สวัสดีค่า
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้เป็นผู้โชคดีของ คลื่นวิทยุ COOL 93 fahrenheit
ในกิจกรรมของ อิ๊งค์ Eat All Around ปี9 : สกลนคร-นครพนม
พี่อิ๊งค์ หรือ ม.ล. ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ เจ้าของฉายา "ปิ่นโตเถาเล็ก" ลูกไม้หล่นใต้ต้นของ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ นั่นเอง
ปกติเราชอบฟังวิทยุตอนทำงานอยู่แล้ว + กับตามเพจพี่อิ๊งค์อยู่ด้วยเพราะเป็นสายกินเลยลองเล่นเกมส์ดู
ไฟลท์เช้านี้ พี่คาราบาวหางแดงจะมาเราบินไปจ้า
หลังจากลงเครื่องมาที่จ.สกลนคร อากาศดีมากๆ 23 องศาได้
ไปออกสตาร์ทกันที่ร้านแรกค่ะ
เลิศรสไข่กระทะ
ร้านอาหารเช้าสไตล์เวียดนามชื่อดังแห่งเมืองสกลนคร
เปิดบริการ 06.00 - 12.00 น. ทุกวัน
เมนูแนะนำ : ไข่กระทะ ขนมปังยัดไส้ ขนมปังเนยน้ำตาล ข้าวเปียกเส้นหมู ข้าวเปียกเส้นปลากะพง
ที่อยู่ : 620/2 ถ.สุขเกษม ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร 47000
คิวแน่นพอสมควรสำหรับเช้านี้
ไข่กระทะ (30-40 บาท) จะมาด้วยกัน2ฟอง ไข่แดงจะไม่สุกจะเยิ้มๆนิดๆ ใส่หมูสับผัดต้นหอม กุนเชียง หมูยอ แครอทกับแตงกวา
โรยพริกไท เหยาะแม็กกี้และซอสพริก ฟินมากๆ
ทานคู่กับขนมปังยัดไส้ (10-15 บาท) ปิ้งเตาถ่านแบบโบราณจะกรอบๆด้านนอกไส้หมูยอกับกุนเชียง
ขนมปังอีกเมนูนึงคือ ขนมปังเนยน้ำตาล (10 บาท) กรอบๆหอมๆแต่จะออกแนวแห้งๆไม่ได้ฉุ่มเนย คือปิ้งจนกรอบนั่นเอง
มาต่อกันที่เมนู ข้าวเปียกเส้น หรือก๋วยจั๊บญวน นั่นเอง มี2เมนูคือ
ข้าวเปียกเส้นหมู (40-50 บาท) ใส่หมูยอ หมูยอทอด ลูกชิ้นหมู และเนื้อหมู เราโรยแค่พริกไทเท่านั้น ตัวน้ำซุปหวานจากน้ำต้มกระดูกมากค่ะ
ข้าวเปียกเส้นปลากะพง (70-90 บาท) อันนี้เพื่อนบอกว่าอร่อยมาก สไตล์ข้าวต้มเลยมีน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวมาด้วย
เครื่องดื่มยอดฮิตจะเป็นกาแฟเวียดนาม(40-50 บาท)แต่เราไม่ได้สั่งมาเพราะทางร้านบอกว่ามันเข้มมาก เลยดื่มน้ำส้ม(40 บาท)กับชาเขียวแทนค่ะ
จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ร้าน สวีท คอทเทจ(Sweet Cottage)
ชื่อเต็มๆว่า Sweet Cottage Bakery & Tea Room
เปิดบริการ จันทร์ - ศุกร์ 10.00 - 19.00 น. / เสาร์ - อาทิตย์ 09.00 - 19.00 น.
