น่านนนนนนไง..กูว่าแล้ว
❤❤❤
ทริปภาคเหนืออีกครั้งในรอบ 1 ปีกับทริปสุดฟินอินน่าน 4 วัน 3 คืน
รอบนี้เราไปกัน 3 คนไปแบบเป็นคี่ ไม่ได้ไปเป็นคู่นะฮะ
แพลนนี้เราก็วางแผนล่วงหน้ากัน 2 เดือน
แต่จองที่พักต่างๆ และรถเดินทางล่วงหน้า 1 เดือน
เกือบไม่ทันแล้วที่พักเต็มหม๊ดดดดด
. . .
วันที่ 09 ธันวาคม 2021
เริ่มเดินทางด้วยรถทัวร์ที่หมอชิตด้วยรถปรับอากาศ 2 ชั้น
ของบริษัทสมบัติทัวร์ รอบเวลาออก 20.20
ค่าโดยสารคนละ 1,524 บาทถ้วน ( 508 บาท / คน )
อย่าลืมเผื่อเวลามากินข้าวที่สถานีด้วยนะคะอุดหนุนพี่ๆ ร้านค้าหน่อย
ดูเงียบเหงามากสงสารพ่อค้าแม่ค้าร่มด้วยช่วยกันค่าาาา : )
วันที่ 10 ธันวาคม 2021
ออนทัวร์เมืองน่าน
. . .
6 โมงเช้า ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดน่าน พวกเรามาถึงโดยสวัสดิภาพ
เมื่อคืนเราได้ผ่านสนามแข่งรถมา นอนหลับไม่สนิทเลยสะดุ้งทั้งคืน
นึกว่ามารถเมล์สาย 8 นั่งชั้น 2 ยิ่งลุ้น เห้อออออออออออ โล่งอกถึงซักที
อุณหภูมิตอนเช้าไม่หนาวตามที่คาดประมาณ 21 องศา
พอถึงสถานีเดินหาที่อาบน้ำก่อนเลย เราจองรถกับ Nancarrental
เลยเดินไปถามเจ้าน้าที่ว่าขออาบน้ำได้ไหมจองรถกับที่นี่ เจ้าหน้าที่ก็เปิดห้องบริการ
ให้อาบน้ำได้ฟรีเลย ห้องอาบน้ำมี 2 ห้องรองรับ สะอาดและใจดี
เราเช่ารถผ่าน www.drivehub.co ได้รถใหม่ป้ายแดงเลยวิ่งประมาณ 1000 โล
ราคา 1,000 บาทต่อวัน ถ้าคืนรถเลยเวลารับคิดชั่วโมงละ 100 บาท
ความตั้งใจจะขับรถป้ายแดง " น่าน "
แต่ของเราป้ายแดง " สมุทรปราการ " อิหยังว่ะ 555
ก่อนเริ่มทริปเราต้องแวะกราบไหว้สักการะศาลหลักเมือง
หรือที่รู้จักกันดีว่า เสาหลักเมืองน่าน (วัดมิ่งเมือง)
มาแนะนำตัวให้ท่านรู้จักขอพรให้คุณพระคณเจ้าคุ้มครอง
ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยตลอดทั้งทริป
หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จเรียบร้อย เราจอดรถไว้ที่วัดเลย
แล้วเดินออกจากวัดเลี้ยวไปทางขวาไปบนถนนยันตรกิจโกศล
ความตั้งใจแรกเราจะกินข้าวซอยที่ร้านข้าวซอยต้นน้ำแต่คิวเยอะมาก
เลยข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อกินข้าวซอยที่ร้าน Arpo De Nan
เราไม่ถนัดอาหารเหนืออาจจะบอกไม่ได้ว่าอร่อยว้าวหรือไม่ว้าวนะ
ถ้าให้เทียบรสชาติกับข้าวซอยนิมมาน ร้านข้าวซอยนิมมานอร่อยกว่า
ค่าเสียหายข้าวซอย 2 น้ำเงี้ยว 1 น้ำ 1 ขวด 190 บาท
อิ่มแล้วไปกันต่อที่ร้านกาแฟ De'Coffee in Nan ร้านนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์แต่ไม่ไหวแล้ว
อยากกิน อยากได้กลิ่นกาแฟ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ต้องจัดซักแก้วกันแล้ว
ราคาก็ทั่วไปเลยค่ะ รสชาติสำหรับเรายังไม่ใช่แต่ก็โอเคอยู่นะคะ
อาจจะติดรสชาติของอเมซอนมั้ง ความชอบคนต่างกันนาา : )
ได้กาแฟคนละแก้วแล้ว เดินไปกันต่อที่ ซุ้มต้นลีลาวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
เดินไม่ไกลเลยประมาณ 25 ก้าวถึง ใครนับว่ะเนี้ยยย 555 ไม่ไกลจริงๆ
ระหว่างทางก็แวะถ่ายเครื่องบินที่บินผ่านทุก 1-2 ชั่วโมงรึเปล่า
และอาคารไม้เก่าแก่ที่ยังคงถูกรักาาไว้เป็นอย่างดี
และแล้ววววววเราก็มาถึงหนึ่งในจุดเช็คอินที่มาน่านไม่มาไม่ได้
มันคือ . . . ซุ้มต้นลีลาวดี ที่ตอนนี้ดอกและใบได้ล่วงลับไปแล้วค่ะ
บางคนชอบตอนมีดอก บางคนชอบตอนมีใบ แต่เราชอบตอนมีเธอพ่ามๆ
คำแนะนำ ควรหา Reserch มาก่อนว่าควรถ่ายยังไง ท่าไหน
เพราะคุณไม่ได้ไปแค่กลุ่มเดียว อาจจะต้องเร่งกันหน่อยนะ
ถ่ายไปก่อนค่อยไปเลือกไม่มีอยู่จริง 100 รูป ได้ 10 ฮ่าาาาา
นายแบบของเราทั้ง 2 ท่าน เอามาประชันกันหน่อย
ไปค่าาาาาา ไปไหนก็ไปค่า มีคนรอคิวถ่ายรูปอยู่
