แล้วการเดินเท้าของเราก็มาถึงสถานที่สุดท้าย ที่มีอาณาบริเวณและสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในซุสดัล นั่นก็คือ พระอารามเซนต์ยูไธมิอัส (Saviour Monastery of St. Euthymius) ตั้งอยู่บนเนินริมแม่น้ำ Kamenka หากมองจากภายนอกจะเห็นกำแพงอิฐสีแดงที่ทอดตัวยาวกว่าพระราชวังเครมลินแห่งซุสดัลเสียอีก โดยมีหอคอยสูงมากถึง 12 หอ เห็นแค่นี้ก็รู้ได้เลยว่าสิ่งก่อสร้างภายในจะมากมายขนาดไหน

พระอารามแห่งนี้สร้างขึ้นจากคำบัญชาของเจ้าชายคอนสแตนติน (Konstantin) ตั้งแต่ปีค.ศ.1352 โดยกำแพงอิฐสีแดงทอดยาวที่เห็นในปัจจุบันนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ.1640 แทนกำแพงเดิมที่สร้างจากไม้ ซึ่งได้ถูกทำลายลงโดยกองทัพโปแลนด์ ใครจะคิดว่าด้วยกำแพงอิฐที่แข็งแรงและสูงใหญ่นี้เอง ทำให้พระอารามแห่งคริสต์ศาสนาที่งดงามแห่งนี้ ครั้งหนึ่งจะกลายสภาพเป็นคุกที่ใช้จองจำนักโทษอย่างทารุณ จนกระทั่งปีค.ศ.1905 สถานภาพของการเป็นคุกจึงสิ้นสุดลง ประตูกำแพงถูกเปิดออกเพื่อปลดปล่อยทั้งอิสรภาพของผู้ถูกคุมขังภายใน และอิสรภาพในการเข้าชมของนักท่องโลก

ภายในพื้นที่ที่กว้างใหญ่แห่งนี้มากไปด้วยสิ่งก่อสร้าง ทั้งหอระฆัง และโบสถ์ที่มียอดโดมสีฟ้าขนาดเล็ก 8 โดมล้อมรอบโดมประธานสีทอง ปัจจุบันเกือบทุกอาคารได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปตามระเบียบ

 สิ่งที่น่าสนใจของการเข้ามาชมพระอารามแห่งนี้เห็นจะเป็นโครงสร้างของอาคารที่บางส่วนยังเป็นโครงสร้างไม้ตามแบบฉบับของสถาปัตยกรรมแห่งซุสดัลที่เน้นการสร้างด้วยไม้ และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด นั่นคือภาพวาดภายในโบสถ์โดมสีเขียว เพราะแม้เวลาผ่านไปกว่า 6 ร้อยปี แต่ภาพยังคงสีที่ชัดเจนเหนือกาลเวลา

ขามามีรถแท๊กซี่ให้บริการจากสถานีขนส่ง แต่ขากลับจากตัวเมืองไปสถานีขนส่งนี่สิ ชีวิตเริ่มยากลำบาก เพราะแม้จะมีป้ายหยุดรถประจำทาง แต่มีเฉพาะภาษารัสเซียที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ว่ารถเมล์จะมาทุกกี่นาที และไม่รู้ว่ารถที่มานี่จะวิ่งไปไหน ครั้นจะสื่อสารก็คุยกันไม่รู้เรื่อง จึงเหลือความหวังคือการโบกแท็กซี่ แต่ก็ไม่มีรถแท็กซี่ผ่านมาสักครั้ง

เราจึงตัดสินใจเดินกลับสู่เขตตัวเมือง ซึ่งมองจากระยะไกลแล้วเบื้องหน้าเราเป็นเหมือนศูนย์ราชการ เวลานี้ก็เป็นเวลาเลิกงานพอดี จึงน่าจะมีรถแท็กซี่จอดรอผู้โดยสาร แล้วก็เป็นไปตามที่คิด บริเวณนี้เป็นจุดจอดรถแท็กซี่จริงๆ เราจึงได้นั่งแท็กซี่กลับสถานีขนส่งตามเวลาที่วางไว้

1 วันในเมืองซุสดัล จึงเป็นอีกหนึ่งวันแห่งความประทับใจ ที่ชีวิตได้เดินเที่ยวแบบเนิบช้า ไปตามจังหวะของธรรมชาติที่เวลาเคลื่อนตัวผ่านอย่างเนิบช้าเช่นกัน

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 15.40 น.

ความคิดเห็น