เมนูแนะนำ Half Baked / วานิลลาปันนาคอตต้า / วาฟเฟิลสตรอว์เบอร์รี่ / สโคน / บราวนี่ / ช็อกโกแลตโดม /ชูครีมสตรอว์เบอร์รี่ / เค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด / เค้กมะพร้าวใบเตย / มิกซ์เบอร์รี่ครัมเบิ้ลชีสเค้ก / เฟร้นช์ช็อกโกแลต / มัทฉะลาวา / เครื่องดื่มร้อน S’more
ที่อยู่ : 662/19 ถนน ประชาอุทิศ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร 47000
บรรยากาศร้านพอเดินเข้ามาก็เจอกับสวนสวยประดับด้วยน้ำพุและรูปปั้น ตัวร้านเหมือนบ้านสไตล์อังกฤษ
เพราะเจ้าของเป็นคนพื้นที่ ที่จบจากสถาบันชื่เลอ กอร์ดองเบลอ ลอนดอน นั่นเอง
ขอเริ่มที่เมนูแปลกตาก่อนเลยค่ะ S’more (75 บาท) โกโก้ใส่เครื่องขนม เป็นเครื่องดื่มที่ถ้าไม่บอกจะคิดว่าเป็นขนม ทำจากนมผสมโกโก้เข้มข้น ใส่บราวนี่ บิสกิตแครกเกอร์ และมาร์ชเมลโล กลายเป็นขนมผสมเครื่องดื่ม
วานิลลาปันนาคอตต้า(Vanilla Panna Cotta)(85 บาท)
ของหวานสไตล์อิตาเลียนทำจากโยเกิร์ตราดด้วยราสพ์เบอร์รี่ซอส โปะหน้าด้วยผลไม้สดทานแล้วสดชื่นตัดเลี่ยนได้ดีมากค่ะ ทานคู่กับเจ้าบราวนี่ ชิ้นเล็กๆรสชาติเข้มข้นหนึบๆก็อร่อยดีนะคะ
Half Baked(120 บาท)
คุกกี้โดนุ่มๆ จานนี้ต้องรอนาน 10 นาที เหมือนคุ้กกี้ชื่อดังในกรุงเทพ แต่อร่อยตรงที่ราดมาด้วยซอสช็อกโกแลต โรยแครกเกอร์ป่นทานคู่กับไอศกรีมช็อกโกแลต ราดวิปครีม โอ้ยยย ดีมากจานนี้
วาฟเฟิลสตรอว์เบอร์รี่(185 บาท)
วาฟเฟิลจานยักษ์ ที่เนื้อวาฟเฟิลสไตล์เบลเยี่นมเสิร์ฟมากับสตรอว์เบอร์รี่สด ไอศกรีมวานิลลาและวิปครีม ทานคู่กันทั้งหมดให้รสชาติที่ดีมากค่ะ
สโคน(Scone)(เซ็ทละ 2 ชิ้น 85 บาท)
เจ้าของจบจากลอนดอนทั้งทียังไงก็ต้องมีเมนูนี้ที่ร้านเนอะ สโคนของที่นี่ต่อนข้างเนื้อหนึบถูกใจมากเพราะเราชอบสโคน ทาด้วยวิปครีมผสมชีสมาสคาร์โปเน่ และแยมราสพ์เบอร์รี่ ฟินมากๆค่ะ
เค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด(80 บาท) จานเดียวกับสโคน อันนี้เราชอบมากๆ ตรงกลางเป็นครีมมะพร้าวทำจากน้ำมะพร้าว มีเนื้อมะพร้าวอ่อนและครีมสด รสชาติหอมหวานมัน และเค้กมะพร้าวอีกตัวคือ
เค้กมะพร้าวใบเตย( 80 บาท) ที่หอมใบเตยและอร่อยไม่แพ้กัน ชิฟฟ่อนนุ่มสุดๆ
ชูครีมสตรอว์เบอร์รี่(60 บาท)
ชูไส้วานิลลาคัสตาร์ดครีม โปะด้วยวิปครีมกับสตรอว์เบอร์รี่สด
เฟร้นช์ช็อกโกแลต(98 บาท) ใครสายดาร์กต้องชอบมากแน่ๆ ช็อกโกแลตเข้มข้น 64 % ไม่ผสมแป้ง กันเลยทีเดียว
มิกซ์เบอร์รี่ครัมเบิ้ลชีสเค้ก ตัดเลี่ยนได้ดีมากตัวนี้ หวานอมเปรี้ยวสุดๆ
และเมนูนี้ถ้าเห็นขอแนะนำให้รีบสั่งเพราะไม่ได้มีทุกวัน นั่นคือ.. ช็อกโกแลตโดม(110 บาท)
ช็อกโกแลตมูสเข้มข้นจากฝรั่งเศสตรงกลางของโดมคือเยลลี่ราส์พเบอร์รี่และครีมวานิลลา เข้มข้นมากๆ
มัทฉะลาวา(140 บาท) จานนี้เสริ์ฟมาสวยมาก ไส้มัทฉะกับไวท์ช็อกโกแลต โปะด้วยถั่วแดงกวนและไอศกรีมวานิลลา อร่อยแบบนุ่มๆดีค่ะ
มาต่อมื้อเที่ยงกันต่อเลยค่ะ
ร้านสหกรณ์โคขุนโพนยางคำ สวรรค์ของคนรักเนื้อ
เปิดบริการ ทุกวัน 10.00 - 18.00 น. ศุกร์-เสาร์ เปิดถึง 20.00 น.
