น่าน-ปัว ทิวเขา ทุ่งนา วัดวา และไทลื้อ

สวัสดีครับ

วันนี้มาเล่าเรื่องราวท่องเที่ยวตัวเมืองน่าน และ อ.ปัว เดินทางช่วงปลายเดือนตุลาคม

มีญาติพาเที่ยวเป้าหมายของพวกเราคือไหว้พระ  ชมวิวท้องทุ่ง และทิวเขาดอยภูคา

สูดออกซิเจนให้เต็มปอด พักผ่อนหลังจากเจอเรื่องงานหนักๆ ชาร์ตแบตแล้วกลับมาลุยต่อกันครับ

สำหรับการเดินทางตอนแรกจะไปเครื่องบินเซ็คราคาแล้วทั้งหางแดง หางเหลือง ราคาไปกลับ 5 พันกว่า

และไฟล์ทก็ออกสาย เลยเปลี่นเป็นรถทัวร์ออกจากกรุงเทพค่ำๆ ถึงน่านเช้า แล้วเที่ยวต่อ แพลนเที่ยวได้หลายที่เลยครับ

ส่วนที่น่านตอนแรกจะเช่ารถโลโก้สีแดง ตอนแรกกะใช้โปร 399 บาท/วัน แต่หมดโปรไปก่อน

สอบถามราคาและจองจากหน้าเว็บไปราคาประมาณ 1000 บวกอะไรเบ้ดเสร็จประมาณ 1200 ต่อวัน

คืนรถช้าได้ 4 ชม. สุดท้าย ได้รถของญาติมาเลยไม่ได้จองครับ

ฝากเพจภาพถ่ายรวมทริปที่ผ่านมาของผมไว้ด้วยครับ

https://www.facebook.com/WhiteCloudTravel

# แผนการเดินทาง

วันที่ 1 น่าน-ปัว

วัดภูมินทร์ - วัดศรีพันต้น - หอศิลป์ริมน่าน  - ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ - วังศิลาแลง - ร้านลำดวนผ้าทอและกาแฟไทลื้อ - วัดภูเก็ต

วัดปรางค์,ต้นดิกเดียม- วัดต้นแหลง

วันที่ 2 ปัว-น่าน

วัดพระธาตุเบ็งสกัด - วัดร้องแง - พระธาตุจอมแจ้ง - วัดนิมตรมงคล (วัดบ้านตึ๊ด) - วัดหนองบัว - เทศกาลแข่งเรือยาว - วัดสวนตาล

# งบประมาณ

ค่ารถทัวร์นครชัยแอร์ ไป-กลับ 1,062 บาท

อาหารมื้อเช้า 120 บาท/3 คน (40 บาท/คน)

มื้อกลางวัน ฟาร์มเห็ดหัวน้ำ 639บาท/3 คน (213 บาท/คน)

เครื่องดื่ม 120 บาท/3 คน (40 บาท/คน)

ค่าที่พัก 500 บาท/ห้อง  (250 บาท/คน)

มื้อเช้าข้าวซอย 210 บาท/3คน   (70 บาท/คน)

มื้อกลางวัน  660 บาท/3คน (220 บาท/คน)

กาแฟ เค้ก 320บาท/3คน  (107 บาท/คน)

เฉลี่ยประมาณ 2002 บาท/คน

กรณีเช่ารถ 1 วัน 1200 บาท + ค่าน้ำมัน 1000 บาท

# เตรียมตัวก่อนเดินทาง

- ค้นหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไป

- เตรียมเส้นทางการเดินทางจาก google map วางจุดหมายปลายทาง ประมาณเวลาเข้าชมแต่ละจุด และเลือกเที่ยวตามเส้นทางไม่ให้ย้อนไปย้อนมาเพื่อประหยัดน้ำมัน

- เซ็คสภาพอากาศวันเดินทาง มีฝน 10% แต่วันจริงที่น่าน แดดเปรี้ยงครับ

-  เลือกและจองที่พัก โทรสอบถาม ตรวจสอบราคาจาก  ค้าง 1 คืน   เลือกที่นี่เพราะวิวท้องทุ่งนาฉากหลักดอยภูคา  

เครดิต ข้อมูลที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว แผนที่

https://www.mekongrivertoday.c...

facebook.com เสน่ห์น่านวันนี้

ออกเดินทางจากรุงเทพ ขึ้นรถที่ศนูย์นครชัยแอร์ ถ.กำแพงเพชร2  เวลา 20:15  น.