เดินวนไปต่อกันเลยค่ะ ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเห็นซุ้มต่างๆ มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นโคม ผ้าซิ่นหรือต่างๆ ก็แวะถ่ายรูปกันชิวๆ ได้เลยนะ
อยากจะบอกว่าพอ 9 โมงเท่านั้น แดดจ้ามากพี่จ๋าาาาา
เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามซุ้มลีลาวดี จะเป็น วัดภูมินทร์
วัดชื่อดังที่มีความของภาพวาดฝาผนัง ปู่ม่าน ย่าม่าน หรือ ภาพกระซิบรักบรรลือโลก
ส่วนประวัติเพิ่มเติมไปอ่านได้ที่ Google นะทูกคนนนน : )
นี่คือภาพวาดปู่ม่านย่าม่านที่มีชื่อเสียงในจังหวัดน่านเลยก็ว่าได้ค่ะ
คำบรรยายภาพกระซิบรักบันลือโลก
❤ ❤
คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา
❤ ❤
ถ้ามาสองคนจะมีคนนึงกระซิบอีกคนยืนฟัง
แต่ถ้ามาคนเดียว ป้าที่ยืนรอคิวถ่ายรูปจะถามคุณว่า หนูกระซิบกับใครลูกกก
น้องชายอยากจะบอกกับป้าว่า...ป้าไม่ต้องพูดดดดด ทั้งขำทั้งเศร้า อะไรคับเนี้ย
ออกจากวัดภูมินทร์มาแล้ว ตอนนี้ประมาณ 10 โมงนักท่องเที่ยวเริ่มมากันเยอะ
เราต้องรีบไปต่อที่อื่นแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะตามๆ กันมา
ระหว่างทางเดินกลับก็มะสะดุดรักรถคันนี้
จริงๆ เดินผ่านไปแล้วนะแต่ไม่ได้จริงๆ กลิ่นชามันหอมเย้ายวนใจ
จนต้องโดนตกไปอีกคนละแก้วจนได้ เป็นท้ออออ ไม่ห้ามกันซักคน
งวดนี้มีเลขเด็ดไหมพ่อค้า ?
ออๆ ไม่ใช่คนขายล็อตเตอรี่โทษทีจ้า ฮ่าาา
3 แก้ว 90 บาทนะจ๊ะ ราคาน่ารัก รถขายก็น่ารักกก แม่ค้าก็ตั้งใจชงสดทุกแก้ว
คำเตือน หากคุณมีเงินแบงค์พันแล้วเปลี่ยนเป็นแบงค์ย่อยเมื่อไร
เมื่อนั่นมันจะย่อยสลายไปในพริบตาภายใน 1 วันเท่านั้น
เห็นอะไรก็อยากกิน อยากซื้อไปหมดดดดด ! !!
วันนี้เรามาแนวนักท่องเที่ยวสายบุญก็ต้องมาวัดกันต่อค่ะ
นั่นก็คือ...วัดเขาน้อยนั่นเอง ซึ่งตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ทางด้านตะวันตกของเมืองน่าน
จุดเด่นของวัดคือ พระพุทธมหาอุตมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน
พระพุทธรูปปางประทานพรบนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร ที่ยืนอย่างสง่างาม
หลังจากนั่งชมวิวเมืองน่านกันบนวัดเสร็จแล้วนั่น แพลนเช้าวันนี้จบเร็วกว่าที่คิด
จึงต้องเพิ่มจุดเช็คอินขึ้นมาอีกจุดในเมืองก่อนที่จะพักกินข้าวเที่ยงกัน
ไปเชียงใหมก็มีกำแพงเมืองเชียงใหม่ แล้วทำไมน่านจะไม่มี กำแพงเมืองเก่าน่าน ละค๊าบบ
อยากจะบอกว่าไม่มีคนมาเที่ยวเลย เงียบและร่มรื้นมากกกกกก
เหมาะกับการไปถ่ายเอ็มวีนั่งเหงาๆ คนเดียวแบบนี้ ก็ได้ด้วยเหรอออ
เวลาเที่ยงโดยประมาณ ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันกันแล้ว
จริงๆ พวกเรายังไม่หิวนะ แต่ต้องกินว่ะเพราะวางแพลนมาแล้วจะไม่กินไม่ด้ายยย
และร้านที่ต้องมาตำก็คือ เฮือนฮอม
ค่าเสียหาย อาหาร 3 อย่าง ข้าว 3 จาน น้ำ 2 ขวด น้ำแข็ง 1 ถัง
ไม่ค่อยแน่ใจน่าจะประมาณ 500 บาท
รสชาติอาหารยังไม่โดนถ้าเทียบกับอาหารเหนือของต๋องเต็มโต๊ะที่เคยไปกินมาคืออร่อย
อีกอย่างลูกค้าเยอะมากเลย บางเมนูอาจจะรอนาน เลยสั่งมาลองชิมประมาณนี้
ไก่ทอดแอบเหนียวด้วย ไม่กรอบหรือว่าเป็นสูตร อันนี้ไม่รู้ ฮ่าาาา
อิ่มแล้วหนังตาก็เริ่มหย่อยเพราะง่วงหรอ? หึ แก่ !!!!! 555
ก็ถึงเวลาออกเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายของเราในวันนี้คือ สะปัน
คำแนะนำเพิ่มเติม
ก่อนไปควรแวะกักตุนอาหาร ขนม เครืองดื่มตามที่ต้องการไปเลยนะ เติมน้ำมันเต็มถัง
เพื่อป้องกันไว้ดีกว่าแก้ เพราะถ้าหวังไปตายเอาดาบหน้าอาจตายจริงก็ได้ ฮ่าา
ทั้งที่อยู่กับเขา ทำไมเหงาก็ไม่รู้ . . . ต้นไม้กล่าว
