นิวออลีนส์

New Orleans, Louisiana

Day 1 Click HERE

Day 2 Click HERE



Day 3: National World War II Museum - The Jazz Playhouse

.

National WW II Museum เป็นพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่สองที่ดีที่สุดในอเมริกา (เขาว่ามางี้) rank อันดับ #1 Things to do บน Tripadvisor เราชอบไปพิพิธภัณฑ์อยู่แล้ว ก็ต้องเป็นสถานที่ที่ต้องมาแล้วล่ะ

เราไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนเลยว่าควรจะใช้เวลาเท่าไหร่เดินให้ครบ เพราะตารางเที่ยวทริปนี้ชิวมาก เสร็จเมื่อไหร่ค่อยไปต่อ พอมาถึงแล้วตกใจกับความใหญ่ของมันเหมือนกัน มี 6 ตึกเชื่อมกัน

ภาพจาก nationalww2museum.org

นักท่องเที่ยวเยอะมากกกก แต่ไม่ถึงกับแออัด เราต่อคิวจ่ายค่าเข้าด้วยราคานักเรียน ทุกคนจะได้ Dog Tag RFID เป็นการ์ดแถบแม่เหล็กที่จะมีข้อมูลของบุคคลจริง (ทหาร) ที่มีส่วนร่วมในสงคราม ผู้เข้าชมแต่ละคนก็จะได้การ์ดแบบสุ่มไป เราสามารถฟังข้อมูลที่ station ที่มีอยู่แทบทุกส่วนในมิวเซียม เพียงสแกนการ์ดแล้วยกหูฟัง จะได้ยินบทสัมภาษณ์ของบุคคลนั้นๆ ที่เชื่อมโยงกับลำดับเหตุการณ์ของส่วนจัดแสดง เหมือนกับว่าเราได้ติดตามชีวิตของบุคคลนั้นตลอดช่วงสงคราม

มิวเซียมที่นี่จัดให้เราเดินชมไปตามส่วนต่างๆ one-way ไม่ต้องกลัวหลง (บางมิวเซียมอย่าง The MET ที่นิวยอร์ค มันหลงง่ายจริง) โดยจะไล่ไทม์ไลน์ของแต่ละเหตุการณ์ในสงคราม

ทุกๆ ห้อง และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ หรือแม้แต่วัตถุจริงในสงครามก็มี เราสัมผัสได้ว่าที่นี่ถูกออกแบบมาอย่างดี ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้าน interactive ที่ engage คนเข้าชมได้ดีมาก gimmick ต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยด้าน visualization และ presentation นับว่าเพลินตาจริงๆ

เป็นมิวเซียมที่อลังการ สาระเข้มข้น ทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยไปมาในชีวิตตอนนี้แล้ว คุ้มค่าเข้าชมทุกดอลลาร์

สำหรับอาคารสุดท้าย สร้างเป็นโรงเก็บเครื่องบิน จัดแสดงเครื่องรุ่นต่างๆ ที่ใช้จริงในสงคราม เด็กๆ หรือผู้ใหญ่ที่ชอบด้านนี้ จะต้องว้าวมากๆ

เราใช้เวลาประมาณ 4 ช.ม. อยู่ในมิวเซียม เดินแบบรีบๆ ด้วยซ้ำ ถ้าไปที่นี่แนะนำให้เผื่อเวลาทั้งวันเลย ภายในมีร้านอาหารพร้อม พักกินแล้วเดินดูต่อได้

เราออกมาก็ช่วงบ่ายคล้อยมากแล้ว เลยหาอะไรรองท้องแถวนั้น เจอร้าน Magazine Pizza ที่ดูน่ากินและราคาเป็นมิตร ทำสดใหม่เว่อ

จากนั้นไปเดินริมน้ำและแวะช้อปปิ้งที่ Outlet รอช่วงค่ำเพราะวันนี้เราจะไปกิน Happy Hour Oyster กันอีกแล้ว 5555

.

แหล่ง Outlet ชื่อว่า Riverwalk Marketplace มีทุกร้านที่คนไทยชอบ มาเดินฆ่าเวลากันได้ อยู่ริมแม่น้ำ Mississippi เลย

พอตกค่ำ เราก็ตรงไปร้าน Luke French & German Cuisine ตั้งอยู่ในรร. Hilton ร้านขายอาหารฝรั่งระดับ Fine Dining อยู่นะ แต่เรามาเพื่อหอยนางรม กินมันสองวันเลยเพราะเรามั่นใจว่าในอเมริกาจะหาหอยรางรมที่สดและถูกขนาดนี้ได้ยาก เดี๋ยวจะเสียดายทีหลัง

ด้วยความที่ร้านนี้ค่อนข้างดัง คนเลยเยอะมากเหมือนกัน มีทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นเอง แต่ตอนเราไปโชคดีที่ไม่ต้องรอคิว

เราสั่งกันคนละ 9 ตัวเลยวันนี้ กินแบบไปเบิร์นทีหลัง พอเทียบกับร้านที่ไปกินเมื่อวันก่อน ร้านนี้ไม่สะอาดเท่านะ อาจจะเพราะคนเยอะ mass production ด้วยรึป่าวไม่รู้ คุณจะได้บรรยากาศ Fine Dining ที่เสียงดังหน่อยๆ เพราะทุกโต๊ะเม้ามอยดังมาก นอกนั้นเราว่าร้าน Coterie ดีกว่าหมด (ในราคาเท่ากัน!)

