ชื่อบทแบบนี้อย่าเพิ่งตกใจและคิดอะไรไปไกลนะครับ เพราะหากเป็นการเดินทัพ จากเมื่อวานที่ค่อยๆตีวงล้อมกรุงมอสโก มาวันนี้ก็คงถึงเวลาบุกจู่โจมที่ใจกลางเมือง และหากเป็นไข่ วันนี้ก็เปรียบเหมือนการเจาะไข่แดงใจกลางกรุงมอสโก และให้เผอิญที่ใจกลางกรุงมอสโกก็คือ จัตุรัสแดงพอดี

จากเมื่อวานที่เที่ยวรอบนอกตัวเมือง เราต้องกินอย่างอดๆอยากๆเพราะร้านค้าส่วนใหญ่ที่เจอเป็นร้านแบบรถเข็น ที่มีแต่อาหารจำพวกแซนวิช เบอร์เกอร์ ที่ไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่นัก มาใจกลางเมืองวันนี้ก่อนที่จะตรงเข้าสู่จัตุรัสแดง เราจึงขอเดินชมร้านรวงพร้อมกับการหาอาหารเช้าไปในตัว

บรรดาอาคารร้านค้าบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าแก่ที่เกิดมาพร้อมกับจัตุรัสแดง สถาปัตยกรรมจึงดูคลาสสิคน่าชม เพราะที่นี่คือยุโรป ไม่ใช่บ้านเรา อากาศของที่นี่จึงหนาวเย็นเกือบทั้งปี ร้านค้าทั้งหมดจึงปิดกระจกไว้อย่างแน่นหนา ไม่เปิดหน้าร้านโล่งเพื่อรับลมแบบบ้านเรา จึงน่าจะเป็นที่มาของสำนวน Window shopping ที่เอาแต่เดินดูสินค้าผ่านกระจก โดยไม่ยอมเสียเงินสักแดงเดียว แต่สำหรับในเวลานี้อยากเสียเงินเพื่ออาหารเช้าสุดอร่อยยิ่งนัก แล้วเราก็พบร้าน Daily ซึ่งกลายเป็นร้านในดวงใจของเราตลอด 2 วัน ร้านนี้นอกจากจะเป็นซุปเปอร์มาเก็ตแล้ว ยังมีโซนจำหน่ายเบเกอรี่ พร้อมเครื่องดื่มแนว healthy สุดแสนอร่อย พร้อมที่นั่งทั้งแบบนั่งในร้าน และนั่งรับลมชมคนเดินเท้าที่นอกร้าน เราจึงเพลิดเพลินกับการเลือกผลไม้ โยเกิร์ต พร้อมเบเกอรี่มานั่งกินกันแบบชิลล์เอ้าท์ ที่ทั้งอิ่ม ทั้งอร่อย สุขตาสุขใจ แถมยังดีต่อสุขภาพ

อาคารแรกหน้าจัตุรัสแดงที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นอาคารสีแดง อีกทั้งกำแพงพระราชวังเครมลิน และอาคารอื่นๆโดยรอบอีกหลายอาคารก็ล้วนทาสีแดง จึงทำให้นักท่องโลกส่วนหนึ่งเข้าใจผิด คิดว่าชื่อจัตุรัสแดงนี้มาจากสีแดง หรือบางคนก็คิดไปถึงสีของคอมมิวนิสต์ แต่ความจริงแล้ว ชื่อจัตุรัสแห่งนี้ในภาษารัสเซียโบราณหมายถึง สวยงาม เพราะโดยรอบจัตุรัสแห่งนี้มากไปด้วยอาคารที่สร้างขึ้นด้วยศิลปะอันสวยงาม ซึ่งไม่ว่าใครมาเยือนเป็นได้รับความประทับใจกลับไปทุกคน

ขออธิบายสภาพโดยรวมของจัตุรัสแดงกันก่อน จัตุรัสแดงเป็นลานกว้างอยู่ในกำแพงเครมลิน โดยล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญหลายแห่ง เริ่มจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ อาคารขนาดใหญ่สีแดงทั้งหลัง แซมด้วยสีขาวของหลังคา ดูจากภายนอกแล้วอาจคิดว่าอาคารนี้มี 5 ชั้น แต่ในความเป็นจริง หากมองจากภายนอกจะคาดคะเนจำนวนชั้นของอาคารได้ยาก เพราะตัวอาคารตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เป็นพื้นลาด จำนวนชั้นของด้านหน้ากับด้านหลังจึงไม่เท่ากัน เดินลึกเข้าไปจนพ้นจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จะพบกับจัตุรัสแดง พื้นปูด้วยอิฐตลอดลาน มีความกว้าง 70 เมตร ยาว 695 เมตร จากการคาดคะเนด้วยสายตาน่าจะมีพื้นที่พอๆกับสนามหลวงในกรุงเทพฯ อีกทั้งยังห้อมล้อมด้วยสถานที่สำคัญในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน

