- ไปใช้ชีวิตอยู่แบบเถื่อนๆ และ ไปเยือนสันป่าเกี๊ยะ -
เรื่องราวในวันนี้ คือบันทึกการเดินทางฉบับเพื่อน
การเดินทางรอบนี้ ยังคงไปกับเพื่อนที่มาหาเราที่เชียงใหม่กลุ่มเดิม
แบงค์ พี อั้ม ที่เพิ่งกลับจากการตั้งแคมป์มา
แต่รอบนี้พวกเรารู้สึกอยากไปพักผ่อนแบบ ไม่ต้องเอาอะไรไปมาก
แล้วก็กลับมาที่คำถามเดิม “ ไปไหนดีวะ ”
- อยู่เถื่อน ณ สวนเกาะ นี่ชื่อที่พักหรอเนี่ย -
หลังจากกลับมาพักเราก็มีเวลาเที่ยวอีกทริปนึง
จู่ๆแบงค์ก็พูดขึ้นมา “ ที่ไหนก็ได้ แต่พรุ่งนี้ขอแบบได้พักแบบไปอยู่เฉยๆได้มั้ย ” ในใจคือแบบ ยากละ 55555
ทุกคนก็ช่วยกันหาว่าไปไหนดี เลือกไปเลือกมาเห็นอยู่ที่นึง ไม่ไกลมาก แถวเชียงดาว
แล้วก็ตกลงกันว่าทริปพรุ่งนี้ขับมอไซค์ไปนะ เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
และสุดท้ายก็มาลงเอยกับที่นี่ “ อยู่เถื่อน ณ สวนเกาะ ”
แค่ชื่อก็ทำเอาสงสัยแล้ว ตอนได้ยินครั้งแรกคือ
“ อะไรวะ ทำชื่อมันแปลกจังวะ ” แต่พอดูจากรูปแล้วก็น่าสนใจเลยดูชิวมาก
อยู่ท่ามกลางป่าเขาด้วย และด้วยความที่เป็นพวกเรา
ทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นแบบปุ๊ปปั๊ป โทรทันที
หันมาถามเอาไม่เอา แอดไลน์ โอนเงิน จองเรียบร้อย ภายในไม่กี่นาที มันชั่งเหมือนกับที่หลายคนบอก
“ ต้องแบบนี้แหละ ไม่งั้นไม่ได้ไปนะ >< ”
- mini road trip กับเพื่อนๆ -
เส้นทางการเดินทาง :
เชียงใหม่ - เชียงดาว - อยู่เถื่อน ณ สวน เกาะ - สันป่าเกี๊ยะดอยแม่ตะมาน
เราเริ่มออกเดินทางจากเชียงใหม่ด้วยมอเตอร์ไซค์ 2 คัน คือ
wave 125i ของผม กับ เจ้าไข่แดง susuki ของอั้มระยะทางกว่า 80 km.
พวกเราไม่ได้รีบอะไรและด้วยแดดที่ร้อนพอสมควร การขี่ระยะไกลขนาดนี้เมื่อยก็จอดพักบ้าง พวกเราก็ไปถึงได้ภายในเกือบ 2 ชม.