ระหว่างทางแวะชมวิวริมทางกันหน่อย ก่อนที่จะถึงถนนหมายเลข 3 อันยอดฮิต
ก็แวะถนนตัวซี (ตั้งชื่อเอง) กันไปก่อนละกัน ก็สวยอยู่นาาา วิวเขาคือสวยทั้งเส้นจริงๆ ไม่จกตา
และแล้วเราก็มาถึงถนนที่ทำให้รถติด ทั้งที่ไม่ควรจะติด
ถ้าถึงบริเวรนี้ขับขี่ช้าๆ ระมัดระวังนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ
ติดแปปเดียวผ่านไปก็เหยียบบักแปดแสนแล้วแต่คุณได้เลย
ถนนหมายเลข 3
รบกวน ตัดรูปคนอื่นๆ ออกจากรูปให้ด้วยค่ะ
ถ่ายยังไงให้ไม่ติดคน คำตอบ ไม่มีทาง สำหรับวันนี้ ฮ่าาา
ก่อนถึงสะปันจะต้องผ่านหมู่บ้านบ่อเกลือโบราณ ก็แวะอุดหนุนชาวบ้านกันหน่อย
มีทั้งเกลือบริโภค ดอกเกลือ เกลือสปา เกลือแช่เท้าเหม็นมากมายยย
หมู่บ้านเล็กๆ น่ารัก มีธารน้ำไหลผ่านหมู่บ้านเย็นสบายดี วิวสัน เห้ยวิวสวย
อันนี้ทีเด็ดแน่เลย เดินผ่านร้านไหนต้องมี ต้องตำแล้วละ นิขนาดอิ่มก็จัดมา 40 บาทนะ
ไข่ต้มเกลือ 3 ใบ 20 บาท ราคาน่ารักไม่แพงไม่ถูกไปก็ไหวอยู่แถมยังร้อนๆ อร่อยจริง
ฟิวแบบไข่ขาวเค็มนิดหน่อยผสมกับไข่แดงมันๆ เข้ากันดีอยู่นาาาา
นี่คือเกลือที่รอนำไปจำหน่ายแล้วนะ สะเด็ดให้แห้ง
เดินเข้าไปนึกว่าเป็นซาวน่า อย่างร้อนจะแม่จ๋าาา
บ่อเกลือโบราณมีความลึกมาก มองลงไปน่ากลัวยุนะ
เหมือนกับบ่อน้ำส่างทางภาคอิสานที่เอาไว้ตักน้ำไปใช้ในครัวเรือนในสมัยก่อน
ปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่บ้างแต่ไม่ค่อยเยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ออกจากบ่อเกลือโบราณมุ่งหน้าไปสู่สะปัน ซึ่งเป็นชุมชนที่สงบโอบล้อมด้วยขุนเขา
ขนาดยังไม่ถึงยังฟินได้ขนาดนี้ ตื่นเต้นแล้วซิ ><' ไม่รอช้ารีบเลยก่อนจะค่ำ
และแล้วเราก็ถึงป้ายยินดีตอนรับเข้าสู่ บ้านสะปัน
เราจะมองเห็นภูเขาออกมาตอนรับหลายลูกเลย
ขับเบาๆ ช้าๆ นาา ถนนแคบนิดนึง ระมัดระวังรถคันอื่นด้วย
เข้ามาในหมู่บ้านจะผ่านที่พัก โฮมสเตย์หลายหลังเลยซึ่งเต็มหมดแล้ว
เราได้ที่พักกันที่ ปลายนาโฮมสเตย์ เลยต้องรีบไปเช็คอินเข้าที่พักก่อน
เพราะที่พักเราอยู่ปลายนา แค่ชื่อก็ทำให้เราต้องเตรียมใจว่าต้องปลายแค่ไหน
ค่าที่พักคืนละ 700 บาท นอนได้ 2 ท่าน รวมอาหารเช้า
และกางเต็นส์นอน 200 บาท + 50 บาทอาหารเช้า
** ห้องน้ำรวม มีเครื่องทำน้ำอุ่น 1 ห้อง **
ห้องพักของเราที่ได้คือ ห้องกลางและอยู่สูงที่สุด
เดินลงไปเข้าห้องน้ำทีต้องเดินสวนแรงโน้มถ่วงขึ้นมาที ฮ่าา
ข้อดีของที่พัก มีปลัีกสามตาให้มาความยาว 5 เมตร ให้เราชาร์ตเต็มที่เลย
จุดกางเต็นท์ไม่มีปลีกไฟ ไม่มีไฟส่องสว่างให้นาา เตรียมมาด้วยนะกั้นไว้
แต่ถ้าใครอยากอยู่แนวธรรมชาติ แต่นอนใกล้ห้องน้ำคือสะดวกดี : )
เดินชมวิวรอบที่พัก ที่พักมีหอคอยชมวิว 2 ชั้น
มองลงไปด้านหน้าจะเป็นธารน้ำไหลที่มาจากน้ำตก
น้ำเย็นมากกกก และใสมากเช่นกัน น่าเล่นแต่ไม่ไหวจริงๆ
อาหารมื้อค่ำที่เข้ากับบรรยากาศที่สุดของเราในคืนนี้ก็คือ หมูกะทะชุดใหญ่ 450 บาท
รสชาติไม่แย่ไม่ว้าว กลางๆ น้ำจิ้มแอบเปรี้ยว สำหรับเราไม่ชอบเปรี้ยว
และอุปกรณ์การกินให้มาไม่ครบ ให้ถ้วยพลาสติกสำหรับน้ำจิ้มมา 4 ถ้วย และ 1 ถ้วยใหญ่
เราเลยใช้ถ้วยน้ำจิ้มเป็นถ้วยกิน และตัดขวดน้ำเปล่าใส่น้ำจิ้มแทน น่าเอ็นดูวววย์ 555
ข้อห้ามของที่พักไม่เปิดเพลง ส่งเสียงดัง หลังจาก 3 ทุ่ม
บทสนทนา
. . .
เรา : พี่คะมีน้ำแข็งไหม
ผู้ดูแล : มีค่ะ ถุงละ 20 บาท
เรา : ถุงใหญ่ไหมคะ
ผู้ดูแล : ถุงแค่เนี้ยจินตนาการประมาณลูกบอล
เรา : เอา 2 ถุงค่ะ
คำเตือนจากเราถ้าจะซื้อน้ำแข็งให้ซื้อถุงเดียวพอกินไปตั้งนานน้ำแข็งถุงแค่เนี้ยไม่ละลายเลย
จนถึงเช้าน้ำแข็งยังเท่าเดิมซึ่งกินไปแค่ 1 ถุงเท่านั้น อย่าดูถูกคำว่าแค่เนี้ย ฮ่าาาา
จบทริปวันแรก
. . .
