สงกรานต์มาเยือนน่าจะหมายถึงสัญญาณสุดท้ายของฤดูท่องเที่ยวทะเลฝั่งอันดามัน เพราะใครเป็นขาเที่ยวใต้คงรู้ดีว่าหลังจากคลื่นลมสงบนิ่งมานานในเดือนมกราคมถึงมีนาคม พอเลยสงกรานต์ไปแล้วลมตะวันตกเฉียงใต้จะเริ่มพัดแผ่วนำคลื่นลมกลับมาเยือนอันดามันอีกครั้ง และเหลือเวลาอีกราวเดือนเดียวก่อนฤดูฝนจะเริ่มต้นขึ้นว่าแล้วก่อนจะต้องรอนานอีกครึ่งปี


ว่าแล้วพอหมดสงกรานต์ผมเลยขอจัดทริปลุยอันดามันทิ้งทวนสักหน่อย สะกิดชวนคุณนายใช้วันลาพักร้อนหยุดยาวช่วงปลายเดือนเมษายนให้คุ้มค่า ปักหมุดกาตัวเลือกลงตรงช่องจังหวัดตรัง ถือเป็นโอกาสแก้ตัวของผมด้วย หลังจากห้าปีก่อนเคยแบกเป้มาเที่ยวคนเดียวสิบวันแต่แทบไม่ได้รูปสวยๆ กลับไปเพราะเจออากาศแปรปรวนเล่นงานเกือบทุกวัน

ปกติการเที่ยวทะเลตรังแบ่งเป็นสองโซน คือโซนเหนือ หมายถึงเกาะต่างๆ แถวอำเภอสิเกา เกาะมุกด์ เกาะกระดาน เกาะลิบง เชื่อมโยงไป เกาะไหง กับเกาะรอก ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ กับทางโซนใต้ อำเภอหาดสำราญ อำเภอปะเหลียน พวกเกาะเหลาเหลียง เกาะสุกร เกาะเภตรา ฝั่งนี้จะเชื่อมกับทะเลสตูล และด้วยความที่คุณนายเธอยังไม่เคยเที่ยวตรังมาก่อน ผมเลยขีดไฮไลท์ไปที่เที่ยวดังๆ อย่าง ถ้ำมรกต เกาะกระดาน ที่อยู่ทางโซนเหนือก่อนแล้วกัน ส่วนโซนใต้เก็บไว้คราวหน้า


(1)

ด้วยการย้ายจากเมืองกรุงมาใช้ชีวิตที่โคราช บวกกับเวลาการทำงานของคุณนายไม่ลงตัว ทริปนี้จึงตัดสินใจควักสตางค์เหินฟ้านั่งเครื่องเลยทีเดียว เป็นครั้งแรกในชีวิตผมเชียวล่ะที่ขึ้นเครื่องบินเที่ยวในประเทศ เดินทางด้วยรถทัวร์จากโคราชตอนตีสอง ถึงดอนเมืองช่วงเช้าเพื่อต่อเครื่องมาเหยียบแผ่นดินตรังราวแปดโมงครึ่ง สภาพอากาศตลอดทางสดใสสมกับซัมเมอร์หน้าร้อน

เป้าหมายที่วางไว้คือ เกาะรอก (ชื่ออยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา กระบี่ แต่ที่ตั้งของเกาะเลยเข้ามาอยู่ในเขตทะเลตรัง) เกาะกระดาน และสำคัญที่สุดคือถ้ำมรกต เกาะมุกด์ ซึ่งปกติสามารถเที่ยวง่ายๆ ด้วยการซื้อทัวร์จากท่าเรือปากเมงคนละ 700-800 บาท แต่คิดดูสิครับไปกับเรือทัวร์ลำใหญ่ต้องเข้าไปในถ้ำพร้อมกันหลายสิบคน มันไม่เวิร์คใช่ไหมล่ะ ผมเลยวางแผนนั่งเรือไปแบบส่วนตัว ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ต้องไปปักหลักบนเกาะมุกด์เสียก่อน และการข้ามไปเกาะมุกด์ต้องขึ้นเรือที่ท่าเรือควนตุ้งกู อำเภอสิเกา อาจไกลปืนเที่ยงสักหน่อยแต่เดินทางสะดวกเพราะเขามีบริการรถต่อเรือครบวงจร

