“คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี”


เปิดรีวิวมาด้วยคำขวัญจังหวัดเลย เพื่อนๆคงเดาออกกันแล้วใช่ไหมคะว่า ทริปแรกหลังจากปลดล็อคดาวน์ เที่ยวแบบ New Normal ชีวิตใหม่วิถีใหม่ เราจะเดินทางไปที่ไหนกัน ถ้าพร้อมแล้ว สตาร์จรถแล้วออกเดินทางไป จังหวัดราชบุรี เมืองโอ่งมังกรกันเลย ..

Route Plan แพลนคร่าวๆ สำหรับทริปราชบุรี  2 วัน 1 คืน

Day 1 : ออกจากกรุงเทพ - อำเภอเมือง - อำเภอปากท่อ - อำเภอบ้านคา

Day 2 : อำเภอบ้านคา - อำเภอเมือง - เดินทางกลับกรุงเทพ


วันแรกของการเดินทาง : 5 กรกฎาคม 2563

จุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้อยู่ที่อ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย อ.บ้านคา จ.ราชบุรี .. เราออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 9 โมงเช้าด้วยรถยนต์ส่วนตัว ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เส้นถนนเพชรเกษม) ผ่านพุทธมณฑล - นครชัยศรี - นครปฐม - ราชบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงก็เข้ามาสู่จังหวัดราชบุรีแล้วค่ะ ..

โดยสถานที่แรกที่เราไป คือ เถ้าฮงไถ่ Tao Hong Tai เป็นโรงงานที่ผลิตเครื่องปั้นดินเผาอย่าง ‘โอ่งมังกร’ สัญลักษณ์คู่เมืองราชบุรีมาเป็นเวลานาน เวลาผ่านไปจึงค่อยๆปรับตัวตามความต้องการของผู้บริโภค ผลิตผลิตภัณฑ์เซรามิกออกมามากมาย สามารถเข้าชมฟรีได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. - 17.00 น.  

บริเวณโดยรอบถูกตกแต่งด้วยงานเซรามิกสีสันสดใสโดนใจเหล่านางแบบให้ไปยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอยู่หลายจุด มีร้านกาแฟให้นั่งพักคลายร้อนและมีจุดจำหน่ายของที่ระลึกด้วยค่ะ

และที่นี่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมถึงขั้นตอนการผลิต ทั้งการปั้น ขึ้นแบบ เขียนลาย แต่ระหว่างการเดินเข้าชมต้องไม่ไปรบกวนช่างที่กำลังทำงานอยู่นะคะ ..

นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีนิรรศการงานศิลปะจัดแสดงสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปให้ได้ชมกันด้วย

เราออกจากที่นี่ราวๆบ่ายโมงเกือบๆจะบ่ายสองแล้ว เราไม่ได้แวะทานข้าวนะคะ แต่เรามีเสบียงติดไว้ในรถสำหรับทานรองท้องเวลาหิว .. เราใช้เวลาขับรถไปสถานที่ต่อไปประมาณอีก 1 ชั่วโมง Route ของแต่ละคนสามารถปรับเปลี่ยนได้นะคะเพราะจุดหมายปลายทางที่เราไปนั้นอยู่ห่างจากอำเภอสวนผึ้ง 40 กม. เพื่อนๆอาจจะไปแวะเที่ยวที่สวนผึ้งก่อนก็ได้ค่ะ แต่เราไปสวนผึ้งมาบ่อยแล้ว คราวนี้เราเลยเลือกที่จะไปอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ..

เมื่อได้ยินชื่ออุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจันนี้น้อยคนนักที่จะรู้จัก เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นักล่าตราประทับ อช. อย่างเรา พอรู้ว่าที่ที่เรามาอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติก็พลาดไม่ได้ที่จะมาแวะเก็บตราประทับ อช. ถึงแม้จะไม่ได้ค้างกางเต็นท์ที่นี่ แต่ก็สามารถเข้ามาแวะเดินเล่นชมทัศนียภาพอ่างเก็บน้ำไทยประจันที่โอบล้อมไปด้วยหุบเขาที่สวยงามได้ .. ที่นี่ไม่ค่อยมีสัญญาณมือถือเรียกได้ว่ายังคงความดิบของผืนป่าไว้อย่างเต็มที่ เหมาะแก่การหลบมาใช้ชีวิตแนบชิดธรรมชาติที่ดีจริงๆ