วันที่ 11 ธันวาคม 2021
มอนิ่งยามเช้าเราตื่นมาสัมผัสความเย็นเล็กน้อยแต่หมอกหนามากกจริงๆ
เสียงหยดน้ำกระทบเต็นท์ กระทบบ้านป๊อกแป๊กทั้งคืนเลย เปียกกกก
พวกเราออกจากที่พัก 6 โมงเช้าเพื่อไปชมหมอกยามเช้าในหมู่บ้าน
บรรยากาศตอนเช้าคือดีมาก ฟินจริงๆ มันเหมือนถูกสะกดบอกไม่ถูก
สภาพกระจกรถ และเส้นทางย้อนกลับเข้าไปในหมู่บ้านของเราภาวนาอย่ามีรถสวนมานะ
นักท่องเที่ยวหลายคนเลือกที่จะกางเต็นท์นอนกัน อุปกรณ์แน่นๆ กันทั้งนั่น
สะพานถูกปกคลุมไปด้วยหมอกจริงๆ มองไม่เห็นฝั่งตรงข้ามเลย
เรามาจอดรถกันที่ สะพานหมู่บ้านสะปัน ช่วงเช้าคนยังไม่เยอะ
สามารถถ่ายรูปกันได้เต็มที่ อย่าลืมเตรียมของมาใส่บาตรด้วยนะ
พอดีพวกเรามาไม่ได้เตรียมของมาใส่บาตรเลยใส่ปัจจัยแทนแล้วกัน
รับพรเสร็จก็ถ่ายรูปกันต่อ วิวสวย หมอกหนา ขัดใจจุดเดียวคือ สายไฟเยอะเนี้ยแหละ ฮ่าา
ขอวิถีฮิปเตอร์กันหน่อย ยืนเรียงกันเป็นสเมิร์ฟเลย
ขอบคุณคนที่ให้เรารบกวนถ่ายให้ด้วยนะคะ
เมื่อถ่ายรูปจนพอใจไปหลายรูป พร้อมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ เริ่มทยอยกันมาที่สะพานเยอะแล้ว
ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องมูฟกลับไปยังที่พักเพื่อกินข้าวเช้าและอาบน้ำกันแล้วแหละ
อาหารเช้าจะมีข้าวต้มหมู ไข่ต้มยางมะตอย เอ้ยยย ย่างมะตูมไซส์น่ารัก
ทุกหน้าบ้านพักจะจัดสำหรับให้บ้านละ 1 ชุด ทานได้ 5 ถ้วยเล็กโดยประมาณ
ตบตูดด้วยส้ม ที่น่านส้มเยอะจริงและก็อร่อยนะใครชอบส้มของยิ้มกริ่มเลยละ
ส่วนข้าวต้มส่วนกลางก็จะมีเช่นกันไว้สำหรับคนที่มากางเต็นท์
หรือถ้าไม่อิ่มก็ไปเติมได้มั้ง เราคิดเอาเองเพราะต้มไว้หม้อใหญ่เลย
พอกินข้าวอาบน้ำเสร็จก็ถึงเวลาเดินทางต่อแล้ว พอ 8-9 โมงปุ๊ปคือหมอกหายปั๊ป
และสิ่งที่ตามมาคือแดดที่จ้าซะเหลือเกิน แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
บ้านเป็นหลังจะดีกว่าที่เราพักหน่อยราคาน่าจะ 800 บาทต่อคืน
ลองสอบถามทางที่พักเองได้โดยตรงเลยน่าาา ราคาอาจจะปรับตามช่วง
**ลืมบอกไปว่าแคปหน้าที่เป็น Certificate วัคซีนไปด้วยนาา**
จะได้สะดวกเจ้าหน้าที่เขาจะถ่ายเก็บไว้ทุกคนเลย
เมื่อ Check out ออกจากที่พักเราก็มีจุดหมายที่ร้านกาแฟก่อนแล้วหนึ่ง
ก่อนที่จะไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ชีวิตขาดกาแฟไม่ได้ก็จะเหนื่อยนิดหน่อย
ร้านแรกตั้งใจจะมากินคือ LOH PON Cafe ( เลาะปองคาเฟ่ )
ร้านของน้องของเพื่อนของแฟนแนะนำให้มากินแต่ ร้านปิด ซะงั้น
เลยไปเดินเล่นในหมู่บ้าน กลับไปที่สะพานอีกรอบเพื่อไปดูความแตกต่างจากเมื่อเช้า
บรรยากาศตอนเช้าแดดดีมาก ร้อนมาก แสบตามากกก นิมันเดือนเมษาใช่ไหม ฮ่าา
บ้านยังคงรูปแบบเก่าในสมัยแต่ก่อน ข้างล่างเป็นปูน ข้างบนเป็นไม้
บางหลังทำเป็นโฮมสเตย์น่ารักๆ ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน
เมื่อเช้าบนสะพานคือมองไม่เห็นอะไรเลยถูกปกคลุมไปหมด
พอสายมาหมอกที่หนาหายไปหมดเหลือไว้แต่ลำธาร ทุ่งหญ้า ป่าเขา
โอบกอดธรรมชาติแบบนี้กลับกรุงเทพได้ไหม
❤ ❤
ชมบรรยากาศแวะซื้อเครื่องดื่ม อาหาร ของที่จำเป็นต้องใช้ในร้านค้าหมู่บ้าน
เพื่อเตรียมไปกินไปใช้ในที่พักของคืนวันนี้ กันไว้ก่อนอย่าหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า
เราเดินย้อนกลับมาที่ร้านเลาะปองอีกครั้งเพราะจอดรถไว้หน้าร้านเลย ฮ่าาา
ตั้งใจจะมาซื้อกาแฟอีกรอบแต่ร้านก็ยังไม่เปิดเลยตัดสินใจไปกินที่ หยุดเวลา Cafe
หยุดเวลาคาเฟ่ ทางขึ้นแทบจะหยุดหายใจ ทางอย่างชัน 555
เราเป็นห่วงน้องใหม่ของเราที่พึ่งออกมาพบโลกกว้างเลยจอดไว้ด้านล่างเดินขึนไปเอา
เหมือนจะดูเป็นคนดี จริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่บอกรถเต็มต้องรอก่อนค่อยขึ้นได้ ขี้เกียจรอเลยจอด
ราคากาแฟก็เท่ากับที่ตั้งอยู่นาาา อย่าว่าไปเด้อ
มาเที่ยวทั้งทีตระหนี่ไม่ได้ เงินหมดไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ว่าซ่านนน
คาปูชิโน่ 3 แก้ว 255 บาท
ราคาและวิวที่ได้ถือว่าคุ้มทุน ไม่ขาดทุน
ขึ้นมาสูงขนาดนี้ไม่ได้ถ่ายรูปอันนี้เรียกขาดทุนนะจ๊ะ
คือแบบในรูปว่าสวยแล้วนะ สิ่งที่ห้องตรงหน้ามันสวยกว่าจริง
ซักครั้งเหอะต้องมา กราบงามๆ 3 ที มานอนแค่สะปันก็ฟินแล้วนะ
หยุดเวลาอ่ะคาเฟ่ แต่ถ้า หยุดตรงนี้ที่เธอไม่ไปไกลแล้วใจจะหยุดทั้งใจไว้ที่เธอ นาจาาาา
ส่วนน้องชายของเราก็บอกให้หยุดนะ หยุดเหอะแคปชั่นกูจะอ้วก
555 ต้องมาเจออะไรครับเนี้ยยยยย
รถน่ารักแอบถ่ายน้อนเห็นพี่เค้าขับมาจอดรีบถ่ายเลย . . . อยากได้แบบนี้ซักคัน
ลงจากหยุดเวลาไปหาจุดเช็คอินอีกที่ของสะปันไม่ไกลเลยในหมู่บ้าน
ถ้าลงจากคาเฟ่มาเลี้ยวซ้ายเข้าไปจะมีเจ้าหน้าที่โบกรถให้ หาไม่อยากมีป้ายบอก
"น้ำตกสะปัน"
มนุษย์ถ้าเทียบกับธรรชาติเราก็แค่ตัวนิดเดียว แต่เป็นภัยความมั่นคงของธรรมชาติอย่างสูง
. . .
