หลายปีก่อนผมได้เห็นภาพถ่ายภูเขาหิมะแห่งหนึ่งในประเทศจีน นั่นคือ ภูเขาหิมะมังกรหยก ซึ่งสวยงามอลังการ

แถมมีชื่อที่ติดหูมากๆ จนทำให้คิดฝันไว้ในใจว่า สักวันหนึ่งถ้ามีโอกาสได้ไปเมืองจีนต้องไปเยือนภูเขาหิมะมังกรหยกแห่งนี้ให้ได้ 

พอได้ค้นหาข้อมูลสถานที่เพิ่มเติมขึ้น จึงรู้ว่า ภูเขาหิมะแห่งนี้อยู่ในมลฑลยูนนาน มลฑลที่มีสมญานามว่า 

‘เมฆหลากสีแห่งทิศใต้’ เนื่องจากเป็นมลฑลที่มีผู้คนต่างเผ่าพันธุ์ หลากวัฒนธรรมอาศัยอยู่ร่วมกัน มากกว่า 26 ชาติพันธุ์ 

ยูนนาน มีภูมิประเทศที่งดงามและภูมิอากาศที่หลากหลาย ได้กลายเป็นที่รู้จักและเป็นจุดหมายของนักเดินทางนานาชาติมากยิ่งขึ้น

ส่วนใหญ่ปรารถนามาค้นหา ‘แชงกรีล่า’ ดินแดนในจินตนาการ ซึ่งได้ปรากฏนามเป็นครั้งแรกเกือบ 90 ปีก่อน

ในบทประพันธ์คลาสสิกเรื่อง Lost Horizon ของเจมส์ ฮิลตัน … 

น่าจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น หากการเดินทางตามรูปถ่าย และเรื่องราวจากการบันทึกของนักเดินทางรุ่นก่อน  

จะทำให้เราได้สัมผัสและรู้สึกไปกับความงามนั้น ด้วยตัวเอง … 

“ความงามแห่งสรรพสิ่ง ตราตรึงอยู่ในจิตใจ ซึ่งไตร่ตรองมองเห็น

สิ่งที่ควรค่าให้ความหมายในชีวิต มิใช่จำนวนครั้งที่เราหายใจ 

หากแต่เป็น ช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งทำให้หัวใจของเรานั้น ได้เต้นแรง…”

ในทริปนี้พวกเราใช้เวลา 9 วัน เดินทางท่องเที่ยวไปในฤดูหนาวของช่วงปลายปี เริ่มต้นที่เมืองคุนหมิง /

ต่อด้วยเขตปกครองตนเองชนชาติไป๋เมืองต้าหลี่ / แล้วขึ้นไปเมืองลี่เจียง เพื่อไปชมเมืองเก่าและยอดเขาหิมะ /

เดินทางต่อขึ้นไปปิดท้ายที่เขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตเมืองตี๋ชิ่ง เพื่อเข้าถึงแชงกรีล่า

ออกเดินทางไปด้วยกันเลยครับ กับบทความ ตอนที่ 2 ลี่เจียง - สายธารหยกแห่งยอดเขาหิมะ 

ยินดีทักทายพูดคุยกันต่อได้ที่ https://www.facebook.com/thecrosscutting/

ขอบคุณพันทิป และเพื่อนๆ ทุกคน ด้วยนะครับ

____________________________________________

ติดตามอ่านตอนอื่นๆ ได้ที่นี่ครับ

ตอนที่ 1 ต้าหลี่ - ทะเลสาบไข่มุกแห่งเมืองพันปี https://pantip.com/topic/38768193

ดอนทึ่ 3 แชงกรีล่า - ภูเขาหิมะและทะเลสาบน้ำแข็ง https://pantip.com/topic/38810920

ติดตามชมแบบวีดีโอด้านล่างนี้ครับ 

EP1. เมืองโบราณต้าหลี่

EP2. เมืองเก่าลี่เจียง 

EP3. ภูเขาหิมะมังกรหยก 

EP4. เส้นทางสู่แชงกรีล่า 

EP5. ภูเขาหิมะและทะเลสาบน้ำแข็งแห่งแชงกรีล่า

Day 4

อากาศที่เมืองเก่าลี่เจียง หนาวและเบาบางกว่า

ที่ต้าหลี่เล็กน้อย  แต่ได้แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า

