กว่าจะมาถึงจุดนี้ ก็เกือบจะท้ายทริปแล้ว จากจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ดอยผาตั้ง ตามรีวิวนี้ https://th.readme.me/p/29409
ระหว่างทางได้ เล็งที่พักไว้บ้างแล้ว แต่เนื่องจากไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ ที่พักแต่ละที่ค่อนข้างจะเงียบเหงา ถ้าเป็นการเดินทางช่วงอื่นๆ คงต้องมองหาที่พักที่ว่าง แต่ครั้งนี้ ขอมองหาที่พอจะมีนักท่องเที่ยวอยู่บ้างแล้วจะได้ไม่รู้สึกวังเวง555
และที่พักคืนนี้คือที่นี่ แสงดาวรีสอร์ท เหตุผลเพราะขับรถมาจากดอยผาตั้งจะเจอที่นี่ก่อน และอยู่ใกล้ทางขึ้นภูชี้ดาว ใกล้ทางขึ้นภูชี้ฟ้า ฝั่งบ้านร่มฟ้าทอง (ขึ้นภูชี้ฟ้าทางนี้เดินน้อยกว่า)
ราคาที่พักเต้นท์ 500 บาทต่อคืนพร้อมอาหารเช้า (หากกางเต้นท์เองมีค่าสถานที่ 300 บาท) แอดเลือกเต้นท์ของที่นี่ดีกว่า วันนี้ได้เต้นท์ใหญ่ด้วย
ตำแหน่งเต้นท์ที่พัก อยู่ด้านล่างนอนหลับสบาย ผ้าห่มสะอาด และอบอุ่นดี (แต่เสียงแคร่ไม้ไผ่ค่อนข้างจะดังสักนิด แทบไม่กล้าขยับตัวู ^__^ อาหารเย็นของที่นี่ก็จะเป็นหมูกะทะชุดละ 300 บาท แต่ไม่ได้สั่งค่ะ หนักไปขอทานเบาๆเป็นอาหารจานเดียว ต้มผักหมูไก่นิดหน่อยค่ะ อิ่มแล้วก็พร้อมอาบน้ำนอน ตื่นเช้าๆจะได้สดชื่นพร้อมดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ตกที่ภูชี้ดาวกัน
ประมาณตี 4 กว่าๆ เจ้าของรีสอร์ทจะไปเรียกนักท่องเที่ยวให้เตรียมตัวออกเดินทางขึ้นภู ประมาณตี 5 ซึ่งใช้เวลาเดินทางโดยรถโฟร์วิลประมาณ 3 กม.ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ค่าบริการไปกลับ 100 บาทต่อคน (นักท่องเที่ยวไม่สามารถนำรถขึ้นไปเอง) จากนั้นก็เดินเท้าต่ออีก 350 เมตร เป้าหมายอยู่ตรงนี้
เส้นทางเดินเท้าจะส่งลิ้งค์ให้ดูอีกทีนะคะ กลุ่มแรกถึงแล้วยอดภูยามเช้ามืดมากๆ ส่องไฟฉายเดินกันไป
พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง ตัดกับสายหมอกสวยงาม
กลุ่มพวกเราเดินทางลงจากภู เพราะนัดรถไว้ 7.30 แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวทะยอยเดินทางกันมาไม่ขาดสาย (มาจากไหนกัน เมื่อคืนไม่ค่อยจะมีคนเลย55)
ลงจากภูชี้ดาว อาหารเช้าก็วางรออยู่บนโต๊ะ เมื่ออิ่มกันแล้วก็เพียงแค่ล้างหน้าแปรงฟัน เดินทางต่อไปภูชี้ฟ้า (กลัวสายจะร้อน) 8 โมงกว่าๆ ก็ขับรถไปจอดไว้ใกล้ทางขึ้นภู และใช้บริการรถโฟว์วิลชาวบ้านตรงนั้น (สามารถขับโฟว์วิลขึ้นไปเองได้) ค่ารถไปกลับ 100 บาทต่อคน (ปกติถ้ามีนักท่องเที่ยวมาก จะคิดคนละ 60 บาท) รถจะไปส่งตรงจุดเดินทางเท้า
ก่อนออกเดินทางคนขับรถบอกว่า ระวังหลงนะครับ อ้าว จะเป็นยังไงล่ะทีนี้ ขอเบอร์โทรไว้ดีกว่า