- คุณตาทอง-คุณยายอี๊ด เจ้าของ และที่มา อยู่เถื่อน ณ สวนเกาะ -
ทางเข้าอยู่เถื่อนจะอยู่ก่อนถึงทางเข้าเชียงดาว พอขับเข้ามาเรื่อยๆ ด้านในจะเป็นชุมชนที่ปลุกบ้านตามแนวเขา ตอนแรก็คิดว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้าถึงแน่ๆ เพราะในที่พักเค้าบอกไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่พอมาถึงอ้าววว ก็มีไฟใช้นี่นา มันเลยคาใจมาตลอดทาง
บรรยากาศที่พักที่มาถึง จะเป็นทางลาดลงไปจากเนินเขาจนถึงลำธาร พื้นที่เยอะมาก จนเดินลงไปเหนื่อยเลย บริเวณนี้จะมีพืชพรรณ หลายชนิดปลูกอยู่ ทั้งผักสวนครัว ผลไม้ หรือแม้แต่กาแฟที่นี้ก็ปลูก พอลงมาถึงก็พบกับคุณตา-ยาย ที่มาต้อนรับ
พวกเราก็เก็บของแล้วเดินชมรอบๆ ที่นี่จะเป็นที่พักที่ทำเสมือนกับเราได้มาใช้ชีวิตเป็นชาวบ้านจริงๆเลย ไม่มีไฟฟ้า ใช้เครื่องมือ อุปกรณ์การกินทุกอย่างทำเองเหมือนคนสมัยก่อน แสงไฟตอนกลางคืนก็ต้องใช้ตะเกียง อาหารกับข้าวจะใช้วัตถุดิบที่อยู่ที่นี่หมดพืชผักสวนครัว ซึ่งพวกเราก็ได้นั่งคุยกับคุณตานะ
จริงๆแล้วที่นี่มีความเจริญเข้ามาถึงแล้วเข้ามาหมดแล้วแหละ แต่ตาบอกว่า
“ ตาอยากอยู่แบบนี้แหละ ไม่ต้องมีอะไรหรอก แค่ได้อยู่ไปวันๆ ให้นักท่องเที่ยว
มาลองสัมผัสชีวิตแบบบ้านๆของจริงดู ใช้ชีวิตง่ายๆ กินอาหารบ้านๆ ฟังเสียงลำธาร
กลางคืนนั่งผิงไฟ แก้หนาว มันก็สบายใจแล้ว ”
มันเลยเป็นที่มาของชื่อ “ อยู่เถื่อน ณ สวนเกาะ ” แห่งนี้แหละ
สำหรับที่พัก : อยู่เถื่อน ณ สวนเกาะ แห่งนี้
สามารถติดต่อได้ที่ Facebook , แอดไลน์ไป หรือเบอร์ 0918561603
- ค่าที่พัก 650 ต่อคน รวมอาหารเย็น-เช้า ( ตอนที่เราไปมีโปร )
หลังจากนั่งคุยกับตา ยาย พวกเราก็กลับไปนั่งพักผ่อนกันรอบๆที่พัก นั่งดูลำธารพักผ่อนหย่อนใจบ้าง เดินชมบรรยากาศรอบๆบ้าง ก็ชิวๆดีนะ
- ความดื้อของเราเอง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ -
ช่วงที่ไปนั้น กิจกรรมของที่พักไม่สามารถทำอะไรได้มาก
พวกเราจึงว่าง และเราก็เลยเสนอ ขับรถออกไปแถวนี้มั้ย มันมีที่ๆนึงที่อยากไปมาก
“ สันป่าเกี๊ยะ ” ทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วก็อาจจะเบื่อๆ เลยขับออกมาเผื่อได้ซื้อน้ำ
ซื้ออะไรกินกันระหว่างทางบ้าง
ทุกคนไม่รู้หรอกว่าเส้นทางข้างหน้าที่จะไปสันป่าเกี๊ยะเป็นยังไง
เราก็ได้ถามทางคนแถวนั้นไปเรื่อยๆ เค้าก็บอกขับตรงขึ้นไป เกือบชม.ได้ แต่ทางนี้มันแย่นะ
ระวังกันด้วย ทุกคนก็เริ่มเอะใจละ แต่ก็ขับไปดูก่อนละกัน
หลังจากที่ทางมันเริ่มเชี่ยขึ้นเรื่อย เป็นร่องดิน ชันแบบต้องขับคนเดียวถึงไหว
และที่แย่สุดคือหินเยอะมาก ทำให้ขับยากสุดๆ เข้าใจละทำไมชาวบ้านไม่แนะนำ
ถ้าฝนตกคือจบ จริงๆ พวกเราขับกันไปได้ซักพักก็เห็นสีหน้าและอารมณ์เพื่อนๆ
ที่แบบกลับมั้ย ทางแบบนี้ ก็พูดกันมาตลอดทาง
ช่วงเวลานั้นมันถือว่ายากลำบากสำหรับทุกคนเลยนะ เหนื่อยมาก อันตรายด้วย
