“ไปเที่ยวสถานีรถไฟใต้ดินกันเถอะ”

หากถูกเพื่อนชวนเช่นนี้คุณคงรู้สึกขำว่าเพื่อนคนนี้ท่าจะเพี้ยน สถานที่ท่องเที่ยวบนดินมีออกเยอะแยะ คิดอย่างไงมาชวนเที่ยวสถานีรถไฟใต้ดิน แต่หากเป็นที่กรุงมอสโกแล้ว หากคุณถูกเพื่อนชวนเช่นนี้ ให้รีบตอบตกลงทันที เพราะสถานีรถไฟใต้ดินแต่ละแห่งในกรุงมอสโกนั้นสวยงามมาก ชนิดที่ทัวร์ลูกเป็ดเกือบทุกโปรแกรมต้องบรรจุการเที่ยวชมสถานีรถไฟไว้ในโปรแกรม พร้อมกาเครื่องหมายดอกจันและคำว่า The Must

วันนี้เป็นวันที่ผมปลื้มปิติ เนื่องจากว่าเราสามารถออกเที่ยวได้แต่เช้า โดยไม่ต้องรอเวลาการเปิดเข้าชมให้รู้สึกอึดอัด ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในรัสเซียมักเปิดให้เข้าชมค่อนข้างสาย ไม่ 9 โมงก็ 10 โมงไปแล้ว แต่วันนี้เราจะไปทะลวงพสุธากรุงมอสโกด้วยการเที่ยวชมสถานีรถไฟใต้ดินที่เปิดให้บริการตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ฉะนั้นยิ่งออกแต่เช้ายิ่งดี เพราะบรรดาสถานีต่างๆยังไม่มีผู้คนพลุกพล่าน จะแอ๊ทท่าไหน จะถ่ายมุมไหนก็ทำได้อย่างสบายใจ

ประเทศรัสเซียในยุคสมัยที่ยังเป็นสหภาพโซเวียตถือเป็นประเทศแรกๆที่มีระบบรถไฟใต้ดิน โดยให้บริการครั้งแรกกับ 1 เส้นทางที่กรุงมอสโกตั้งแต่ปีค.ศ.1935 โดยมีระยะทางเพียง 11 กิโลเมตร 13 สถานี แต่ปัจจุบันใต้ดินกรุงมอสโกมีรถไฟวิ่งเป็นใยแมงมุมถึง 12 สาย 188 สถานี ระยะทางรวม 313 กิโลเมตร ซึ่งว่ากันว่าสาเหตุที่สถานีรถไฟใต้ดินแต่ละแห่งได้รับการออกแบบและก่อสร้างไว้อย่างสวยงามเป็นเพราะ ความสวยงามนี้อาจเป็นความสวยงามเพียงไม่กี่อย่างที่ประชาชนทั่วไปสามารถสัมผัสได้จากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียตในสมัยนั้น

แม้สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงมอสโกแต่ละสถานีจะมีความสวยงามต่างกันไปคนละแบบ แต่ครั้นจะให้เที่ยวชมทุกสถานี นอกจากต้องใช้เวลารวมเป็นสัปดาห์แล้ว ขาคงล้า และสมองคงเบลอไปเสียก่อน เราจึงเลือกเฉพาะสถานีที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสุดยอดของความสวยงาม แต่นั่นก็มากกว่า 10 สถานีที่เราได้เที่ยวชม โดยเสียเงินเพียงแค่ 55 รูเบิลเท่านั้น เพราะตราบใดที่ยังไม่ก้าวเท้าออกจากเขตสถานี ก็สามารถนั่งรถไฟใต้ดินไปสถานีนั้น สถานีโน้นได้ตามแต่ใจ

เราเริ่มท่องสถานีรถไฟกันแบบลืมกันไปเลยว่าชีวิตต้องกินข้าวเช้า โดยเริ่มจากสถานี Park Kultury จริงๆแล้วสถานีนี้ไม่ได้ถูกจัดอันดับว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดสถานีรถไฟที่สวยในมอสโก แต่เราต้องมาเปลี่ยนสายรถไฟที่สถานีนี้ จึงถือโอกาสเก็บภาพไว้เสียเลย แม้การตกแต่งจะดูเรียบง่ายจากโครงสร้างส่วนฐานที่เป็นหินอ่อน โดยมีภาพสลักนูนต่ำภายในกรอบสีทองแสดงวิถีชีวิตประจำวันของชาวรัสเซียประดับไว้บนเสาแต่ะต้น แต่การมาถึงในเวลาเช้าขนาดนี้ภายในสถานีจึงแทบจะปราศจากผู้โดยสาร ทำให้บรรยากาศนั้นดูสวยงามและเงียบสงบ