.

พอได้เวลาค่ำแก่ๆ เราเดินไป Bourbon St. ใน French Quarter ถนนเส้น nightlife อันโด่งดังของเมืองนี้ เนื่องจากมีแต่บาร์แจ๊ซและไนท์คลับทั้งเส้น

เราเลือกไปร้าน The Jazz Playhouse ร้านแอบอยู่ใน Royal Sonesta Hotel ที่เลือกที่นี่เพราะไม่เสียค่าเข้า ใช่แล้วค่ะ บาร์แจ๊ซส่วนใหญ่จะมี entrance fee และมีวงดังมาเล่นบ่อย

.

เสน่ห์ของดนตรีแจ๊ซคือเครื่องดนตรีที่เล่นกันคนละคีย์ หรือบางทีอาจจะคนละจังหวะด้วยซ้ำ พอมาเล่นด้วยกันกลับกลมกล่อมและเป็นเอกลักษณ์ โดยมีที่มาจากสมัยก่อน ในบริเวณนี้พวกยุโรปมาตั้งอาณานิคม ซึ่งก็มีหลายชาติหลายภาษา ไหนจะพวกทาสจากทวีปแอฟริกาอีก ในเมื่อคุยกันธรรมดาก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง มีแต่ความบันเทิงอย่างดนตรีนี่แหละที่ทำให้คนที่มาจากต่างแบคกราวน์สามารถสนุกร่วมกันได้

ชอบบรรยากาศที่คนส่วนใหญ่มานั่งฟังเพลงไปดื่มไป มีเมนูอาหารด้วยหากใครยังไม่ได้กินมื้อเย็นมา แต่เราอิ่มท้องกันมาแล้ว เลยสั่งไวน์กันคนละแก้ว นั่งฟังดนตรีแจ๊ซไปสองชั่วโมงกว่าๆ ถึงจะกลับ

ร้านนี้ค่อนข้างดังอีกแล้ว ขนาดเราไปตรงเวลาเปิดเป๊ะๆ ยังมีคนจับจองที่นั่งไปแล้วกว่าครึ่ง แนะนำให้โทรไปจอง ไม่ก็ไปเดินเที่ยวแถวนั้นก่อน พอใกล้เวลาเปิดก็มารอเลย




Day 4 - Magazine St.

วันสุดท้ายเราบินกลับช่วงบ่าย เลยออกมาหามื้อเช้ากันที่ Magazine St. ที่วันก่อนแวะกินอาหารอาหรับกัน ถนนเส้นนี้มีร้านอาหารหรือร้านขายของเยอะ โดยเฉพาะพวกงานฝีมือ หรืองานศิลปะ แต่ช่วงที่เช้ามากๆ ร้านยังไม่ค่อยเปิดกัน ที่เปิดก็มีแต่ร้านกาแฟและร้านอาหารเช้า

Slim Goodies Diner เป็นร้าน local ที่เสิร์ฟ breakfast/brunch สไตล์อเมริกันแท้ๆ เราไปประมาณ 8-9 โมง คนรอคิวยาวมาก ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องที่เอง

ราคาและคุณภาพดีสมกับที่รอคิวเกือบครึ่งชั่วโมง ใครอยากได้บรรยากาศคาเฟ่ Retro วุ่นวายหน่อยๆ (เพราะร้านเล็กแต่โต๊ะแน่น คนเยอะ) แนะนำร้านนี้เลย พนักงานบริการดีมาก

** แอบสังเกตเห็นหลายโต๊ะสั่งค็อกเทลมาดื่มคู่กับมื้อเช้าด้วย ที่นิยมมากๆ ก็ Mimosa เปิดแชมเปญกันตรงโต๊ะที่เสิร์ฟเลย


เป็นทริปที่อิ่มหมีพีมันที่สุด พูดได้ว่าอร่อยทุกมื้อ ตารางเที่ยวไม่แน่นมากเลยไม่ค่อยเหนื่อย แถมบรรยากาศเมืองนี้คือชิวๆ และอากาศดีมากกกก ได้พักผ่อนจริงๆ

URExplorer

 วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.40 น.

ความคิดเห็น