ถ้ามีใครถามเราว่าชอบจังหวัดไหนมากที่สุดในภาคเหนือ เราก็จะบอกเสมอว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน เราเคยมาแม่ฮ่องสอนหลายครั้งแล้ว เพราะมากี่ครั้งเราก็ไม่เคยเบื่อเลยและอีกครั้งที่เราตั้งใจมาที่นี่อีก แต่ครั้งนี้คงเป็นการเดินทางที่โหดและลำบากที่สุดสำหรับเราแล้วล่ะและไม่ได้มาลำบากคนเดียวแต่พาน้องมาลำบากด้วย ฮ่าๆๆ จะเป็นยังไงไปติดตามกันเลยจ้า..... (เราสรุปค่าใช้จ่ายให้ช่วงท้ายนะ)

แพลนของเราคือ ตั้งใจว่าจะไปดูดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอ แล้วไปค้างที่ปางอุ๋ง 1 คืน ตอนเช้าไปหมู่บ้านรักไทย แล้วย้อนกลับมาไหว้พระที่วัดพระธาตุดอยกองมู แล้วไปต่อสะพานซูตองเป้ จากนั้นไปค้างที่บ้านจ่าโบ่ 1 คืน ตอนเช้ามาแวะปายแล้วขับกลับเข้าเชียงใหม่ (งงมั้ย..งงแหละ...เรายังงงเอง ฮ่าๆๆ) คือขับรถเป็นวงกลมรวมๆก็ประมาณเกือบ 700 Km. เลยค๊าา 

เรานั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ ไปถึงเชียงใหม่ประมาณหกโมงเช้าก็เดินไปรับรถที่จองไว้กับทางร้าน https://www.facebook.com/Motor... แนะนำทักไปจองรถไว้ก่อนนะคะจะได้ไม่เสียเวลา ไม่มีค่ามัดจำใช้แค่บัตรประชาชนค่ะ ได้รถแล้วเราก็ออกเดินทางกันเลยเราวิ่งเส้นเชียงใหม่จอมทองค่ะ เส้นเดียวกันกับที่จะไปดอยอินทนนท์ พอถึงด่านตรวจที่ 2 ทางขึ้นดอยอินทนนท์ก็เลี้ยวซ้ายไปอำเภอแม่แจ่มค่ะ เส้นนี้คือถ้าขับรถไม่แข็งอย่ามาเลยนะคะค่อนข้างอันตราย ถนนแคบและชัน โค้งเยอะ และบางช่วงถนนชำรุดด้วยค่ะ แต่ตลอดเส้นทางคือวิวสวยมากนะ ที่วิ่งเส้นนี้เพราะคิดว่าใกล้กว่าเส้นแม่สะเรียงใกล้กว่าจริงค่ะ แต่ทำเวลาไม่ได้เลยโค้งเยอะ เราขับรถตามเส้นสีน้ำเงินเชียงใหม่-จอมทองไปเรื่อยๆเลยค่ะ

ถนนก็จะชันๆ โค้งๆหน่อยต้องขับแบบระวังมากๆ 

ระหว่างทางก็จะประมาณนี้เลยค่ะ 

ขับรถมาจะ 3 ชั่วโมงละแวะพักตรงนี้หน่อยนึง

ไปต่อค่ะ ขับไปเรื่อยๆ เมื่อยก็พักเราไปถึงดอยแม่อูคอประมาณบ่ายสามโมงครึ่งละคะ ทำเวลาไม่ค่อยได้เลยโค้งเยอะเกินไป

ถึงดอยแม่อูคอแล้วก็หายเหนื่อยเลยยยย สวยจัง มากี่ครั้งก็ยังตื่นเต้นแบบนี้แหละ

ดอกบัวตองเริ่มโรยแล้วน๊าถ้าใครจะมารีบๆเลยน๊าาาา 

เราออกจากดอยแม่อูคอตอนประมาณสี่โมงเย็น ต้องขับต่อไปปางอุ๋งอีกประมาณ 134 Km. น้ำมันก็จะหมดคือลุ้นกันตลอดทาง จนมาถึงขุนยวมแวะเติมน้ำมันแล้วขับไปยาวๆเลยจ้า โจทย์ครั้งนี้คือต้องไปให้ถึงปางอุ๋งก่อนมืด แต่เป็นไปได้เหรออีกเป็นร้อยกิโลเลยนะ ตอนนั้นอยากร้องไห้มาก T^T

แวะจุดชมวิวผาบ่อง แน่ะ!! จะมืดแล้วยังมีกระจิตกระใจแวะถ่ายรูปอีก....

เราขับไปถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนตอนนั้นประมาณหกโมงเย็นแล้ว และก็มืดแล้ว คิดในใจเอาแล้วจากตัวเมืองเข้าไปปางอุ๋งอีกสี่สิบกว่ากิโล ต้องมืดมากแน่ๆ พอขับเลยเมืองเริ่มขึ้นเขาคือมืดมาก ถนนแคบและชัดมาก แทบจะไม่มีรถสวนมาเลย ถามน้องตลอดว่ากลัวมั้ย สงสารน้องมากเป็นทริปแรกที่ขับรถเที่ยวแบบนี้ของนาง แต่เหมือนพามาลำบาก....รู้สึกผิดนะเนี่ย

***ไม่แนะนำให้ขึ้นปางอุ๋งตอนฟ้ามืดแล้วนะ อันตรายมากๆเลยค่ะ ถนนแคบ ทั้งชัน ทั้งโค้งและมืด***

***อย่าหาทำเด้อ***

แล้วเราก็มาถึงตอนทุ่มครึ่งค๊า ขับแบบใจดีสู้เสือมาตลอดทาง...

เราพักที่นี่ค่ะ ลุงนะโฮมสเตย์  ค่าที่พัก 750 บาทพักได้ 2 คน มีอาหารเช้าให้ 1 มื้อค่ะ

มีที่นอนหมอนมุ้งให้เรียบร้อย มีน้ำอุ่นให้อาบด้วยนะคะ 

บรรยากาศข้างนอก มีถนนคนเดิน มีร้านหมูกะทะ หน้าโฮมสเตย์ลุงนะเป็นร้านนั่งชิลล์ เปิดเพลงเพราะด้วย

หิวค่ะ สิ่งที่เราสองคนคิดมาตลอดทางคือ หมูกระทะ หมูกระทะ ชุดใหญ่ 500 บาท

ผักและน้ำจิ้มไม่อั้นค่ะ เขียวๆนั่นยอดถั่วลันเตา อร่อยจนต้องขอเพิ่ม

ตัดภาพไปตอนเช้าเลยแล้วกันนะคะ และต่อไปนี้คือปางอุ๋งตอนเจ็ดโมงเช้าค่ะ 

เจอน้องหงส์ออกมารับแขกด้วยค่ะ มาครั้งที่แล้วไม่เจอน้อง

แพที่ไม่ได้นั่ง เพราะคิวยาวไปถึงแม่ฮ่องสอน..

เจอหมอกบางๆ เพราะเราตื่นสายจะโทษใครได้เนอะ 

ต้นสนที่แดดส่องสวยมากๆ

ดื่มด่ำตรงนี้พอแล้ว สายแล้วไปหมู่บ้านรักไทยกันดีกว่าเนอะ

ขับรถออกมาจากปางอุ๋งเลี้ยวซ้ายมาสักพัก จะเจอกับร้านกาแฟร้านนึงน่ารักมาก กาแฟคือดี คนชงก็ดี จะแวะขาไป หรือ ขากลับก็ได้นะคะ แต่อยากให้แวะ ที่นี่มีที่พักมีจุดกางเต๊นท์ อารมณ์เหมือนมาแคมป์ค่ะ

ที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปเยอะมากๆ พูดถึงกาแฟเราสั่ง อเมริกาโนใส่ส้ม ในส่วนของส้มที่ใส่นั้นไปเด็ดจากต้นหน้าร้านมาคั้นให้สดๆ เลยจ้า อร่อยจริงๆ นี่่ไม่ได้ตังค์สักบาทนะแต่อยากแนะนำร้านนี้ให้ลองกัน 

ร้าน คอฟฟี่แคมป์ อ่ะแปะเฟสบุ๊คให้ด้วยค่ะ https://www.facebook.com/pages...

มีน้องแมวด้วย น่ารัก 

หมู่บ้านรักไทยตอนใกล้เที่ยง ร้อนและร้อนและร้อนค่ะ แต่สวยแหละทนไหว

มุมทางนี้บ้างเนอะ 

ทีพักตรงไร่ชานี้ก็อยากมาพักนะ แต่ทำได้แค่แวะถ่ายรูป เพราะอะไรนะเหรอ....

หิวอ่ะ ก่อนออกไปขอหาอะไรกินก่อนนะ เราแวะกันที่ร้านนี้ค่ะ "ครัวเหลียนซิน" อาหารอร่อย ราคาย่อมเยา

ทั้งหมดนี่จ่ายไปแค่ 110 บาท มีน้ำชาให้ดื่มฟรีๆด้วยคุ้มเนอะ

สถานีต่อไป.....เข้าเมืองแม่ฮ่องสอนไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยค่ะ

พระธาตุดอยกองมู เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาช้านานมากค่ะ เหมือนเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวแม่ฮองสอน จากตรงนี้มองลงไปจะเห็นตัวเมืองแม่ฮ่องสอนที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสวยมากค่ะ 

ไหว้พระเสร็จแล้ว ไปสะพานซูตองเป้ต่อเลยค่ะ และนี่คือสะพานซูตองเป้ในฤดูเก็บเกี่ยว ก็สวยไปอีกแบบ

ความตั้งใจของเราครั้งนี้คือจะมาซื้อ แหวนพลอยที่ตรงสะพานค่ะ งานพลอยเขาดีมาก เป็นงานทำมือ เราเคยซื้อไปเมื่อสามปีก่อนใส่ตลอดแต่ยังสวยแวววาวอยู่เลย ราคาไม่แพงด้วย ใครไปเที่ยวสะพานซูตองเป้ก็แนะนำซื้อเครื่องประดับพลอยกลับมาด้วยนะคะ ของเขาดีจริงๆ

