ช่วงขวบปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ลำบากสำหรับคนที่ชอบเที่ยวต่างประเทศเนื่องจากทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการระบาดครั้งยิ่งใหญ่ของ COVID-19 แต่วิกฤตินี้เองทำให้ผมฉุกคิดถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ๆ ไฝ่ฝันอยากไปเยือนตั้งแต่มีคนนำภาพสวยๆ มาแชร์ในโลก Social media นั่นคือ "ป่า บง เปียง" (หรือใครจะเรียกว่า ปงเปียง บงเบียง ปงเบียง อะไรก็ว่าไปตามถนัด) ซึ่งผมลองศึกษาวิธีการเดินทางแล้วก็ต้องบอกว่าขี้เกียจนั่งรถกันเลยทีเดียว ^^~ แต่ผมมองว่าไหนๆ ปีนี้ก็ออกไปไหนไม่ได้แล้ว อีกทั้งสถานการณ์ในไทยยังไม่ค่อยรุนแรง เลยตัดสินใจขอหัวหน้าลาแล้วลองไปเยือนที่นี่สักครั้ง มันจะสวยเหมือนที่คิดไว้มั้ยน๊าาา ~
เดินทางไปยังไง ? งบเท่าไหร่ ?
คือการเดินทางของผมใช้รถส่วนตัวของคนรู้จักในพื้นที่เดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ไปที่ป่าบงเปียง ส่วนที่พักก็มีเพื่อนช่วยจองให้ แต่ถ้าใครอยากไปเองมีคำแนะนำดังนี้
- เดินทางไปเชียงใหม่ด้วยเครื่องไป-กลับ ประมาณ 3,000 บาท
- เช่ารถจากสนามบิน (หาใน Facebook มีเยอะมาก) ประมาณ 1,300 บาท/วัน
- ใชเวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมงข้ามดอยอินทนนท์
- ค่าที่พักพร้อมอาหารเย็นและอาหารเช้า 500 บาท/คน
- ค่าอาหารระหว่างทางตามความรวยเราเอง :D
รวมๆ ขั้นต่ำประมาณ 5,000 บาท ซึ่งมองดีๆ มันก็แพงแหล่ะนะ แต่จะคุ้มไหมให้ภาพมันเล่าแล้วกันครับ Let's go !!
หากใครขี้เกียจอ่านเรามี Version video ให้ดูด้วยนะ
ก่อนเดินทางเราต้องศึกษาก่อนว่า เราอยากเห็นทุ่งนาแบบไหน แบบต้นเล็กๆ แบบเขียวๆ หรือแบบทองๆ ซึ่งช่วงเวลาที่ผมไปได้คือช่วงปลายๆ ของทุ่งนาสีเขียว (ต้นเดือนตุลาคม) หากใครอยากไปแบบทุ่งนาสีทองตัดสีเขียวของภูเขาแนะนำให้ไปช่วงปลายเดือนตุลาคม แต่ต้องรีบหาที่พักล่วงหน้าสัก 3-4 เดือนนะ ที่พักวันเสาร์-อาทิตย์ เต็มไวมากกกกก
ผมออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่เช้าวันเสาร์ แวะร้านนู้นร้านนี้กว่าจะขึ้นดอยอินทนนท์ก็เที่ยงแล้ว บรรยากาศตอนขึ้นดอยแนะนำว่าให้เปิดกระจกรถ อากาศดี เย็นสบายเหมือนแอร์ในออฟฟิศเลยครับ ฮ่าๆ เส้นทางอาจจะยากหน่อยสำหรับนักท่องเที่ยวที่เช่ารถไป พอดีพวกเราได้ไกด์ท้องถิ่นผู้ชำนาญทางมาขับรถให้
บรรยากาศระหว่างเดินทาง
แวะพักระหว่างทาง
หลังจากข้ามดอยอินทนนท์สองฝั่งข้างทางก็เริ่มแทรกมาด้วยบรรยากาศนาขั้นบันไดเป็นหย่อมๆ มองจากมุมบนก็สวยดีนะ เราอดคิดไม่ได้เลยว่าพอไปถึงป่าบงเปียงจะสวยอลังการขนาดไหน