ลงเครื่องที่สนามบินตรังราวแปดโมงครึ่ง มองหาเคาน์เตอร์คิวรถตู้เข้าตัวเมือง ราคาชัดเจน 90 บาทต่อคน เทียบกับระยะทางแค่สี่ซ้าห้ากิโลเมตรถือว่าแพงครับแต่ก็ต้องยอม อ้อ... ที่นี่มีบริการรถตู้ต่อเรือหางยาวไปเกาะมุกด์ด้วย ทว่าราคาค่อนข้างโหดคือ 650 บาทต่อคน เลยขอโบกมือไม่เอาดีกว่า

บอกคนขับรถตู้ว่าจะต่อรถไปท่าเรือควนตุ้งกู รถเลยวิ่งมาส่งหน้าเอเยนซี่ทัวร์แห่งหนึ่งตรงข้ามสถานีรถไฟตรังซึ่งถือเป็นจุดหลักของบริษัททัวร์และร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ผมหาข้อมูลมาว่ามีรถตู้ต่อเรือโดยสารอยู่แถวหน้าสถานี แต่คนขับรถตู้บอกให้ติดต่อบริษัททัวร์นี่แหละสะดวกที่สุด ลองเข้าไปถามดูได้ความว่าเขาขายตั๋วรถตู้ต่อเรือไปเกาะมุกด์สองแบบ เรือหางยาวคนละ 350 บาท รถออก 10.30 น. เรือโดยสารคนละ 250 บาท รถออก 11.30 น. คำนวณดูแล้วผมเห็นว่าคงเป็นราคาบวกเพิ่มพอสมควรแต่ไม่ได้แพงเว่อร์ เลยตกลงซื้อแบบเรือโดยสารสองคน

มองนาฬิกามีเวลาอีกเยอะ สอบถามคนในบริษัททัวร์ดูว่าถ้าอยากหากินติ่มซำหมูย่างเมืองตรังตอนเช้าจะหาได้แถวไหน ปรากฏว่าเขาใจดีให้มอเตอร์ไซค์เช่าผมขี่ไปหาของกินแบบฟรีๆ พอได้รับน้ำจิตน้ำใจแบบนี้ ตั๋วรถบวกเรือที่จ่ายแพงขึ้นเล็กน้อยกลายเป็นของถูกไปเลยเชียวแหละ

ย่านร้านติ่มซำและหมูย่างอยู่แถวถนนห้วยยอดกับถนนเพลินพิทักษ์ ห่างจากสถานีแค่สักสองกิโลเมตร มีให้เลือกหลายร้าน ผมจิ้มไปร้านดังเรือนไทย ติ่มซำมีให้เลือกละลานตาเข่งละยี่สิบ คุณนายเธอหิวหนักจัดมาเจ็ดเข่ง กับหมูย่างอีกหนึ่งจาน ลำบากผมน่ะสิครับต้องตามเก็บตามยัดให้หมด (ฮา...) ติ่มซำทุกเมนูอร่อยดีครับ แต่หมูย่างรู้สึกว่าไม่เท่าไหร่ น่าจะมีร้านอื่นอร่อยกว่า

อิ่มท้องพร้อมเดินทางค่อยขี่รถกลับมาคืน รออีกประเดี๋ยวรถตู้ก็มารับ เป็นรถตู้ของเรือโดยสารข้ามไปเกาะมุกด์โดยตรง จากการสอบถามทำให้ผมรู้ว่าราคานักท่องเที่ยวทั่วไปอยู่ที่ 150 บาท (หมายความว่าบริษัททัวร์บวกเราเพิ่มหนึ่งร้อย) ส่วนราคาคนท้องถิ่นจะถูกกว่านี้อีก... เท่าไหร่ไม่ขอบอกแล้วกัน เราคนต่างถิ่นมาเที่ยวควรใช้ราคานักท่องเที่ยวครับ สำหรับค่าเรือหากเราไปขึ้นที่ท่าเรือก็แค่ 30 บาท เท่านั้น