หากหันหลังให้กับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ฝั่งขวามือของจัตุรัสแดงจะเป็นพื้นที่ของพระราชวังเครมลิน ด้านหน้าพระราชวังเป็นสวนอเล็กซานเดอร์ ตัวพระราชวังล้อมล้อมด้วยกำแพงสูงสีแดง ซึ่งมีลักษณะเดียวกับกำแพงเครมลิน กำแพงด้านหลังจะเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเครมลิน โดยมีป้อมปราการและหอสังเกตการณ์เป็นระยะ ฝั่งซ้ายมือของจัตุรัสแดงเป็นที่ตั้งของวิหารคาซานกับห้างกุม ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานของกรุงมอสโก สุดเขตจัตุรัสแดงเป็นโบสถ์เซนต์บาซิล และแนวกำแพงเครมลินที่ตั้งประชิดกับแม่น้ำมอสควา

หากนึกภาพตามจะเห็นว่าจัตุรัสแดงแห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางเมืองที่ห้อมล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญทั้งในแง่ศาสนาและการปกครอง โดยถูกสร้างขึ้นตามพระราชโองการของพระเจ้าอีวานมหาราช ในช่วงคริสตวรรษที่ 15 ต่อมาพื้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางในการค้า จนถึงสมัยสหภาพโซเวียต จัตุรัสแดงใช้เป็นพื้นที่แสดงแสนยานุภาพทางทหาร จนถึงยุคปัจจุบันลานกว้างใจกลางเมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นลานสารพัดประโยชน์ทั้งในแง่ของการแสดงดนตรี ศาสนา การเดินขบวน จนถึงจุดนัดพบของนักเดินทาง และจากประวัติศาสตร์อันยาวนานนี่เองทำให้จัตุรัสแดงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

เรายืนกวาดตาและหมุนรอบตัว 360 องศา เพื่อเก็บภาพความอลังการของสถานที่และสถาปัตยกรรมโดยรอบ ซึ่งแม้พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จะตั้งอยู่ประจันหน้าเราในขณะนี้ แต่ด้วยเหตุที่เรามาตั้งแต่ไก่โห่จึงยังไม่ถึงเวลาเปิดให้เข้าชม เราจึงเดินเก็บเกี่ยวความสวยงามของสถานที่ต่างๆภายในจัตุรัสแดงกันก่อน เริ่มจากวิหารคาซาน (Kazan Cathedral) เป็นวิหารในศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ตัววิหารค่อนข้างเล็ก สร้างจากอิฐสีแดงอมส้ม แต่งขอบด้วยสีขาว ด้านบนเป็นหลังคาสีฟ้าเล็กๆซ้อนกันหลายชั้น จนถึงด้านบนสุด ตรงกลางสร้างเป็นปล่องสูง รองรับหลังคารูปโดมสีทอง

วิหารที่เห็นในวันนี้สร้างขึ้นแทนวิหารหลังเดิมที่ถูกระเบิดในช่วงคอมมิวนิสต์ปกครอง โดยวิหารหลังเดิมสร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อแสดงความเคารพต่อพระแม่คาซาน และเนื่องจากเป็นวิหารในจัตุรัสแดง อันเป็นศูนย์กลางการปกครอง หลายครั้งที่มีสงครามเกิดขึ้น โดยเฉพาะสงครามกับจักรพรรดินโปเลียน ชาวมอสโกจึงใช้วิหารแห่งนี้เป็นสถานที่สวดขอพรจากพระแม่คาซานให้ประเทศรอดพ้นปลอดภัยจากการถูกยึดครอง