ที่เลือกนครชัยแอร์ เพราะมีเบาะนวดไฟฟ้า และเก้าอี้ที่นั่งสบายนอนยาวถึงน่าน ราว 8 ชม.

ขาไปมีน้ำขนม และมีข้าวกล่องให้ แต่ข้อเสียคืออาหารใส่กล่องโฟมแต่ไม่มีพลาสติกรองอาหาร ถ้าปรับตรงนี้ได้จะดีมากเลยครับ

ถึงน่าน ราว 6 โมงเช้า นัดญาติลงที่ขนส่งน่าน ที่นี่ต่อรถไปได้ทุกอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงได้สะดวกครับ

หลังจากรวมตัวกันแลวก็ไปทานโจ๊กมื้อเช้าแถวตลาดตั้งจิตนุสรณ์ และซื้อเสบียงไปทานระหว่างทานเผื่อหิวด้วยครับ

อิ่มอร่อยแล้วมาซื้อเสบียงไปทานระหว่างทานเผื่อหิวครับ

ขนมในรูปไม่รู้ชื่อแต่อร่อยมากครับ แนะนำเลย ^^

เป้าหมายที่ 1 วัดภูมินทร์

มองจากหน้าวัดไปยังฝั่งวัดพระธาตุช้างค้ำ

เข้าวัดไหว้พระกันครับ

วัดภูมินทร์ เป็นวัดที่สร้างทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหารและพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้ เป็นพระอุโบสถ

ไหว้พระสี่ทิศชมจิตรกรรมลือชื่อ

ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ภาพนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์ มีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ๆคล้ายภาพสมัยใหม่ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเมืองน่าน หญิงสาวกำลังทอผ้าด้วยกี่พื้นเมือง นอกชานมีเรือนเล็กๆตั้งหม้อน้ำดินเผาที่เรียกว่า “ร้านน้ำ”ส่วนชายหนุ่มไว้ผมทรงหลักแจวหรือทรงมหาดไทย แสดงให้เห็นอิทธิพลตะวันตกที่เข้ามาผสมผสานในวิถีพื้นเมืองน่าน

ภายนอกวัด

เป้าหมายที่ 2  วัดศรีพันต้น อยู่ใกล้ 4 แยก ตรงข้ามร้านของหวานป้านิ่ม

อร่ามสวยงามตระการตา ตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินสวยงามครับ ถ่ายภาพด้านนอก เห็นมีมาถ่าย Pre Wedding กันด้วยนะครับ

ไม่ได้เข้าไป เพราะรีบทำเวลาออกเดินทางไปปัวต่อครับ

ออกเดินทาง ไปท่าวังผา ตามเส้น  101 ระหว่างทางแวะ

เป้าหมายที่ 3  หอศิลป์ริมน่าน  ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท ได้โปสการ์ดฟรี 1 ใบครับ

มาชมวิวน้ำน่านกันก่อน

เข้าชมที่นี่ก่อนเข้าหอ

ด้านหน้าหอศิลป์

แวะเข้าห้องน้ำอาร์ทๆ

เข้าหอศิลป์กันครับ  ที่นี่รวบรวมงานศิลปะ ของศิลปินไทยร่วมสมัยที่มีผลงานการสร้างสรรค์และรูปแบบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น

ทางขึ้นไปชั้น 2 แต่ยังไม่ขึ้น แวะออกไปข้างหอกันก่อน

ด้านข้างหอศิลป์มีร้านกาแฟนานั่งครับ

กลับมาขึ้นชั้น 2 ชมงานศิลป์กันต่อ

ที่นี่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน เพื่อการศึกษาศิลปะร่วมสมัยการศึกษาศิลปะของนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง

ทั้งยังเป็นแหล่งที่ก่อเกิดแรงบันดาลใจศิลปินในอนาคต ที่สนใจจะเรียนรู้การสร้างสรรค์ศิลปกรรม

โปสการ์ดฟรี และ gusetbook

มาถึงเมืองปัว เกือบ 11 โมง หิวมากแล้ว...เป้าหมายคือ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ

แวะทานข้าว มาชิมพิซซ่าเห็ดที่ล่ำลือ และชมวิวมุมสูงทุ่งนาสวยๆ

เส้นทางเข้าขรุขระหน่อยนะครับ ลานจอดรถด้านหลังกว้างหน่อย

เดินผ่านบ้านพักวิวสวย

เดินถือเสบียงจากตลาดมื้อเช้า มายังร้านอาหาร ขึ้นไปชั้น2 มองวิวสวยๆ

ดื่มแก้กระหายนั่งสบายชมทุ่งนา ^^

สั่งไปด้วยความหิว อาหารกลางวันของเราวันนี้

พิซซา อร่อยสมคำล่ำลือ

ผัดเห็ด อร่อย

ไก่ต้มน้ำปลา อร่อย

ลาบเห็ด ผมว่าโอเค แต่น้องๆบอกจืด สำหรบคนทานรสไม่จัดน่าจะโอเคนะครับ

ต้มยำเห็ด ไม่เข้มข้นเท่าไหร่

ชมวิวท้องทุ่ง หลังทานอาหารหมดทุกจาน

อิ่มแล้ว มีแรงเดินทางไปชมวังศิลาแลง

เดินมาสักพักถึงจุดนี้มองวิวย้อนไปสวยดี

เดินเข้าไปชมวังศิลาแลงกันครับ ผมเดินไปถึงวังปู่คา ลื่มก้นกระแทกไป 2 รอบ 55 ...เดินป่าระมัดระวังกันด้วยนะครับ

เดินกลับมาที่พักหิวน้ำมากๆ จัดไปกันอีกคนละแก้ว พักเหนื่อยสักพักไปดูฟาร์มเห็ด แล้วเดินทางต่อ

เป้าหมายที่5  ร้านลำดวนผ้าทอและกาแฟไทลื้อ

ตอนแรกกะมากินกาแฟร้านนี้แต่ยังเต็มท้องจากฟาร์มเห็ดอยุ่ เลยแวะมาเก็บบรรยากาศท้องทุ่ง ผ้าทอ ฟ้าสีสดตัดกันสวยงาม แต่บ่ายแก่ๆ แดดแรงมากครับ - -"

เดินผ่านร้านผ้าทอ

แดดแรงมาก เดินทางไปต่อกันดีกว่าครับ

เป้าหมายที่ 6 วัดภูเก็ต ..ชมวิวทุ่งนามุมสูง ไปถึงที่ ทุ่งนาเริ่มเกี่ยวข้าวบ้างแล้วก็เขียวๆเหลืองๆ มีสไตล์ไปอีกแบบ 55

ไหว้พระกันก่อนออกเดินทางต่อครับ

เป้าหมายที่ 7  วัดปรางค์ + ต้นดิกเดียม

“ต้นดิกเดียม” (Unseen Thailand) เป็นต้นไม้ที่มีลักษณะพิเศษคือ เมื่อเราสัมผัสบริเวณลำต้นเบาๆ ก็จะพบว่าใบของต้นดิกเดียมจะสั่นไหวทุกครั้ง  ..แต่ลองเกากัน 3 คนแล้วก็ไม่สั่น ตอนสั่นก็แยกไม่ออกว่าลมพัดหรือเราเกา อิอิ

ไหว้พระกันครับ

วัดนี้มีพระธาตุบุญนาค ทรงลังกา ระฆังคว่ำ เป็นที่เคารพบูชาของคนใน ต.ปัว

เป้าหมายที่ 8 วัดต้นแหลง

วิหารทรงตะคุ่มหลังคาเป็นไม้แป็นเกล็ดมุงลดหลั่นกันมาซ้อน 3 ชั้น ลักษณะเดียวกับบ้านเรือนแบบเดิมของชาวไทลื้อแถบสิบสองปันนา

ผนังเจาะช่องหน้าต่างเล็กๆ เพื่อป้องกันอากาศหนาวเย็น ประตูทางเข้าตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก เพื่อให้แสงแรกของวันสาดส่องมาต้ององค์พระประธานและเพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่เข้ามาในวิหารมุ่งความสนใจไปที่องค์พระประธาน ทั้งยังก่อให้เกิดบรรยากาศที่สงบนิ่งเหมาะกับการน้อมจิตสู่สมาธิ

ไหว้พระกันเต็มอิ่มแล้ว ท้องเริ่มหิวแวะทานร้านส้มตำ ก่อนเข้าที่พักตอนเย็นๆ

ปวินศิลป์รีสอร์ท  ...วิวทุ่งนาสวยงามยามเย็น

เข้าห้องพักกันครับ

คืนนี้หมดแรง ขอนอนก่อน...

.

.