ปกติรถตู้ไปเกาะมุกด์จะจอดอยู่หน้าบริษัท เคเค ทราเวล เยื้องสถานีรถไฟ สามารถโทรจองล่วงหน้า ให้ไปรับที่สถานที่ใกล้เคียงในตัวเมืองหรือที่บขส.ตรัง ก็ได้นะ ติดต่อคุณหนึ่ง 08-1757-9636 เรือออกวันละรอบช่วงเที่ยงครึ่งถึงบ่ายโมง รถออกจากคิวประมาณสิบเอ็ดโมง จริงๆ ยังมีวิธีอื่นที่จะเดินทางไปท่าเรือด้วยตัวเอง แต่ผมว่าแบบนี้ง่ายสุดและราคาไม่ถือว่าแพงมาก

เอาล่ะ รถจะวิ่งเส้นอำเภอกันตัง (ผมเคยไปแต่เส้นปากเมง) จนถึงท่าเรือควนตุ้งกู นี่แหละเรือโดยสารของเรา ขนทั้งของกินของใช้ของขายคนบนเกาะ หากใครไม่ทันเรือโดยสารแบบนี้ต้องเหมาเรือหางยาวครับ เที่ยวหนึ่งประมาณ 700 บาท

เกาะมุกด์เป็นเกาะใกล้ฝั่ง พ้นจากปากคลองก็เห็นเกาะอยู่ใกล้ๆ แต่เพราะเป็นเรือใหญ่บรรทุกเยอะ วิ่งช้า ต้องใช้เวลาสักหน่อย

ใกล้กับท่าเรือเกาะมุกด์เป็นชุมชน การเดินทางบนเกาะมีมอเตอร์ไซค์พ่วงให้บริการคนละ 50 บาท พอดีผมโทรศัพท์สอบถามที่พักที่หาไว้ตั้งแต่อยู่บนเรือ พอถึงเกาะปุ๊บเขาก็มารับทันที

ที่พักที่ว่าชื่อ หาดฝรั่ง บังกะโล เป็นบังกะโลค่อนข้างเก่า ห้องพัดลมคืนละ 500 บาท ไฟฟ้าตลอดวัน ตั้งอยู่บนเนินเขาก่อนลงหาดฝรั่ง (ว่ากันว่าเป็นหาดสวยสุดของเกาะ) ร้านอาหารของเขาค่อนข้างดีทีเดียว ราคาอัพเพิ่มพอตัว น้ำดื่มขวดเล็ก 20 บาท ขวดใหญ่ 30 บาท อาหารจานเดียวเริ่มต้น 80 บาท

ถ้าใครไม่เคยมาเกาะมุกด์ขอบอกก่อนว่าความจริงแล้วทะเลและชายหาดที่นี่ไม่สวยมาก อย่าเอาไปเทียบกับเกาะอื่นในอันดามันเดี๋ยวจะผิดหวังเสียเปล่า ที่ผมมาเกาะมุกด์เพราะเหตุผลเดียวตามที่บอกคือมาปักหลักเพื่อไปเที่ยวถ้ำมรกตต่อไป

นี่แหละครับสภาพของหาดฝรั่ง มีรีสอร์ทหน้าหาดสองแห่งคือเกาะมุกด์ ชาลีบีช กับสวัสดี รีสอร์ท ผมควงคุณนายมาเดินเล่นริมหาดถ่ายรูปจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ใช้เวลาชิลๆ ไป

ตอนกลับที่พัก สอบถามราคาทริปเที่ยวต่างๆ นอกจากจะมีทริปรูปแบบดำน้ำสี่ห้าเกาะแล้วยังสามารถเหมาเรือหางยาวไปเที่ยวเกาะต่างๆ ได้เอง แพงเอาเรื่องเหมือนกันนะแต่สบายใจได้อย่างหนึ่งคือเป็นราคามาตรฐานเท่ากันทุกที่ ไม่ต้องกลัวโดนโก่งเพิ่ม และติดต่อผ่านที่พักได้เลย คนเรือส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับลูกค้าเองนะ เขาจะรับผ่านรีสอร์ทที่มีคอนเน็คชั่นกันอยู่