ช่วยให้อบอุ่นจากอากาศอันหนาวเย็น ช่วงปลายปีแบบนี้

พวกเราออกจากที่พักซึ่งอยู่ในเขตเมืองเก่า

เริ่มต้นยามเช้าด้วยการหาร้านอาหาร แวะเติมพลังกันก่อน

ภารกิจทั้งวันนี้ คือการเดินสำรวจเมืองเก่าและหาซื้อทัวร์ขึ้นยอดเขาในวันพรุ่งนี้ …

ภายในตัวเมืองเก่า ถูกแปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็น

แหล่งช้อปปิ้งเต็มรูปแบบ มีร้านค้า ร้านอาหาร

ร้านกาแฟ รวมถึงผับบาร์ในยามค่ำคืน

ด้วยสไตล์ของอาคารบ้านเรือน ตรอกถนนเล็กๆ

และลำคลองที่ไหลผ่าน บวกกับวิวภูเขาที่ล้อมรอบ

กลายเป็นกิมมิคที่ให้ความรู้สึกอิน

ไปกับประวัติศาสตร์ ซึ่งคอมมูนิตี้มอลล์ใดๆ

น่าจะสร้างให้ไม่ได้

เมืองเก่าลี่เจียงได้รับการอนุรักษ์ไว้ทั้งวิถีชีวิต ศิลปะ

และวัฒนธรรมที่หลอมรวมกัน ของชนเผ่าพื้นเมือง

และของจีนโบราณ จนได้รับการจดบันทึกไว้

เป็นสมบัติของโลก UNESCO World Heritage

ที่มีเอกลักษณ์พิเศษ และมีเสน่ห์ที่ดึงดูด

ให้ผู้คนมากมายอยากมาเยี่ยมเยือนอย่างน้อยสักครั้ง

พวกเราเดินตามเสียงลำธารสายน้ำที่เลื่อนไหล

สร้างความผ่อนคลายให้จิตใจ

สะพานเล็กๆ ที่พาดตัวเหนือลำธาร

กลายเป็นภาพจำที่สำคัญ สำหรับผู้คนที่ได้มาเยี่ยมเยือน

ระบบจัดการน้ำในลี่เจียงสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่โบราณ ลำธารไหลผ่าน เคียงข้างอาคารบ้านเรือน

ที่ออกแบบผสมผสานตามแนวทาง

ทั้งชาวธิเบต ชาวไป๋ และ ชาวฮั่น

ลองจินตนาการ ย้อนเวลากลับไปในยุคเส้นทางสายไหม

หรือเส้นทางการค้าโบราณราวพันปีก่อน

ลี่เจียง คือจุดแวะพักของเหล่าพ่อค้า นักเดินทางผู้สัญจร

ก็คงจะมีร้านค้า ร้านอาหาร โรงเตี๊ยมโรงน้ำชาเปิดรองรับมากมาย

เหมือนที่เราเห็นกันในวันนี้ เพียงแต่ต่างช่วงต่างเวลา

รูปแบบก็เปลี่ยนไป

นอกจากตัวอาคารสถานที่ เมืองเก่าเมืองนี้ ยังอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมของชนเผ่าท้องถิ่น

ที่มีความหลากหลายให้คงอยู่ร่วมกัน

และยังเป็นเมืองศูนย์รวมศิลปะวัฒนธรรม

ความเป็นอยู่ของชนเผ่าหน่าซีแห่งมณฑลยูนนานอีกด้วย  

จากจตุรัสใจกลางเมืองเก่า พวกเราเดินลัดเลาะ

ตามตรอกซอย  ขึ้นไปตามทางชันเส้นหนึ่ง

เห็นป้ายนำทางขึ้นไปสู่จุดชมวิวเมืองจากด้านบน

ระหว่างทางมองเห็นก้อนอิฐแต่ละก้อนที่ได้ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบ เกิดเป็นถนนทางเดินที่สอดประสานไปตามเนินเขา  

เมืองเก่าลี่เจียงได้รับการสร้างอย่างกลมกลืน

…….