ตื่นเช้ามาชมวิวจากห้องนอน

เดินลงไปทานกาแฟ ขนมปังกันครับ ระหว่างลงก็เก็บภาพที่พักมีงานศิลป์เขียนตามบานประตู ฝาผนังสวยดีครับ

ร้านกาแฟ เติมพลังมื้อเช้าของเรา ผมชงไมโลกับขนมปังทาแยม จิบไปชมวิวทุ่งนาเขียวๆ อากาศสบายๆ ฟิน ^^

เดินสำรวจทุ่งนาด้านหน้าที่พักสักหน่อย

ที่นี่ไม่มีอาหารเช้านะครับ แต่ฝากซื้อได้ เมื่อวานเรากะจะไปกาดเช้าเมืองปัวซะหน่อย แต่รอน้องๆ ตื่นตลาดก็วายพอดี 55

อาบน้ำเก็บของแล้วออกเดินทางไปทานมื้อเช้ากันครับ

มื้อเช้าของเราวันนี้ เฮือนข้าซอย แถวตัวอำเภอ ฝั่งตรงข้าม ธ.กสิกรไทย

ข้าวซอย รสชาติดี แบบทรงเครื่องจะใส่ไข่ด้วยครับ

ก่อนขึ้นรถเดินทางต่อ แวะไปถ่าย ธ.กสิกรไทย อาคารไม้ทั้งตึกสวยงามครับ

เป้าหมายที่ 9 วัดพระธาตุเบ็งสกัด

องค์พระธาตุและพระวิหารสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๖ ภายในองค์พระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งถือเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชุมชน

ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของวิหารเป็นทรงตะคุ่มแบบพื้นบ้านไทลื้อ หรือที่เรียกว่า “ทรงเตี้ยแจ้” พื้นเมือง

ช่วงที่ไปพระธาตุยังบูรณะซ่อมแซมบำรุงอยู่ครับ เก็บบรรยากาศรอบๆ มาฝาก

เป้าหมายที่ 10   วัดร้องแง + หอเทพญารินทร์เจ้าหลวงช้างเผือกงาเขียว

วิหารวัดร้องแง เป็นวิหารเก่ารูปทรงไทยลื้อ หลังคามุงด้วยแป้นเก็ดหรือกระเบื้องไม้ ภายในวิหารมีของเก่าที่ ควรอนุรักษ์ไว้ เช่นบันไดแก้ว ธรรมมาสน์เทศ ภาพจิตกรรมฝาผนังคล้ายวัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน

เดินมาฝั่งตรงข้ามวัด หลังทุ่งนาไปหน่อย ไปไหว้หอเจ้าหลวงเทพพญาเลน (เจ้าพ่อพญาริน)

ซึ่งมีช้างเผือกงาเขียว เป็นช้างคู่บารมี ต่อมาชาวบ้านนิยมเรียกท่านว่า “ เจ้าหลวงช้างเผือกงาเขียว” ปัจจุบันชาวบ้านได้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นไว้เป็นที่เคารพสักการบูชา เป็นรูปเจ้าหลวงนั่งบนหลังช้างบนแท่น ฯ ณ หอเจ้าหลวง หรือ ศาลเจ้าหลวง บริเวณทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของบ้านร้องแง และ จะมีประเพณี สมโภชน์ หรือ เลี้ยง ป๋าง ปีละ 3 ครั้ง

เป้าหมายที่ 11 พระธาตุจอมแจ้ง

ที่นี่ทางขึ้นค่อนข้างชัน ทางลงชันแบบไม่มีโค้ง ระมัดระวังในการขับนะครับ

หรือจอดไว้ข้างล่างแล้วเดินขึ้นบันไดไหว้พระธาตุก็ได้ครับ  ข้างบนมีจุดชมวิวเมืองปัวแบบ 180 องศา สวยงามครับ

เป้าหมายที่ 12 วัดนิมตรมงคล (วัดบ้านตึ๊ด)

วัดสุดท้ายก่อนอำลาเมืองปัวครับ

ก่อนออกจากเขตบ้านร้องแง ตั้งใจไว้จะมาทานไก่กระบอกเมืองปัว แต่แล้วก็อดร้านไม่เปิดครับ - -"

ลาก่อนเมืองปัวแล้วพบกันใหม่ ^^

เดินทางต่อมุ่งสู่ อ. ท่าวังผา เพื่อสู่เป้าหมายต่อไป

เป้าหมายที่ 13   วัดหนองบัว

วัดเก่าแก่ของหมู่บ้าน จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านทำให้สันนิษฐานได้ว่าวัดไทลื้อแห่งนี้สร้างราว พ.ศ. 2405 (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4)