ทริปแรกวันรุ่งขึ้นผมเลือกไปเกาะรอกไกลสุดก่อนเลยเพราะเห็นอากาศกำลังดี ราคาตามนั้นแหละครับ สองคน 3,500 บาท (มากกว่านั้นเพิ่มคนละ 300 บาท ราคาหารจะถูกลงนะ) ถึงตรงนี้แล้วจะเท่าไหร่ก็ยอมจ่ายครับ เราต้องเตรียมอาหารไปทานเองนะ ส่วนทางเรือจะมีน้ำดื่ม ชูชีพ และสน็อคเกิ้ลให้


(2)

ค่ำคืนผ่านไป ตัดภาพวันใหม่มาเยือนเลยแล้วกันเพราะผมอยากไปเกาะรอกแล้วล่ะ (ฮา...) อธิบายนิดหน่อยว่าเกาะรอกอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา และจัดให้อยู่ในจังหวัดกระบี่ แต่หากเปิดแผนที่ดูจะเห็นว่าที่ตั้งของเกาะเลยเข้ามาในทะเลตรัง เช่นเดียวกับเกาะไหง ซึ่งด้วยเหตุผลกลใดในการแบ่งเขตทะเลก็ไม่ทราบทำให้เกาะรอกและเกาะไหงขึ้นกับกระบี่ (เหมือนเกาะเต่าอยู่สุราษฎร์ทั้งที่ใกล้ตัวเมืองชุมพรนิดเดียว) เดี๋ยวนี้มีบริษัททัวร์ยักษ์ใหญ่พาเที่ยวเกาะรอกจากภูเก็ต แต่ผมไม่แนะนำเท่าไหร่ เพราะเริ่มต้นที่เกาะลันตา หรือเกาะมุกด์ เข้าท่ามากกว่า ราคาถูกกว่า ที่สำคัญยังเป็นการอุดหนุนผู้ประกอบการและชาวบ้านในพื้นที่โดยตรง

เจ็ดโมงครึ่งผมออกเดินทางจากหาดฝรั่ง ฟ้าสวยแจ่มใสแดดเปรี้ยงร้อนแรงดีแท้ เรือหางยาวหรือเรือหัวโทงแล่นฝ่าคลื่นเบาๆ ราวสองชั่วโมงก็พาเรามาถึงเกาะรอก ซึ่งมีอยู่สองเกาะคือรอกใน และรอกนอก

อันดับแรกสุดเขาพาไปดำน้ำที่เกาะรอกนอก ปะการังสวยที่สุดในย่านนี้ แนวยาวหลายร้อยเมตร สมบูรณ์พอสมควร ปลาสวยงามเยอะแยะ แม้ความหลากหลายของชนิดปะการังไม่มากเท่าไหร่ก็ตาม ภาพรวมผมว่าสวยงามใช้ได้ครับ (ใช้คำว่าใช้ได้นะ...)

ผมกับคุณนายดำผุดดำว่ายพักใหญ่ก็ขึ้นเรือมาดำน้ำต่อจุดที่สองบริเวณด้านข้างเกาะรอกนอก จุดนี้ปะการังฟอกขาวเยอะไม่สวยเหมือนจุดแรก แช่น้ำอยู่สักพักเดียวเลยขอให้เรือพาไปส่งที่ชายหาดเกาะรอกใน ที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ดีกว่า มาแล้วจ่ายค่าธรรมเนียมอุทยานฯ 40 บาท ด้วยนะครับ

ระหว่างทางเรือแล่นผ่านผิวน้ำแบบนี้แหละ งดงามสมฉายาราชินีแห่งอันดามันจริงเชียว

เกาะรอกในมีจุดชมวิวบนเขาด้านหลังเกาะ เป็นจุดเดียวกับทางขึ้นเขาหนีคลื่นสึนามิ มาแล้วต้องยลสักหน่อย ทางเดินจะพาเราขึ้นเขาให้เหนื่อยนิดหน่อยแล้วค่อยวนกลับมาอีกฝั่งของชายหาดซึ่งเป็นหาดหิน

