ไปเที่ยวเชียงราย | หมู่บ้านลอบือ 101 (ตอนที่ 3)

highlights:

  • บรรยากาศของบ้านที่ไปอาศัยอยู่ด้วย
  • เสียงไก่ขันเมื่อตอนตีสี่ อาฮะ อาฮะ
  • บรรยากาศภายในหมู่บ้านลอบือ

---------------------------------------------------------------------------------

จากตอนที่แล้ว [ไปเที่ยวเชียงราย | หมู่บ้านลอบือ 101 (ตอนที่ 2)] ที่เรานั่งรถอัดกันมายิ่งกว่าแรงงานหลบหนีเข้าประเทศ 55555 พร้อมกับแสงสุดท้ายของวัน เราไม่รู้ว่าจากจุดที่เรานั่งรถเข้ามาจนถึงในหมู่บ้านมันระยะทางเท่าไหร่ รู้เพียงแต่ว่านั่งรถมาประมาณครึ่งชั่วโมง

พอมาถึงสักที่นึงในหมู่บ้าน เราก็จะพบกับกอง (สัม) ภาระที่มารอเราอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว 

แล้วด้วยความที่วันนี้ลำบากลำบนกันมาทั้งวัน ทางมูลนิธิเลยบอกว่าวันนี้จะทำกับข้าวเลี้ยงพวกเราทุกคนอีกหนึ่งมื้อ (เพราะมื้ออื่นต้องทำกันเองนะจ๊ะ) เย้^^ อะไรมันจะมีความสุขไปมากกว่าการได้เจอข้าวสวยร้อนๆ หอมๆ กับผัดกะเพราไข่เจียวที่เติมได้ไม่อั้น *0*

ตอนแรกเราเข้าใจว่ารถของมูลนิธิพาเรามาส่งที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านอะไรแบบนั้น แต่ที่ไหนได้นี่คือร้านขายของชำที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านและบ้านหลังนั้นก็คือบ้านของครูชัยที่เป็นผู้ประสานงานต่างๆ กับมูลนิธินั่นเองงง อะโห้วววววบ้างกว้างขวางมากแมรร่

ระหว่างหาที่นั่งกินข้าวกันตามอัธยาศัย เราก็ได้เจอกับมนุษย์เด็กกลุ่มแรก โดยปกติมนุษย์เด็กก็จะซนไปตามวัยของเขานั่นแหละ แต่พอมนุษย์เด็กอยู่รวมกันเยอะๆ ก็ให้เอาความซนคูณเพิ่มตามจำนวนคนเข้าไป ผลก็คือซนม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ซนจนเราไม่กล้าสู้เลยจริงๆ 555555555

พอเรากินข้าวกันอิ่ม ทางมูลนิธิก็เรียกเรามารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อจัดหาบ้านให้เราไปนอนกับชาวบ้าน ที่จะทำให้ได้เราได้สัมผัสและเข้าใจวัฒนธรรมดั้งเดิมที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กันจริงๆ

โดยในครั้งนี้มีครูอาสามากันอย่างล้นหลาม เลยต้องจัดบ้านแยกชายหญิงให้อยู่กันหลังละ 3 คน ซึ่งถ้าใครมาด้วยกันจะโดนจับแยกหมดนะจ๊ะๆ บอกไว้ก่อน 

และบ้านแต่ละหลังที่ได้มาก็จะไม่เหมือนกันเลย จะใกล้จะไกลก็ไม่รู้ได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับชาวบ้านที่ให้เราไปพักล้วนๆ ว่าบ้านไหนยินดีที่จะให้ครูอาสาเข้าพัก ส่วนเราที่ไปคนเดียวไม่ติดอะไรอยู่แล้วว่าจะได้อยู่บ้านหลังไหน ยังไงก็ได้ ขอแค่วิวบ้านหลังนั้นสวยที่สุดก็พอ 55555555555

(ขอขอบคุณภาพจาก: ครูบอล)

หลังจากที่ฟังประกาศก็คือเราได้อยู่บ้านหลังที่ 2 ที่ประกอบด้วยเรา ครูปอหญิง ครูใหม่ ซึ่งแม่ที่ไปยืนรอรับเราเขาพูดภาษาไทยไม่ได้จ้าาา วูบแรกก็คือ ตายล่ะตลอดช่วงเวลาที่ไปอยู่บ้านเขาเราจะสื่อสารกับเขายังไงล่ะเนี่ย TT^TT

เราก็ได้แต่แบกกระเป๋าสัมภาระเดินตามแม่ไป ทุกอย่างมันมืดไปหมดจนไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของหมู่บ้านรู้แต่ว่ามันโคตรจะไกลจากบ้านครูชัยที่อยู่กลางหมู่บ้านไปเยอะเลยทีเดียวเชียวแหละ

