้องโอ้ แต่การได้มาสถานที่ที่ผู้คนยังไม่รู้จักนับเป็นอีกอารมณ์สนุกของการแบกเป้เที่ยวนี่แหละ



ลงจากดอยร้อยวิวรอรถกลับตัวเมืองระนอง บอกโชเฟอร์ว่าขอลงตรงทางเข้าบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน (หากไม่บอกก่อนเขาจะเลี้ยวเข้าเมืองอีกทาง) ไหนๆ มีเวลาเหลือแล้วผมเลยคิดว่าควรแวะไปแช่เท้าผ่อนคลายสักนิด ใจจริงอยากไปบ่อน้ำร้อนพรรั้ง ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวมากกว่าแต่เวลาไม่อำนวยและเข้าไปยากกว่าที่รักษะวารินในตัวเมืองครับ



แบกเป้ใบโตเดินจากริมถนนเพชรเกษมไปบ่อน้ำร้อนรักษะวารินประมาณหนึ่งกิโล เดินออกมาอีกหนึ่งกิโล เดินไปบขส.อีกหนึ่งกิโล เหงื่อท่วมกายรีดพลังงานได้ดีเชียวแล หาข้าวกิน รอขึ้นรถรอบสองทุ่มครึ่งกลับ กทม. เป็นอันปิดทริปเที่ยวระนองรอบที่สี่ของผมไว้เท่านี้


ระนองต้องลองมา หากชอบธรรมชาติเรียบง่ายไม่ปรุงแต่ง ชอบความสงบ ความสวยมีเสน่ห์ของตัวเอง ระนองจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ที่นี่อาจเป็นจังหวัดซึ่งมีประชากรน้อยนิดที่สุดในประเทศ แต่ทุกคนมีรอยยิ้มและน้ำใจของคนระนองนั้นมีมากล้นจริงๆ ผมการันตีได้เลย



ขอทิ้งท้ายสักนิดกับคลิปวีดีโอที่เก็บมาฝากกันครับ



เที่ยวหมู่เกาะกำแบบไม่มีรถส่วนตัว


1. นั่งรถทัวร์มาลง บขส. ระนอง หรือตัวเมืองระนอง หากไม่ต้องการแวะตัวเมือง มีรถทัวร์ไปอำเภอกะเปอร์ สามารถลงหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติแหลมสน

2. จากตลาดตัวเมืองระนอง นั่งรถสองแถวสีฟ้า ระนอง-กะเปอร์ มาลงหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติแหลมสน คนละ 40 บาท

3. หากจองเรือนำเที่ยวหรือที่พักเอกชนที่หาดบางเบนไว้ก่อน สามารถติดต่อให้มารับตรงปากทาง มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน ไม่เช่นนั้นสามารถหาโบกรถเข้าไปถึงที่ทำการอุทยานฯ ได้ไม่ยากนัก

4. การเที่ยวเกาะกำให้ขึ้นเรือที่ท่าเรือบางเบน อยู่ไม่ไกลจากที่ทำการฯ ราคาคิดแบบเหมาลำ 2,500 บาท นั่งได้มากที่สุดสิบคน ควรติดต่อจองเรือล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวัน

ติดต่อเรือผ่านอุทยานแห่งชาติแหลมสน >>> 0-7786-1431, 0-7786-1442

ติดต่อเรือผ่านคนเรือโดยตรง ผมขอแนะนำสองคน >>> บังหลำ 08-0038-0757 (ผู้มอบน้ำใจเป็นธุระจัดหาเรือให้ผมโดยไม่เรียกร้องอะไรเลย) >>> บังเอิบ 08-0693-5038 (ผมไปกับบังเอิบคนนี้แหละ รับประกันว่าบริการดีเยี่ยม) หากเรือของทั้งสองไม่ว่างจะแนะนำต่อไปยังเรือลำอื่นเองครับ

ติดต่อเรือผ่านหัวหน้ากลุ่มเรือนำเที่ยว >>> บังใหม่ 08-6271-0373

5. อช. แหลมสนมีบ้านพักและลานกางเต็นท์บริการ อุปกรณ์ให้เช่าครบ ขณะที่มีที่พักเอกชนหลายแห่งอยู่ที่บ้านบางเบน ส่วนใหญ่เป็นที่พักติดทะเลแบบเรียบง่าย ราคาไม่แพง ผมไม่มีที่ใดแนะนำเพราะไม่ได้เข้าพัก ลองหาจากอากู๋กันดูนะ

6. ภายในอุทยานฯ มีขายแค่น้ำดื่ม ไม่มีร้านอาหาร ร้านใกล้ที่สุดอยู่ด้านหน้าอุทยานฯ ชื่อร้านหยาดดา สามารถเดินออกมาทานเอง สั่งให้เข้าไปส่งในอุทยาน หรือสั่งทำอาหารกล่องเพื่อไปล่องเรือได้ ติดต่อจ๊ะดา >>> 08-5796-2374



ใครสนใจอยากอ่านรีวิวอื่นของผม หรืออยากคุยเรื่อยเปื่อย สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) ชวนเที่ยว ก็ยินดียิ่งครับ

>>> https://www.facebook.com/alifeatraveller




นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller

 วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.07 น.

ความคิดเห็น