จากนั้นก็ถึงเวลาเล่นน้ำกับหาดสวยๆ แล้ว จัดไปอย่าให้เสียโอกาสครับ

ผมกับคุณนายฟินกับน้ำทะเลใสปิ๊งที่เกาะรอกจนบ่ายสองนิดๆ พอใจแล้วประมาณหนึ่งก็ต้องขึ้นเรือเพื่อกลับเกาะมุกด์ รู้สึกเสียดายครับว่าเวลายังน้อยไปนิด บนเกาะมีหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ มีบ้านพัก ลานกางเต็นท์ หากเป็นไปได้แนะนำให้มาค้างคืนเพื่อเสพความสวยงามอย่างเต็มอิ่มจะดีกว่าทัวร์วันเดียวมากเลยล่ะ


(3)

เข้าสู่วันที่สาม ได้เวลาไปหนึ่งในสถานที่ซึ่งผมคิดว่าอัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งในชีวิตที่เคยพบเจอเสียที และเป็นที่ที่ทำให้ผมต้องมาตั้งหลักบนเกาะมุกด์ด้วย... ถ้ำมรกต นั่นแหละ อย่างที่บอกครับว่าถ้าแค่อยากเที่ยวถ้ำมรกตก็ไม่ยาก เรือทัวร์แถวปากเมงมีให้เลือกเพียบ แต่เพราะเข้าไปพร้อมกันหลายสิบหรืออาจถึงร้อยมันจะไปสวยอะไร อยากเห็นถ้ำมรกตตอนงามสุดๆ ต้องตอนไม่มีคนสิ ผมเลยต้องมานอนบนเกาะมุกด์

ผมวางโปรแกรมว่าพอเที่ยวถ้ำมรกตเสร็จแล้วจะต่อไปยังเกาะกระดาน ราคาตามผังมีถ้ำมรกตกับเกาะกระดาน 1,400 บาท แต่คนที่รีสอร์ทบอกว่าผมไปเที่ยวเดียวไม่ได้กลับมาด้วยเพราะฉะนั้นเอาเป็นแบบถ้ำมรกต 600 บาท และไปส่งที่เกาะกระดานอีก 700 บาท รวมแล้วถูกกว่าร้อยนึง

ช่วงผมไปเที่ยวน้ำขึ้นตอนเช้า เต็มที่ตอนสาย นัดเรือไว้เจ็ดโมงครึ่งเพราะอยากไปเร็วที่สุดก่อนคนอื่นจะมา ถ้ำมรกตอยู่ห่างจากหาดฝรั่งนิดเดียวครับ เขาหินปูนลูกใหญ่ที่มองเห็นจากชายหาดนั่นแหละคือทางเข้าถ้ำ ขนาดไปถึงเช้าแล้วก็ยังมีคนเร็วกว่า – เป็นครอบครัวฝรั่งที่พักอยู่บังกะโลเดียวกัน ผมไปถึงตอนพวกเขาเตรียมตัวว่ายน้ำเข้าถ้ำพอดี

เที่ยวที่นี่เราต้องว่ายน้ำเข้าถ้ำไปประมาณร้อยเมตร ก่อนพ้นปากถ้ำจะเห็นแสงสะท้อนผืนน้ำจนเป็นสีเขียวมรกต นั่นเป็นที่มาของชื่อครับ แต่ไฮไลท์จริงๆ คือทะเลในขนาดเล็กซึ่งซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาหินปูน โผล่พ้นถ้ำออกมาจะได้เห็นความอัศจรรย์แบบนี้ มันสุดยอดไปเลย แนะนำว่าควรมาเที่ยวช่วงน้ำกำลังขึ้นจะสวยกว่าตอนน้ำลงนะ

ผมเข้าไปถ่ายรูปได้สักพักก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นแต่ไม่ถึงกับเยอะมาก บรรยากาศสบายๆ ซึ่งถ้าเรามากับเรือทัวร์ใหญ่จะไม่มีทางได้ภาพแบบนี้เลย ดังนั้นแนะนำว่ายอมลำบากและเปลืองกว่านิดหน่อยแต่จะเห็นความสวยกว่ากันคนละเรื่อง ยิ่งหากไม่ได้มาช่วงซัมเมอร์คนจะยิ่งน้อยครับ ห้าปีก่อนผมมาเที่ยวกลางธันวา อยู่ในถ้ำสองคนกับคนเรือเกือบครึ่งชั่วโมง ฟินมากๆ