และพอเดินถึงทางแยก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเดินตรงไปหรือเลี้ยวขวา แต่ตรงเลี้ยวขวาที่มีป้ายบอกว่าไปที่ทำการอุทยาน ไม่ใช่แน่นอน ก็โทรถามคนขับรถดีกว่า เพื่อไม่ต้องเดินย้อนไปมา
สรุปคนขับรถให้เดินเลี้ยวขวาตรง 3 แยกที่ 2 (งงๆ เพราะตอนขึ้นไปถึงยอดภูยังเห็นมีทางขึ้นอีกทางและตอนลงมาก็เจอคนลงมาจากทางตรงที่ไม่ได้ขึ้นไป ออข้ามๆข้อความไปก็ได้นะคะ อ่านแล้วอาจจะงง) คือสรุปว่าเดินไปตามเส้นทางยังไงก็ถึงค่ะ
และนี่คือสัญญลักษณ์ของภูชี้ฟ้า มองไปก็คล้ายกับสิงห์โตอ้าปาก
เช้านี้แสงแดดแรงมาก แต่ก็ยังมีทะเลหมอกให้เห็นอยู่
จุดชมวิวที่นี่จะมีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวยืนกว้างกว่าภูชี้ดาว แต่โดยความเห็นส่วนตัวภูชี้ดาวน่าจะเป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่โดดเด่นกว่า
ร้อนมากๆ ค่ะไม่สามารถอยู่นานได้ ขึ้นภูวันนี้ เป็นหวัดเลย กลางคืนหนาว กลางวันแดด
ขอบอกว่าตอนเดินลงจากภูหลงทาง ไปฝั่งทางขึ้นที่มีรีสอร์ทเยอะๆ ด้วยล่ะ ต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิม เพื่อขึ้นรถที่รออยู่ ฮึดๆๆๆ
เสียพลังงานไปเยอะเลย กลับขึ้นรถก็เดินทางต่อไปยังร้านอาหารที่เคยเห็นในรายการท่องเที่ยวหนึ่ง "ไร่รื่นรมย์" เป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ก็อยากลองชิมอาหารคาวหวานและเยี่ยมชมไร่แห่งนี้ด้วย
เส้นทางค่อนข้างจะมีฝุ่นเยอะมาก แต่เมื่อไปถึง ก็เห็นถึงอาณาจักรของฟาร์มเกษตรแห่งนี้
โซนร้านอาหารจะตกแต่งโล่งๆ สามารถมองวิวบริเวณโดยรอบไร่ได้ 360 องศาทีเดียว
สิ่งแรกที่ไปถึงก็ต้องสั่งอาหารก่อนเลย จัดไป 3 จานก่อน
ท่านอาจจะบอกว่าเมนูอาหารแบบนี้ทานที่ไหนก็ได้ จริงค่ะ แต่ที่ได้ดั้นด้นมาถึงที่นี่ เพราะความเป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ทานผักออแกนิคแล้วสบายใจ 555
ต่อด้วยอาหารหวานสักอย่างนะคะ
รสชาติอาหารของที่นี่ถึอว่าผ่านนะคะ อร่อย สะอาดดี ที่นี่มีชาให้ชิมฟรี น้ำเปล่าฟรี
อิ่มแล้ว เดินชมไร่กันสักหน่อยนะคะ ร้อนๆค่ะ เดินนิดหน่อย ขาแซะก็มีจุดให้ถ่ายรูปอยู่หลายจุดนะคะถ้าเป็นช่วงฤดูทำนา บรรยากาศน่าจะสดชื่นกว่านี้ เพราะบริเวณโดยรอบจะเต็มไปด้วยต้นข้าวเขียวขจี
ทิ้งท้ายด้วยสวนดอกเก๊กฮวย ที่แอดชอบเป็นการส่วนตัว ทั้งหอม ทั้งมีประโยชน์ ขอปิดทริปนี้ไปก่อนนะคะ เจอกันใหม่ทริปต่อไป ฝากติดตามด้วยนะคะ
รีวิวก่อนหน้าค่ะ
อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง มีครบ จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก น้ำตก ธรรมชาติมากมาย เดินทางสะดวกมาก
Paikannaka
วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.44 น.