สถานที่สำคัญซึ่งห้ามพลาดอย่างยิ่งเมื่อมาเยือนลี่เจียง คือ การไปภูเขาหิมะมังกรหยก

หรือ คนจีนเรียกว่า  ยู้หลง (อวี้หลง) เซี่ยซาน

และเนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยววิธีการเดินทางไปไม่ซับซ้อน

ก่อนมาพวกเราอ่านรีวิวที่เหล่านักเดินทางใจดี เขียนอธิบายไว้มากมายในอินเตอร์เน็ต

ก็พอนึกภาพออก แต่ประเด็นคือ จะไปยังไงให้จ่ายน้อยที่สุด ...

ในเมืองเก่ามีบริษัททัวร์มากมายตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆ กังหันน้ำ จุดแลนด์มาร์กประจำเมืองเก่า

ซึ่งมีราคาค่าทัวร์กำลังดี นั้นคือ 330 หยวน หรือ 1650 บาท

แบ่งเป็นค่ารถเหมาไปนักท่องเที่ยวอีก 6 คน พร้อมคนขับ ค่าตั๋วเข้าชม ค่าเคเบิ้ล

ค่าอ็อกซิเจน และรวมถึงอาหารเที่ยงด้วย

แต่ถึงตอนที่จะจ่ายเงินอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ ถามว่ามีเบอร์โทรของจีนมั้ย

พวกเราบอกไม่มีแต่มีแอพวีแชท ต้องขอแอดเป็นเพื่อนกันก่อน

ถึงจะลงทะเบียนใช้งานได้ แต่อาจเป็นที่เราสื่อสารกับเขาไม่เข้าใจก็ไม่ทราบได้

เขาไม่ยอมแอดรับเราเป็นเพื่อน …

และสุดท้ายก็ไม่ขายทัวร์ให้พวกเราอีกด้วย …

พวกเราเลยลองเดินไปหาทัวร์เจ้าอื่นๆ แต่ก็ยังซื้อทัวร์ไม่ได้ด้วยสาเหตุเดียวกัน

คือ เรื่องการติดต่อสื่อสาร …

ความรู้สึกตอนนั้นค่อนข้างกังวล กลัวค่าใช้จ่ายบานปลาย เพราะช้อยส์ที่เหลือ

คือซื้อ private tour หรือไม่ก็เหมารถแท็กซี่เอา

แน่นอนว่าต้องจ่ายเงินเยอะกว่าไปกับทัวร์ เพราะยังไม่รวมค่าตั๋วอื่นๆ อีก

สุดท้ายต้องยอมทำใจ เดินกลับโรงแรม เตรียมไปหารถเหมาเอาในวันพรุ่งนี้

ระหว่างที่เดินกลับไปโรงแรม เหลือบเห็นมีบริษัททัวร์อีกเจ้าหนึ่ง

ตั้งอยู่ก่อนถึงประตูทางออกจากเมืองเก่า เลยตัดสินใจลองเข้าไปถามดู

ในนาทีเกือบสุดท้าย สถานการณ์คลี่คลาย เจ้าของทัวร์แอดรับพวกเราเป็นเพื่อนในวีแชท

และนั่นทำให้การเดินทางของพวกเรามาลงตัวกับทัวร์เจ้านี้

แม้ในราคาที่แพงกว่าเจ้าอื่นนิดหน่อย คือตกที่ คนละ 380 หยวน

พวกเราปิดค่ำคืนนี้ ด้วยการฉลอง Hot Pot ร้านดังในเมืองเก่าลี่เจียง

เพื่อเติมความรู้สึกดีๆ หลังจากที่ต้องลุ้นเรื่องทัวร์อยู่หลายชั่วโมง ...