เล่นน้ำถ่ายรูปด้านในถ้ำมรกตจนใกล้เก้าโมงเช้าก็ได้เวลาออกมา วันนั้น 15 ค่ำ น้ำขึ้นสูง หากโอ้เอ้จนน้ำสูงสุดจะออกจากถ้ำค่อนข้างลำบาก

ออกจากถ้ำมรกตก็มุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไปคือเกาะกระดาน (ถ้าเป็นไปได้ซื้อทริปดำน้ำรอบเกาะมุกด์ด้วยก็ดีนะ มีจุดชมกัลปังหาสีสวยๆ อยู่พอประมาณ) ที่นี่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม แต่มีรีสอร์ทที่พักเอกชนให้บริการ มีทั้งหมดสิบแห่ง เราไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ และเปิดให้เที่ยวตลอดปีครับ

ผมตั้งใจไปพักที่ อ่าวเนียง รีสอร์ท เป็นบังกะโลราคาประหยัด ตั้งอยู่ในเวิ้งอ่าวเล็กๆ ห้องพัดลมถูกสุด 700 บาท ไฟฟ้ามีตอนค่ำถึงเช้า บอกคนเรือปุ๊บเขาก็ไปส่งที่อ่าวเนียงให้ ก่อนจะขึ้นฝั่งมีพาไปดำน้ำอยู่หน้าอ่าวเนียงสักพักด้วย

นี่แหละครับที่พักราคา 700 บาท สภาพถือว่าไม่คุ้มราคานะ แต่เพราะนี่คือเกาะกระดานจึงถือว่าถูกแล้วครับ (ฮา…) สำหรับราคาของกิน น้ำขวดเล็กยี่สิบ ขวดใหญ่สี่สิบ อาหารตามสั่งเริ่มต้นร้อยนึง บรรยากาศเงียบสงบสวยมากเพราะเป็นอ่าวเล็กๆ ส่วนตัว ใครไม่ชอบความพลุกพล่านแนะนำเลย

อ่าวเนียงอยู่ด้านข้างเกาะ ถัดจากโค้งที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ (คราวก่อนผมมานอนอยู่กินกับเจ้าหน้าที่สามวันดำน้ำเพลินไปเลย) ตอนน้ำลงเราเดินเท้ามาได้ แต่ถ้าน้ำขึ้นจะเดินไม่ได้ ต้องตัดขึ้นเขามาทางด้านหลังแทน

ใช้เวลาพักผ่อนที่อ่าวเนียงสักพัก ผมก็พาคุณนายขึ้นเขาไปดูชายหาดหลักซึ่งอยู่ด้านหน้าเกาะสักหน่อย เดินไม่ไกลครับ ทางเดินชัดเจนไม่มีหลง พอลงเขาจะเจอที่พักชื่อ พาราไดซ์ ลอสต์ รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทเดียวที่ไม่ติดทะเล จากนั้นเดินตามทางอีกสักสามร้อยเมตรก็ถึงหน้าหาดแล้วล่ะ

ผมไปถึงตอนบ่ายโมงนิดๆ เรือทัวร์กำลังลงเพียบ นักท่องเที่ยวแยะ ดูพลุกพล่านไม่สงบใช่ไหมล่ะ

แต่สบายใจได้เลย เพราะไม่เกินบ่ายสองโมงเหล่าเรือทัวร์ที่มาจากปากเมงจะจากไปจนหมด หลังจากนั้นจะเหลือเฉพาะคนที่พักบนเกาะเท่านั้น แล้วสวรรค์ก็เป็นของเราอย่างแท้จริง บอกเลยว่างดงามเว่อร์วังอลังการมาก

ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะอยู่เกาะกระดานกี่วันดี พอคุณนายมาเห็นความงามชายหาดฝั่งนี้ก็ตัดสินใจทันทีว่าขออยู่ต่ออีกคืน ตัวผมอยากนอนเต็นท์ที่หน่วยพิทักษ์ฯ ทว่าข้อเสนอไม่ผ่านความเห็นชอบ (ฮา...) เราเลยต้องเดินสำรวจที่พักจนคุณนายมาถูกใจ กระดาน บีช รีสอร์ท ห้องพัดลมราคาเต็มคืนละ 1,700 บาท เขาลดให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ มีอาหารเช้าให้ด้วย ก็จัดการจองไว้เตรียมเข้าพักคืนพรุ่งนี้หลังเช็คเอาต์ที่อ่าวเนียง