พอเดินมาถึงที่บ้าน มีลูกสาวของแม่ที่ไปรับเราเขาพูดภาษาไทยได้ รอดตายแล้วเหวยยย 5555 ตอนไปถึงเขากำลังจัดที่นอนให้กับเรา 3 คนพอดี บ้านนี้ถ้ามองจากด้านนอกก็จะเฉยๆ แต่พอเข้ามาข้างในปุ๊ปกลายเป็นบ้านนี้กว้างขวางม๊ากกกกกกกกกกกก และในรูปก็คือครอบครัวที่เราไปอาศัยอยู่ด้วย

(ขอขอบคุณภาพจาก: ครูปอหญิง)

แต่การที่เราไปนอนกับบ้านชาวบ้านเราจะต้องทำอาหารทุกๆ มื้อกินเอง แต่ถ้าบ้านไหนโชคดีหน่อยพ่อกับแม่ที่บ้านจะเป็นคนทำให้กิน ส่วนวัตถุดิบเครื่องปรุง ข้าวสาร ทางมูลนิธิจะเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้ แล้วด้วยความที่หมู่บ้านนี้ใช้ไฟที่มาจากพลังงานน้ำ ถ้าน้ำไม่พอสำหรับการปั่นไฟ ไฟก็จะดับ ดังนั้นอย่าไปถามหาตู้เย็นหรือเตาแก๊สอะไรใดใดทั้งสิ้น ไม่มีอยู่แล้วจ้าาา 

เราก็เลยกังวัลเรื่องการหุงข้าวนิดหน่อย เพราะเราหุงข้าวแบบรินน้ำไม่เป็น พอพี่ที่เป็นลูกสาวแม่เขารู้ว่าพวกเรา 3 คน หุงข้าวแบบรินน้ำไม่เป็น พี่แกเลยไปเอาหม้อหุงข้าวไฟฟ้าใหม่เอี่ยมอ่องออกมาให้เราใช้ อื้อหืออออออ น้ำตาจะไหลลล เขาดีมากจริงๆ

(ขอขอบคุณภาพจาก: ครูปอหญิง)

พอจบไปเรื่องหุงข้าว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องอาบน้ำเข้านอนกันแล้ว โดยปกติถ้าบ้านที่ไม่ได้อยู่เขตเมืองๆ หรือบ้านโบราณสมัยก่อนห้องน้ำก็จะอยู่นอกบ้านอย่างแน่นอนอยู่แล้ว 

แต่ประเด็นก็คือว่าบ้านที่เราจะไปด้วยนั้น ห้องน้ำไม่มีไฟจ้าาาา แล้วฝาผนังก็จะเป็นไม้ไผ่ผ่าซีกอย่างที่เห็น เวลาจะไปอาบน้ำต้องถือไฟฉายไปด้วย ข้างในห้องน้ำกว้างมากกกก มีแค่กะละมัง 1 อันใหญ่ กับส้วมนั่งยอง แค่นี้เลยยย ยังดีที่มีประปาหมู่บ้านจะได้ไม่ต้องไปหาบน้ำมาอาบกันเอง 5555

แต่สิ่งที่เราชอบที่สุดก็คือวิธีการสร้างห้องน้ำของบ้านนี้ เขาจะสร้างลึกลงไปจากตัวบ้านเยอะมากๆ แบบว่าให้คันดินปิดกั้นห้องน้ำไว้ทั้งหมดเลย ทำให้เราสบายใจที่จะอาบน้ำนิดนึง เพราะปกติห้องน้ำแบบนี้ถ้ามีแสงไฟนิดเดียว คนที่มองมาจากข้างนอกก็เห็นหมดแล้วว่ามีอะไรบ้าง 555 

เรายังขำช็อตที่ลูกสาวแม่เห็นเรา 3 คนอาบน้ำเสร็จกันหมดแล้วว่า "ได้เอาผ้าถุงกันมาไหมคะ" เรา 3 คนก็แบบ ทำหน้างงๆ เอามาทำไมต้องใช้ด้วยหรอ 55555555555555

(ขอขอบคุณภาพจาก: ครูปอหญิง)

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ประมาณเกือบๆ จะสองทุ่มก็เลยออกมาดูดาวกัน ดาวที่นี่สวยม๊ากกกกก ระยิบระยับเต็มท้องฟ้าไปหมด ถึงจะไม่มีทางช้างเผือกแบบที่บ้านแม่แดดก็ยังสวยยย แต่เสียดายม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก มือถือเราถ่ายรูปมาไม่ได้ TT^TT อารมณ์แบบฝุ่นที่จอยังชัดกว่าเลย 5555

ไหนๆ ก็ถ่ายดาวไม่ได้และ ไปนอนพักเอาแรงกันดีกว่า จบสะทีกับ DAY1 อันโหดร้าย...

