เดินเก็บเบี้ยริมทางกันพอแล้ว ขณะนี้ได้เวลาที่สถานที่ต่างๆเริ่มเปิดให้เข้าชมภายใน เราจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปชมภายในโบสถ์เซนต์บาซิล (Cathedral of St. Basil) เป็นสถานที่แรก เพื่อให้รู้เสียทีว่าภายใต้โดมรูปหัวหอมจำนวนมากนี้จะมีความงดงามเฉกเช่นภายนอกหรือเปล่า

โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระบัญชาของพระเจ้าอิวานที่ 4 ช่วงปี ค.ศ.1555 - 1561 เพื่อฉลองชัยชนะเหนือมองโกลที่ยกทัพมาที่เมืองคาซาน แม้คนทั่วไปจะรู้จักกับชื่อเรียกสั้นๆว่าโบสถ์เซนต์บาซิล หากแต่โบสถ์นี้มีชื่ออย่างเป็นทางการแบบยาวๆว่า Cathedral of the Intercession of the Most Holy Theotokos on the Moat ความโดดเด่นของโบสถ์นี้นอกจากตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ในจัตุรัสแดง ใจกลางกรุงมอสโกแล้ว ยังเด่นชัดเรื่องสถาปัตยกรรมการก่อสร้างที่หอสวดแต่ละหอมีหลังคาที่สร้างขึ้นในลักษณะที่แตกต่างกัน รวมแล้วมากถึง 9 หอสวด

หอสวดใหญ่ในตำแหน่งตรงกลางเท่านั้นที่หลังคาสร้างในลักษณะคล้ายกับหอสังเกตการณ์ของกำแพงเครมลิน โดยมีความตั้งใจให้เป็นรูปแท่งเทียนที่เปลวไฟกำลังลุกโชติ ส่วนอีก 8 หอสวดที่สร้างล้อมรอบล้วนมีลักษณะโดม มองดูคล้ายหัวหอมหลากลวดลาย บางก็เป็นลายขวาง บางก็ทำเป็นลักษณะเกลียว หรือบางโดมก็มองดูคล้ายมีหนามแบบทุเรียน และแม้จะใช้สีเพียงแค่ 5 สี คือ สีแดง เขียว ขาว ฟ้าและทองเท่านั้น แต่เมื่อประสมอย่างสร้างสรรค์ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนลูกกวาด ที่แม้จะกินไม่ได้ แต่ก็ให้ความรู้สึกหวานหอมเมื่อได้ชม

นักท่องโลกส่วนหนึ่งเลือกที่จะชมและเก็บภาพโบสถ์เซนต์บาซิลแค่ภายนอก เพราะแค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับการชื่นชมสถาปัตยกรรมอันกลายเป็นสัญลักษณ์ของรัสเซียแบบไม่ต้องเสียเงิน แต่นักท่องโลกอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเราสองคนรวมอยู่ในนั้นด้วย ไม่ลังเลเลยที่จะจ่ายค่าบัตรเข้าชมเพื่อเข้าไปดื่มด่ำกับศิลปกรรมภายใน เพราะอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกล จะเสียดายอะไรกับค่าบัตรเข้าชม

ภายในโบสถ์เซนต์บาซิลสร้างทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างหอสวดประหนึ่งเดินอยู่ในเขาวงกต ที่ไม่อาจคาดเดาและสร้างความประหลาดใจได้เสมอเมื่อสองสายตาได้สัมผัสภาพของหอสวดแต่ละหอ เพราะแม้จะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ ไม่ได้รู้ลึกในประวัติของพระเยซูและบรรดาสาวก แต่เมื่อได้เห็นก็ถึงกับอึ้งและทึ่งในความสามารถของสถาปนิก ในเมื่องดงามทั้งภายในและภายนอกเช่นนี้ พระเจ้าอิวานที่ 4 จึงให้รางวัลแก่ปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ สถาปนิกผู้ออกแบบ ด้วยการสั่งให้ควักดวงตาทั้งสองข้าง เพื่อไม่ให้สร้างสิ่งก่อสร้างอื่นที่อาจสวยงามมากกว่าโบสถ์เซนต์บาซิลแห่งนี้ พระองค์จึงได้รับฉายาจากประชาชนว่า อิวานผู้โหดร้าย โบสถ์เซนต์บาซิลจึงเป็นทั้งสัญลักษณ์แห่งความสวยงามและความโหดร้ายที่อยู่คู่กันนับแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน

เราเดินย้อนกลับเส้นทางที่ผ่านมาสู่ตำแหน่งกึ่งกลางของจัตุรัสแดง อันเป็นที่ตั้งของห้างกุม (Gum) ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานของกรุงมอสโก สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1895 ในสมัยสหภาพโซเวียต ซึ่งชวนให้รู้สึกแปลกใจว่าในสมัยนั้นปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แต่ใจกลางกรุงมอสโกกลับมีห้างสรรพสินค้าที่หรูหราอันเป็นสัญลักษณ์แห่งทุนนิยม

ห้างแห่งนี้เป็นอาคาร 3 ชั้นที่มีความยาวเกือบครึ่งของจัตุรัสแดง มองจากภายนอกแล้วสวยงามจนไม่คิดว่าภายในนี้เป็นห้างสรรพสินค้า แต่เหมือนอาคารแสดงผลงานศิลปกรรมเสียมากกว่า

เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในพบร้านค้าที่ตั้งเรียงกันเป็นบล็อคๆขนานไปกับทางเดินที่กว้างขวาง เหนือขึ้นไปเป็นหลังคากระจกใสตลอดทางเดิน ในเมื่อตัวอาคารนั้นสุดหรูหรา สรรพสินค้าที่จำหน่ายจึงหรูหราตามไปด้วย ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับคนลากกระเป๋าท่องโลกนอนโฮสเทลอย่างเราเท่าไหร่นัก จึงคิดว่าจะชวนกันออกจากห้างเสียให้ไวก่อนที่จะรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยไปมากกว่านี้ แต่ช้าก่อน ในตำแหน่งน้ำพุที่ตั้งอยู่ใจกลางห้างทำไมถึงมีคนต่อแถวยาวเหยียดเสมือนหนึ่งมีแจกสินค้า จึงชวนกันเข้าไปดู พบว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังเข้าคิวกันซื้อไอศครีม ที่ราคาแสนถูกเพียงโคนละ 50 รูเบิล จึงไม่รอช้าที่จะไปต่อแถวบ้าง เมื่อชโงกหน้าเข้าไปดูจึงพบว่าจำหน่ายไอศครีมหลายรสชาติมาก ทั้งไอศครีมช็อคโกแลต และบรรดารสผลไม้ต่างๆ เมื่อได้ลิ้มลอง ก็ได้รับรสของความอร่อยแบบเข้มข้นไปด้วยนมและเนื้อผลไม้ที่อยู่ในนั้น แม้ห้างกุมมีแต่ของแพง แต่ก็มีไอศครีมนี่แหละที่เป็นของดีประจำกรุงมอสโก ที่หากใครไม่ได้ชิม ก็อาจถึงขั้นพูดอย่างเต็มปากไม่ได้ว่าได้มากรุงมอสโกแล้ว

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 21.34 น.

ความคิดเห็น