มาถึงวัดก็ฟังดนตรีบรรเลงหน้าวัดกันเลยครับ

ภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์เล่าเรื่องในปัญญาชาดก ซึ่งเป็นพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า สันนิษฐานว่าเขียนโดย “ทิดบัวผัน” ช่างเขียนลาวพวนที่บิดาของครูบาหลวงสุ ชื่อนายเทพ ซึ่งเป็นทหารของเจ้าอนันตยศ (เจ้าเมืองน่านระหว่าง พ.ศ. ๒๓๙๕-๒๔๓๔) ได้นำมาจากเมืองพวน ในแคว้นหลวงพระบาง นอกจากนั้นยังมีนายเทพและพระแสนพิจิตรเป็นผู้ช่วยเขียนจนเสร็จ และยังมีภาพของเรือกลไฟ และดาบปลายปืน

การแต่งกายของผู้หญิงที่นุ่งผ้าซิ่นลายน้ำไหลหรือผ้าซิ่นตีนจกที่สวยงาม นับว่ามีคุณค่าทางศิลปะและความสมบูรณ์ของภาพใกล้เคียงกับภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดภูมินทร์ในเมืองน่าน

ด้านหลังวัดมีเฮือนไทลื้อมะเก่า และร้านค้าขายสินค้าพื้นบ้านและของฝาก

ผ้าทอชาวไทลื้อ สืบเชื้อสายมาจากชาวไทลื้อในดินแดนสิบสองปันนา ประเทศจีน ซึ่งอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ ปี ๒๓๗๙ ผ้าทอลายน้ำไหลไทลื้อเริ่มทอกันครั้งแรกที่บ้านหนองบัว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เป็นศิลปะการทอผ้าด้วยมือ สาเหตุที่เรียกผ้าทอลายน้ำไหล เพราะลวดลายที่ออกมามีลักษณะเหมือนลายน้ำไหล

แวะดื่มอะไรเย็นที่ร้าน 12 ปันนา คาเฟ่ ..ชาเขียวเข้มข้นหอมมากครับ

น้องๆสอบถามร้านอาหารแถบนี้ ที่ร้านกาแฟแนะนำร้านกิ่งโพธิ์ อยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟ

บรรยากาศดีมากครับ ริมน้ำน่าน

หิวแล้ว สั่งกันเลยครับ

ผัดเผ็ดปลากด  แต่ออกมาหน้าตาเหมือนฉูฉี่ ..ทุกเสียงบอกว่าอร่อยมาก

ปลาทับทิมยำสมุนไพร ..รสชาตดีครับ

ปลาไข่ทอด ก็โอเค

แกงจืดหมูสับเต้าหู้  ก็รสชาติทั่วๆไป

ระหว่างนั่งทานก็มีเรือแล่นผ่านมา เพราะวันนี้ที่ อ.ท่าวังผา มีแข่งเรือครับ

พวกเราย้อนกลับมาดูแข่งเรือ จอดรถที่โรงเรียนบ้านท่าค้ำ แล้วไปเชียร์แข่งเรือกันครับ ^^

จากนั้นเข้าตัวเมือง ระหว่างจะแวะร้านกาแฟที่นี่ แต่ปิดแล้วครับ อดเลย

เป้าหมายที่ 14 วัดสวนตาล

สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมมาวดี เมื่อ พ.ศ.๑๗๗๐ เจดีย์มีสัณฐานงดงาม ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์

แต่วัดปิดแล้วครับ ถ่ายได้แต่ภายนอก

และปิดท้ายทริปนี้ด้วยร้าน คาเฟ่สุดกองดี

บรรยากาศริมน้ำน่าน จัดร้านตกแต่งไฟสวยดีครับ ทานเค้กไปได้ยินเสียงซ้อมแข่งเรือไปด้วย

อิ่มอร่อยก่อนเดินทางกลับ

จากนั้นก็ไปขึ้นรถที่ศูนย์นครชัยแอร์น่าน

ขากลับมีอาหารกล่อง ไม่รองพลาสติกเหมือนเดิม ขนมและน้ำให้ ผ้าห่มที่หอม เก้าอี้นวดไฟฟ้า และทีวีจอเล็กหลังเบาะพร้อมหูฟังพักผ่อนในการเดินทาง แต่ขาลงเขาช่วง จ.น่าน เหวี่ยงๆทำเอามึนๆหน่อยๆ นะครับ ขาขึ้นเขาวันแรกไม่เห็นรู้สึกสงสัยจะหลับเพลิน อิอิ

สำหรับทริปนี้ขอลาไปก่อน

ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ

สวัสดีครับ

White_Cloud

 วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.25 น.

ความคิดเห็น