ทางเดินไปน้ำตกไม่ไกลแต่ก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่น่าาาอย่าว่าชิว
บางช่วงไม่มีที่จับให้ถ้าพาเด็กน้อยวัยกำลังซนไประวังด้วยนาาา
แวะชมน้ำตกจุดแรกก่อน พักหายเหนื่อยซักแปป ด้วยการแชะภาพเบาๆ
คนละ 50 รูป อันนี้แถวบ้านไม่เรียกเบาแล้วนะเรียกว่าหนักแล้วละ
และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางจนได้ ถ้าช่วงน้ำเยอะกว่านี้อาจจะสวยมากๆ
ถ่ายน้ำตกแบบ Live ของ iphone แล้วไปเลือกโหมด Long Exposure จะได้สายน้ำตกแบบนี้เลย
นั่งทำ MV กันซักพักแล้วก็กลับ เพราะ นนท. เริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว
กลับออกมาจากน้ำตกอีกรอบเราก็ยังไม่ยอมแพ้ สุดท้ายร้านก็เปิด
ขอชิมกาแฟอีกซักคนละแก้ว แล้วเราก็จะไป ฮ่าาา
บรรยากาศดีมากน่ามานั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงาน นั่งตรงนี้ลมเย็นสบาย
ถึงแดดจะร้อนก็ตามแต่ลมชนะอ่ะ ลมเย็นฟิวแบบ ลมจากป่าไม้ผสมน้ำในลำธาร
ก่อนลาจากสะปันขอกินข้าวเที่ยงก่อนแล้วกัน
หลังจากที่ไปเดินน้ำตกมานั่น ข้าวต้มคนละ 2-3 ถ้วยย่อยสลายไปหมดแล้ว
เดินหาร้านกินจนมาจบที่ร้าน ก๋วยเตี๋ยวครูผึ้ง
ราคาก็เริ่มต้นที่ 50 บาทประมาณนี้ รสชาติอาหารดี
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำคือจี๊ดจ๊าดมาก แต่อาจจะได้น้อยหน่อย
แต่นึกถึงระยะทางและทางโค้งของถนนที่ต้องไปซื้อวัสถุดิบแล้วนั่นเข้าใจค่ะ
บ๊ายยย บายยย สะปันนึกว่าฝันที่ได้มา
ออกจากหมูบ้านสะปันมุ่งหน้าไปสู่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
ระหว่างทางเราจะผ่าน จุดชมวิวดอยภูคา 1715 แวะลงไปถ่ายรูป เข้าห้องน้ำได้นะ
สวยจริงไม่จกตา และอย่าลืมพกเงินไปซื้อมันเผาด้วยนะอร่อยมากกกก > <'
เหนื่อยกับการถ่ายรูปทั้งวันแล้วนั่น เราก็มุ่งหน้าเต็มกำลังเข้าสู่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท รถ 30 บาท ติดต่อเจ้าหน้าที่หน้าป้อมได้เลย
มีจุดคัดกรองให้กรอกชื่อ เบอร์โทรติดต่อและแจ้งวัคซีนที่ฉีดด้วยนะคะ
เมื่อเข้ามายังด้านในติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่จุดบริการนักท่องเที่ยว
หากใครไม่ได้เตรียมอาหารมาเหมือนพวกเราคุณต้องสั่งอาหารกับจุดบริการนี้เลย
เราสั่งต้มแซ่บกระดูกหมู ไข่เจียมหมูสับและข้าวสวย
แนะนำให้ซื้ออาหารมาเลยถ้าใครมีอุปกรณ์ก็เอามาต้มกินเองนะ
แต่ถ้าไม่มีซื้ออาหรสำเร็จพร้อมทานมาเลยและน้ำแข็งไม่มีขาย
รับกุญแจมาแล้วก็ขับตามป้ายเพื่อมายังบ้านพักเกวียนที่เราจองไว้ พักได้ 2 คน คืนละ 300 บาท
ห้องน้ำรวม ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น อยากจะบอกว่าน้ำเย็นจัดดดดดดด
ในห้องเปิดเข้าไปไม่มีอะไรจริงๆ ปลั๊กไฟไม่มีมีแต่หลอดไฟแสงสว่างในห้องแค่ 1 หลอด
แบตทุกคนหมดแต่ยังโชคดีที่มีจุดบริการชาร์ตไฟเดินไปนิดหน่อยถ้าไม่รู้ถามเจ้าหน้าที่นะคะ
และนี่คือหน้าตาอาหารของเรา แหนมหมูไม่เกี่ยวนะซื้อมาจากสะปันอร่อยเด้อว่าไป
เสียดายซื้อมาน้อย อาหารจากจุดบริการไม่มีส่งนะต้องไปรับเองตามเวลาที่นัดไว้
ราคาอาหาร 2 อย่าง ข้าว 1 โถ ( แอบน้อย ) ราคา 395 บาท
จบวันนี้อย่างรวดเร็วเพราะไม่มีปาร์ตี้จะเล่นมือถือเยอะก้กลัวแบตหมด
เลยได้พักผ่อนแต่ก็นอนฟังเสียงห้องข้างๆ ที่ยังคุยกันดึกอยู่
จบทริปวันที่สอง
. . .