จะมืดอีกแล้ว ต้องรีบไปบ้านจ่าโบ่แล้วค่ะ 

ระหว่างทางวิวสวย แวะอีกแล้ว ต้องแวะแหละ มันสวยจริงๆ

จุดชมวิวก่อนถึงบ้านจ่าโบ่มีของจากชาวบ้านขายเต็มเลยค่ะ

ถึงแล้วบ้านจ่าโบ่ก็มืดแล้วจริงๆ ถึงปุ๊บก็ได้กินข้าวปั๊บ เหมือนรู้ว่าเราหิว 

อาหารก็จะประมาณนี้ แต่ขอบอกว่าอร่อยมากเด้อ เอะ! หรือเพราะเราหิว อิอิ

กินข้าวเสรฺ็จออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน และก็ไปเจอนี่ เรียกข้าวปุกงามั้ย หอมๆ เหนียวๆ อร่อยดี ไม่เคยกิน

ไปนอนแล้วนะคะง่วง ต้องตื่นไปดูหมอกแต่เช้า

เรามาพักที่บ้านผู้ใหญ่โฮมสเตย์นะคะ หลังละ 600 บาทพักได้ 2 คน พร้อมอาหารเย็น 1 มื้อค่ะ

ไม่มีน้ำอุ่นให้อาบนะคะ อาบน้ำเย็นๆกันไปเลยจ้า

6.00 น.

ตรงนี้คือจุดชมวิวผูภาหมอก เป็นจุดที่ดูทะเลหมอก 360 องศาของบ้านจ่าโบ่ ต้องเสียค่าไกด์คนละ 100 บาทค่ะ การเดินขึ้นไม่ยากค่ะ แต่เราว่ามันอันตรายเพราะมีแต่หินแหลมๆคมๆทั้งนั้น ต้องระวังมากๆและบนเขามีพื้นที่จำกัดถ้านักท่องเที่ยวเยอะๆ ก็ยืนกันลำบากและอันตรายด้วย ถ้าใครไปก็ระมัดระวังกันด้วยนะคะ

นี่คือหมอกเช้านี้ค่ะ สวยจนละสายตาไม่ได้เลย

แปะรูปให้เยอะๆเลยค่ะมันสวยจริงๆ 

พระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่ะ สวยจัง

ก่อนจะเก็บกระเป๋าออกจากบ้านจ่าโบ่ ถ้าไม่ไปกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขาก็คงเหมือนมาไม่ถึงบ้านจ่าโบ่เนอะ

แวะขึ้นไปถ่ายรูปตรงจุดชมวิวหมู่บ้านสักหน่อยก่อนกลับ

ครั้งนี้เรายอมรับว่าก็แอบหวั่นแอบกลัวอยู่เหมือนกัน แต่เราก็คิดว่าต้องลองทำอะไรแบบนี้สักครั้งนะ มันอาจจะเสี่ยง จะเหนื่อย จะเมื่อยหน่อย แต่เมื่อเทียบกับประสบการณ์และสิ่งที่เราได้พบเจอระหว่างทางนั้นมันคุ้มมากนะ จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตที่เราได้ทำอะไรสนุกๆแบบนี้เนอะ

ถึงตรงนี้ก็คงต้องบอกลาแม่ฮ่องสอนจริงๆแล้ว ไว้ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าจะมาหาใหม่นะ ครั้งนี้ไม่ได้พาน้องแวะแวะเที่ยวปายเลย แค่ขับรถผ่านเพราะรีบจริงๆกลัวตกเครื่องที่เชียงใหม่ ขอโทษน๊า.......

ไว้มาเที่ยวด้วยกันอีกนะ :)

สุดท้าย หากจะลองขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวในช่วงน่าหนาวแบบเรา แนะนำว่าเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวดีๆนะคะ ถุงมือใส่ขับรถ ผ้าบัพ หรือผ้าที่ปิดหน้าได้เวลาขับรถเพราะเวลาขับรถมันหนาวมากเด้อ

***ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทั้งมวนในทริปเมื่อยตูดในครั้งนี้***

ค่ารถทัวร์ กรุงเทพ-เชียงใหม่  2 คน 1058 บาท

ค่าตั๋วเครื่องบิน เชียงใหม่-กรุงเทพ 2 คน 2038 บาท

ค่าที่พัก 2 คืน 1350 บาท

ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 3 วัน 900 บาท

ค่าน้ำมัน 295 บาท

ค่าอื่นๆ ขนม อาหาร ค่าอุทยานฯ ประมาณ 1377 บาท

รวม 7018/2 หมดไปคนละ 3509 บาทโดยประมาณค่ะ

****ไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัวค่าของฝากนะคะ****

แค่ทิ้งความกลัวไปบ้าง ก็ใช้ชีวิตสนุกขึ้นเยอะนะ

ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะ

รัก :)

#ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข

ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข

 วันพฤหัสที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.35 น.

ความคิดเห็น