แม้รถไฟใต้ดินในกรุงมอสโกจะมีมากถึง 12 สาย แต่เมื่อจัดอันดับความสวยงามของบรรดาสถานีรถไฟใต้ดินทั้ง 188 สถานี กลายเป็นว่าสถานีที่ได้รับการยกย่องว่าออกแบบได้อย่างสวยงามอันดับต้นๆนั้นอยู่บนเส้นทางรถไฟเพียงแค่ 2 สาย คือ สาย 3 กับสาย 5

หลายครั้งในการเดินทางที่ชีวิตอยู่ภายใต้เงื่อนไขของเวลาจนตกอยู่ในภาวะต้องเลือก แต่ในครั้งนี้เรามีเวลามากพอจึงสามารถเที่ยวชมสถานีรถไฟใต้ดินทั้ง 2 สาย โดยเริ่มจากเส้นทางสาย 3 กันก่อน ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟใต้ดินสายหลักที่ตัดผ่านใจกลางเมืองเชื่อมตะวันออกกับตะวันตก

เริ่มกันด้วยสถานี Kievskaya สถานีนี้มากไปด้วยภาพที่อยู่ในกรอบสีทองขนาดใหญ่ ไม่ใช่เพียงแค่ใหญ่อย่างเดียว แต่กรอบนั้นมากไปด้วยลวดลาย หากเข้าไปดูใกล้ๆจะพบว่าลวดลายนั้นคือรูปรวงข้าว อันเป็นผลิตผลจากอาชีพเกษตรกรรมอันเป็นอาชีพหลักของประชานในสหภาพโซเวียตในยุคนั้น แต่ยิ่งกว่านั้น แต่ละภาพที่เราเห็นแต่ไกลจนคิดว่าเป็นภาพวาดนั้น เมื่อเข้ามาดูใกล้ๆจึงพบว่าเป็นภาพที่เกิดจากโมเสกสีต่างๆที่ค่อยๆติดลงอย่างบรรจงจนเกิดภาพที่บอกเล่าเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ของดินแดนนี้ในยุคต่างๆ โดยเฉพาะยุคสหภาพโซเวียต และที่น่าสนใจอีกอย่าง นั้นคือแต่ละภาพนั้นสะท้อนออกมาด้วยสีหน้าและความรู้สึกของผู้คนได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ของประชานชนในชาติ

ที่ปลายสุดสถานีเป็นภาพวาดขนาดใหญ่ แสดงการเฉลิมฉลองของชาวรัสเซีย ที่หากมองเผินๆภาพนี้ก็คงไม่มีอะไรนอกจากความสวยงาม แต่หากแยกมองทีละส่วนจะพบว่า แต่ละส่วนของภาพก็แฝงไปด้วยความรู้สึกของผู้คนที่แตกต่างกันไป จนเหมือนกับว่า ภาพนี้เกิดขึ้นจากภาพเล็กๆหลายๆภาพที่มาประกอบกัน และด้วยเหตุที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงมอสโกนั้นสวยงามจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ภาพในสถานีนี้จึงมีจุดสีแดงขนาดใหญ่เห็นได้ชัดบนพื้น เพื่อใช้เป็นจุดถ่ายรูปแบบ Selfie ซึ่งหากถ่ายรูปในตำแหน่งนี้ รับรองได้ภาพสถานีที่สวยแบบเต็มๆ

เราไปต่อกันที่สถานี Park Pobedy เป็นสถานีที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปีค.ศ.2003 นี้เอง ถ้าหากยังจำกันได้ เรามาที่สถานีนี้กันแล้วตั้งแต่วันแรกๆในการไปเที่ยวชมประตูชัย กับสวนวิคตอรี จากที่เคยเป็นแค่ทางผ่าน กลับมาครั้งนี้จุดหมายเปลี่ยนมาเป็นตัวสถานีแทน เราจึงพบว่าสถานีแห่งนี้ถูกออกแบบให้มีความทันสมัยแตกต่างจากสถานีเก่าๆอย่างเห็นได้ชัด เพราะสถานีนี้ไม่มีรูปปั้นหรือรูปวาดใดๆที่ดูแล้วให้ความขรึมขลัง มีแค่เพียงความเรียบง่ายหากแต่มีมิติจากการตัดกันของหินอ่อนสีส้มกับสีขาว นอกจากนี้ยังเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่อยู่ลึกที่สุดในรัสเซีย คือมีความลึกถึง 73.6 เมตร ทำให้บันไดเลื่อนที่ทอดตัวจากระดับพื้นดินสู่สถานีแบบทอดเดียวจบ จึงมีความยาวถึง 126 เมตร ซึ่งใช้เวลายืนเกือบ 3 นาทีกว่าที่บันไดเลื่อนจะพามาถึงจุดสิ้นสุด