ช่วงใกล้เย็นน้ำลง เราเดินจากหน้าหาดเกาะกระดานกลับไปอ่าวเนียงได้แล้ว ผ่านหน้าหน่วยพิทักษ์ฯ เจอกับเจ้าหน้าที่ที่ผมเคยมากินนอนด้วยกัน เกริ่นนิดหน่อยเขาก็หัวเราะจำผมได้แล้ว ขอถ่ายภาพจุดกางเต็นท์มาให้พิจารณากันครับเผื่อใครอยากมาพัก ส่วนบ้านพักอุทยานฯ ที่สร้างค้างคาจนบัดนี้ก็ปล่อยให้ร้างอยู่แบบนั้นไม่มีโครงการทำต่อ น่าเสียดายมาก

เกาะกระดานมีชายหาดน้ำตื้นมาก พอน้ำลดเลยเห็นปะการังโผล่ขึ้นมาเป็นภาพสวยประหลาดดีแท้


(4)

วันต่อมาตื่นสายๆ ไม่ต้องรีบร้อน หลังกินข้าวเดินถ่ายรูปเล่นที่อ่าวเนียงจนใกล้เที่ยงก็แบกกระเป๋าเดินตัดภูเขาข้ามไปอีกฝั่ง เช็คอินที่ กระดาน บีช รีสอร์ท ที่นี่มีทั้งพัดลมและแอร์ในห้องเดียว เลือกพัดลมก็ตัดไฟแอร์ง่ายๆ แบบนี้แหละ อยากจะแนะนำนอนพัดลมก็พอครับ บนเกาะแบบนี้ใช้ไฟปั่น นอนห้องแอร์จ่ายแพงกว่าแต่บางทีแอร์ก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรอก

สวยล้ำเกินบรรยาย ขอใช้ภาพเป็นหลักฐานความงามของทะเลตรังแล้วกัน เกาะที่เห็นอยู่ใกล้ๆ คือเกาะมุกด์ ส่วนชายหาดสีขาวคือหาดฝรั่งนั่นไง

วันนี้บอกเลยว่าผมเตรียมตัวมาเล่นน้ำดำน้ำเต็มที่ หน้าหาดเกาะกระดานเป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังชั้นดีและน้ำตื้นมาก ข้อดีคือช่วงน้ำลดเราเดินดูปะการังแบบใกล้ชิด แค่สวมหน้ากากจุ่มหน้าลงน้ำก็เห็นฝูงปลาและปะการัง แต่ก็มีข้อเสียสำหรับคนชอบดำน้ำคือเราจะอยู่ใกล้เจ้าพวกหอยเม่นตามแนวปะการังมากเกินไป

ช่วงน้ำลดมองด้วยตาเปล่าเราจะเห็นแนวปะการังและหอยเม่นชัดเจนโดยไม่ต้องดำ ดูเผินๆ เหมือนไม่มีทางฝ่าแนวออกไปโซนน้ำลึกได้เลย แต่อันที่จริงมีทางอยู่ แถวหน้า เซเว่นซี รีสอร์ท มีร่องทรายค่อนข้างกว้าง สามารถใช้ตรงนั้นเป็นทางว่ายน้ำออกไปดูแนวปะการังในโซนน้ำลึก ถ้าใครหาไม่เจอให้ถามคนพื้นที่เอานะครับ รับประกันว่ามีแน่นอน

ครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ดำสน็อคเกิ้ลฝั่งอันดามันก็คือที่เกาะกระดาน ดังนั้นการได้กลับมาชมโลกใต้ทะเลที่นี่อีกครั้งเลยเหมือนการกระตุ้นความประทับใจเก่าๆ คืนมา มีความสุขมากครับ

ผมกับคุณนายเล่นน้ำดำน้ำเสียเพลินจนเลยช่วงเคารพธงชาติก็หมดเวลาสนุก และมาพบว่าข้อเสียที่สุดของกระดาน บีช รีสอร์ท คือราคาอาหาร น้ำดื่มราคาเท่าอ่าวเนียงคือขวดเล็ก 20 บาท ขวดใหญ่ 40 บาท แต่อาหารจานเดียวเริ่มต้น 160 บาท เล่นเอาเหงื่อตกพอสมควร ถือว่าโชคดีมากที่เขามีเบรกฟาสต์ให้กินตอนเช้า (ฮา...)