“หากในวันครึ้มด้วยพายุฝน เปรียบได้ดั่งความผิดหวังเสียใจ

ฟ้าหลังฝนสดใส ก็คือความชื่นใจ และความหวัง

การค้นหา นำสู่ การค้นพบ สิ่งใหม่ โอกาสใหม่ย่อมเปิดทางรออยู่เสมอ …”

Day 5

พวกเราเดินฝ่าความมืดออกไปยืนรอรถ ตามจุดนัดหมาย เป็นบริเวณเดียวกับที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่

ยืนรอรถเพื่อไปขึ้นเขายู้วหลงเหมือนกัน คงเป็นจุดนัดรับนักท่องเที่ยวของบริษัททัวร์ที่นี้

รออยู่ไม่นานรถของพวกเราก็มาถึง เป็นรถยนต์เจ็ดที่นั่ง ซึ่งถูกจับจองอยู่ก่อนแล้ว

เหลือที่แถวหลังสุดซึ่งค่อนข้างแคบและเบียดเสียดให้พวกเรา

สมาชิกทัวร์มีด้วยกัน 6 คน ประกอบด้วยคู่สามีชาวจีน 2 คู่

และตัวแทนประเทศไทยอย่างพวกเรา ...

นั่งรถมาได้ราวๆ ชั่วโมงหนึ่ง ก็มาถึงประตูทางเข้าอุทยาน เป็นจุดที่ต้องแวะจัดการเรื่องตั๋วก่อนเข้าไป

มองไปรอบๆ สังเกตเห็นรถติดยาว นั่งอยู่สักพักมีเจ้าหน้าที่เดินมาแจ้งคนขับรถของพวกเราว่า

วันนี้เคเบิ้ลคาร์ที่จะขึ้นไป Glacier peak ปิดให้บริการ เนื่องจากสภาพอากาศไม่ดีมีลมแรงมาก

แต่ยังสามารถไปชม Blue moon valley ได้

หลังทราบข้อมูล คนขับรถก็แจ้งเรื่องสภาพอากาศและขอปรับโปรแกรมเที่ยว

เหลือแค่ Blue Moon Valley ส่วนค่าเคเบิ้ลเขาจะคืนให้คนละ 100 หยวน  

คู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง พูดขึ้นมาว่าจะไม่ไป blue moon valley และสั่งให้คนขับรถกลับเข้าเมือง

พวกเราก็เฮ้ย! กลับได้ไง มาแล้วก็ไปเที่ยวก่อนสิ พวกเรามาตั้งไกลนะ ...  แต่ไม่รู้จะเถียงกับเขายังไงดี

โชคดีที่คู่สามีภรรยาอีกคู่หนึ่งยังอยากไปต่อเหมือนพวกเรา ทีมจีนทั้งสองทีมเลยเริ่มเถียงกัน

โดยมีพวกเราเอาใจช่วยทีมที่สองอยู่ ...

เมื่อความเห็นไม่ลงตัว คนขับรถก็เลยจอดข้างทาง เพื่อติดต่อเจ้าของทัวร์ คุยกันสักพัก

สุดท้ายก็ตกลงกันได้ พวกเราจึงได้ไปต่อ …

พอผ่านประตูอุทยานเข้ามา คนขับพาพวกเรามาจอดถ่ายรูปบริเวณทุงกว้างที่เห็นเทือกเขาหิมะชัดเจน…

ภูเขาหิมะมังกรหยก อยู่ห่างจากเมืองเก่าลี่เจียง ประมาณ 15 กิโลเมตร

ตัวภูเขามีความยาว 35 กิโลเมตร กว้าง 20 กิโลเมตร ประกอบด้วยยอดเขาสูง 13 ยอด

โดยจุดพีคที่สุด อยู่ที่ระดับความสูง 5600 เมตรจากระดับน้ำทะเล

รถของพวกเรามาจอดที่ลานจอดรถหน้าอาคาร ซึ่งเป็นจุดขึ้นรถไปสถานีเคเบิ้ลคาร์

ลมข้างนอก ยืนยันความแรงด้วยการพัดรถของพวกเราจนสั่นเอน

พอออกมานอกรถ คนขับก็รีบเอาแจ็คเก็ตสีแดงยื่นให้พวกเราพร้อมกับกระป๋องอ๊อกซิเจน

จากนั้นคนขับรถพาพวกเราไปเข้าห้องน้ำในอาคาร

แม้จะเตรียมใจมา แต่ก็ไม่วาย … จะเป็นลม เมื่อต้องเจอกับความโหดร้ายในห้องน้ำจีน …

…….

