คุณป้าผู้ดูแลเกสท์เฮ้าส์ดีใจใหญ่ที่เห็นผม ก็ผมเล่นฝากเป้ไว้ตั้งแต่พระอาทิตย์เพิ่งขึ้น กลับมาอีกทีก็ตอนพระจันทร์ฉายแสงนวลผ่องอยู่บนฟ้า

ดึกดื่นขนาดนี้แต่สถานีรถไฟตูกูยังคงพลุกพล่านด้วยผู้คน เพราะคนอินโดนิยมเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งสะดวกสบายอีกทั้งยังรวดเร็วกว่าการเดินทางด้วยรถประจำทาง อย่างขบวนรถไฟจากยอกยาการ์ต้า สู่บันดุงที่ผมใช้บริการนี้ ออกจากสถานีตูกูเวลา 3 ทุ่มครึ่ง ใช้เวลาวิ่งแค่ 7 ชั่วโมงเศษก็พาผมมาถึงเมืองบันดุง (Bandung) เมืองหลวงของจังหวัดชวาตะวันตก (West Java) ในเวลาก่อนฟ้าสาง

ด้วยความเป็นคนที่ไม่ค่อยเรื่องมากในการหาที่พัก เพราะอยากใช้เวลาเริงร่ากับสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า หลังจากเดินออกจากสถานีรถไฟบันดุง ผมก็ตรงเข้าไปหาที่พักที่มีอยู่ราว 2 - 3 แห่งบริเวณหน้าสถานี โดยที่พักแต่ละแห่งล้วนตกแต่งด้วยสวนอย่างสวยงาม พร้อมบริการอาหารเช้าแบบเบาๆในราคาสบายกระเป๋าแค่คืนละ 100,000 รูเปียห์

ยังไม่ทันที่พระอาทิตย์จะทำหน้าที่อย่างเต็มตัว ผมก็กระโดดขึ้นรถอังกูตัน โกตา (Angkutan Kota) เพื่อเดินทางไปเมืองเลมบัง (Lembang) โดยเจ้าอังกูตัน โกตานี่เป็นรถตู้คันเล็กที่ภายในดัดแปลงให้มีลักษณะคล้ายรถสองแถว

เมื่อถึงเมืองเลมบัง ผมต่ออังกูตัน โกตาอีกคันเพื่อไปยังน้ำพุร้อนซิอาเตอร์ (Ciater) เส้นทางนั้นพาดผ่านไปตามทิวเขา นอกจากความเขียวชอุ่มของแมกไม้แล้ว บางช่วงยังมีต้นชาที่ผลิใบอ่อน จนเหมือนมีใครเอาสีเขียวมาระบายจนทั่วเนินเขา

แต่ผมนั่งอย่างสบายอารมณ์ชมวิวได้เพียงไม่นาน คนขับก็จอดกลางทาง แล้วหันมาถามผมว่า “จะไปซิอาเตอร์ใช่ไหม” ผมพยักหน้าว่าใช่ ซึ่งในขณะนี้ผมเริ่มรู้สึกถึงรังสีความเจ้าเล่ห์ของคนขับที่เริ่มแผ่ความเข้มข้นมากขึ้น

คนขับบอกว่ารถหมดระยะแค่นี้ หากจะไปซิอาเตอร์ต้องจ่าย 50,000 รูเปียห์ เอาเข้าแล้วไง ผมโดนพิษสงของโรคโกงนักท่องเที่ยว ที่แผ่ระบาดไปทั่วโลกเร็วกว่าโรคไข้หวัดเข้าแล้ว

ผมแย้งว่า ก็ตกลงค่าโดยสารกันแล้วที่ 10,000 รูเปียห์ แต่ดูเหมือนคนขับจะความจำเสื่อมชั่วคราว ให้กินแปะก้วยก็คงไม่ช่วยอะไร นี่ถ้าหากอยู่ในเขตชุมชนผมคงกระโดดออกจากรถแล้วโบกรถคันใหม่ที่วิ่งผ่านมา แต่เจ้าคนขับก็ช่างเลือกที่โจรกรรมค่าโดยสารได้เหมาะยิ่ง เพราะในขณะนี้รอบตัวผมเป็นแนวป่า ที่มีสนสองใบกำลังหยอกล้อกับสายลม

สุดท้ายผมจึงจำยอมให้คนขับโจรกรรมค่าโดยสาร แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นคนช่างต่อรองราคาตามประสาแบ็คแพ็คเกอร์ทุนน้อย จาก 50,000 รูเปียห์ ผมต่อค่าโจรกรรมลงเหลือ 35,000 รูเปียห์

น้ำพุร้อนซิอาเตอร์อยู่ในพื้นที่ของรีสอร์ตหรูนามว่าซารี อาเตอร์ (Sari Ater) ภายในถูกตกแต่งให้เป็นสวนสวยหลายรูปแบบ ทั้งน้ำพุกลางบึงน้ำ ธารน้ำตกที่สวยงาม โดยอบอวนไปด้วยไอน้ำพุร้อนที่แทรกตัวประสานกับความร่มรื่นของแมกไม้

ผมเดินไปตามสายน้ำจนสุดปลายทาง ธารน้ำที่อบอวนไปด้วยไอร้อนทิ้งตัวดิ่งจากหน้าผาเตี้ยๆลงสู่แอ่งน้ำใสเบื้องล่าง เกิดเป็นน้ำตกขนาดเล็กๆ โดยมีครอบครัวชาวอินโดมาพักผ่อนและแหวกว่ายในแอ่งน้ำใสสะอาดนั้น

เพราะขาถูกใช้งานอย่างหนักไปกับการเดินทางเสียหลายวัน ผมจึงเลือกที่จะนั่งหย่อนขาแช่น้ำแร่ที่มากไปด้วยแร่ธาตุกว่าสิบชนิด แม้ความร้อนและเหล่าแร่ธาตุจะทำให้ขาคลายความเมื่อยล้าได้บ้าง แต่ก็คงไม่นาน เพราะการเดินทางบนเกาะชวายังไม่สิ้นสุด และผมก็ไม่คิดที่จะหยุดใช้สองขาเดินทางเสียที

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 13.06 น.

ความคิดเห็น