(5)

เผลอแป๊บเดียววันสุดท้ายของการเดินทางก็มาถึงเสียแล้ว เร็วเหลือเกินในความรู้สึก ที่ กระดาน บีช รีสอร์ท มีบริการเรือกลับฝั่งสองเที่ยวต่อวัน เก้าโมงเช้า กับเที่ยงครึ่ง แน่นอนว่าผมเลือกกลับเที่ยงครึ่ง ราคาเรือบวกรถตู้ ไปตัวเมือง 450 บาท ไปสนามบิน 550 บาท เป็นช็อตบังคับไม่มีถูกว่านี้แล้วล่ะ ซึ่งไฟลท์ของผมบินกลับตอนเย็นเลยเลือกให้เขาไปส่งตัวเมือง

แต่ก่อนหน้าจะถึงเวลาเที่ยงครึ่ง ยังมีเวลาเที่ยวถ่ายรูปพอสมควร และที่นี่ยังมีอีกไฮไลท์ครับคือชายหาดเล็กๆ กับจุดชมวิวด้านหลังเกาะ ชื่อภาษาไทยคืออ่าวช่องลม แต่เรียกภาษาปะกิตให้เห็นภาพชัดเจนว่าซันเซ็ตบีช มีทางเดินไปสองทาง คือจากด้านหลังกระดาน บีช รีสอร์ท หรือทาง พาราไดซ์ ลอสต์ รีสอร์ท

เดินข้ามเขาไม่สูงมากระยะทางไม่เกินห้าร้อยเมตรก็มาถึงแล้ว มองที่เส้นขอบฟ้าจะเห็นเกาะรอกตั้งอยู่ไม่ไกล ทว่าบังเอิญฟ้าไม่เคลียร์เท่าไหร่เลยเห็นไม่ชัดเจน

ตามแนวหาดฝั่งนี้มีขยะเยอะมาก อยากจะบอกว่าไม่ใช่ขยะที่นักท่องเที่ยวมาทิ้งนะ แต่เป็นขยะสะสมพัดมาตามคลื่นลมทะเล หากเรามองข้ามขยะเหล่านี้ไปชายหาดตรงนี้สวยสงบมากครับ

เอาล่ะในที่สุดก็ได้เวลาปิ๊กบ้าน เรือหางพาเราจากเดินทางเกาะกระดาน ผ่านเกาะมุกด์ กลับสู่ฝั่งที่ท่าเรือควนตุ้งกู รถตู้มารอรับไปส่งในตัวเมือง ผมขอให้รถไปส่งที่ห้างโรบินสัน หาอะไรกินและตากแอร์คลายร้อนฆ่าเวลาสักหน่อย สักสี่โมงเย็นค่อยโทรศัพท์ให้รถตู้สนามบินมารับที่โรบินสันนั่นแหละ (คิวรถตู้สนามบิน โทร. 08-9647-6876)

ยอมรับว่าทริปทะเลตรังห้าวันสี่คืนสามเกาะเที่ยวนี้เล่นเอาเราสองคนกระเป๋าแห้งกันเลย เพราะเที่ยวกันสะใจสุดๆ พยายามประหยัดหลายอย่างแต่ก็ต้องมาสิ้นเปลืองกับอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการเที่ยวเกาะทะเลใต้ที่มาทีไรมักต้องหมดตัวทุกครั้ง (โดยเฉพาะเมื่อมากับคุณนายเธอ... ฮา) แต่ก็ไม่เคยเข็ดหรอกครับ และถ้าถามว่าผมเสียดายเงินที่จ่ายไปหรือไม่

ดูรูปทั้งหมดในรีวิวแล้วพิจารณาเอานะครับว่าผมควรเสียดายมันอย่างนั้นหรือ...


คลิปวีดีโอเล็กๆ น้อยๆ ที่เก็บมาฝากกันจากทริปนี้ครับ


ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
http://www.facebook.com/alifeatraveller


นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller

 วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.23 น.

ความคิดเห็น