วันที่ 12 ธันวาคม 2021
จู๊ดดดด มอนิ่งตั้งแต่เช้ามืดมีความรู้สึกหนาวแต่ว่าไม่มีหมอกเลย
แต่อากาศบริสุดมากสูดได้เต็มปอดหันมาที่ กทม ในตอนนี้สูดอากาสทีทำลายปอดสุด
เช้าปุ๊ปแดดปัีปเหมือนกันเลยได้เวลาต่อคิวอาบน้ำ
อย่ากลัวเลยน้ำเย็นเพราะหนาวแค่ขันแรก ขันที่สองชาไปแล้วฮ่าาา
บริเวณที่พักจะมีถังขยะแยกประเภทไว้ให้ รบกวน นนท ทุกคนที่ไป
ช่วยกันแยกขยะหน่อยนะคะ ขยะทั่วไปขวดเต็มเลย เห้อออ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วพร้อมออกเดินทางไปหาข้าวเช้ากินกันแล้ว
ตอนเช้าที่พักไม่มีอาหารให้นาจา จะมีก็เต็นท์ข้างๆ อุปกรณ์พี่ๆ เค้าจัดเต็ม
หอมกลิ่นกาแฟสด ข้าวต้มแต่เช้าเลย งุยยยย ท้องร้องจ๊อกๆ ๆๆ
ก่อนออกจากอุทยานขอแวะไปชมบ้านพักหน่อย
บ้านพักหลังใหญ่ดีนะเหมาะกับการมาเป็นครอบครัวใหญ่หน่อย
แมงมุมก็ใหญ่เช่นกันอาหารคงเยอะวินะในป่า
พอเราไปเห็นวิวที่สวยแล้ว วิวที่นี่เลยดูธรรมดามาก
เราไปไล่สเต็ปแบบ 3 2 1 เลยทำให้ที่อุทยานดูไม่มีอะไรเลย ฮ่าๆๆ
ออกเดินทางกันต่อ ก่อนจะทำอะไรขอกินกอนได้ไหม พี่หิววว
"ระหว่างทางคาเฟ่"
เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ด้วย เป็นร้านแรกระหว่างทางลงมาจากอุทยาน
มุ่งหน้าไปยัง อ.ปัว อะไรที่เราไม่ได้คาดหวังมันมักจะดีเสมอ
กาแฟอร่อยใช้ได้ กะเพราะเนื้อตุ๋นก็ดี อดกินก๋วยเตี๋ยวเพราะนำซุปยังไม่ได้
ราคาก็ไม่แพง วิวก็ดี บรรยากาศก็ดี ใครผ่านไปก็แวะอุดหนุนกันนะคะ
หลังจากอิ่มกันแล้ว และถ่ายรูไปหลายรูปแล้วนั่น ก็ควรเดินทางต่อ
มุ่งหน้าไปยังอำเภอปัว ดูฟ้าซิเปิดขนาดนี้ จะแดดขนาดไหน
จุดหมายของเราคือ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ( บ้านผาเก๊าะน้ำกูน) ตั้งอยู่ในอำเภอปัว
เราไปถึงน่าจะเป็นคันแรกๆ เลย คนตื่นเช้ามักได้เที่ยวสบายคนไม่เยอะ
ดูเมนุอาหารไว้ก่อนเลย สั่งไว้ในใจคือ พิซซ่าหน้าเห็ด
จะสั่งมาลองแค่อย่างเดียวพอ เพราะอาหารเช้ายังไม่ย่อยเลย
เราเดินชมบริเวณรอบๆ ฟาร์มเห็ดกันก่อนให้อาหารย่อยซักนิด
มีจุดให้อาหารปลาคราฟด้วยนะ เยอะแยะเลย เด็กๆ ชอบมาก
เราเดินชมรอบๆ บริเวณพอสังเขปเลยเดินลงเขาตามป้ายเพื่อไปวังศิลาแลง
เดินไปประมาณ 600 เมตร ลงตามบันไดของฟาร์มเห็ดเลี้ยวขวาเดินไปสุดทาง
วังศิลาแลง แกรนด์แคนยอนเมืองปัว
เหมือนจะไม่ค่อยมีคนไปแล้วแต่สวยจริงๆ และก็น่ากลัวหน่อยๆ ด้วย
ต้องระวังให้เยอะๆ นะคะ เดินไปไกลไม่ได้แล้วด้วยเพราะต้นไม่ใบหญ้าเริ่มไตหินเยอะ
ไม่มีทางให้เดินไปต่อได้ ไปเห็นแค่ต้นทางก้พอ แอบหวั่นๆ ใจกันด้วย
แต่ธรรมชาติทำให้เราเห็นถึงความอเมซิ่งมาก
สิ่งที่ธรรมชาติสร้าง คือสิ่งที่มนุษย์อย่างเราต้องว้าวซ่าาา
เดินกลับมาจากวังสิลาแลงแล้ว เริ่มหิวกันแล้วละ
ถึงเวลาที่ต้องสั่งน้องพิซซ่าเห้ดมาลองทานดูเห็นทุกโต๊ะต้องสั่ง
คอนเฟิร์มว่าอร่อยจริง กินคนละ 2 ชิ้นพอดีอิ่ม
ไอติมที่ร้านแอบแพงถ้วยละ 50 บาท
รสชาติเหมือนเอากาแฟเอสเปรสโซ่กับชาเขียวเย็นมาทำให้เป็นไอติม
มาถึงฟาร์มเห็ดจะไม่เห็นน้อนเห็ดเลยก็เหมือนมาไม่ถึงรึเปล่า
น้อนกำลังออกมาสู่โลกกว้าง : )
ออกจากฟาร์มเห็ดไปไหนต่อดี ตามแผนต้องไปกาแฟบ้านไทลื้อ
แต่อั้วขี้เกียจเก็บนะ เห้ยยยย มันคนละลื้อ ห้าบาทสิบบาทก็เอา
เครื่องดื่มที่นี่ราคาน่ารักที่สุดแล้วละตั้งแต่เจอมา
แก้วละ 40 บาท แก้วคือใหญ่มากกกกกก
มีมุมนั่งชิว นอนชิวเยอะเลย แถมคนไม่เยอะด้วย
จะถ่ายรูปหรือถ่ายแบบมาเลยจ้า ทางนี้เหนื่อยและขี้เกียจแล้วขอนอนเล่นซักแปป
แถวร้านจอดรถมีร้านค้าเล้กๆ อยู่เห็นอโวคาโดโลละ 50 หู้ยยยถูก
แต่พี่ที่เช่ารถบอกมีถูกกว่านี้อีกนะ ลูกใหญ่แถมอร่อยด้วย