เราเดินกันต่อไปตามความยาวของจัตุรัสแดง ผ่านห้างกุมและเหล่าร้านรวงที่อยู่ในตรอกซอกซอย ในเวลาเช้าเช่นนี้พนักงานประจำร้านเพิ่งออกมาจัดหน้าร้านรอรับลูกค้า เหล่าอาคารร้านค้าล้วนเป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมอย่างสวยงาม ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งเป็นแนวกำแพงสีแดงของพระราชวังเครมลิน ที่มีหอคอยขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายเป็นระยะ สุดปลายทางเป็นวิหารเซนต์บาซิล ที่โดดเด่นด้วยโดมรูปหัวหอมจำนวนหลายอัน เราเดินชมสถานที่ต่างๆแค่พอหอมปากหอคอ รอถึงเวลาที่สถานที่แต่ละแห่งเปิดให้เข้าชมเมื่อไหร่ จึงจะเข้าไปชมแบบละเอียดและเจาะลึก

พ้นเขตจัตุรัสแดงทางทิศใต้ เป็นแม่น้ำมอสควา เราเดินขึ้นสะพานที่ทอดข้ามสายน้ำ ด้านบนนี้สามารถเห็นทัศนียภาพที่งดงามทั้งแนวกำแพงพระราชวังเครมลิน ที่โดดเด่นจากหอสังเกตการณ์ยอดแหลมที่ตั้งเรียงรายเป็นระยะ โดยที่หัวมุมกำแพงในตำแหน่งที่เราอยู่ในขณะนี้เป็นหอคอยนามว่า Moskvoretskaya ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเป็นที่ตั้งของโบสถ์ Russian Orthodox และไกลสุดสายตา ณ ตำแหน่งโค้งของแม่น้ำเป็นโบสถ์เซนต์ซาเวียร์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับโฮสเทลที่เราพัก

สายน้ำไม่คอยท่า เวลาไม่คอยใคร แม้ขณะนี้สถานที่แต่ละแห่งยังไม่เปิดให้เข้าชม แต่คนที่ชีพจรไม่เคยห่างจากเท้าเช่นเรา คงไม่นั่งรอให้เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ จึงชักชวนกันเดินไปอีกฟากหนึ่งของจัตุรัสแดง ในตำแหน่งที่อยู่ตรงข้ามกับโบสถ์เซนต์บาซิล บริเวณนี้มีชื่อว่า Zaryadye Park นอกจากเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์ที่ตั้งเรียงกันเป็นแนวยาวถึง 5 แห่ง แต่ละแห่งแม้จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่ไม่ซ้ำกัน ดูสวยงามไม่ใช่น้อย อีกทั้งฝั่งตรงข้ามยังเป็นอาคารเก่าแก่ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในย่านเจริญกรุง บำรุงเมือง เฟื่องนคร ในกรุงเทพอย่างไงอย่างงั้น

ส่วนหนึ่งของ Zaryadye Park เป็นเนินขนาดใหญ่ ที่พื้นผิวปกคลุมไปด้วยหญ้าที่น่านั่ง รู้สึกว่าชาวรัสเซียจะชอบสร้างเนินไว้ในสวนให้เป็นที่นั่งเล่น เมื่อวานที่สวนวิคตอรีก็มีเนิน Zaryadye Park แห่งนี้ก็เช่นกัน

ในวันที่เราไปเยือน เหนือเนินขนาดยักษ์แห่งนี้อยู่ระหว่างสร้างโดมขนาดใหญ่ ภายในเป็นอัฒจรรย์สำหรับนั่งดูการแสดง หรือจะนั่งพักผ่อนเพื่อรับลมหรือมองวิวของแม่น้ำมอสควา พร้อมด้วยบรรดาโบสถ์ต่างๆ โดยมีโบสถ์เซนต์บาซิลเป็นพระเอกก็เข้าที เหนือขึ้นไปในตำแหน่งสูงสุดเป็นสวน สร้างในลักษณะสวนเรือนกระจก ที่เวลานี้กำลังลำเลียงไม้ดอกไม้ใบจำนวนมากขึ้นมาปลูกจนเต็มพื้นที่

เรานั่งพัก นั่งรับลมกันในโดมสักพัก ก็ชวนกันไปเดินทอดน่องกันบนสะพานที่สร้างเป็นรูปตัว V มุมแหลมของสะพานยื่นไปในตำแหน่งใจกลางแม่น้ำมอสควา สะพานนี้มีความพิเศษตรงที่ แผงกั้นสองฝั่งของสะพานทำจากพลาสติกใส ไม่มีราวหรือโครงเหล็กอะไรให้รกสายตา เมื่อเดินไปตามสะพาน โดยเฉพาะที่ปลายสุดจึงสามารถมองเห็นทัศนียภาพของแม่น้ำมอสควาพร้อมสถานที่สำคัญต่างๆบนสองฝั่งของสายน้ำได้อย่างเต็มตา

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 21.23 น.

ความคิดเห็น