“อัน ยอง ฮา เซ โย” ชายมาดเข้มคนหนึ่งร้องทักผม ขณะที่กำลังยืนรออังกูตัน โกตาเพื่อกลับบันดุง ทีแรกคิดว่าคงเป็นนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี แต่พอหันไปดูจึงเห็นความเป็นอินโดอยู่เต็มหน้า

หลังจากที่ปฏิเสธว่าไม่ใช่คนเกาหลีแล้ว พี่ชายชาวอินโดก็เดาว่า ถ้าไม่ใช่เกาหลี ผมก็คงเป็นญี่ปุ่น หรือไม่ก็จีน แต่เมื่อผมบอกว่าผมมาจากไทยแลนด์ พี่แกกลับฟังเป็นว่าผมมาจากไทเป เพราะแม้จะตะลอนตากแดดมาหลายวันจนหน้าดำ แต่ความเป็นอาตี๋ของผมก็ยังไม่หายไป

พี่มาดเข้มคนนี้ชื่อวันทา (Wandha) และเหตุที่แกมาดเข้มได้ขนาดนี้เป็นเพราะแกเป็นทหารอากาศ อีกทั้งยังไปร่ำเรียนวิชาการทหารมาจากเกาหลีใต้ ผมจึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมแกถึงทักทายผมด้วย “อัน ยอง ฮา เซ โย”

การได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมทางแปลกหน้า ทำให้การเดินทางเพียงลำพังของผมดูมีสีสันขึ้น เพราะจุดหมายของพี่วันทาคือที่บันดุงเช่นเดียวกับผม เมื่อถึงบันดุงพี่วันทาจึงชักชวนผมไปชมเกดุงสะเต๊ะ (Gedung Sate) สิ่งก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบอินโด – ยุโรปในยุคนีโอคลาสสิค ที่ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่และสวยที่สุดในบันดุง

เกดุงสะเต๊ะนั้นถูกสร้างตั้งแต่ปีค.ศ.1920 ในสมัยที่อินโดนีเซียยังอยู่ในอาณานิคมของดัตช์ โดยปัจจุบันอาคารนี้ใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานราชการ และมีชื่อทางการว่า Kantor Gubernur Jawa Barat

ชื่อเกดุงสะเต๊ะนั้นฟังแล้วชวนให้นึกถึงสะเต๊ะหรือเนื้อเสียบไม้ย่างบนเตา ได้คนอินโดพาเที่ยวเช่นนี้ จึงได้โอกาสสอบถามที่มาของชื่อ แต่ไม่รู้ว่าพี่วันทาพูดจริงหรือเล่น ที่บอกว่าเจ้าสะเต๊ะที่ว่านี้ ก็คือเสาซี่เล็กๆที่เรียงรายไปตามหน้าต่างของอาคาร ซึ่งมองดูคล้ายไม้เสียบสะเต๊ะที่วางเรียงกันบนเตา เฮอ...ช่างคิดดีแท้

หลังจากแยกทางกับพี่วันทา ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา ผมจึงต้องวิ่งไปหลบในตู้โทรศัพท์ เพื่อรอให้ฝนหยุดตก แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าฟ้าจะกลับมาใสเสียที มิหนำซ้ำสายฝนยิ่งทวีความแรงมากขึ้น หากเป็นคลากเคนท์ ป่านนี้ผมคงแปลงร่างเป็นซุปเปอร์แมนหลายรอบแล้ว จนในที่สุดความอดทนก็ถึงที่สิ้นสุด เพราะอยู่ใต้ฟ้าจะกลัวอะไรกับสายฝน ผมจึงตัดสินใจเดินกางร่มฝ่าสายฝนเพื่อไปยังสถานที่สำคัญต่างๆในเมืองบันดุงก่อนที่เวลาวันนี้จะหมดไป

ไม่รู้เป็นเพราะสายฝนที่เพิ่งโปรยปรายลงมาหรือเปล่า จึงเป็นเหตุให้เมืองบันดุงดูร่มรื่นได้ขนาดนี้ เพราะแม้เมืองนี้จะมีมีฐานะเป็นเมืองหลวงของชวาตะวันตก ที่อยู่ใกล้กรุงจาการ์ต้าเพียงแค่ 124 กิโลเมตร แต่เมืองนี้ก็มากไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จนเหมือนตึกรามบ้านช่องนั้นเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างเล็กๆที่ขึ้นกระจัดกระจายอยู่ในสวนขนาดใหญ่ อีกทั้งอากาศในเมืองยังเย็นสบาย เพราะตั้งอยู่ที่ระดับความสูงถึง 768 เมตรจากระดับน้ำทะเล

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.13 น.

ความคิดเห็น