ซักพักเริ่มหิวอีกแล้ว ทริปกินหรือเปล่านิเอะอะกิน ฮ่าาา
เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามกาแฟบ้านไทลื้อจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นเป็ดตุ๋น
กลิ่นน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหอมดีต้องจัดคนละถ้วยแล้วละ ลุยยย
ชื่อร้านน่ารัก ท่าทางจะรักเมียนะเจ้าของร้าน "มีคุณ" พ่วนนนนน
รสชาติใช้ได้เลยละ อร่อยไม่ต้องปรุง แต่ถ้าปรุง เตือนจากใจพริกอย่างเผ็ดดดด
อิ่มซักทีเหอะ กินเยอะเกินไปแล้วแต่ละคน ที่ช้าไม่ใช่ไรนะ กินนนนน
จะอ้วนก็ไม่แปลกถ้าจะแดกกันขนาดนี้ 555
ได้เวลาออกเรือได้ เห้ยยยยไม่ใช่ ออกรถได้แล้ว
ไปไหว้พระกันก่อนที่วัดภูเก็ต มาตั้งน่านจะไปไหว้พระต้องไปไกลถึงภูเก็ต
น่านก็มีวัดเยอะอยู่นะ เห้อออ ชื่อวัดเฉยๆ อะไรครับเนี้ยก็เคลิ้มตลอดเลย
ไหว้พระขอพร ให้เที่ยวอย่างปลอดภัยให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง
แต่สำคัญคือตัวเราเองขับรถด้วยความระมัดระวัง อย่าประมาทนาจาาา
เข้าวัดแล้วเย้นไม่แปลก แต่ถ้าร้อน ต้องโทรหาหมอปลาแล้วนะ 5555
วิวจากด้านบนวัดที่เรามองลงไป ลองจินตนาการว่าเป็นทุ่งนาสีเขียวมันจะฟินแค่ไหนกัน
นั่งพักซักแปปออกเดินทางต่อได้ปลายทางวันนี้ที่ ดอยสกาด
ใช้เวลาเดินทางไปเกือบชั่วโมง เนื่องจากถนนขึ้นดอยเล็กและหลายโค้งมา
ขับขี่ระมัดระวังกันด้วยนะคะ เราเกือบชนกับมอไซค์ที่ขับเล่นโค้งลงมาดีนะขับช้า
คำเตือน ไหล่ทางคือเหวเลยนะทุกคนถนนคือแทบห้ามแซง
ถ้าไปให้เผื่อเวลากันหน่อยนะไม่เกินบ่าย 3 จะดี อย่าไปมืดนะถ้าไม่ชินทาง
คืนนี้เราจะนอนกันที่อุ่นไอใบเมี่ยง ทางขึ้นไปจอดรถจะชันหน่อย
ถ้าไม่ถนัดไปกลับรถมาก่อนนะเพราะจะอยู่ตรงมุมและหักศอก
ที่จอดรถมีน้อยมากน่าจะได้ 10 คัน ถ้ามาก่อนคือจอดด้านในสุดเลย
จะออกทีก็ลำบากนิดนึง ถ้าไม่รีบก็ในสุดไปเลยไม่มีปัญหา
จอดรถด้านล่างเดินขึ้นไปทางชันประมาณ 100 เมตรแต่โคตรเหนื่อย
ห้องพักของเรานอน 3 คน คนละ 900 บาทรวมอาหารเช้า
เป็นบ้านโฮมสเตย์ฟิวแบบมาเที่ยวยังไงให้เหมือนบ้านตัวเอง
พี่เจ้าของบ้านบอกดูแลตัวเอง ขึ้นบ้านเปิดประตูเองได้เลยจ้า 55
พวกเรามาถึงเป็นกลุ่มแรกนึกว่าเป็นเจ้าของบ้านได้เลย
เปิดเพลง ทำกับข้าวกินกันในครัว ชิวเกินนนนน
** แนะนำใครจะมาซื้อของสดมาทำกินเองได้เลยนะอุปกรณ์ครบมาก **
เพื่อนร่วมบ้านพักเริ่มทยอยกันมาครบทุกห้องแล้วเริ่มคึกคักต่างคนต่างจับกลุ่มใครกลุ่มมัน
กลัวกันเองแหละ ฮ่าาาา ถ้าไม่มีโควิดน่าจะนั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันได้
พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว ความหนาวเย็นก็เริ่มมาเยือนแล้ว
อยากจะบอกว่าทั้ง 2 คืนที่ผ้่านมา ที่นี่อากาสเย็นสุดเลยแต่อุณหภูมิไม่ต่ำมากนะ
แต่ฟิวมันเย็นกว่าเยอะเลย เพราะบ้านพักเราอยู่สูงและป่าเยอะด้วยแหละมั้ง
แนะนำอาหารเย็น ร้านตามสั่งหมู่บ้านนะคะราคาถูกมากกกกกก
และรสชาติก็อร่อยเกินราคามากเช่นกัน ไปถึงรีบสั่งอาหารเครื่องดื่มไว้เลยนะ
โทรเบอร์นี้นะ 0806722837 เมนูอาหารจะมีไว้บนโต๊ะในบ้านนะคะ
ยำใบเมี่ยง คืออะไร ถ้าอยากรู้ก็ลองชิมดู
กินครั้งแรกติดใจ ติดปาก เป็นรสชาติที่ไม่เคยกินมาก่อน
อิ่มแล้วก็อาบน้ำมานั่งชิวกันซักพัก หมอกเริ่มมา หัวเริ่มเย็น
ต้องเข้านอนแล้วละเพราะกติกาหมู่บ้านห้ามส่งเสียงดังหลัง 20.30
ถ้านั่งจิบเบาๆ กันก็ได้อยู่ แต่เรานอนส่วนร่วมต้องมีความเกรงใจกันเนา
คำแนะนะ ถ้าใครไม่กรนเป็นไปได้ให้รีบนอนนะคะ ฝาพนังบ้านก็เหมือนผ้าม่านนั่นแหละ
ห้องไหนกรนทีสนั่นทั้งบ้าน เอาที่อุดหูไปด้วยจะดีมาก ใครนอนยากต้องทำใจ
. . .