ส่วนที่พักของเราในคืนนี้ เราเลือกพักที่ มะหาด-ไทธารา โฮมสเตย์ Mahad-Thaitara Homestay โฮมสเตย์สไตล์รีสอร์ต ที่มาพร้อมกับวิวอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย มีให้บริการทั้งห้องพักและจุดกางเต็นท์

เราจองผ่าน FB Messenger ซึ่งตอนนี้ราคาโปรโมชั่นช่วง Covid-19 .. เราจองเป็นห้อง 3 คน ในราคา 1,050 บาทต่อคืน (จ่ายเต็มจำนวนไม่มีมัดจำ) เนื่องจากที่พักมีจำนวนห้องพักไม่เยอะ ในวันที่เราไปนั้นห้อง 2 คนเต็ม เราจึงต้องจองเป็นห้อง 3 คนแทนค่ะ .. ราคาที่พักอาจมีการเปลี่ยนแปลง ติดต่อสอบถามกับทางที่พักก่อนการเข้าพักนะคะ ..

โปรโมชั่นช่วง Covid-19 (ราคานี้ไม่รวมอาหารเช้า)

- ห้อง 2 คน ราคา 700 บาท (ปกติราคา 1,200 - 2,000 บาท)

- ห้อง 3 คน ราคา 1,050 บาท (ปกติราคา 2,300 บาท)

- ห้อง 4 คน ราคา 1,400 บาท (ปกติราคา 2,800 บาท)

- ห้อง 6 คน ราคา 2,100 บาท (ปกติราคา 3,500 บาท)

- เตียงเสริมคนละ 350 บาท

กางเต็นท์ (เต็นท์ต้องนำมาเอง) คนละ 100 บาท

FB : มะหาด-ไทธารา โฮมสเตย์ Mahad-Thaitara Homestay
Tel : 0890223416

หลังจากเก็บสัมภาระที่ห้องเรียบร้อย เราจึงออกไปเดินเล่นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูก ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง ให้มีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคตลอดปี ..

กิจกรรมบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคยนอกจากถ่ายรูปกับวิวสวยๆแล้ว ยังมีคายัคไว้ให้พายเล่นชมวิวหรือใครชอบตกปลาก็ลองมาหย่อนเบ็ดดูได้นะคะ

บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคยเป็นบริเวณที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยแห่งหนึ่ง ยิ่งยามที่แสงของพระอาทิตย์ที่กำลังลดต่ำลง แสงกระทบกับผิวนำ้ระยิบระยับละลานตา เราไม่พลาดที่จะเก็บ Timelapse พระอาทิตย์ตกดินที่นี่อย่างแน่นอน

เดิมทีมื้อเย็นของเรา เราจะไปทานอาหารเย็นที่ร้านครัวจันทร์ผา แต่บังเอิญที่พักของเราเพิ่งเริ่มให้บริการหมูกระทะวันที่เราไปพอดี .. สำหรับคนที่พักห้องพัก ทางที่พักจะจัดโต๊ะหรือที่นั่งทานบริเวณสนามหญ้าตรงบริเวณจุดกางเต็นท์ไว้ให้ค่ะ .. หมูกระทะ แบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุด A ราคา 499 บาท และชุด B ราคา 399 บาท ไม่อิ่มสั่งเพิ่มได้จะเป็นชุดหรือสั่งเฉพาะอย่างก็ย่อมได้ วัตถุดิบของที่พักส่วนใหญ่มาจากเกษตรอินทรีย์ของทางที่พักเอง รับรองปลอดสารพิษหายห่วงแน่นอน

หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จ เราออกมาเดินเล่นที่อ่างเก็บน้ำอีกครั้ง ทางค่อนข้างมืดควรมีไฟฉายพกไปด้วย แต่ระวังตัวแมลงที่มาเล่นไฟนะคะ โชคดีที่วันที่เราไปเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง เลยทำให้สายตาพอชินกับความมืดแล้วสามารถมองเห็นทางอยู่บ้าง .. ขออำลาค่ำคืนนี้ด้วยภาพบรรยากาศยามค่ำคืนและแสงดาวระยิบระยับบนท้องนภาบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย


วันสุดท้ายของการเดินทาง : 6 กรกฎาคม 2563

อรุณสวัสดิ์ค่ะ .. วันนี้ เรามีแพลนจะไปเที่ยวในตัวเมืองอีกสักหน่อยก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ ใกล้ๆที่พัก จะมีที่เที่ยวเป็นสำนักสงฆ์พุน้ำร้อนและน้ำพุร้อนโปร่งกระทิง เพื่อนๆสามารถแวะไปเที่ยวได้นะคะ .. เราเชคเอ้าท์ออกจากที่พักประมาณ 10 โมง ขับรถมาแวะเที่ยวที่ ถ้ำเขาบิน เป็นที่แรกของวันนี้ค่ะ ..

