เที่ยวเมืองรอง จันทบุรี 2 วัน 1 คืน

ไม่มีรถ ไม่ลางาน ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

คลิปวิดีโอ รายละเอียดการเดินทาง

►►►►►►►►►►►►►►►►►►►►►

ฝากติดตามเพจด้วยครับ

facebook fanpage : https://goo.gl/Fumgyi [เกรียนแบกเป้เที่ยว]

อย่าลืมกดLike กดShare และ subscribe ด้วยนะครับ
YouTube
►► https://bit.ly/2yFR22w

สถานที่ที่เราจะไปนั้น


ได้แก่ ลานหินสีชมพู

จุดชมวิวเนินนางพญา


ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว


และชุมชนริมน้ำจันทบูร


                                           เช้าวันเสาร์ ผมขึ้นรถโดยสาร กรุงเทพ-แหลมงอบ


                               โดยขึ้นจากสถานีขนส่งเอกมัย ไปลงสถานีขนส่ง จ.จันทบุรี
                                                  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
                                                       ราคาค่าโดยสาร 180 บาท

                                                 สามารถเดินทางได้จากหมอชิตและเอกมัย                                         

                                    มีทั้งรถทัวร์ มินิบัส และรถตู้ ราคาประมาณ 180 - 200 บาท



เรามาถึง บขส.จันทบุรี ในช่วงเที่ยง




วันนี้ ผมจะไปลานหินสีชมพู และจุดชมวิวเนินนางพญา



                                                        โดยการเหมารถสองแถวท้องถิ่น

                             ที่คนในพื้นที่ เรียกว่า รถมาสด้า เหมาราคาไป-กลับ ราคา 700 บาท
          


ซึ่งเราควรตกลงกับคนขับให้ชัดเจน ว่าจะไปไหนบ้าง 

และอยู่ที่ไหนนานเท่าไหร่ รวมถึงเวลาไปและกลับ 

เพื่อลดความเสี่ยงการถูกชาร์จราคาเพิ่่ม ในกรณีอยู่เกินเวลาที่ตกลงกัน

จาก บขส.จันทบุรี มาที่ลานหินสีชมพู 

มีระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร 

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.

ค่าเข้าสถานที่ เด็ก 10 บาท, ผู้ใหญ่ 20 บาท, ชาวต่างชาติ 200 บาท,

รถยนต์ 60 บาท/คัน 

โดยคิดรวมคนขับและรถสองแถวที่เราเหมามา

ลานหินสีชมพู ตั้งอยู่ภายในบริเวณเขตห้ามล่าสัตว์คุ้งกระเบน อำเภอท่าใหม่

โดยหินสีชมพูชนิดนี้ เป็นหินทรายอาริโคส ที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็กมาก

จึงลักษณะสีแดงอมชมพู จนไปถึง สีม่วงอมน้ำตาลแดง


หลังจากนั้นผมได้เดินทางจากลานหินสีชมพู ไปจุดชมวิวเนินพญา

มีระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร

ใช้เวลาเดินทาง 25 นาที

ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงของจันทบุรี


ทั้งสองฝั่งถนน ติดทะเล และภูเขา ตัวถนนโค้งไปตามภูเขา และทะเล 

เป็นถนนที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุด ในภาคตะวันออก

จากนั้นผมก็เดินทางกลับมาที่พักของเรา ซึ่งอยู่แถวชุมชนจันทบูร


ที่พักของเรามีชื่อว่า poonpun poshtel 

เป็นโฮสเทลราคาประหยัด เหมาะสำหรับนักเดินทาง

นอกจากนี้บนชั้นดาดฟ้าของที่พัก สามารถขึ้นไปชมวิว เมืองจันทบุรีได้อีกด้วย


ในช่วงมื้อค่ำ ผมไปกินข้าวที่ “ร้านอาหารท่ามาจัน” ที่อยู่ใกล้ๆกับที่พัก

ตั้งอยู่ที่ ชุมชนริมน้ำจันทบูร อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี

อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมท่ามาจัน

เช้าวันอาทิตย์ เราวางแผนจะเดินทางไปน้ำตกพลิ้ว และชุมชนขนมแปลก 


โดยใช้บริการ Grab car

จากตัวเมืองมาที่น้ำตกพลิ้ว มีระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร 

ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที 

และเสียค่า Grab Car ราคา 153 บาท

จากน้ำตกพลิ้วไปชุมชนขนมแปลก ไม่มีรถสาธารณะ แต่ก็สามารถเหมารถได้

เราเลือกใช้บริการgrab car คนเดิม

โดยเหมารถจาก น้ำตกพลิ้ว - ชุมชนขนมแปลก ราคา 300 บาท

และให้พี่คนชับไปส่งที่ ชุมชนริมน้ำจันทบูรด้วย

อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว หรือ น้ำตกพลิ้ว ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาสระบาป อำเภอแหลมสิงห์



นอกจากจะมีน้ำตกสวยตลอดทั้งปีแล้ว 


ยังเป็นจุดที่จารึกประวัติศาสตร์สำคัญของไทยอีกด้วย

คือเป็นน้ำตกที่พระบามสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เสด็จประพาสถึง 12 ครั้งด้วยกัน

และโปรดให้สร้าง พีระมิดแห่งความรัก 

เพื่อเป็นที่ระลึกแก่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี

ซึ่งภายในสถูปบรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าฯ อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมี อลงกรณ์เจดีย์ อยู่ด้านข้างเยื้องจากพีระมิดขึ้นมาด้านบน 

ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 5  โปรดให้สร้างในปี 2419 

เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้วพร้อมพระนางเรือล่มอีกด้วย

จากนั้นจึงเดินทางไปชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว 

อยู่ห่างจากน้ำตกพลิ้ว ประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลา 15 นาที

ชุมชนหนึ่งเดียวในพื้นที่ ต.หนองบัว อ.เมืองจันทบุรี มีความโดดเด่นด้านอาหารคาวหวาน

ที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ในการปรุงแต่งรสชาติ และรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร

จนถูกยกให้เป็นชุมชนขนมแปลกหาชิมยาก 

ที่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปในพื้นที่จะได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติขนมหายาก




                    ช่วงบ่ายผมได้เดินทางไปชุมชนริมน้ำจันทบูร และ โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล


                     ที่อยู่ห่างจาก ชุมชนขนมแปลก ประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที

                      เป็นชุมชน เก่าแก่ของชาวจีนและญวนที่อพยพตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น 


ต่อมาได้พัฒนามาเป็น ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จันทบุรี

ในสมัยพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ปัจจุบันกลายสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับ ที่ผู้มาเยือน จ.จันทบุรี

สามารถมาเที่ยวได้ทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับ

หรือจะค้างคืนเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศความเก่าแก่ให้เต็มที่



                                                จากนั้นผมได้เดินทางมาที่สะพานนิรมล

                         สะพานแห่งนี้เราสามารถมองเห็นบ้านเก่าตั้งเรียงรายไปตามริมน้ำจันทบูร

และเบื้องหน้าของสะพานก็คือ โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล


โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล

 หรือเรียกสั้นๆ ว่า  โบสถ์คริสต์เมืองจันทร์

เป็นโบสถ์คริสต์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีอายุกว่า 100 ปี

และรูปปั้นพระแม่มารีสีหน้าสงบ

                                                    เปี่ยมประกายเมตตายืนอยู่หน้าวิหาร

เมื่อเราได้ชมความสวยงามของโบสถ์และชุมชนริมน้ำจันทบูรเสร็จแล้ว

เราจึงนั่ง Grab Car ไปลงสถานีขนส่ง.จันทบุรี เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ

ยิ้มแบกเป้เที่ยว RoamingYim

 วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.36 น.

ความคิดเห็น