ถัดไปอีกเพียง 1 สถานี คือ สถานี Slavyansky Bulvar สถานีนี้เป็นสถานีสมัยใหม่ ที่ชานชลาไม่มีกำแพงที่เป็นเหมือนช่องอุโมงค์กั้นระหว่างสองฝั่ง โดยเป็นชานชลาเปิดโล่งแบบสถานีรถไฟสมัยใหม่ที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่ความโดดเด่นของสถานีนี้อยู่ตรงที่ การผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับธรรมชาติ บรรดาเก้าอี้ โคมไฟ ตลอดจนการตกแต่งภายในสถานี รวมถึงป้ายสถานีก็ทำเป็นเถาไม้เลื้อย ที่ผสมกลมกลืนกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ได้อย่างดี

ตราบใดที่ยังไม่ออกจากสถานี เราก็ไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่ เราจึงโดยสารรถไฟใต้ดินสาย 3 ย้อนกลับมาสู่ใจกลางเมืองที่สถานี Arbatskaya ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าใต้ดินอีกถึง 3 สาย คือ สาย 1, 4 และ 9 จึงเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟใต้ดินมากสายที่สุดในมอสโก นอกจากความใหญ่ของสถานีแล้ว ประวัติของสถานีนี้ยังน่าสนใจทีเดียว เพราะแต่เดิมใต้ดินที่ลึกลงไปกว่า 40 เมตรแห่งนี้เคยใช้เป็นหลุมหลบภัย ต่อมาจึงพัฒนาเป็นสถานีรถไฟใต้ดิน โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ปีค.ศ.1953 เก่าแก่ขนาดนี้จึงสัมผัสได้ถึงความคลาสสิคในการออกแบบ ที่แม้จะดูเรียบง่าย แต่ด้วยสีขาวนวลๆยามแสงจากโคมไฟส่อง ทำให้รู้สึกเหมือนสถานีนี้ถูกหุ้มไว้ด้วยผืนหนังทั้งสถานี

แล้วเราก็มาถึงสถานี Ploschad Revolusii ซึ่งเป็นสถานีใจกลางของระบบรถไฟใต้ดินกรุงมอสโก เหนือพื้นดินของสถานีรถไฟนี้ก็คือ จัตุรัสแดงนั่นเอง ทำให้สถานีนี้เป็นจุดตัดของเส้นทางรถไฟใต้ดินถึง 3 สาย แต่ละสายจะมีสถานีของตัวเอง ฉะนั้นต้องเป็นสถานีของรถไฟใต้ดินสาย 3 เท่านั้นจึงจะเป็นของแท้แห่งสุดยอดความสวยงาม สังเกตได้จากรูปปั้นสัมฤทธิ์ถึง 76 ชิ้นที่ประดับอยู่ทุกช่องอุโมงค์ของกำแพงกั้นชานชลา เป็นรูปปั้นของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ

แต่มีรูปปั้นอยู่คู่หนึ่งที่มีความแตกต่างและสำคัญ นั่นคือรูปปั้นของทหารกับสุนัขคู่ใจ ที่ใครผ่านไปมาเป็นต้องเอามือลูบที่จมูก จนจมูกของสุนัขนั้นเงาวับ ปัจจุบันจึงกลายเป็นจุดขายของทัวร์ลูกเป็ดที่หัวหน้ากรุ๊ปทัวร์จะบอกกล่าวให้ลูกทัวร์ลูบจมูกสุนัขเพื่อความโชคดี

สถานีสุดท้ายของรถไฟใต้ดินสาย 3 ที่ถูกจัดอันดับความสวยงามไว้ต้นๆ คือ สถานี Elektrozavodskaya ดูจากชื่อที่เป็นภาษาอังกฤษจากการสะกดเทียบเสียงในภาษารัสเซียแล้ว ให้ความรู้สึกว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ Electronic ซึ่งประวัติการออกแบบสถานีนี้ก็เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าจริงๆ เพราะอดีตเคยมีโรงงานผลิตหลอดไฟตั้งอยู่ใกล้ๆสถานี สถาปนิกผู้ออกแบบจึงประดับเพดานสถานีด้วยหลอดไฟจำนวนมากในช่องวงกลมที่เรียงเป็นแถวถึง 6 แถวตลอดความยาวของสถานี

แม้จะเริ่มรู้สึกเบลอจากการทะลวงพสุธาท่องสถานีรถไฟใต้ดินติดต่อกัน จนเริ่มงง แต่เมื่อมาถึงสถานีนี้ที่มีหลอดไฟนับร้อยๆดวงก็เป็นอันได้ตาสว่างขึ้นทันที

 

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันพฤหัสที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 16.58 น.

ความคิดเห็น