ถ้ำเขาบิน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ภายในถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติให้ได้ชม การเที่ยวชมถ้ำจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

สามารถมาเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.00 น. - 16.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท .. ภายในถ้ำอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว แนะนำให้เตรียมพัดมาด้วย พื้นลื่นเป็นบางจุดควรเดินอย่างระมัดระวังค่ะ

โดยเส้นทางเดินในถ้ำจะเดินเป็นลักษณะวงกลม แบ่งออกเป็น 8 ห้อง ดังนี้ ห้องที่ 1 โถงอาคันตุกะ เปรียบเสมือนห้องรับแขกของบ้าน เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตามากมาย

ห้องที่ 2 ศิวะสถาน จุดเด่นของห้องนี้ คือ มีเสาหินขนาดใหญ่ที่เปรียบดังเสาหินหลักเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ 

ห้องที่ 3 ธารอโนดาต เต็มไปด้วยหินย้อยรูปร่างแปลกตา ส่วนใหญ่เป็นแผ่นบางเป็นริ้วคล้ายธารน้ำตก บางจุดก็มีหินย้อยที่มีหน้าตาคล้ายปะการัง

ห้องที่ 4 สกุณชาติคูหา มีหินปูนรูปร่างคล้ายนกกางปีก ซึ่งเป็นความงดงามที่เนรมิตโดยธรรมชาติ ซึ่งที่มาของชื่อถ้ำเขาบินก็มาจากห้องนี้

ห้องที่ 5 เทวสภาสโมสรสถาน ภายในห้องจะประกอบด้วยเสาหินขนาดใหญ่หลายร้อยต้น มีหินย้อยอยู่เต็มเพดานถ้ำ ทั้งหินเก่าขนาดใหญ่ และหินเกิดใหม่จำนวนมาก 

ห้องที่ 6 กินนรทัศนา เป็นห้องหินปูสีขาวสว่าง และด้านในยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ว่ากันว่า น้ำในบ่อนี้ไม่เคยเหือดแห้งใช้เป็นน้ำสาบานและน้ำมนต์ของพระชื่อดัง

ห้องที่ 7 พฤกษาหิมพานต์ ห้องมีสวนหินมากมาย และต้นไม้หินย้อยอายุนับพันปี

ห้องที่ 8 อุทยานทวยเทพ เป็นห้องสุดท้ายของถ้ำเขาบิน ซึ่งจะมีหินงอก ที่เป็นดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำแห่งนี้ คนในพื้นที่ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวต่างก็ศรัทธา และกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกลับ

ขับรถมาอีกหน่อย ไม่ใกล้ไม่ไกลก็จะเจอกับสถานที่เที่ยวสุดฮิตของจังหวัดราชบุรีอย่าง อุทยานหินเขางู เดิมเป็นแหล่งระเบิดและย่อยหินที่สำคัญของไทยตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ หลังจากยกเลิกสัมปทาน เขางูกลายเป็นเหมืองร้าง ทางจังหวัดจึงได้พัฒนาเขางูให้เป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี ไม่มีค่าเข้าชม

เรามาถึงตอนเที่ยงตรงพอดี กลางวันที่นี่อากาศค่อนข้างร้อนจัดเพราะเป็นภูเขาหินปูน ย้ำ! ร้อนจัด แทบไหม้จริงๆค่ะ อยู่ที่นี่ได้ไม่นานต้องขอตัวกลับเลย สู้อากาศไม่ไหวจริงๆ แนะนำให้มาช่วงเย็นๆนะคะ

ก่อนจะตีรถกลับกรุงเทพ เรามาฝากท้องไว้ที่ ธาราคอฟฟี่ Tara Coffee สถานที่พักผ่อนริมแม่น้ำแม่กลอง มีให้บริการทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร สปาแบบครบวงจร และห้องพักรายวัน เปิดให้บริการทุกวัน 8.00 น. - 20.00 น. .. ธาราคอฟฟี่ แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ Indoor กับ Outdoor ..

