หากเป็นนักแสดง ในเวลานี้ผมคงได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ดีเด่นจากบทบาทแสดงหน้าเศร้าเคล้าไปด้วยเหตุผล เมื่อได้ฟังข่าวร้ายจากเจ้าหน้าที่ว่าวันนี้พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา (Geological Museum) ปิดทำการเพื่อเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะมาเยือน

หลายเหตุผลต่างพร่างพรูจากปาก ไม่ว่าจะเป็น “ผมมาไกล จากไทยแลนด์เชียวนะ” “ผมมาใหม่พรุ่งนี้ไม่ได้หรอก เพราะพรุ่งนี้ผมจะไปจาการ์ต้าแล้ว” จนถึง “ได้โปรดเถอะ ขอเข้าชมแค่ชั้นล่างก็ได้ อินโดนีเซียกับไทยแลนด์เป็นประเทศเพื่อนบ้านในอาเซี่ยนด้วยกันนะ Pleaseๆๆ”

แต่ดูเหมือนไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ยอมให้ผมเข้าชม แต่แล้วนักแสดงหน้าใหม่เช่นผมก็เข้าตากรรมการ เมื่อหัวหน้าพิพิธภัณฑ์เดินมากวักมือเรียก พร้อมบอกว่าให้เข้าชมก็ได้ (จะได้หยุดพูดเสียที) แต่แค่ 5 นาทีนะ

เขาให้ผมเลือกว่าจะเข้าชมห้องจัดแสดงฝั่งซ้ายหรือขวา ผมเลือกชมฝั่งซ้ายเพราะเห็นมีแสงสีออกมาจากฝั่งนั้น โดยฝั่งซ้ายนี้จัดแสดงโมเดลของเหล่าภูเขาไฟในประเทศอินโดนีเซียที่มีนับร้อยลูกพร้อมข้อมูลทางธรณีวิทยา

นอกจากอนุญาตให้เข้าชมแล้ว หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ยังบรรยายถึงการเกิดประเทศอินโดนีเซียในแง่ธรณีวิทยา ซึ่งแน่นอนว่าในอดีตเมื่อหลายล้านปีที่แล้วเกาะสุมาตรากับเกาะชวานั้นเคยเป็นเกาะเดียวกัน แต่ที่แทบไม่น่าเชื่อคือ การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกจะทำให้เกาะสุลาเวสี ซึ่งเคยอยู่ใต้เกาะชวา จะเคลื่อนตัวขึ้นมาอยู่ทางเหนือของเกาะชวา หมู่เกาะทั้ง 18,000 เกาะของอินโดนีเซียซึ่งอยู่บนรอยต่อของเปลือกโลก หรือที่เรียกกันว่า วงแหวนไฟ จึงสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว และสึนามิ บรรยายไป หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ก็จับเวลาไป จาก 1 นาที จนครบ 5 นาที จากนั้นก็ยิ้มแฉ่งพร้อมบอกหมดเวลา

เหมือนรู้ทัน เพราะยังไม่ทันที่ผมจะแสดงบทหน้าเศร้าเพื่อขอต่อเวลา หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ก็บอกว่าจะต่อเวลาให้อีก 5 นาที เพราะจริงๆผมน่าจะไปชมฝั่งขวาซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่มากกว่า ว่าแล้วก็เดินนำสู่ฝั่งขวาของอาคาร ซึ่งจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ถึง 4 ตัว ทำให้ผมถึงกับยืนตะลึงเหมือนหลุดเข้าไปในโลกยุคดึกดำบรรพ์

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 13.05 น.

ความคิดเห็น