จากการละลายไหลลงมา ของธารน้ำแข็งจากยอดเขาหิมะมังกรหยก เกิดเป็นสายธารสีน้ำเงินมรกต  

ซึ่งเมื่อมองจากระยะไกล จะเห็นลักษณะคล้าย พระจันทร์เสี้ยวสีน้ำเงินฝังอยู่ที่เชิงเขา

เป็นที่มาของชื่อ Blue Moon Valley หรือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน

อย่างไรก็ตามสีน้ำเงินมรกต ไม่ใช่สีเดียวของแม่น้ำแห่งนี้

เนื่องจากในฤดูฝนโคลนสีขาวและเศษหินปูนหมุนวนในแม่น้ำ

จะเปลี่ยนสีแม่น้ำให้กลายเป็นสีขาวเหมือนน้ำนม

คนหน่าซีจึงตั้งชื่อแม่น้ำแห่งนี้ อีกชื่อหนึ่งว่า แม่น้ำสีขาว หรือ ไป่ซุยเหอ

พวกเราเริ่มต้นเส้นทางเดินชมความงามของแม่น้ำ

จากจุดที่เรียกว่า White water terrace หรือชั้นน้ำสีขาว ซึ่งมีจุดเด่นเป็นชั้นน้ำตก

ที่มีน้ำใสราวกับใส่สี ยิ่งเมื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่เป็นประกาย

เลื่อนไหลจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง ตัดกับฉากหลังที่เป็นภูเขาสูง

สวยงามมาก จนผู้หลงไหลการถ่ายภาพคงวางกล้องไม่ลง

มีตำนานเรื่องหนึ่งของชาวหน่าซี เล่าว่า เมื่อหนุ่มสาวชาวหน่าซี เกิดตกหลุมรักกัน

ชายหนุ่มจะถูกทดสอบด้วยการ ให้ยืนเท้าเปล่าในแม่น้ำที่เย็นจัดของช่วงฤดูหนาว

เพื่อแสดงความรักที่เขามีต่อหญิงสาว โดยเชื่อว่า ความรักที่ผ่านการทดสอบนี้จะคงอยู่ตลอดไป

สายธารแห่งนี้ จึงเปรียบดั่งสายธารแห่งความรัก ซึ่งอยู่ในใจของชาวพื้นเมืองแห่งนี้มาช้านาน …

“แม้จะตั้งใจออกเดินทางไปค้นหาความงามทั่วทุกมุมในโลก ก็ไม่อาจค้นพบ

หากไม่ได้พกความงามใส่ลงไปในใจของตน …

แม้จะอยู่เบื้องหน้า แต่หากไม่ได้มอง ก็คงจะไม่เห็น หากไม่ไตร่ตรอง ก็คงไม่เข้าใจ …

เมื่อนำเอาความงามใส่ลงไปในใจ ยิ่งเดินทางไกลเท่าไหร่ ยิ่งเข้าใกล้ตัวเองมากเท่านั้น”  

เมื่อออกจาก Blue Moon Valley แล้ว คนขับรถ พาพวกเรามาทานอาหารเที่ยง

แบบ Hot Pot ที่โรงอาหารภายในอุทยาน  ซึ่งจัดไว้สำหรับทัวร์นำเที่ยว

กินเสร็จแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าเดินทางกลับเข้าเมืองเก่าลี่เจียง  

…….