และด้วยความที่เราเป็นคนอยากไปให้ได้เลยออกปากพูดเลย
“ เออ พวกมึงกลับก่อนมั้ย เดี๋ยวขับกลับไปส่งที่พัก แล้วเดี๋ยวกูออกมาเอง
แต่ถ้าจะไปต่ออ่ะอย่าบ่นกัน มันอึดอัดว่ะ ถ้าบ่นก็กลับ ไม่ได้อยากมาลำบากกันแบบนี้จริงๆ ”
คือในใจไม่ได้พูดประชดหรือไรนะ แต่คือตั้งใจให้มันกลับกันกันแล้วเราจะไปต่อคนเดียว ส่วนตัวเราอยากไปให้ถึงจริงๆ สันป่าเกี๊ยะเป็นที่ๆ เคยวางแผนพาแม่มาเที่ยว
แต่ก็ถูกยกเลิกไปเพราะปิดประเทศ เลยรู้สึกเสียดายมาก มันแค่มีความหมายสำหรับคนๆนึง มันไม่ใช่ที่ไปง่ายๆ ซึ่งคือดูรีวิว ดูไรมาแล้ว แล้วครั้งนี้ได้มาใกล้ซะจนแบบ คิดไว้แล้วตอนแรกจะไปคนเดียวก็จะไป อยากไปดูแล้วมาเล่าให้แม่ฟัง
แล้วสุดท้ายทุกคุณก็บอกไหนๆมาด้วยกันแล้ว ก็ต้องไปด้วยกันดิ่วะ
ในใจตอนนั้นแม่งแอบโล่ง แต่กังวลอยู่สิ่งเดียวคือขึ้นไปแล้วไม่มีห่าอะไร กูโดนด่าแน่ๆ 😅
แต่ก็ขอบคุณเพื่อนทุกคนมาก เพราะความดื้อของกูเอง
พาพวกเราไปลำบากรถเกือบพัง หน้าเกือบแหกกันไปหลายรอบ
และสุดท้ายพวกเราก็ไปถึงแบบทุลักทุเลมาก กระโดดลงตอนจะล้มบ้าง
เจอเนินแล้วลง วิ่งเอาบ้าง ทุกคนแม่งสุดยอดเลย
- สันป่าเกี๊ยะ ดอยแม่ตะมาน ยอดดอยที่ 1 ในใจจริงๆ -
สันป่าเกี๊ยะ คือชื่อของต้นสนที่ชาวบ้านที่นี่เรียก
พวกเราขึ้นไปถึงยอดดอย ที่เป็นของคณะเกษตร มช. มาทำสถานีวิจัยไว้ที่นี่
มีที่พัก ลานกางเต็นท์ มีป่าสน และหมู่บ้านอยู่ที่นี่ ระดับความยากในการไปคือ ให้ 10/10 เลย ถ้าไม่มี 4 wheel อย่าได้คิดจะไป พวกเรามันบ้าที่ทำได้
ถ้าอยากขึ้นไปพักสถานีวิจัยเกษตร ต้องติดต่อจองที่มช.ก่อนขึ้นไป ราคาไม่แพง
ห้องพักดีมาก เหมือนได้เที่ยวแบบเมืองหนาวจริงๆเลย
บรรยากาศด้านบนดีมาก วิวที่มองไปแล้วเห็นถ้ำเชียงดาวด้วย มีหมอกตลอดเวลา และแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาเรื่อย ทำให้วิวสวยมาก ยกให้เป็นยอดดอยที่ดีที่สุดเท่าที่เคยไปมาแห่งนึงเลย
- มีเพื่อนไปด้วยมันดีอย่างนี้นี่เอง -
หลังจากที่พวกเราไปเยือนสันป่าเกี๊ยะกันได้ซักพักก็ต้องรีบกลับเพราะทางลงเขาตอนกลางคืนอันตราย และกลับไปกินอาหารฝีมือ ตา-ยาย ที่คงรอเราจนเย็นหมดแล้ว
หลังทานข้าวเราก็กลับมานั่งพักผ่อนกันหน้าที่พัก บรรยากาศที่พักที่มีแต่เสียงป่าเขา สายน้ำ และแมลง
ประกอบกับะเกียวที่ตาให้มาใช้ในเป็นแสงนำทางในยามค่ำคืน มันชั่งเหมาะแก่การพักผ่อนจากความเหนื่อยล้าที่ไปผจญภัยจริงๆ
พอจบวันนี้ไปพวกเรา มันคงยากที่เราจะได้กลับไปทำอะไรบ้าๆแบบนี้กันอีก ขอบคุณทุกคนมากที่ทำให้การไปครั้งนี้น่าจดจำที่สุดอีกครั้งหนึ่ง :)
เขียนโดยเรา เล่าโดย : แนท พงศกร
ติดตามเรื่องราวของพวกเราได้ที่
Facebook : เหนียวที่ พี่น้อง
Instagram : nt_phinong
read me : https://www.youtube.com/channe...
nnatsu roll
วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 20.50 น.