มาดูกันที่โซนแรกกันก่อน โซน Indoor ด้านในจะเป็นห้องแอร์ มีเค้าเตอร์บาร์และโต๊ะเล็กๆไว้รองรับลูกค้าที่หนีอากาศร้อนๆแบบเรานั่นเอง ^^ .. เราเข้าไปดู Wongnai ถ้ามาที่นี่ต้องสั่งเมนู พิซซ่าธารา กุ้งทอดธารา เมนูเบเกอรี่ต่างๆ แต่รอบนี้เราขอลองสั่งเมนูอื่นที่แตกต่างจากคนอื่นๆที่รีวิวอาหารดูบ้าง เราสั่งเป็นข้าวผัดหมูย่าง และต้มยำกุ้งน้ำข้น เราสั่งไม่เยอะ สั่งแต่พอทาน วันที่เราไปคนค่อนข้างเยอะ รออาหารประมาณครึ่งชั่วโมง โดยส่วนตัวเราถูกใจรสชาติอาหารที่นี่มากๆค่ะ เราขอให้คะแนนที่นี่ 10 เต็ม 10 ไปเลย

ระเบียงของ Indoor ก็จะมีที่นั่งรังนก ชิงช้าแบบแขวน ให้เราออกไปนั่งเล่น ถ่ายรูปได้ด้วยนะ แต่ถ้าเป็นช่วงแดดร่มลมตกจะดีกว่านี้ ตอนเที่ยงๆแดดร้อนมากเลยค่ะ

อีกโซนนึงจะเป็นโซน Outdoor จะเป็นแพริมน้ำมีที่นั่งให้เลือกหลายมุม แต่ที่นั่งที่ไม่ค่อยว่างเลยก็จะเป็นที่นั่งปูด้วยหญ้าเทียมยื่นลงไปในแม่น้ำ นั่งสบายด้วย Bean bag .. เราไม่ได้ลงไปดูจึงข้อนำรูปจาก FB : Tara Coffee ธาราคอฟฟี่ ของทางร้านนำภาพมาประกอบคำบรรยายนะคะ .. ตรงโซนนี้ทุกคนจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศริมแม่น้ำแม่กลองระหว่างทานอาหารไปด้วยค่ะ .. หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า สามารถโทรที่เบอร์นี้ได้เลย 0858414666

จบไปอีกหนึ่งทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน กับที่เที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติ แถมใกล้กรุงเทพอีกด้วย เชื่อว่า กระทู้นี้อาจเปิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ให้กับใครหลายๆคนที่มาเยือนราชบุรีแล้วเบื่อๆอำเภอสวนผึ้ง ลองขับรถเลยมาอีกหน่อยมาเที่ยวอำเภอบ้านคาดูนะคะ รับรองว่า ต้องถูกใจกับอำเภอเล็กๆอำเภอนี้แน่นอนค่ะ ^^

ขอบคุณ SONY A6500 + Lens CZ 16-70mm  F4 +  FE 35mm f1.8 และ Iphone 11 ที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆตลอดทริปนี้

แต่งภาพโดยโปรแกรม Lr

ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยินดีน้อมรับทุกคำติชม

สามารถติดตามการเดินทางของเราได้อีกหนึ่งช่องทาง
PAGE : https://www.facebook.com/KeepGoingThailand

และฝากกด LIKE และกด SUBSCRIBE เพื่อเป็นกำลังใจในการทำวีดีโอการเดินทางของเราในครั้งต่อๆไปด้วยนะคะ
YOUTUBE : https://www.youtube.com/channel/UC8BYq-uSUDO23GYAQ-Ck3kQ

.. เจอกันการเดินทางครั้งต่อไป ..

สรุปค่าใช้จ่าย สำหรับทริปนี้ (สำหรับ 2 คน)

ค่าที่พัก 1,050 บาท

ค่าเข้าอุทยาน 70 บาท

ค่าน้ำมัน 660 บาท

ค่าหมูกระทะ 664 บาท

รวมทั้งสิ้น 2,444 บาท (ตกคนละ 1,222 บาท)

In My Eye

 วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 09.31 น.

ความคิดเห็น