ที่เมืองเก่าลี่เจียง มีสถานที่แห่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆ  ซึ่งพวกเราเก็บไว้ในโปรแกรมวันนี้ นั่นคือ สระมังกรดำ

กล่าวกันว่า สายธารแม่น้ำ ที่ไหลพาดผ่านไปทั่วเมืองลี่เจียงนั้น ได้แตกแขนงมาจากสระมังกรดำแห่งนี้

ลำธารน้ำในเมืองนี้ ไม่ได้มีประโยชน์เพียงเพื่อใช้สอยเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมความงาม

และสร้างความสุขให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ รวมถึงผู้ที่มาเยี่ยมเยือนอีกด้วย

จุดแลนด์มาร์คมหาชนในสวนแห่งนี้ คือ สะพานหินอ่อนสีขาวกลางสระน้ำมรกต

ที่มีวิวภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลัง หากใครได้มาเยือน คงละสายตาไปไม่ได้

และต้องหยุดบันทึกภาพฉากงดงามแบบนี้ไว้อย่างแน่นอน

เดินเล่นในสวนฯ อย่างเพลิดเพลิน ด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลาย จนอยากหยุดเวลาไว้

แต่การเดินทางข้างหน้ายังรออยู่ ที่สุดแล้ว พวกเราคงต้องโบกมือลาสระมังกรดำ

แล้วขอไปเดินเล่นต่อในเมืองเก่า เพื่อเก็บบันทึกวันที่สวยงามนี้ไว้

ในความทรงจำกับเมืองลี่เจียง …

เมืองลี่เจียง มีประวัติศาตร์ยาวนานมากกว่า 800 ปี

เป็นศูนย์กลางทางการเมือง วัฒนธรรม และการศึกษาในภูมิภาคนี้

รวมถึงมีบทบาทที่สำคัญทางการค้าระหว่างจีน ธิเบต อินเดีย

และประเทศต่างๆ ในเอเชีย จวบจนปัจจุบัน

ระหว่างที่เดินเล่นอยู่ในเมืองเก่าจะสังเกตและรู้สึกได้ไม่ยาก

ถึงความเจริญรุ่งเรืองจากครั้งอดีตที่สืบต่อมาถึงปัจจุบัน

เมืองเก่าลี่เจียงถูกจัดให้เป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโก ในวันที่ 3 ธันวาคม 1997

นับเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดี ถึงเสน่ห์ของเมืองเก่าแห่งนี้

“หากได้ค้นพบสถานที่ซึ่งงดงาม และทำให้ใจมีความสุข

แม้ต้องถึงคราวจากลา ความสุขและความงดงามนั้น ...

ก็จะติดตามตัวเราไปด้วย”

จากเมืองเก่าลี่เจียง สายน้ำลำธารสีหยก และยอดภูเขาหิมะ

พวกเรากำลังจะเดินทางต่อไปอีกจุดหมายหนึ่ง

ที่ถูกขนานนามว่า The Lost Horizon นั้นคือ แชงกรีล่า …


เส้นทางข้างหน้า ยังมีอะไรมากมายรอพวกเราอยู่ …

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

สำหรับข้อมูลอุปกรณ์ การถ่ายภาพและถ่ายวีดีโอ

มีรายละเอียดตามนี้นะครับ

ใช้งานหลัก สำหรับถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพวีดีโอ

1. Sony A7RIII ติดเลนส์ 24-70 F2.8 GM

2. Sony A7III ติดเลนส์ 24-105 F4.0

และเลนส์ Sony 55 F1.8 / Sony 85 F1.8

(สลับใช้บ้าง)

กล้องสำรอง ใช้สำหรับถ่ายเจาะ ถ่ายแคนดิด

ทั้งภาพนิ่งและภาพวีดีโอ

3. Panasonic G85 ติดเลนส์ 40-150 F2.8 Pro

4. Canon G7x Mark II

กล้องถ่ายวีดีโอสำรอง

5. Osmo pocket

วีดีโอบันทึกการเดินทาง ทริปถ่ายรูปท่องเที่ยวจีน

ฤดูหนาวในยูนนาน EP 6 เมืองเก่าแชงกรีล่า ครับผม

😊

วีดีโอบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพที่จีน

9 วัน ในฤดูหนาวที่ยูนนาน EP7. สายฝนปลายปีที่คุนหมิง

Ekk CrossCutting ในที่ซึ่งรู้สึกดี

 วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.51 น.

ความคิดเห็น