หอสูงนามว่าโมนาส สัญลักษณ์อันโดดเด่นของจาการ์ต้า (Jakarta) ตั้งโดดเด่นประชิดกับสถานีรถไฟแกมบิร (Gambir) แต่ช้าก่อน ผมคงไม่ทรมานหลังด้วยการแบกเป้ขึ้นโมนาสที่สูงถึง 128.7 เมตรหรอก การหาที่พักเพื่อปลดสัมภาระออกจากบ่าจึงยังคงเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกเสมอ

แม้จาการ์ต้าจะเป็นเมืองหลวงและจุดศูนย์กลางธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย แต่สำหรับการท่องเที่ยวแล้ว จาการ์ต้าเป็นแค่เพียงตัวสำรอง ที่ต้องรอให้นักท่องโลกเริ่มเบื่อตัวจริงอย่างบาหลีหรือยอกยาการ์ต้าก่อนเท่านั้น จึงจะชำเลืองมอง ฉะนั้นอย่าหวังว่าจะได้เห็นบรรยากาศถนนข้าวสารในเมืองนี้เด็ดขาด เพราะแม้ถนนจาคซา (JL. Jaksa) แหล่งที่พักประเภทเกสท์เฮ้าส์ของเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ ก็แสนเงียบเหงา โดยมีที่พักให้เลือกไม่มากนัก

หลังจากที่ตกลงพักในห้องที่แสนแคบของ Bloem Steen Hotel ก็ได้เวลาที่ผมจะไปสบตากับโมนาส (Monas) อีกครั้ง โมนาสนั้นตั้งโดดเด่นอยู่บนตำแหน่งจุดศูนย์กลางของจัตุรัสอิสรภาพ (Merdeka Square) สร้างในปีค.ศ.1961 ในสมัยประธานาธิบดีซูการ์โนเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการประกาศอิสรภาพ โดยชื่อมาจากการย่อคำว่า National Monument ซึ่งภาษาอินโดนีเซียจะเขียนเป็น Monumen Nasional

หลังจากที่แหงนคอตั้งบ่าเพื่อมองไปยังเปลวเพลิงบนยอดโมนาสที่เคลือบด้วยทองคำแท้หนักถึง 12 กิโลกรัมแล้ว ผมก็เดินวนไปวนมาเสียหลายรอบ จนอาจคิดว่ากำลังเดินเวียนเทียนเพราะหาทางเข้าไปภายในโมนาสไม่เจอสักที จนในที่สุดก็ต้องเปิดแผนที่ที่พกติดตัวมาตั้งแต่เกิดนั่นคือ “ปาก” จึงได้รู้ว่าต่อให้ผมเดินวนสัก 3 รอบ ก็หาทางเข้าไม่เจอ เพราะทางเข้านั้นเป็นอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งทางลงอยู่หลังป้ายโมนาสที่ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่ง

โผล่จากใต้ดินได้ไม่นาน ผมก็มุดลงดินอีกครั้ง เพราะชั้นล่างนั้นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่นอกจากบอกเล่าเรื่องราวของการก่อสร้างโมนาสแล้ว ยังมีตุ๊กตาตัวเล็กพร้อมฉากประกอบแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันสำคัญในการก่อเกิดประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่ยุคถูกล่าอาณานิคม จนถึงการประกาศเอกราช อีกทั้งยังมีภาพของจาการ์ต้าในอนาคตที่มากไปด้วยอาคารสูงรูปทรงแปลกตา และระบบขนส่งมวลชนที่โยงใยกันทั่วเมือง โดยได้แรงบันดาลใจจากกัวลาลัมเปอร์ ประเทศเพื่อนบ้านนั่นเอง ทีนี้จะได้ลุ้นกันหละว่าระหว่างรถไฟฟ้าหลากสีของกรุงเทพกับโมโนเรลของจาการ์ต้าอย่างไหนจะเสร็จก่อนกัน

การขึ้นไปชมวิวบนหอคอยโมนาสนั้นเสียค่าเข้าเพียง 2,500 รูเปียห์ หากขึ้นบันไดไปชมแค่ส่วนบนของฐานที่สูงประมาณตึก 4 ชั้นก็น่าจะโอเค แต่หากคิดเดินขึ้นบันไดเพื่อไปชมวิวบนยอดที่สูงประมาณตึก 30 ชั้น คงไม่ดีแน่ ผมจึงยอมจ่ายเงินเพิ่มอีก 7,500 รูเปียห์เพื่อขึ้นลิฟต์รวดเดียวไปจุดชมวิวที่ระดับความสูง 105 เมตร (บวกความสูงของเปลวเพลิงสีทองที่อยู่บนยอด จะได้ความสูง 128.7 เมตร)

นอกจากตึกสูงที่ผุดขึ้นท่ามกลางบ้านเรือนแล้ว ยังมองเห็นสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง เช่น มัสยิดอิสติคลาล (Istiqlal Mosque) มัสยิดประจำเมืองที่มีโดมขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนอาคารสูงทรงสี่เหลี่ยม อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทเพอร์ทามินา (Pertamina) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอินโดนีเซีย โบสถ์คริสต์อิมมานัล (Immanuel Church) ที่มีลักษณะเป็นทรงกลมดูแปลกตา และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่มีเรื่องราวเกี่ยวเนื่องกับรัชกาลที่ 5 ของคนไทย

ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าทำไมผมจึงรู้จักชื่ออาคารต่างๆมากขนาดนี้ เพราะเขามีรูปถ่ายแบบเดียวกับวิวที่เรากำลังมองดู พร้อมชื่อของอาคารต่างๆติดไว้ตลอดแนว และหากตาดีๆมองไปไกลสักนิดจะได้เห็นท้องทะเลอยู่ลิบๆ

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.28 น.

ความคิดเห็น