เมนูแนะนำ เนื้อโคขุนโพนยางคำ ตับหวานเนื้อ เสือร้องไห้ย่าง ลิ้นวัวย่าง ก้อย ต้มเครื่องในวัว ต้มซุปหางโค ริบอายสเต๊ก ทีโบนสเต๊ก โฟฟิเลต์ เซนญง(เนื้อสันนอก)
ที่อยู่ : สหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลาง โพนยางคำ ริมถ.สายสกลนคร-นาแก หมู่ 10 บ้านโพนยางคำ ต.โนนหอม อ.เมือง จ.สกลนคร 47000
มาถึงโพนยางคำ มันก็ต้องนึกถึงนี่เลย เนื้อโคขุนโพนยางคำ เนื้อไทย-เฟรนช์ เป็นโคเนื้อลูกผสมไทย-ฝรั่งเศส (และสวิตเซอร์แลนด์บางส่วน) ที่เกิดจากการผสมเทียม
ตัวร้านมีชั้นเดียว โปร่งๆ ท่ามกลางต้นไม้ สไตล์ฟาร์ม
ขอเปิดที่ ริบอายสเต๊กหรือเนื้อส่วนสันกลาง(400 บาท) ซึ่งเราสั่งแบบ medium rare
จริงๆเค้ามีซอสและมัสตาร์ดให้แต่เราเลือกทานกับน้ำจิ้มแจ่ว ซึ่งแจ่วก็มี2แบบ แบบปกติ กับแบบใส่ดี
พร้อมชุดผักเครื่องเคียงที่ให้มา
ผักกาดสร้อย อร่อยคล้ายวาซาบิเลยคือรสชาติขึ้นจมูกนิดๆ
ตับหวานเนื้อ(150 บาท)
ทางร้านหั่นมาเป็นชิ้นเล็กๆแปลกตาดี ปกติเคยเจอแต่มาใหญ่ๆ ตับนุ่มๆรสชาติแซ่บมาก
เสือร้องไห้ย่าง(160 บาท)ติดมันนุ่มๆ เข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้มแจ่ว
ลิ้นวัวย่าง(200 บาท) อันนี้อร่อยมากๆ เพราะชอบลิ้นหมูอยู่แล้ว แต่วัวจะออกเหนียวกว่าหมูนิดนึง
ต้มเครื่องในวัว(130 บาท) เครื่องในรสชาติดี สะอาด ไม่เหม็น ซดน้ำร้อนๆดีมากค่ะ
ซุปหางโคหรือซุปหางวัว(180 บาท) อันนี้ไม่ได้ทาน แอบกลัว555
แต่เพื่อนบอกว่าของดีเลยนะเนี่ย อร่อยมาก
ส่วนคนไม่กินเนื้อก็มี สเต๊กสันนอกหมู(280 บาท) ลาบหมู แหนม หมูย่าง ส้มตำต่างๆ บริการเช่นกันค่ะ
อิ่มท้องแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่จ.นครพนม เพื่อไปสักการะ พระธาตุพนมกันค่ะ
พระธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีวอกและผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นเอก
เราได้ไปกราบสักการะ และได้ทำบุญถวายผ้าพระธาตุด้วยค่ะ อิ่มใจมากๆ
พระธาตุงามมากๆ บรรยากาศดี
แต่บริเวณหน้าวัดแอบมีช่างภาพที่ถ่ายรูปขายเยอะไปนิด ค่ะ
เป๋นปลาเป็น
เปิดบริการ 10.00 - 21.00 น. ทุกวัน
เมนูแนะนำ ปลาจุ่ม(ปลาเผาะและปลาคัง) ตำแตงใส่ไข่ต้ม ไก่ทอดตะไคร้ คอหมูทอด อ่อมพวงไข่กับอ่อมซี่โครงหมู ข้าวจี่ ลาบปลาแข้ ปลารากกล้วยทอดกระเทียม ปลาคังผัดฉ่า เมี่ยงปลาทอด ตำไทย ปลาเผาะทอดน้ำปลา