และแล้วเราก็มาถึง..,
ที่พักเราเรียกได้ว่าอยู่กลางทุ่งนาเลยแหละ เอาเป็นว่าดื่มด่ำธรรมชาติอย่างเต็มที่ บรรยากาศที่พักก็ประมาณกระท่อมปลายนา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ห้องน้ำแยกจากตัวบ้านอยู่ตรงบันได (น้ำเย็นมาก) มีไฟดวงนึงไว้ส่องสว่างได้ถึงดึกๆ
ระหว่างทางจะมีรางน้ำที่เขาปล่อยลงทุ่งนา ไหลตลอดทั้งวันทั้งคืนสบายหูมาก
บรรยากาศทุ่งนาเขียวชอุ่ม อากาศเย็นสบาย สูดหายใจได้แบบเต็มปอด ฟินจนไม่รู้จะฟินยังไง ^^~
ทางเดินบนทุ่งนา(บ้านผมเรียกคันนา) จะเชื่อมกันหมดระหว่างโฮมสเตย์ไปถึงถนน ผมเลยแวะไปเก็บภาพมุมสูงมาฝาก งามมิใช่น้อยนะจะบอกกกก
นั่งห้อยขาอย่างชิว~
บรรยากาศมันสบายมากจนลืมดูเวลาไปเลย รู้ตัวอีกทีตะวันก็ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว น่าเสียดายที่วันนั้นเมฆเยอะมาก อดเก็บภาพแสงเย็น ณ บงเปียง TT
เจ้าของโฮมเสตย์เริ่มเดินแจกมื้อค่ำ
บรรยากาศยามเย็น
ใครที่เตรียมหมูกระทะไปทาน แนะนำว่า 4 โมงเย็นก็เริ่มก่อไฟเตรียมของได้แล้วครับ ตอนผมไปมัวแต่ดื่มด่ำบรรยากาศ กว่าจะได้ทานฟ้าก็มืดไปแล้ว
ก็ย่างกันแบบมืดๆ ไปละกัน ฮ่าๆ
เช้าวันถัดมา ~
ผมรีบตื่นมาตั้งแต่ 6 โมง เผื่อจะได้เก็บแสงเช้าแต่ก็ผิดคาด เมื่อตอนที่ประตูบ้านมานี่ขาวไปหมดเลยครับ หมอกหนาเต็มไปหมด แต่ก็สวยไปอีกแบบ
ไม่ต้องกลัวตื่นสายเลย น้องๆ เขามาเรียกแต่เช้า ~
พอสายๆ หน่อยก็เริ่มมีคนตื่นมาเก็บบรรยากาศหมอกจางๆ
มื้อเช้ามาแล้ว ~
เอาจริงๆ ผมนั่งเขียนรีวิวยังจำบรรยากาศเช้านั้นได้ดีอยู่เลยนะ ข้าวต้มอุ่นๆ เห็ดหอมๆ กาแฟร้อนๆ สักแก้ว..,
ถ้าถามว่าป่าบงเปียงสวยและคุ้มค่าที่จะสละเวลาเดินทาง และเงินครึ่งหมื่นมั้ย ? ในความคิดผมถือว่าเป็นที่ๆ สวยมากแห่งหนึ่งในไทยเลยแหล่ะ เหมาะกับการชาร์จพลังอย่างถึงที่สุด เวลาที่เราได้เดินทางไปไกลๆ จากที่ทำงาน จากถนนเส้นเดิม หรืออะไรๆ ที่คุ้นเคยมันทำให้เราลืมความวุ่นวายในชีวิตประจำวันได้เยอะเลยแหล่ะ
หมูกระทะร้อนๆ วิวไกลสุดลูกหูลูกตา เบียร์สักกระป๋อง เอ้า...ชน !!
ก่อนจากกันไปหากชื่อชอบผลงานรีวิวของผม ฝากช่องทางการติดตามได้ที่
Facebook fanpage : แบกกล้องไปท่องโลก
รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ : https://th.readme.me/id/AYPhot...
IG รวมภาพสวยๆ : arnuphap_y
YouTube : แบกกล้อง ไปท่องโลก
Arnuphap Yaiphimai
วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.42 น.