พิ่งนอนกันไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องตื่นมาพร้อมกับเสียงไก่ขันที่ดังม๊ากกกกกกกกกกกก ไก่มันขันพร้อมกันทั้งหมู่บ้านเลยเว้ยแกรรรรร ขันกันตั้งแต่ตีสี่!!!!!!!! ทั้งชีวิตนี้เคยได้ยินแต่เพลงที่มันร้องว่า "เสียงไก่ขันเมื่อตอนตีสี่" ไม่คิดว่ามันจะขันตีสี่จริงจริ๊งงงงงงงงงง 5555555555555555555

แล้วคือข้างนอกมันมืดมากกกจะออกไปไหนก็ไม่ได้ ต้องนอนลืมตาทนฟังเสียงไก่ขันไปยันสว่างเลยอะแมรรร่ 5555 แต่แปลกมากเลยนะ ทั้งๆ ที่บ้านเขาเป็นไม้ไผ่ ตรงหลังคาก็มีช่องแต่ไม่รู้ทำไมในบ้านลมมันไม่พัดเข้ามาตามร่อง แค่รู้สึกเย็นๆ จากอากาศข้างนอกเฉยๆ อากาศกำลังดีแล้วยุงก็ไม่กัดด้วย

ไหนๆ ก็นอนไม่หลับและ พอฟ้าเริ่มสว่างช่วงหกโมงนิดๆ ก็เลยออกมาข้างนอกเผื่อจะได้รูปพระอาทิตย์ขึ้นกับเขาบ้าง สรุปแดดไม่ออกจ้ะ 5555555555

เราก็ไม่รู้จะทำไร เลยไปรับวัตถุดิบมาทำอาหารเช้าจากบ้านครูชัยหลังคาสีเขียวที่อยู่กลางหมู่บ้าน

นี่คือทางไปบ้านเรา คิดว่าห่างจากบ้านครูชัยประมาณ 200 เมตรได้เลย

อันนี้ก็คือวิวระหว่างทาง เดินเพลินๆ ดูวิวเพลินๆ 

และนี่คือวิวบ้านเราาาา สวยสุดตามที่เราอยากได้จริงๆ ตอนแรกเราคิดว่าแถวนี้น่าจะมีบ้านครูอาสาแค่หลังเราหลังเดียว แต่ตรงข้ามกันดันมีบ้านครูอาสาชายอีกหลังนึงด้วย เพราะส่วนใหญ่จะได้บ้านกันใกล้ๆ กับบ้านครูชัยที่อยู่กลางหมู่บ้านมากกว่า

แล้วความน่ารักของบ้านนี้ก็คือ เขาหุงข้าวเผื่อเราด้วยจ้าาาา และความดีงามอีกอย่างนึงก็คือครูใหม่ทำกับข้าวเก่ง เพราะอยู่ฝ่ายอาหารในค่ายต่างๆ มาอย่างโชกโชน ไม่อดตายแล้วเรา *0*

แล้วแม่ก็ทำกับข้าวเผื่อไว้ให้พวกเราด้วย *0*

แล้วบ้านนี้ก็มีแมวอีก 1 ตัว อื้อหือออออ น๊อนนนนนน

สักประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ ที่บ้านก็จะเริ่มออกไปทำงานกัน เหลือแค่ครูอาสาที่อยู่บ้าน แม่ก็เลยมาสอนวิธีขัดประตูครัวไม่ให้ไก่เข้ามา แล้วแม่ก็เอากุญแจอีกชุดไว้ที่พวกเราเลย แบบแม่ไว้ใจพวกเรามาก 55555555

และวันนี้ครูอาสาอย่างเราๆ ก็ต้องออกไปทำงานเหมือนกัน พี่ที่มูลนิธิเขานัดไว้ประมาณ 08.30 ให้ไปรวมตัวกันที่บ้านครูชัยก่อน

จากโซนบ้านเราไปจนถึงบ้านครูชัย จะเห็นความต่างของตัวบ้านชัดมากกก เหมือนกับว่าบ้านที่อยู่กลางหมู่บ้านมากสุด จะมีฐานะที่ดีกว่าบ้านที่อยู่ไกลออกมา อันนี้เราสังเกตจากขนาดของบ้าน วัสดุที่ใช้ แล้วก็พวกยานพาหนะแถวนั้นอะนะ ไม่รู้ว่าจริงตามนี้ทั้งหมดหรือเปล่า

เดินกันมาเรื่อยๆ จนมาถึงบ้านครูชัยแล้ววว ส่วนงานที่เราต้องไปทำนั้นคืออะไร โปรดติดตามตอน [ไปเที่ยวเชียงราย | หมู่บ้านลอบือ 101 (ตอนที่ 4)] และสามารถติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ [https://th.readme.me/id/JKtrytotry] หรือพูดคุยกันได้ในเพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน

Try to try ก็แค่ออกไปลอง

 วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 14.52 น.

ความคิดเห็น