วันที่ 13 ธันวาคม 2021
" ขอเวลาอีกหน่อยได้ไหมยังไม่อยากกลับ "
มอนิ่งตอนเช้าท้องฟ้าตอนตะวันจะลับขอบฟ้ากัยตะวันจะขึ้นจากขอบฟ้ามันจะดีอะไรขนาดนี้
ขอ WFH ที่นี่ซักปีได้ไหม อาหารก็อร่อยและถูก อากาศก็ดี PM ก็ไม่มี
จริงๆ แผนเราจะออกจากที่นี้สายๆเลย ไม่รีบเพราะนัดคืนรถที่สนามบินบ่ายโมง
แต่แล้วพระเจ้าไม่เห็นใจ เครื่องบินเลื่อนไฟท์มาเป็น 11 โมงครึ่ง จบเลยความฝัน
กะจะนั่งดริฟกาแฟพร้อมอาหารเช้าเบาๆ กับบรรยากาศฟินๆ แบบนี้ เศร้าาา TT
อาบน้ำเสร็จก็ขอถ่ายรูปซักแปปก่อนกลับไปในเมือง
ทั้งบ้านมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก บ้านน่ารัก สะอาดด้วย ไว้มีโอกาสจะมาใหม่
เดินลงมาขึ้นรถกำลังจะออกไปเลย มีคุณป้าท่านหนึ่งเราไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ดูแลหรือแม่บ้าน
มาถามว่าไม่กินอาหารเช้าก่อนเหรอ เราบอกไปว่าต้องรีบกลับไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน
แกรีบเดินไปเอาข้าวเหนียวกับหมูทอดมาให้ถุงใหญ่มาก ข้าวเหนียวอร่อยมากด้วย
ขอบคุณมากๆ นะคะ เป็นอาหารรองท้องที่อิ่มจนถึงตัวเมืองเลย
ระหว่างทางกลับเข้าไปในตัวเมืองน่านประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
พวกเราไปถึงเกือบ 9 โมงมีนัดคืนรถ 10 โมงเช้าที่สนามบิน
วันนี้หมอกหนามากกกกก ตลอดทางเข้าไปในตัวจังหวัดน่าน
เห็นพระอาทิตย์เป็นลูกกลมๆ สีขาวเลย พระหมอกคลุมไปหมด
มาถึงในเมืองแวะทานอาหารเช้าแบบจริงจังกันก่อนนะหมูทอดคืออาหารรองท้อง
ร้านข้าวซอยต้นน้ำอีกครั้งหลังจากวันแรกที่มาไม่ได้ทานเพราะคนเยอะ
พวกเรามากลุ่มแรกเลย โต๊ะว่างให้เลือกสรร อย่างชิวอ่ะ ดี๊ดี ><
อร่อยกว่าร้านที่กินวันแรก แต่ก็ยังสู้นิมมานไม่ได้ ใจมันรักไปแล้ว
ข้าววอยเนื้อเปื่อยคือดีมากเด้อ เนื้อน่องลายหอมๆ เปื่อยๆ
อิ่มแล้วหาบริษัทส่งของกลับบ้านกันก่อนถามคนแถวนั่นได้นะคะจะหายากนิดนึง
ส่งเสร้จก็ไปสนามบินกันได้โล่ยยยยย ได้เวลากลับบ้านแล้ว หมดเวลาสนุกแล้วซิ
สนามบินไม่ไกลยุในเมืองเลย 10 นาทีก็ถึงแล้ว คืนรถเรียบร้อยไปนั่งรอกลับบ้านกันจ้า
กู๊ดบายยยยย เมืองน่านนคร
จบทริป 4 วัน 3 คืนของพวกเรา 3 คนเรียบร้อย
ทริปนี้ผ่านไปด้วยดี ไม่มีปัยหาเกิดขึ้นระหว่างทริปมีแต่หวุดหวิด ฮ่าา
ขอบคุณเพื่อนร่วมทาง ขอบคุณทุกๆ คนที่เราพบเจอตลอดทั้งทริป
ไว้มีโอกาสหน้าเราจะกลับมาเยี่ยมเยียนกันใหม่ ขอบคุณค่ะ
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป
ค่ารถทัวร์ 3 คน = 1,524 บาท
ค่ารถเช่า 3 วัน เกิน 1 ชม. = 3,100 เงินมันจำ 3,000
ค่าที่พักคืนที่ 1 = 700 + กางเต็นท์ 250 บาท (รวมอาหารเช้า)
ค่าที่พักคืนที่ 2 = 600 บาท บ้านเกรียน 2 หลัง (ไม่มีอาหารเช้า)
ค่าที่พักคืนที่ 3 = 2,700 บาท คนละ 900 บาท (รวมอาหารเช้า)
ค่าน้ำมันรถเติมเต็มถัง 700 บาท โคตรประหยัด
ค่ากินตลอดทริป 5,900 บาท
ค่าเครื่องบิน 3 คน = 4,455 บาท
. . .
สรุปโดยประมาณ 19,679 เฉลี่ยคนละ 6,559 บาท
ไปชมคลิปเที่ยวของพวกเราได้เลยที่นี่...
Juuuum
วันพฤหัสที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.35 น.