คนไทยไปรัสเซียไม่ต้องขอวีซ่า ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับผมแล้ว รัสเซียเหมือนเป็นประเทศต้องห้าม วางแผนไปทีไร มีอันไม่ได้ไปทุกที ทั้งจากการชักชวนจากเพื่อนที่เคยแบกเป้ลากกระเป๋าท่องโลกด้วยกัน ก็มีเหตุวันเดินทางชนกับตารางงานอย่างจัง ครั้งจัดตารางงานตารางลาได้ ชักชวนเพื่อนพร้อมซื้อตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟและจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อย ก็มีเหตุเกินคาดคิดที่ไม่สามารถไปได้ จนต้องเสียเงินไปเปล่าๆ แต่เมื่อใจอยากจะไปสุดท้ายก็ไม่มีสิ่งใดมาขวางได้ เพราะสำหรับผมแล้ว รัสเซียคือหนึ่งในประเทศต้องห้ามพลาด
เป็นปกติสำหรับมนุษย์เงินเดือน การจะลาพักร้อนยาวๆแต่ละที ต้องตรวจสอบสารพัด ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว รวมถึงกำหนดการเดินทางต้องได้รับความเห็นชอบจากเพื่อนร่วมทาง ฉะนั้นยิ่งเพื่อนร่วมทางยิ่งน้อย กำหนดการเดินทางจึงยิ่งง่าย ครั้งนี้ผมจึงชวนน้องเน เพื่อนร่วมทางที่เคยไปตะลุยทิเบตกับตุรกีด้วยกัน ร่วมหัวหกก้นขวิดเดินทางด้วยกันอีกครั้ง
กำหนดการเดินทางพร้อมแล้ว แต่กว่าจะลงตัวก็มีเหตุให้ต้องขยับไปขยับมา จนถึงขั้นเกือบขยุ่มทิ้งไปหลายรอบ ลำดับต่อมาคือการจองตั๋วเครื่องบิน และตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบินนั้นง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ เพราะมีให้เลือกแค่ 2 สายการบินที่บินตรงสู่มอสโก คือสายการบินไทย กับ สายการบินแอโรฟลอต (Aeroflot) ครั้งนี้ขอนอกใจการบินไทย เนื่องจากขากลับเราต้องบินกลับจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งสายการบินไทยไม่มีเที่ยวบินจากเมืองนี้ มีเพียงสายการบินแอโรฟลอต ซึ่งเป็นสายการบินของประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่อย่างไงก็ตามก็ต้องมาต่อเครื่องที่มอสโก เพื่อกลับประเทศไทย แต่ก็สะดวกเพราะกระเป๋าเดินทางสามารถ Load through จากสนามบิน Pulkovo เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จนถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้เลย
แต่สำหรับการจองตั๋วรถไฟจากมอสโกสู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนี่สิ สุดแสนจะยาก แม้ว่าปัจจุบัน website ของการรถไฟรัสเซียจะมีหน้า web ภาษาอังกฤษแล้วก็ตาม แต่จองๆอยู่ระบบก็ล่ม จองครั้งแรกๆก็ล้มเหลวในขั้นตอนการเลือกวันเดินทาง ไม่สิ เราต้องจองได้สิ ในเมื่อปีก่อนยังสามารถจองและจ่ายเงินออนไลน์ได้เลย จึงเริ่มทำรายการใหม่ จนสามารถเข้าสู่ขั้นตอนที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ จนถึงการเลือกที่นั่ง แต่สุดท้ายระบบก็ล่มอีก จนสมองและสายตาเริ่มล้า เย็นของวันเดียวกันผมเข้าไปจองใหม่อีกครั้ง โดยยึดคติ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น ครั้งนี้สามารถทำรายการได้ถึงขั้นตอนการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต โอ้แม่เจ้า จากหน้า web ที่เป็นภาษาอังกฤษมาตลอด แต่ทำไมถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด หน้า web จึงกลายเป็นภาษารัสเซียเสียดื้อๆ ไม่เป็นไร Google Translate ช่วยได้ ผมจึงก๊อบบี้คำต่อคำเพื่อให้อากู๋ช่วย จนสามารถกดชำระเงินได้สำเร็จ เย้ ในที่สุดก็สามารถซื้อตั๋วรถไฟรัสเซียได้แล้ว แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งรีบดีใจไป เพราะอยู่ๆหน้า web ก็ค้างเสียดื้อๆ จึงโทรไปหาธนาคารเจ้าของบัตร พนักงานเสียงสวยตอบกลับมาว่า ยังไม่มีรายการหักเงินเข้ามานะคะ เป็นอันว่าล้มเหลวอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ เอ้าพยายามกันต่อไป แต่สุดท้ายก็จบลงแบบเดิมอีกครั้ง และอีกครั้ง จนในที่สุดต้องถอดใจ พร้อมไลน์ไปบอกน้องเนว่า ไปซื้อเอาหน้างานแล้วกัน
การใช้จ่ายในรัสเซียใช้เงินรูเบิล (RUB) แลกได้จากธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง แต่อัตราแลกเปลี่ยนอาจจะแสนไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะการขายคืนนั้นแตกต่างจากการซื้อเกือบ 2 เท่า ไม่ต้องคิดมาก เพราะอย่างไง ร้านแลกเงินซุปเปอร์ริช ก็ยังคงเป็นคำตอบแรกและคำตอบสุดท้าย ในช่วงที่เราเดินทางนั้นอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 RUB = 0.58 บาท และขายคืนที่อัตรา 1 RUB = 0.56 บาท ซึ่งแตกต่างกันเล็กน้อย
ทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งการเตรียมตัว เตรียมตั๋ว และเตรียมตังค์ ขาดแต่เพียงการจองที่พัก หากการเดินทางครั้งนี้ไปกับเพื่อนผู้ชายก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่มันมีปัญหาตรงที่ น้องเนเพื่อนร่วมทางหนึ่งเดียวที่ต้องร่วมเดินทาง ร่วมเที่ยว ร่วมกิน และร่วมหลับนอน ไม่ใช่สิ ร่วมนอนในห้องเดียวกันกับผมนี้เป็นผู้หญิง ฉะนั้นการที่หญิงชายไปเที่ยวด้วยกันเช่นนี้จึงอาจเกิดข้อครหาขึ้นได้ การจองที่พักผมจึงยกให้น้องเนเป็นผู้จัดการ ให้เธอจองเอาอย่างที่เธอสบายใจ และสบายกระเป๋าสตางค์
แล้วเธอก็ตัดสินใจจองที่พักประเภทโฮสเทล ตามจิตวิญญาณแบบนักท่องโลก แต่เป็นห้องส่วนตัว เฉพาะเจาะจงแบบเตียง 2 ชั้น โดยให้ผมปีนขึ้นไปนอนเตียงบน การเตรียมตัว เตรียมตั๋ว เตรียมตังค์ และเตรียมเตียงก่อนการเดินทางจึงจบลงด้วยประการฉะนี้
กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 19.38 น.