ที่อยู่ : 115 หมู่ 6 ถ.นครพนม-ท่าอุเทน ต.อาจสามารถ. อ.เมือง จ.นครพนม 48000
มาถึงถิ่นลุ่มแม่น้ำโขงเราต้องจัดเมนูปลาแม่น้ำกันหน่อยค่ะ บรรยากาศวิวหลักล้านแม่น้ำโขงและภูเขา(ฝั่งลาว)
แนะนำว่ามาช่วงเย็นใกล้ค่ำชมท้องฟ้าเปลี่ยนสีจะสวยมากค่ะ
เรามาเริ่มกันที่เมนูปลาจุ่ม(ปลาเผาะ 199 บาท และ ปลาคัง 299 บาท) น้ำซุปนั้นมีกระดูกปลามาเพิ่มความหวานให้ด้วย เติมกะหล่ำปลีซอย จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดใส่เต้าเจี้ยว หรือจะตักมาเป็นแบบสุกกี้ปลาได้หมด อร่อยมากๆเลยค่ะ
ปลารากกล้วยทอดกระเทียม(150 บาท) ชุบไข่และชุบแป้งทอดตัวเล็กๆกินได้ทั้งตัว เมนูนี้ทานเพลินมาก
ลาบปลาแข้(179 บาท) เนื้อปลานุ่มๆกับรสชาติลาบจัดๆสไตล์อีสาน
ปลาคังผัดฉ่า(179 บาท)เนื้อปลาคังชุบแป้งบางๆแล้วนำไปทอด รสจัดๆใส่พริกไทยอ่อน หอมๆฟินๆ
เมี่ยงปลาทอด(229 บาท) ใช้ปลานิลแม่น้ำโขง แกล้มด้วยขนมจีน ผักดอง ราดน้ำจิ้มได้ 2 แบบ มีน้ำจิ้มหวานๆใส่ถั่วลิสงกับกระเทียมเจียวและพริกส้มปั่น และน้ำจิ้มซีฟู้ด
ทานเป็นปลาทอดๆเปล่าก็อร่อย ยิ่งจัดเป็นคำเมี่ยงยิ่งอร่อยค่ะ
ตำแตงใส่ไข่ต้ม (60 บาท) เมนูเด็ดไม่แพ้กันแต่เราแพ้ปลาร้าอดเด้อออ เพื่อนบอกแซ่บนัวมากก
เมนูที่ขึ้นชื่ออีก1เมนูคือ ไก่ทอดตะไคร้(99 บาท)
เสิร์ฟมาในครก ปีกไก่รสชาตินัว โรยหน้าด้วยตะไคร้แบบละเอียด อร่อยเกินตะไคร้นึกว่าหมูฝอย555
อ่อมพวงไข่กับอ่อมซี่โครงหมู(159 บาท) เมนูนี้น่าทานมากๆ แต่เสียดายใส่ปลาร้า เพื่อนบอกอร่อยมากน้ำนัวข้น
ข้าวจี่( 99 บาทมี 4 ชิ้นใหญ่) ชิ้นใหญืมาก ทอดมาเหลืองกรอบกำลังดีค่ะ ทานร้อนๆดีมาก
เมนูคาวสุดท้ายและเป็นเมนูที่เราชอบไม่แพ้ปลาจุ่มเลยคือ ปลาเผาะทอดน้ำปลา อร่อยมากๆ เนื้อหวานหนังมันสุดๆ
ของหวานเราตบท้ายด้วย สาคูแคนตาลูป หอมหวานกำลังดี แคนตาลูปกรอบมากค่ะ
ตัวจะแตกฟินสุดๆ
-เดี๋ยวมาใส่รูปค่ะ
จริงๆมีแวะร้านของฝาก2ร้าน เดี๋ยวมาอัพเดตเพิ่มเติมค่ะ
ต้องขอขอบคุณ COOL 93 fahrenheit และ พี่อิ๊งค์ อิ๊งค์ Eat All Around ที่พาบินไปฟินแบบนี้ค่ะ
Tatae Sutharat
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 14.41 น.